องครักษ์เสื้อแพร 1122 สามฝ่ายประสานกำลัง

Now you are reading องครักษ์เสื้อแพร Chapter 1122 สามฝ่ายประสานกำลัง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ท่านอา กองทัพเรือหมิงเข้มแข็ง กองทัพเรือโจรวัวโค่วต้องพ่าย จะไม่ใช่วาสนาเกาหลีได้อย่างไร?”

หลานขุนพลทัพเรือลีซุนก็เป็นขุนพลทหารกองทัพเรือคนหนึ่ง ยุคนี้ไม่ว่าที่ใด การศึกล้วนมีเครือญาติ ลีวานผู้นี้เป็นรองแม่ทัพเรือสังกัดทัพเรือของลีซุน

ได้ยินหลานถามขึ้น ขุนพลทัพเรือลีซุนส่ายหน้า ปีนเรือขึ้นดูกองเรือรบแผ่นดินหมิงข้างกองเรือเกาหลี เงียบไปนานก่อนจะเอ่ยขึ้น

“ทันทีที่ประเทศหนึ่งพัฒนากองทัพทะเล ก็ย่อมคิดขยายอาณาเขต เกาหลีอยู่ข้างแผ่นดินหมิงจะมีวาสนาได้อย่างไร?”

“พระราชาใช่ว่าขอเป็นประเทศในปกครองแล้วไม่ใช่หรือ เป็นคนแผ่นดินหมิงก็ไม่ได้มีอันใดไม่ดี เมืองหลวงข้าไม่เคยไป แต่เหลียวหยางดีกว่าเมืองโซอุลไม่รู้เท่าไร”

สำหรับวาจาของขุนพลทัพเรือลีซุน ลีวานกลับไม่เห็นด้วย  ยู่ปากบ่นหลายคำ ขุนพลทัพเรือลีซุนถลึงตาจ้องมา  คิดจะด่าและสุดท้ายก็เงียบลง ลีวานรู้สึกไม่ถูกต้อง รีบวิ่งไปมองดูเรือตาม

ตอนนี้ทิศทางลมสำหรับกองเรือแล้วเรียกว่าตามลม ทิศทางลมย่อมได้เปรียบ เรือกองทัพเรือประสานกำลังกางใบเรือเต็มที่ แต่ทว่าตอนนี้ กองเรือรบแผ่นดินหมิงกลับลดใบเรือลง เพราะความเร็วพวกเขาเหนือกองเรือเกาหลีแล้ว ยังควรแล่นให้พร้อมกันจะดีกว่า

กองเรือแผ่นดินหมิง  เรือกวางตุ้งใหญ่เล็กไม่เท่ากันแล่นรอบเรือใหญ่ตะวันตกสามลำ สามารถมองเห็นเรือใหญ่ตะวันตกลำหนึ่งมีธงแม่ทัพเรือ

แต่ทว่าไม่ใช่ที่ขุนพลทัพเรือลีซุนให้ความสำคัญ เรือ 24 ลำนอกกองเรือแผ่นดินหมิงจึงเป็นสิ่งที่เขาตกใจมาก เรือกองนี้กองเรือรบแผ่นดินหมิงเรียกว่า กองเรือผู้กล้า ในนี้มีสี่ลำใหญ่กว่าเรือกองกำลังหมิงมาก ปืนใหญ่บนเรือยังมาก ตอนอยู่เมืองท่าส่งคนไปดูชื่อเรือเหล่านี้มา เรียกว่า ‘เรือกวางบิน ไห่หู่ ไห่เป้า ไห่หลาง’ เดิมทีคิดว่าไปขอเรือตะวันตกมาช่วย แต่ลูกน้องรายงานว่า คนบนเรือมีชาวตะวันตกอยู่บ้างจริง แต่ส่วนใหญ่ล้วนเป็นชาวหมิง

นอกจากเรือสี่ลำนี้แล้ว ที่เหลืออีกยี่สิบลำล้วนเป็นเรือปืนใหญ่ที่มีปืนใหญ่ 30 กระบอก ดูแล้วก็เหมือนเรือพันธมิตรของพวกโจรวัวโค่ว

ขุนพลทัพเรือลีซุนแต่ไรมาก็มั่นใจในเรือคอบุกซอนกับเรือพานโอกซอนของกองเรือรบเกาหลี เขาคิดว่าอาศัยเรือที่แข็งแกร่งนี้ เกาหลีไม่ไปรังแกผู้อื่น ก็ย่อมรักษาตัวเองให้รอดปลอดภัยได้ แต่เห็นตอนนี้แล้ว ที่เคยมั่นใจนั้นมลายหายไปสิ้นเชิง รู้สึกแต่ใจเต้นไม่เป็นจังหวะ

เกาหลีขุนนางกับแผ่นดินหมิงสมาคมกันก็มีวิธี จังหวัดพยองอันแม้ว่าถูกโจรวัวโค่วรุกรานย่ำยี แต่ยังมีสุราและเนื้อ  เงินทองแม้ว่าไม่มาก แต่อาศัยหาสตรีหน้าตาดีไปตีสนิทก็พอได้ รับใช้พวกนี้ให้สบาย ก็รู้ความในไม่น้อย

 ที่แท้นี่เป็นกองเรือส่วนตัวเหลียวกั๋วกง ปกติล้วนใช้ทำการค้าบนท้องทะเล เรือปืนใหญ่แบบตะวันตกพวกนี้ล้วนเหลียวกั๋วกงต่อจากโรงต่อเรือตนเอง

รู้ข่าวเหล่านี้แล้ว ขุนพลทั้งกองเรือรบเกาหลีต่างรู้สึกเหนือความคาดหมาย เรือใหญ่เช่นนี้ต้องใช้เงินทองเท่าไร เกาหลีสร้างเรือเรือคอบุกซอนไม่กี่ลำก็ล้วนใช้เงินสะสมกันถึงสามรุ่น เรือปืนใหญ่ขนาดนี้ใช้ไม้จำนวนมาก ใช้เงินจำนวนมาก  แท้จริงแล้วใช้เท่าไรกัน

 เหลียวกั๋วกงมีกำลังแท้จริงได้เช่นนี้ แท้จริงแล้วระดับใดกัน  ขุนพลทัพเรือลีซุนเป็นคนในสองตระกูลขุนนางใหญ่ เคยเรียนหนังสือมา เมื่อก่อนจำได้ว่ามีสำนวนว่า ‘รวยล่มเมือง’  ก็คิดว่าเกินจริงไป แต่ได้ยินคำบรรยายขุนพลทหารแผ่นดินหมิงจึงได้รู้ว่าคำนี้เหมาะสมแล้ว

 ล้วนกล่าวว่าที่เหลียวกั๋วกงมีกองเรือยักษ์ใหญ่สิบลำเช่นนี้ได้ ได้ฉายา ‘เรือยักษ์ใหญ่สิบลำ’ ที่เหลืออีกหกลำไปไหน จริง ๆ ขุนพลทัพเรือลีซุนก็พอเข้าใจ เรือ 24 ลำออกมาเช่นนี้ ก็พอจะยืนหนึ่งในชัยชนะแล้ว แต่อีกหกลำไปไหนกัน ความคิดนี้เอาแต่วนเวียนอยู่ในห้วงความคิด

จริง ๆ แล้วคนรอบกายขุนพลทัพเรือลีซุนเองก็รู้สึกแปลก ความจริงนั้น ตอนนี้เกาหลีสถานการณ์ดีกว่าหลายเดือนก่อนไม่รู้เท่าไร จังหวัดพยองอันกับจังหวัดฮัมกยองใกล้ฟื้นคืนภาวะปกติแล้ว ทัพเหลียวหนิงแม้ว่าพ่ายศึก แต่กองกำลังหมิงที่มาใหม่แข็งแกร่งมาก การฟื้นคืนนั้นก็แค่รอวันเท่านั้น แต่ขุนพลทัพเรือลีซุนกลับไม่มีสีหน้ายินดีอันใด มีแต่สีหน้าเป็นกังวล ไม่รู้เป็นห่วง อันใดกัน

****************

“ทัพเรือโจรวัวโค่วมอบให้ใต้เท้าแล้ว ที่เหลือย่อมเป็นกองเรือเราจัดการ!”

มีคนบนเรือแกนนำกองกำลังหมิงได้รับคำสั่ง นอกทะเลที่อินชอนสามารถมองเห็นเรือของโจรวัวโค่วและพันธมิตรจำนวนมาก

หลายวันนี้ทิศทางลมเป็นผลดีต่อกองทัพเรือประสานกำลังสองแผ่นดินที่สุด เพราะอยู่ใต้ทิศทางตามลม เรือกองกำลังหมิงขอเพียงเร็วกว่าเรือโจรวัวโค่ว กำลังเรือรบถึงกับยังเหนือกว่ากองเรือเสิ่นหวั่ง แม้ว่าเป็นโจรวัวโค่วแล่นหนีกลางท้องทะเล  ก็คงถูกไล่ตามได้ทัน สถานการณ์เช่นนี้ ไม่สู้เลือกต่อสู้กันที่ใกล้ฝั่งทะเลดีกว่า ไม่แน่อาจยังพอมีโอกาส

“ท่านอาๆ!”

ลีวานตะโกนเรียกหลายคำ ขุนพลทัพเรือลีซุนจึงได้สติ  ศึกใหญ่ตรงหน้า แม่ทัพถึงกับเหม่อลอยเสียแล้ว ขุนพลทัพเรือลีซุนแต่ไรมายืนอยู่บริเวณที่สูงสุดของเรือคอบุกซอน กำลังมองจ้องไปยัง ‘กองเรือผู้กล้า’ ได้ยินหลานชายตะโกนดังจึงได้สติ รีบสั่งว่า

“หลบเรือปืนใหญ่ศัตรู เข้าใกล้เรือโจรวัวโค่วรบประชิด ชนแล้วจุดไฟเผาเป็นหลัก ปืนกับธนูใช้ระวัง ระวังอย่าถูกศัตรูวางเพลิงใส่ เตรียมพร้อมส่งธงสัญญาณขอให้เรือหมิงออกรับศึกเรือปืนใหญ่ศัตรู รีบไปจัดการ!”

นี่เป็นคำสั่งของทหารชำนาญการ ลีวานรีบรับคำสั่ง วิ่งออกไปจัดการ

ใบเรือเรือคอบุกซอนกับเรือพานโอกซอนยกลง พร้อมเสากระโดงเรือ ชั้นล่างสุดของเรือสองข้าง ไม้พายก็ยื่นออกไปในท้องทะเล จากนั้นคำสั่งดัง ไม้พายก็เริ่มพาย

มีการต่อสู้ก่อนหน้าเป็นข้อเปรียบเทียบ กองเรือเกาหลีล้วนมั่นใจมาก เรือปืนใหญ่ตนย่อมเหนือว่าเรือปืนใหญ่ฝ่ายตรงข้าม กองทัพเรือโจรวัวโค่วย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้ ขุนพลทัพเรือลีซุนเป็นขุนพลทัพเรือฝ่ายซ้าย ยามนี้มอบอำนาจบัญชาการให้ขุนพลทัพเรือฝ่ายขวาจังหวัดคยองซัง ตนเองสังเกตการเคลื่อนไหวของกองเรือรบแผ่นดินหมิงอย่างไม่วางตา

เกาหลีสังเกตแผ่นดินหมิง แผ่นดินหมิงเองก็สังเกตทางนี้เช่นกัน เรือกวางบินแม้ว่าเก่ากว่าบรรดาเรือเหล่านี้ แต่ปืนใหญ่ก็แข็งแกร่งที่สุด เป็นเรือปืนใหญ่ลำแรกของกองเรือสามธารา  ผู้บังคับบัญชาเรือหลายคนล้วนชอบใช้เรือนี้เป็นเรือแกนนำ ห้องชั้นบนเรือนี้ปรับแต่งเหมาะแก่การมองไกลบัญชาการ

เรือโจรวัวโค่วไม่มีคนสนใจ  พวกนั้นในสายตากองเรือสามธาราก็แค่หมูแพะที่รอดการเชือดไป เรือเสิ่นหวั่งก็ไม่มีคนสนใจ เพราะกำลังอ่อนกว่ากองเรือรบแผ่นดินหมิงกับกองเรือสามธารามาก กลับเป็นกองเรือรบเกาหลีที่ทุกคนล้วนจับจ้องมอง

เห็นเรือคอบุกซอนกับเรือพานโอกซอนลดใบเรือลง หูอันยู่ปากบ่นเป็นภาษาโปรตุเกส จากนั้นยิ้ม กล่าวว่า

“คิดไม่ถึงจริง ตะวันออกยังได้เห็นเรือรบใช้ยุทธวิธีแบบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน”

คนรอบๆ ล้วนรู้จักทะเลเมดิเตอร์เรเนียน นั่นก็คือทะเลใหญ่ยุโรป เพราะล้อมรอบด้วยผืนแผ่นดิน ดังนั้นผืนทะเลจึงเงียบสงบมาก ไม่ค่อยได้มีคลื่นลม

ที่เรียกว่า ยุทธวิธีแบบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ก็คือเรือแล่นได้นิ่ง เรือใหญ่มาก บรรทุกปืนใหญ่ได้มาก จากนั้นตอนต่อสู้ล้วนอาศัยกำลังคนพายเรือเข้าไป พูดให้ถูกก็คือเคลื่อนป้อมปืนใหญ่ไปกับการทำตัวราวกับป้อม

คำว่าเทอะทะไม่ใช่คำบรรยายที่ดี แต่ทว่าเรือเช่นนี้รบได้แค่พื้นที่ใกล้ฝั่งทะเล เพราะความที่แล่นได้นิ่ง บรรทุกหนักมาก  ปืนใหญ่ระยะยิงไกล และหากยิ่งลำใหญ่ ปะทะกันก็ย่อมได้เปรียบยิ่งมาก  เพราะนิ่งจึงบรรทุกทหารราบได้ยิ่งมาก สามารถให้ทหารราบปรับตัวกับการรบบนท้องทะเล

ในช่วงเวลาหนึ่ง เรือรบเช่นนี้เป็นเจ้าแห่งท้องทะเล จนกระทั่งมีเรือเกลเลียน[1]กับเรือคาร์แรค[2]ปรากฏขึ้น  พวกเขาต่อเรือได้ใหญ่เช่นกัน แล่นได้เร็วกว่า  และสามารถออกทะเลข้ามมหาสมุทรได้ เรือใหญ่ใกล้ชายฝั่งทะเลแบบเดิมจึงถูกลืมเลือนไป หูอันคิดไม่ถึงจะได้เห็นที่นี่

กองเรือรบเกาหลีทำให้ทุกคนทอดถอนใจ  ทุกคนคิดไม่ถึงก็คือ กองเรือเสิ่นหวั่งไม่หนี ถึงกับแล่นเข้ามา

“ช่างเป็นผีบัดซบ มั่นใจเกินไปแล้ว ข้ายังคิดว่าพวกเขาไม่หนีก็คงยอมจำนน!”

มีคนด่าทอขึ้น  กองเรือรบแผ่นดินหมิงเข้ารับศึก เรือคอบุกซอนกับเรือพานโอกซอนชนกับเรือโจรวัวโค่ว จากนั้นยิงธนูไฟ  เห็นชัดว่าได้เปรียบเก่งกล้ามาก หลังจากไม่มีเรือกวางตุ้งสองฝ่ายยิงปะทะกันเท่าไรแล้ว ก็เอาแต่หลบการพุ่งชน เข้าใกล้ก็ถูกคนอีกฝ่ายถือดาบโดดขึ้นมาสังหาร

เทียบกับการต่อสู้อันดุเดือดนี้แล้ว เรือปืนใหญ่กลับสู้กันได้น่าเบื่อยิ่ง สองฝ่ายบนท้องทะเลปรับเปลี่ยนรูปทัพเรือ ล้วนคิดจะแย่งตำแหน่งเหนือลม

กองเรือปรับเปลี่ยนรูปทัพย่อมค่อย ๆ ถอยห่างกัน ช่องปืนใหญ่เปิดออกหมด  ขุนพลทหารบนเรือตวาดดังเร่งให้ทหารบรรจุกระสุน ลูกเรือปรับเปลี่ยนใบเรือกันอย่างเคร่งเครียด  บังคับทิศทาง หัวหน้าเรือจับตาดูสัญญาณเรือแกนนำ

ไป ๆ มา ๆ สองฝ่ายเข้าใกล้กัน ในที่สุดก็มีระยะห่างใกล้เพียงพอ บนท้องทะเลเสียงดังตูม……

 ขุนพลทัพเรือลีซุนที่จับตาดูการรบถึงกับสะดุ้งโหยง เห็นระหว่างกองเรือสองฝ่ายมีควันปกคลุมไปทั่วบริเวณท้องน้ำ แถวกองเรืออีกด้าน สามารถมองเห็นน้ำกระเด้งกระดอนหลายแห่ง

ควันขาวไม่ได้จางไปเท่าไร กองเรือเสิ่นหวั่งที่ถูกทำลายก็เริ่มปรากฏให้เห็น เสากระโดงเรือหักโค่น มีบางลำถึงกับกำลังจมลง

เห็นกองเรือรบแผ่นดินหมิงปรับเปลี่ยนตำแหน่งไปมา  ครั้งนี้กองเรือเสิ่นหวั่งไร้แรงต้านทาน ยกธงขาวขึ้นแล้ว

ในการต่อสู้ที่แห้งแล้งเรียบง่ายเช่นนี้ กองเรือรบแผ่นดินหมิงเรียกได้ว่ายอดเยี่ยมกว่ามาก ทหารที่เฉินหลินฝึกมานั้นทำการรบและประสานงานได้ดีกว่ากองเรือเสิ่นหวั่งกับโจรวัวโค่วมาก  สามารถปฏิบัติการได้ตลอดเวลา ข้อได้เปรียบนับวันยิ่งมาก กองเรือเสิ่นหวั่งคิดแล่นหนีจากสนามรบ แต่กลับถูกกองเรือรบแผ่นดินหมิงหลายลำล้อมไว้ไม่ปล่อย จากนั้นกินรวบ ไล่ตามมาโจมตี

“ใต้เท้า มีเรือโจรวัวโค่วถูกชนพังไปอีกแล้ว!”

 บนเรือคอบุกซอนที่ขุนพลทัพเรือลีซุนอยู่ส่งเสียงดีใจ  พวกเขาทางนี้ก็รบไปได้อย่างใจ โจรวัวโค่วตัดสินใจรบสู้ตาย แต่ไม่ว่าเครื่องมือหรือจิตใจแล้วก็หมดสิ้นอย่างมาก ทัพเรือพันธมิตรที่โจรวัวโค่ววาดหวังไว้ก็พ่ายแพ้ยับเยินไปแล้ว จุดจบพวกเขาเรียกได้ว่าราบคาบ

กองเรือรบเกาหลียามนี้มีความคิดต้องการประลองกำลังกับกองเรือรบแผ่นดินหมิง  แต่ละคนพากันฮึกเหิมยินดี ส่งเสียงเฮดังยินดีพากันมารายงานผลสำเร็จ  เข้าหูขุนพลทัพเรือลีซุนตลอด แต่ขุนพลทัพเรือลีซุนกลับไม่มีสีหน้ายินดี…

…………………………………………….

[1] เรือเกลเลียนเป็นเรือใบที่สเปนพัฒนามาจากเรือคาร์แรค

[2] เรือคาร์แรคเป็นเรือใบเดินทะเลสามหรือสี่เสากระโดงเรือที่พัฒนาขึ้นในศตวรรษที่ 14 ถึง 15 ในยุโรปโดยเฉพาะอย่างยิ่งในโปรตุเกส

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด