องครักษ์เสื้อแพร 959 ผู้บัญชาการหลี่หรูซงเมืองเซวียนฝู่

Now you are reading องครักษ์เสื้อแพร Chapter 959 ผู้บัญชาการหลี่หรูซงเมืองเซวียนฝู่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

พอหวังทงมาถึงเมืองเซวียนฝู่  พบกันคนไม่มาก แต่เรื่องที่คุยกันนั้นเทียบกับที่ซานซีกับส่านซีแล้วละเอียดกว่ามาก

เมืองหนึ่งต่อตระกูลหนึ่ง เป็นระบบสืบทอดทางการทหารแผ่นดินหมิง ชายแดนทั้งเก้าความจริงนั้นล้วนเป็นของตระกูลหนึ่งครอง ไม่จำเป็นว่าต้องสืบทอดกัน แต่ในระยะเวลาหนึ่ง ก็ย่อมครอบครองโดยตระกูลเดียว

ก่อนปรากฏชื่อชีจี้กวงกับอวี๋ต้าโหยว กลุ่มสู้รบที่ไว้ใจได้ที่สุด สามัคคีกันที่สุด ก็ย่อมเป็นกลุ่มสายเลือดเดียวกัน และกำลังการต่อสู้ที่ดีที่สุดก็ย่อมเป็นทหารในสังกัดขุนพลทหารตนเอง สภาพการณ์เช่นนี้ หากเป็นสายสัมพันธ์พ่อลูกหรือเครือญาติ บัญชาการก็ย่อมสะดวกมาก

ตอนยังไม่มีหวังทงปรากฏตัว การปรากฏตัวของชีจี้กวงกับอวี๋ต้าโหยวเป็นเพียงการปรับปรุงระบบทหารแบบเฮือกสุดท้ายก่อนตาย  ทำให้กองกำลังเข้มแข็งมากยิ่งขึ้นจากนั้นหลายสิบปีเท่านั้น

ราชสำนักแอบยอมรับสถานการณ์เช่นนี้ มีเพียงเช่นนี้ เมืองชายแดนจึงจะยังรักษากำลังต่อสู้ไว้ได้ แน่นอนหลังปรากฏหวังทงตัวขึ้นและฝึกกองกำลังหู่เวยขึ้นมา ทุกคนก็ได้เห็นเส้นทางที่แตกต่างจากเดิม

เมืองต้าถงตอนนี้เป็นตระกูลหม่า เมืองจี้โจวเป็นตระกูลลี่ เมืองเหลียวโจวเป็นตระกูลหลี่  เมืองเซวียนฝู่กลับแตกต่าง เมืองเซวียนฝู่เดิมผู้บัญชาการเป็นหม่าฟาง ได้ชื่อว่าขุนพลอันดับหนึ่งแผ่นดินหมิง อิทธิพลอำนาจตระกูลหม่าในเมืองเซวียนฝู่หยั่งรากลึก ตระกูลลี่เป็นเจ้าของพื้นที่ในเมืองเซวียนฝู่  ลี่อวิ๋นไหลไปเมืองจี้โจว ตามหลักตระกูลลี่ควรย้ายไปเมืองจี้โจว แต่พี่ชายสองคนของลี่เทาลงหลักปักฐานในเมืองเซวียนฝู่แล้ว ไม่ได้ตามไปด้วย ลี่เทาตอนนี้เป็นทหารกองกำลังวังหลวง ตระกูลลี่อิทธิพลอำนาจค่อยๆ ขึ้นมาสมดุลตระกูลหม่า สองฝ่ายใกล้ชิดกับหวังทงพอกันก็ย่อมกล่าวได้ยากว่าผู้ใดทรงอิทธิพลกว่ากัน

ตอนนี้ผู้บัญชาการเป็นหลี่หรูซง หลี่หรูซงเป็นบุตรชายคนโตตระกูลหลี่เมืองเหลียวโจว ทรงอิทธิพลอำนาจด้วยตนเองมาก่อนหน้าแล้ว มาถึงที่นี่ แน่นอนย่อมนำคนมาไม่น้อย

ตระกูลหม่า ตระกูลลี่ ตระกูลหลี่ สามตระกูลล้วนอยู่เมืองเซวียนฝู่ ทำให้ชายแดนทางเมืองเซวียนฝู่ซับซ้อนมาก แต่ทว่าความขัดแย้งไม่รุนแรง เพราะทุกคนล้วนยุ่งกับการหาเงินทอง

หม่าต้งที่ซานซีกับเมืองกุยฮว่าเฉิงไม่ต้องพูดถึง ที่เมืองเซวียนฝู่ ตระกูลหม่ามีกำไรจากหนังสัตว์และผงฟูไม่น้อย ตระกูลลี่แน่นอนไม่ยอมน้อยหน้า การค้าหนังสัตว์กับผงฟูเป็นพวกเขาที่ร่วมทำกับเทียนจินก่อน ตอนนี้พี่ชายสองคนของลี่เทาให้ความสำคัญกับการดูแลเส้นทางการค้าเมืองเซวียนฝู่และเทียนจินมาก เป็นภูเขาเงินทะเลทองคำโดยแท้!

สำหรับหลี่หรูซง แม้ว่ามาทีหลัง แต่ประสบการณ์มากพอ สถานะถึงผู้บัญชาการ การค้าที่ควรมีก็ไม่ขาดสักอย่าง และยังส่งทหารในสังกัดเข้าร่วมบนทุ่งหญ้าด้วยตนเองอีก  ยังส่งคนของตนไปทำการค้าบนทุ่งหญ้าอีก เบื้องหลังร้านค้าอันดับหนึ่งในเมืองกุยฮว่าเฉิงภายใต้ชื่อของเมืองเหลียวโจวก็มีหลี่หรูซงร่วมด้วย

โรงบ้านเพาะปลูกเลี้ยงสัตว์และการค้า หลี่หรูซงอาศัยคนงานและทหารในสังกัดตน ทำกำไรได้บนทุ่งหญ้าไม่น้อยจริงๆ และยังร่วมกับกลุ่มพ่อค้าติดอาวุธออกสู่ทุ่งหญ้า เมืองเซวียนฝู่ต้องการสิ่งใด ล้วนเป็นคนหลี่หรูซงจัดหาให้ครบ เงินรายได้ก้อนนี้ไม่น้อยเลย

หักเบี้ยหวัดทหารไม่ได้เงินสักเท่าไร ไม่มีเงินก็ไม่อาจดูแลเลี้ยงดูคนงานและทหารในสังกัด คนงานและทหารในสังกัดน้อยก็ไม่อาจสร้างความชอบรักษาสถานะตอนนี้ให้คงอยู่ต่อไปได้ การมีมากยังสามารถทำให้ยิ่งก้าวหน้าไปได้อีกก้าว

อิทธิพลการเงินและอำนาจในเมืองเหลียวโจวล้วนอยู่ในมือตระกูลหลี่ แน่นอนสะดวก แต่หลี่หรูซงไปดำรงตำแหน่งที่เมืองเซวียนฝู่ เริ่มแรกก็ได้แต่ให้เมืองเหลียวโจวส่งเงินมาให้ สิ้นเปลืองเงินทองมาก การจัดการเช่นนี้เป็นไปตามที่ราชสำนักต้องการ แต่สร้างสมดุลได้หรือไม่นั้นก็ไม่อาจกล่าวได้ชัดนัก

แต่ทว่าหลี่หรูซงเริ่มหาช่องทางในเมืองเซวียนฝู่ อาศัยการที่หวังทงปราบเมืองกุยฮว่าเฉิงลงได้ ค่อยๆ เริ่มสร้างตนจนมีเงินมีทองขึ้นมา พอมีเงิน ทุกอย่างก็ง่าย เขาสามารถเป็นเอกเทศจากเมืองเหลียวโจวได้อย่างสิ้นเชิง

สามตระกูลมีผลประโยชน์บนทุ่งหญ้าต่างกัน  วันหน้าทิศทางที่จะดำเนินไปก็ย่อมต่างกัน เช่นตระกูลหม่า คิดแต่ทำการค้าในพื้นที่ตนให้มั่นคง จากนั้นไปเปิดการค้าที่เทียนจิน ถึงกับยังร่วมการค้าทางทะเล ไม่ค่อยคิดอยากขยับขยายในพื้นที่เร็วไปหรือมากไปนัก เพราะตระกูลหม่าเขานั้นมีพื้นที่หลักที่ซานซี หม่าต้งได้สร้างความเป็นใหญ่ในพื้นที่นั้นไว้แล้ว

ตระกูลลี่นั้นแตกต่าง เมืองเซวียนฝู่กับเมืองจี้โจวเกือบเรียกได้ว่าขวางกั้นระหว่างมองโกลตะวันออก พวกเขาต้องการยึดครองโรงบ้านเลี้ยงสัตว์และบ่อผงฟูให้ยิ่งมากขึ้น จากนั้นก็ส่งไปขายเทียนจิน ยังนำสินค้าเทียนจินไปขายบนทุ่งหญ้าให้ยิ่งมากขึ้น นี่เป็นแผนการร่ำรวยของพวกเขา

สำหรับตระกูลหลี่ ก็ย่อมต้องหารือละเอียดกับหวังทง ดังนั้นหวังทงจึงมายังเมืองเซวียนฝู่ พอได้วันที่หก หลังจากหารือจากทุกฝ่ายจบลง หลี่หรูซงก็จัดงานเลี้ยงที่จวนตนเอง เชิญหวังทงร่วมงาน

….

จวนสร้างได้งดงามอลังการ ไม่ธรรมดา หวังทงมาเยือนจวนของขุนพลใหญ่เช่นนี้ก็ไม่ใช่ครั้งสองครั้ง ทุกครั้งล้วนได้แต่ทอดถอนใจ มีกลิ่นอายสังหารองอาจที่ไหนกัน เห็นชัดๆ ว่าเป็นกลิ่นอายแบบพ่อค้าคหบดีร่ำรวยค้าเกลือแดนใต้แท้ๆ

ใต้หล้าแดนใต้ได้ชื่อว่าร่ำรวยมหาศาล เป็นสถานที่ที่รุ่งเรืองทันสมัยที่สุด ใต้หล้าคนมีเงินก็ล้วนใช้ชีวิตตามแบบคนเหล่านี้  ทุกอย่างอันดับหนึ่งไม่แตกต่าง พอมาถึงรุ่นหลี่หรูซง ก็ยิ่งเหมือนแดนใต้ยิ่งกว่าเหมือน เดาว่าเป็นช่างสร้างมาซูโจวหังโจวเลยทีเดียว มองไม่ออกว่ามีที่ใดผิดแผกแตกต่าง

หวังทงลงจากหลังม้าหน้าประตู หลี่หรูซงในชุดธรรมดาแบบคหบดีก็รีบเข้ามาต้อนรับ หลี่หรูซงเป็นลูกหลานขุนพลทหาร รูปร่างสูงใหญ่กำยำ ในชุดคหบดีขุนนางแบบพอดีตัว  สวมบนร่างกายขาได้อย่างพอดี ยามนี้หลี่หรูซงดูเหมือนคหบดีใหญ่ที่ร่ำรวยมากกว่า

“ข้าน้อยคารวะท่านโหว”

ไม่ใช่แค่การแต่งกาย แม้แต่การวางท่าทางก็เป็นเช่นกัน หลี่หรูซงเผยรัศมีชนชั้นสูงบรรดาศักดิ์ แต่เขาเป็นผู้บัญชาการ หวังทงแน่นอนย่อมไม่ให้เขาคารวะลงไปจริงๆ รีบเข้าประคอง  สองฝ่ายทักทายกันตามธรรมเนียม  ก่อนจะเดินเข้าจวนไป

งานเลี้ยงจัดที่โถงกลาง หวังทงกวาดตาสำรวจคร่าวๆ ก็พบว่าที่นี่กับที่เคยเห็นมาตลอดนั้นไม่เหมือนกัน มีความเป็นเหมือนที่พักขุนพลทหารอยู่บ้าง

บนกำแพงมีธนูแขวน ทางมุมหนึ่งมีอาวุธหลากหลายจัดเรียง มุมหนึ่งยังมีเกราะหู่เวยตั้งอยู่ มองไปยังเห็นข้างโต๊ะน้ำชามีดาบประเทศวัวด้ามหนึ่ง

“ใต้เท้าหลี่ ช่างมีความเป็นขุนพลทหารแท้จริง!”

หวังทงกล่าวขึ้น แต่ทว่าพอกล่าวออกไปก็รู้สึกไม่ถูกต้อง ธรรมเนียมแผ่นดินหมิง ชมขุนนางบู๊กล้าหาญได้ แต่กล่าวว่า ‘มีความเป็นขุนพลทหาร’ กลับเป็นการลบหลู่  เหมือนว่าบรรยายถึงพวกนิสัยหยาบช้า ขาดความละเอียดอ่อน

หลี่หรูซงสีหน้ายังคงปกติ ยิ้มแหะๆ กล่าวว่า

“บิดาข้าน้อยเป็นขุนนาง อยู่จวนก็มักจะชอบแต่งกายด้วยชุดแบบบัณฑิต ถือหนังสือวางท่าวางทางว่าอ่าน เห็นแล้วก็ขัดตา อำนาจวาสนาเรามาจากมีดดาบ สู้มาด้วยชีวิต เรียนหนังสือไปทำซากอะไร อ่านออกก็พอแล้ว ยังมีหม่าหลินตระกูลหม่าอีก เพิ่งไปถึงเมืองเหลียวโจว ข้าน้อยเห็นแล้วสะดุ้งตกใจ ในใจคิดว่าเป็นราชสำนักส่งผู้ว่าการมณฑลหรือนายกองคุมกำลัง ตระกูลหม่าถึงกับมีขุนนางบุ๋นได้ ต่อมาจึงได้รู้ว่าเป็นรองแม่ทัพ ช่างน่าหัวเราะ ไม่ใช่ว่าเขาสังหารพวกนอกด่านที่ต้าถงได้ความชอบมา เขาจึงมีวันนี้ได้ กลับมาทำท่าทางแบบนี้ได้”

วาจานี้ถูกใจหวังทง หวังทงสีหน้าค่อยๆ มีรอยยิ้ม หลี่หรูซงกล่าวมาคำแรกก็นิ่งไปพักหนึ่ง เห็นสีหน้าหวังทงแล้วก็พูดต่อ

ตามความเข้าใจของหวังทง หลี่หรูซงผู้นี้เป็นขุนพลแท้จริง  แม้องครักษ์เสื้อแพรกับร้านสามธาราไม่ได้บรรยายด้านบวกนัก  แต่ทว่าหวังทงกลับมองออก หลี่หรูซงมีความเป็นขุนพลทหาร เป็นขุนนางบู๊แผ่นดินหมิงที่หาได้ยากยิ่งที่จะมีนิสัยเช่นนี้ ก็คือนิยมชมชอบการต่อสู้ ชอบการสังหาร

หรือเพราะหลี่หรูซงเป็นบุตรชายคนโตตระกูลหลี่  แต่เล็กจนโตก็ติดตามบิดาออกรบออกตก และได้ชัยชนะมาตลอด ทำให้เขาชมชอบการต่อสู้ ชอบการทหาร ชอบการสังหาร

ผู้บัญชาการเมืองเซวียนฝู่มักขี่ม้าออกไปบนทุ่งหญ้ากวาดล้างเผ่าเล็ก หากแต่ไรมาไม่เคยนำหัวศัตรูกลับมา ที่แท้คิดเช่นไร มีข่าวมาว่าตอนไปตีหม่านเท่าเอ๋อร์ หลี่หรูซงก็อาจร่วมด้วย แต่ข่าวไม่ยืนยัน เพียงแค่ลือกัน

แต่ทว่าหลี่หรูซงชอบการต่อสู้กับการสังหาร ขัดหูขัดตากับพวกขุนนางบู๊ที่ท่าทางเรียบร้อยแบบพวกอ่านตำรา แต่ไม่เกี่ยวอันใดกับเรื่องที่คุยกันตอนนี้ หลี่หรูซงสามารถมาสู่สถานะเช่นตอนนี้ได้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะบิดา แต่ตนเองเองก็มีความสามารถเช่นกัน สองฝ่ายเคยคบหากันไม่มากครั้ง แต่เหตุใดจึงมาพูดว่าขัดตาบิดาตนต่อหน้าเช่นนี้

วาจานี้ย่อมมีสาเหตุ เครือข่าวหวังทงขัดแย้งกับพวกตระกูลหลี่ ใต้หล้าล้วนรู้ แต่ขุนพลตระกูลหลี่ อยู่เมืองเหลียวโจว หลี่หรูซงตอนนี้แยกออกมา ก็ต้องแสดงความเป็นมิตรกับหวังทงให้ชัดเจน

ยุคสมัยนี้ทุกคนต่างวางตัวตระกูลสูง การวางตัวและงานเลี้ยงของหลี่หรูซงวันนี้ บางทีอาจไม่ใช่ความคิดจากหลี่เฉิงเหลียงก็ได้ อย่างไรหลี่เฉิงเหลียงก็แก่มากแล้ว หวังทงอายุยังน้อย และหวังทงกุมอำนาจราชสำนัก  ประเด็นสำคัญคือฮ่องเต้ว่านลี่เองก็ยังทรงอายุน้อย ตระกูลหลี่คิดจะดำรงอำนาจวาสนาต่อ อย่างไรก็ไม่อาจดำรงตนอยู่บนต้นไม้เดิม

หวังทงคิดไปร้อยพันอย่างรวดเร็ว หลี่หรูซงกล่าวจบ หวังทงยิ้มกล่าวว่า

“ขุนนางบู๊เราอาศัยอาวุธและการต่อสู้ดังชีวิต ขุนนางบุ๋นอาศัยพู่กันดังชีวิต ไม่ลืมที่มาของตนเป็นเรื่องดี!”

ได้ยินวาจาหวังทง หลี่หรูซงก็อึ้งไป ตามมาด้วยหัวเราะดัง ยกจอกสุราขึ้นกล่าวว่า

“ท่านโหวกล่าวได้ดี ไม่ลืมที่มา มา ข้าน้อยคำนับท่านโหวสามจอก!”

วาจาหวังทงแสดงท่าทีชัดเจน แม้ว่าไม่ได้กล่าวชัด แต่ก็แสดงความเป็นมิตร หลี่หรูซงแน่นอนว่าดีใจ หลายจอกลงท้องไป สองฝ่ายก็มีวาจากันมากขึ้น

“ท่านโหวช่างใจกว้าง ข้าน้อยส่งคนไปหม่านเท่าเอ๋อร์ไม่กี่ร้อย ใต้เท้าก็มอบทรายทองคำให้ตั้งสองส่วน มีสองส่วนนี้ กำไรมากกว่าเพาะปลูกมาก!”

“ไม่ใช่ว่าข้าใจกว้าง แต่เป็นร้านสามธาราใจกว้าง”

“ผิดไปแล้ว ๆ ข้าน้อยกล่าวผิดไปแล้ว”

“วันหน้ากลุ่มพ่อค้าเมืองกุยฮว่าเฉิงออกไปทางตะวันออก ก็ต้องขอใต้เท้าหลี่ดูแลให้มากๆ แล้ว”

“ท่านโหวไยกล่าวเช่นนี้ ข้าน้อยใช่ว่าไม่ได้แบ่ง งานในหน้าที่ย่อมต้องตั้งใจทำให้ดี ขอท่านโหววางใจได้”

สองฝ่ายกล่าวกันตามมารยาท ก็กำหนดทิศทางเรียบร้อย จากนั้นลูกน้องสองฝ่ายก็คุยรายละเอียดกัน ตอนหวังทงมา คิดไม่ถึงหลี่หรูซงจะเป็นมิตรเช่นนี้  ทำให้เรื่องง่ายขึ้นมาก หลังจากดื่มสุราไปพักหนึ่ง ก็ให้คนรับใช้ในห้องออกไป หวังทงยิ้มถามขึ้น

“ตอนนี้เมืองเหลียวโจวปราบเผ่าหนี่ว์เจิน ใต้เท้าหลี่เห็นอย่างไรในเรื่องนี้?”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด