องครักษ์เสื้อแพร 1137 ประวัติศาสตร์กล่าวกันหลากความ

Now you are reading องครักษ์เสื้อแพร Chapter 1137 ประวัติศาสตร์กล่าวกันหลากความ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

โอรสสวรรค์สิ้นพระชนม์  ในวังนอกวังได้จัดการทุกอย่างเรียบร้อย ฮ่องเต้ถูกวางยาพิษสิ้นพระชนม์หรือไม่ ไม่มีข่าวอย่างเป็นทางการ  ตอนนี้ข่าวที่ได้มาก็คือโอรสสวรรค์สิ้นพระชนม์ด้วยโรคปัจจุบันทันด่วน

รัชทายาทขึ้นครองบังลังก์ ไม่เพียงแต่ในวังดำเนินการไปตามขั้นตอน หากต้องให้ขุนนางราชสำนักยอมรับ  มีแต่สองฝ่ายเห็นชอบร่วมกัน จึงจะจัดพิธีได้

แน่นอน ส่วนใหญ่ก็มิได้มีเรื่องให้หาความจริงกันมากนัก  การเปลี่ยนยุคสมัยของฮ่องเต้ในแต่ละสมัยก็ต้องมักเผชิญกระแสคลื่นลมเหมือนกันทั้งนั้น แต่ก็มักเป็นแค่กระแสคลื่นเล็กๆ  มีข่าวลือกันก็แค่ข่าวลือกันไปเท่านั้น ขอเพียงไทเฮาแสดงท่าที ขุนนางใหญ่ก็ย่อมคล้อยตาม

แต่ฮองเฮาเจิ้ง ตอนนี้ควรเป็นไทเฮาเจิ้ง  กลับไม่มีอิทธิพลใดในวงขุนนางราชสำนักมากนัก ตอนนั้นแย่งอำนาจกัน หวังทงนำทหารเข้าวัง  เกือบหลั่งเลือดกัน จึงได้ทำให้จูฉางสวินได้ตำแหน่งรัชทายาท จากนั้นมาฮ่องเต้ว่านลี่เพื่อไม่ให้หวังทงอำนาจใหญ่ผู้เดียว จึงไม่ให้ครองอำนาจใหญ่ในวงขุนนางราชสำนัก

นี่ไม่ใช่ปัญหา  ขุนนางใหญ่เหล่านี้กับศิษย์พวกเขาจากนั้นล้วนเดินอยู่บนเส้นทางแห่งคมมีด จะให้พวกเขาคิดหวังดีต่อฮองเฮาเจิ้งและรัชทายาทได้อย่างไร

นับประสาอันใดกับสถานการณ์ตอนนี้  ตั้งแต่ปีรัชสมัยว่านลี่ที่ 31 มา  ก็มีแต่คนเสนอให้โอรสองค์โตจูฉางลั่วเป็นรัชทายาท ทุกครั้งคนเสนอล้วนถูกปลดเนรเทศ แต่สุดท้ายก็ไม่อาจกลบเสียงเรียกร้องเหล่านี้ได้ หลังโอรสสวรรค์สิ้นพระชนม์ก็ยังมีกระแสฮองเฮาเจิ้งวางยาพิษ นี่เป็นกระแสใหญ่ เป็นเวลาดีแห่งการแสวงหาประโยชน์

ก่อการ ก่อการขึ้น หากสามารถทำให้อ๋องฝูจูฉางลั่วเป็นฮ่องเต้ พวกที่ก่อการทั้งหมดล้วนได้ผลประโยชน์ แม้ไม่อาจทำได้  แต่หากต้องการให้ทุกคนนิ่งเงียบ ก็ย่อมไม่กลับไปมือเปล่าแน่

ขุนนางส่วนใหญ่ล้วนสีหน้าเรียบเฉยในการจัดการพิธีพระศพฮ่องเต้ว่านลี่ และพวกเขาก็เริ่มเคลื่อนไหวบ้าคลั่งกันขึ้น

มีคนไปโขกศีรษะหน้าประตูแผ่นดินหมิง และคนไปร่วมนับวันยิ่งมาก  มีขุนนางกองต่างๆ มีนายกองสำนักตรวจสอบ ยังมีบัณฑิตสำนักปราชญ์ฮั่นหลินย่วนและกั๋วจื่อเจี้ยน มากมายหลายฝ่าย เหมือนเช่นปกติ หลายฝ่ายที่ไร้สังกัดก็ขอไปร่วมวงด้วย เพื่อวันหน้าจะได้มีเรื่องให้กล่าวได้ว่าตอนนั้นตนก็ได้ไปร่วมด้วย

มีเรื่องเช่นนี้ในเมืองหลวงทุกคนล้วนไปร่วมโวยวายกันไปปกติ ทุกคนไม่ได้สนใจอันใดนัก แต่หากครั้งนี้คนที่ไปกลับเหมือนมากอยู่สักหน่อย มากก็มากไปละกัน! ขอเพียงเทียนจินยังนิ่งสงบ แผ่นดินหมิงก็ไม่เป็นไร  ไปร่วมวงสนุกก็ดี

“…พระนางเจิ้งราวกับต๋าจี[1] หายนะแห่งราชวงศ์!!”

“…ในวังถูกคนชั่วควบคุมไปแล้ว ขอองครักษ์เสื้อแพรเข้าไปตรวจสอบ ไม่เช่นนั้นประชาไม่สงบ…”

“…โอรสองค์โตจูฉางลั่วเป็นรัชทายาท ขอในวังรีบส่งคนไปเชิญอ๋องฝูที่ลั่วหยางขึ้นครองราชย์ แต่งตั้งไทเฮาหวัง…”

เสียงวิพากษ์วิจารณ์เหล่านี้หากเป็นเมื่อก่อนเรียกได้ว่าเหิมเกริมไร้คุณธรรมอย่างยิ่ง แต่ในตอนนี้ ผู้ใดจะไปสนใจพระเกียรติราชวงศ์ หลายปีมานี้ การแย่งชิงอำนาจของเมืองหลวงและเทียนจิน ก็เรียกได้ว่าไม่อาจมองหน้ากันแล้ว อำนาจเปลี่ยนแปลงไปมาก ทุกคนก็ล้วนมีความกล้ามากขึ้น

กระแสวาจาเหล่านี้หากปล่อยให้ขยายวงกว้างต่อไป  ก็ย่อมถูกขุนนางในราชสำนักยื่นฎีกา  รอให้ถึงวันนั้น ก็ย่อมไม่อาจทำอะไรได้อย่างที่ต้องการแล้ว

ไทเฮาเจิ้งกับเจิ้งกั๋วไทเข้าใจหลักการนี้ดี พวกเขาทางหนึ่งให้ขุนนางราชสำนักที่ซื้อใจมาหลายปีออกไปโต้ อีกทางก็ออกคำสั่งให้องครักษ์เสื้อแพรกับสำนักบูรพาออกไปกำราบ

เรื่องนี้ไหนเลยง่ายเพียงนั้น ตอนนั้นทหารม้าองครักษ์เสื้อแพรอารักขาหวังทงทั้งครอบครัวไปเทียนจิน มาถึงวันนี้จะไปฟังคำสั่งผู้อื่นได้อย่างไร ศาลซุ่นเทียนกับศาลอาญาใหญ่ก็ถูกหลี่ว์วั่นไฉคุมไว้แน่น ยิ่งไม่ฟังคำสั่ง คำสั่งการจากเบื้องบนไม่อาจสั่งพวกเขาได้

บรรดาเจ้าหน้าที่ก็ออกไปตรวจตามตรอกซอกซอย ป้องกันแน่นหนาไม่ให้พวกผิดกฎหมายฉวยโอกาสทำชั่วในจังหวะนี้ สำหรับประตูเมืองแผ่นดินหมิงก็ไม่ต้องไปสนใจ ส่งคนสองคนไปดูแลสถานการณ์ก็พอ

ตระกูลเจิ้งตอนนี้ร่ำรวยระดับล่มแผ่นดิน ถึงตอนนี้เงินทองทำอะไรได้  เงินทองหว่านออกไปกองโต ขอแค่ให้คนมีอาวุธเหล่านี้ออกมาช่วย

เงินทองอยู่ตรงหน้า ใช่ว่าไม่มีคนหวั่นไหว เพียงแต่พอองครักษ์เสื้อแพรหลายร้อยนำกำลังออกมา คนที่ออกมาเดินถนนไม่ทันพ้นถนนเส้นหนึ่งก็ถูกนายกองพันรั้งพวกเขาไว้  ให้ทุกคนกลับไปประจำฐาน  คนที่นำคนออกมาก็คือคนจากกองกำลังฮามี่ (ซินเจียง) รับหน้าที่สืบข่าวแถบซีอวี้

ที่ยิ่งทำให้ในวังตกใจก็คือกองกำลังหลวง พวกเขาเองก็สั่งการไม่ได้ หลายกองล้วนอ้างป่วย คนที่เหลือก็กล่าวอย่างเต็มไปด้วยคุณธรรมว่า

“มีดดาบกระหม่อมทั้งหลายนี้ล้วนเพื่อขจัดโจรชั่ว ในเมืองล้วนเป็นขุนนางภักดีและราษฎรแผ่นดินหมิง เคลื่อนกำลังได้อย่างไร?”

ไทเฮาเจิ้งไร้หนทาง รัชทายาทจูฉางสวินไม่รู้ทำเช่นไรดี เจิ้งกั๋วไทร้อนใจราวมดในหม้อร้อน ขุนนางสายพวกเขาก็ล้วนแตกตื่นตกใจ พวกเขาล้วนรู้มีวิธีหนึ่งใช้ได้ แต่ไม่กล้านำมาใช้

ในเมืองเริ่มมีคนตายแล้ว หลายคนเห็นชัดว่าเป็นขุนนางใหญ่ที่ก่อกระแสเบื้องหลังตายในจวน ขุนนางบัณฑิตชิงหลิวหลายคนล้วนถูกลอบสังหารระหว่างทางกลับบ้าน มีคนถูกลอบสังหาร มีคนบาดเจ็บหนัก

ที่ยิ่งทำให้คนตกใจ ฝั่งเซียงหยางกงแห่งตระกูลเฉินก็มีคนถูกแทง น้องชายสองคนของเฉินซือเป่าล้วนเป็นขุนพลในกองกำลังวังหลวง ก็ถูกลอบแทงในกอง ตายหนึ่งเจ็บหนึ่ง

ในเมืองค่อยๆ เริ่มวุ่นวาย แต่วิธีรับมือเช่นนี้ก็ได้ผล  ไม่มีคนบงการและประสานงาน ศิษย์ของขุนนางใหญ่ก็พากันหดหัวตามเหล่าขุนนางบัณฑิตชิงหลิว  ก่อเรื่องส่วนก่อเรื่อง ผลประโยชน์ส่วนผลประโยชน์ อย่างไรก็ไม่มีอันใดสำคัญไปกว่าชีวิต

หน้าประตูแผ่นดินหมิงคนน้อยลง แต่ยังมีคนมากอยู่ คนเหล่านี้ไม่กลัวตาย และองครักษ์เสื้อแพรกับหลายฝ่ายยังส่งคนมาอารักขาเพิ่ม ไม่ให้ใครหาโอกาสลงมือได้อีก ได้ยินว่าจับมือสังหารได้แล้ว มือสังหารก่อนตายยังสารภาพว่าตนเองเป็นคนที่สำนักส่วนพระองค์ในวังส่งมา

เห็นพวกขุนนางหน้าประตูแผ่นดินหมิงไม่ตาย ทุกคนในที่สุดก็เข้าใจ เรื่องนี้ไม่ใช่คนหาโอกาสอันใด แต่มีคนอยู่เบื้องหลัง

จากนั้นก็มีข่าวต่างๆ มาจากเหอหนานว่า…

“…อ๋องฝูออกนอกเมืองไปแล้ว ผู้ว่าไม่ได้รั้งไว้…”

“…อ๋องฝูข้ามแม่น้ำขึ้นฝั่งไปแล้ว อีกสี่วันก็เข้าสู่เขตปกครอง…”

“…ผู้ว่าเจินติ้งต้อนรับอ๋องฝูด้วยพิธีการรับเสด็จโอรสสวรรค์…”

สถานการณ์ไม่อาจควบคุมแล้ว  เทียบกับจูฉางสวินผู้อ่อนแอแล้ว อ๋องฝูจูฉางลั่วกลับเป็นคนสงบเสงี่ยมกว่ามาก  นอกจากชอบเรื่องนารีแล้วก็ไม่มีความชอบอื่น ให้เขาเข้าเมืองมาแย่งตำแหน่งฮ่องเต้ คิดว่าเขาน่าจะชอบอยู่ลั่วหยางสำราญกับเหล่าสตรีมากกว่า  เรื่องเสี่ยงภัยพวกนี้เขาไม่แน่ว่าอยากจะทำ

แต่ทว่า อ๋องฝูเป็นเช่นนี้จริงหรือไม่ไม่สำคัญ แต่การเคลื่อนไหวต่างๆ เหล่านี้ได้ราวกับตัดฟางเส้นสุดท้ายของไทเฮาเจิ้ง

 จากเรื่องนี้ ฮองเฮาเจิ้งกับคนในวังเหล่านี้ก็รู้ว่าควรแก้ไขความวุ่นวายตรงหน้าอย่างไร แต่พวกเขาล้วนรู้ไม่อาจทำเช่นนี้

ตอนนี้สถานการณ์เรียกได้ว่าป่วยหนัก แต่อาการป่วยนี้ทุกคนล้วนรู้ควรรักษาเช่นไร ได้แต่กินยานั่นแล้ว อาการป่วยหายแล้ว คนก็ต้องตาย

แต่เรื่องเร่งด่วนตอนนี้ก็คือให้รัชทายาทจูฉางสวินได้ครองราชย์ เรื่องไม่ครองราชย์ไม่ต้องพูดถึง  ครองราชย์แล้วบางทีอาจมีความเป็นไปได้อีกหลายอย่าง

ไทเฮาเจิ้งมีราชโองการ ว่าเมืองหลวงจลาจล ต้องการขุนนางภักดีเก่าก่อนมาคุมสถานการณ์ จวิ้นอ๋องเล่อลั่งหวังทงแม้ว่าป่วยอยู่ แต่ควรจะเห็นแก่บ้านเมืองเป็นหลัก ให้เข้าเมืองหลวงมาทำหน้าที่

ราชโองการมาถึง หวังทงยังคงตอบรับในสถานะขุนนางบู๊ ไม่มีท่าทีเสแสร้งปฏิเสธ รับราชโองการทันที เตรียมเข้าเมืองหลวง กองกำลังหลวงหน่วยหานกัง และกองกำลังหลวงหน่วยเดิมของหลี่หู่โถว กองกำลังหลวงหน่วยฉีอู่ ล้วนเริ่มเดินทางเคลื่อนกำลังไปปักหลักรอบเมืองหลวง

ตอนข่าวหวังทงรับราชโองการมายังเมืองหลวงและได้รับการยืนยันจากทางการแล้ว คนหน้าประตูแผ่นดินหมิงก็สลายตัวไปหมดทันที เมืองหลวงพริบตาก็สงบลง

ศาลซุ่นเทียนกับองครักษ์เสื้อแพรล้วนเริ่มส่งเจ้าหน้าที่กับทหารออกมาตามท้องถนน เริ่มรักษาความสงบเข้ม กองกำลังหลวงกับกองกำลังวังหลวงก็เริ่มมีคำสั่งไม่ให้ทุกคนออกจากพื้นที่

สำหรับอ๋องฝูจูฉางลั่วไปสู่เมืองเจินติ้งแล้ว ถูกผู้ว่านำทหารมาเฝ้าไว้ ใช้พิธีการรับเสด็จแบบโอรสสวรรค์รับเสด็จอ๋องเข้าเมือง ตอนนี้ได้เป็นขุนนางมีความชอบในการยับยั้งอ๋องฝูด้วยอุบาย

อ๋องออกจากพื้นที่ครองตน เป็นความผิดใหญ่ เมืองหลวงได้ส่งองครักษ์เสื้อแพรไปจัดการ  และให้กรมพิธีการเอาผิด ตอนนี้สถานการณ์เช่นนี้ สถานะอ๋องฝูเช่นนี้ การถูกจำกัดบริเวณย่อมหนีไม่พ้นแล้ว

ก่อนหวังทงเข้าเมืองหลวง ผู้ช่วยสำนักอาชาหลวงไช่หนานก็มาถึงก่อน เฉินซือเป่าหัวหน้ากองกำลังหลวง มารับด้วยตนเองไปที่ที่ทำการกองกำลังหลวงในอุทยานปัจจิม

หัวหน้าขันทีสำนักอาชาหลวงกับผู้ช่วยสำนักในปีรัชสมัยว่านลี่ที่ 21 ก็เหมือนเป็นตำแหน่งเปล่า ๆ แล้ว ไม่มีอำนาจแท้จริง เป็นแค่การให้ตำแหน่งแก่ขันทีระดับสูง  แต่ทว่าคนที่ได้ตำแหน่งระดับสูงแท้จริง ก็คือ ไช่หนานขันทีผู้คุมกำลังกองกำลังวังหลวงผู้เดียวเท่านั้น

ธรรมเนียมเป็นเพราะคนดำเนินการ ก่อนกำหนดชัดเจน ก็ยังใช้ธรรมเนียมเก่าก่อน ไช่หนานตอนนี้มีอำนาจคุมกองกำลังหลวง  แน่นอนทุกคนในกองกำลังหลวงแอบยอมรับระบบงานนี้ไปแล้ว

ทหารสามหน่วยกองกำลังหลวง มาถึงนอกเมือง ทหารม้ากับทหารกองปืนใหญ่ก็มาถึง กองกำลังนี้รวมกับองครักษ์เสื้อแพร ทหารศาลอาญาใหญ่ในเมือง ยังมีกองกำลังหลวงกับวังหลวงที่ใกล้ชิดกับหวังทง หวังทงมีกำลังในเมืองหลวงเรียกว่าได้เปรียบอย่างไม่มีผู้ใดต้านทานได้

ผู้ใดก็ไม่รู้ว่าจากนี้จะเกิดอันใด แต่ผู้ใดล้วนรู้วันหน้าจะเกิดอันใด……

คนที่กระพือกระแสหาพวกไปทั่วทุกแห่งก่อนหน้านี้ล้วนเงียบลง พวกเขารู้ว่าตอนนี้ เวทีแสดงพวกเขาจบแล้ว  ตอนนี้ตัวละครเอกขึ้นแสดงแล้ว

เสิ่นอีก้วนดำรงตำแหน่งมหาอำมาตย์คณะเสนาบดีใหญ่ได้ไม่ถึงสองปี ก็พอเข้าใจหวังซีเจวี๋ยเหตุใดจากไปแล้ว  สถานการณ์ตอนนี้ สถานะมหาอำมาตย์ หัวหน้าแห่งขุนนางบุ๋น สวามิภักดิ์ต่อหวังทง  ก็ไม่อาจทนทำไปได้ และตอนนี้เป็นถึงหัวหน้าขุนนางบุ๋นแล้ว หากจะไปอยู่ทางนั้นจะดำรงสถานะใด แต่หากไม่ยอมก้มหัว ตำแหน่งจะดำรงต่อไปมั่นคงได้หรือไม่  ก็ยากกล่าวได้

หลังโอรสสวรรค์สิ้นพระชนม์ กระบวนการทุกอย่างหยุดไประยะหนึ่งก็เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง หลังพิธีฝังพระศพ ฮ่องเต้ใหม่ครองราชย์ ทุกอย่างล้วนเริ่มเตรียมไปตามระเบียบ แต่ในวังก็ไม่ได้มีบรรยากาศผ่อนคลายใด

เดือนหกปีรัชสมัยไท่ชางที่หนึ่ง  หวังทงกลับคืนสู่เมืองหลวงอีกครั้ง ขุนนางราชสำนักและชนชั้นสูงเมืองหลวงล้วนออกมารอรับ ที่พักหวังทงยังคงเป็นจวนจวิ้นอ๋องเล่อลั่งตามเดิม

หวังทงระหว่างทางถูกลอบสังหาร ทหารติดตามหนึ่งรับดาบไว้ มือสังหารถูกสังหารไว้ก่อนจะปลิดชีพตนเอง

………………………………………….

[1] พระชายาคนโปรดของพระเจ้าโจ้วแห่งราชวงศ์ซัง ถูกสาปแช่งว่าเป็นผู้ทำให้แผ่นดินล่มสลาย

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด