องครักษ์เสื้อแพร 903 ไร้ใจไร้กังวล

Now you are reading องครักษ์เสื้อแพร Chapter 903 ไร้ใจไร้กังวล at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
ตอนที่ 903 ไร้ใจไร้กังวล

ฮ่องเต้ว่านลี่บนเกี้ยวประทับตรัสเช่นนี้ รอบด้านเงียบไปหมด หวังทงได้แต่กวักมือเรียกพวกที่ยืนตั้งแถวประจันหน้ากับพวกองครักษ์ตำหนักฉือหนิงกงให้ถอย คนนำกำลังมาครานี้เป็นเฉินซือเป่า

สีหน้าเฉินซือเป่าอึ้งไป เดาว่าถูกพระดำรัสฮ่องเต้ว่านลี่ทำเอาตกใจ เขานำกำลังถอยกลับมาหน้าพระพักตร์ฮ่องเต้ว่านลี่โขกศีรษะ จากนั้นไปยืนด้านหลังหวังทง

“เจ้ามาขวางหน้าฝ่าบาท คิดก่อการกบฏหรือ?”

จางเฉิงเดินมาด้านหน้า  ส่งเสียงตวาดดัง องครักษ์ผู้คุ้มกันตำหนักฉือหนิงกงพอได้ยินก็สีหน้าแปรเปลี่ยน หัวหน้าหลายคนสบตากันไปมา ก่อนจะพากันลงถวายบังคมอย่างนอบน้อมว่า

“เมื่อครู่ไม่ได้คำสั่ง ตอนนี้จางกงกงกล่าวเช่นนี้ พวกข้าน้อยก็ยอมถอย ขอทรงอภัยด้วยพะยะค่ะ!”

พวกองครักษ์ตำหนักฉือหนิงกงที่ขวางหน้าพากันถอยออก เห็นท่าทีเช่นนี้ แสดงให้เห็นว่าเมื่อครู่ตกใจกันไปแล้วจริงๆ ผู้ใดก็ไม่คิดว่าฮ่องเต้ว่านลี่จะมีราชโองการเช่นนี้

ประตูหน้าตำหนักฉือหนิงกงเริ่มชุลมุน จากนั้นประตูใหญ่ก็เปิดออก สามารถมองเห็นความโกลาหลด้านใน ขันทีกับนางกำนัลวิ่งกันให้วุ่นไปหมด ฮ่องเต้ว่านลี่ขมวดคิ้วตรัสสุรเสียงนิ่งเรียบว่า

“จางเฉิง ไปสั่งสอนหน่อย บ่าวพวกนี้ช่างไร้ธรรมเนียม!”

จางเฉิงรับพระบัญชา นำคนเข้าไปตวาดเสียงดังด้านใน จากนั้นด้านในก็เงียบลงไปไม่น้อย แต่จางเฉิงกลับไม่กลับมา หากมองไปยังขันทีชุดแดงที่วิ่งออกมา

ตอนนี้มหาขันทีตำหนักฉือหนิงกง ซึ่งก็คือหัวหน้ากองงานตำหนักฉือหนิงกง เป็นหลี่กงกงที่เคยไปยังตำหนักฮ่องเต้ว่านลี่ถ่ายทอดราชโองการไทเฮา หลี่กงกงวิ่งออกมาอย่างเร่งรีบ  องครักษ์หลายคนรีบออกมาขวางไว้ หลี่กงกงถูกขวางไว้จนคุกเข่าลงโขกศีรษะดังปังๆ อย่างแรงหลายที ไม่นานก็เห็นเลือดเริ่มไหลซึมบนหน้าผาก หลี่กงกงหน้าตาเต็มไปด้วยคราบน้ำตา ทูลว่า

“ฝ่าบาทให้ไทเฮาย้ายที่ประทับ เรื่องนี้ไม่ได้เด็ดขาด ไทเฮาอย่างไรก็เป็นพระมารดาแท้ๆ ฝ่าบาท  ลำบากเลี้ยงดูฝ่าบาทมาถึงวันนี้ หากส่งไทเฮาออกนอกวัง เรื่องเช่นนี้ แต่ไรมาบรรพชนก็ไม่เคยมีมาก่อน คนข้างนอกจะวิจารณ์ฝ่าบาทอย่างไร ขอทรงคิดให้รอบคอบพะยะค่ะๆ!”

จากนั้นก็โขกศีรษะอย่างแรงจนหน้าผากเริ่มมีเลือดเต็มใบหน้า ทำให้คนเห็นแล้วทนไม่ไหว ฮ่องเต้ว่านลี่บนเกี้ยวประทับเริ่มร้อนพระทัย แต่หวังทงที่คุ้มกันข้างๆ กลับได้ยินฮ่องเต้ว่านลี่ตรัสพึมพำขึ้นเบาๆ ว่า

“มารดาแท้ๆ มารดาเรา เสด็จแม่ เป็นแม่ไยต้องแย่งอำนาจกับลูกด้วย เหตุใดต้องควบคุมลูก……”

หวังทงส่ายหน้าตวาดว่า

“ลากกงกงนี่ออกไป ฝ่าบาททูลเชิญไทเฮาให้เสด็จไปพำนักจวนอู่ชิงโหว คิดเพื่ออู่ชิงโหว กลับไม่ขอบพระทัย หากมากล่าววาจาเหลวไหล ลากตัวออกไป!!”

องครักษ์รีบเข้ามาจัดการ นำตัวหลี่กงกงลากออกไป หลี่กงกงอายุ 50 กว่าแล้ว แม้ว่าดิ้นรนส่งเสียงตะโกนดัง แต่ก็ไม่ยังคงถูกลากออกไปอยู่ดี

*************

พระที่นั่งกลางในตำหนักฉือหนิงกง ไทเฮาฉือเซิ่งสวมฉลองพระองค์ ข้างพระวรกายมีเด็กน้อยคนหนึ่ง อายุราว 2-3 ขวบนั่งเบียดอยู่ อ้วนจ้ำม่ำ กำลังกินขนมอย่างเอร็ดอร่อย น่ารักมาก ไทเฮาฉือเซิ่งแย้มสรวลทอดพระเนตรเด็กน้อย  ยกผ้าเช็ดหน้าเช็ดรอยเลอะขนมเละมุมปากให้เด็กน้อย

นี่เป็นความอบอุ่นเดียวที่มีในวัง ตำหนักฉือหนิงกงยามนี้มีนางกำนัลกับหัวหน้าขันทียืนเรียงสองแถว แต่ละคนสีหน้านิ่งสลด เสียงดังเอะอะข้างนอกค่อยๆ เงียบลง  ด้านในด้านนอกเงียบราวกับทุกอย่างแดดิ้นไปหมดแล้ว สักครู่หนึ่งก็กลับได้ยินข้างนอกมีขันทีเสียงสั่นทูลว่า

“ไทเฮา  จางกงกงมาเร่งให้ไทเฮาออกเดินทางพะยะค่ะ”

“เจ้าบัดซบสมควรตาย ตาบอดหรือไง รีบไสหัวออกไป!”

ขันทีน้อยเพิ่งทูลจบ ก็มีเสียงนางกำนัลด่าดังออกไป จิ่นซิ่วที่อยู่หน้ากลุ่มนางกำนัลกัดริมฝีปากแน่น ออกมาคุกเข่าด้านหน้า โขกศีรษะ ทูลน้ำเสียงแหบพร่าว่า

“ความผิดทั้งหมดล้วนเป็นบ่าวคนเดียว บ่างออกไปรับผิดกับฝ่าบาท ยอมสละชีพเพื่อให้ฝ่าบาทคืนรับสั่ง”

สีหน้าจิ่นซิ่วเด็ดเดี่ยว กล่าวจบก็โขกศีรษะหลายที พอลุกขึ้นกำลังจะออกไป ก้าวไปได้สองก้าว ก็กลับถูกไทเฮาฉือเซิ่งรับสั่งให้หยุด

“เกี่ยวอันใดกับเจ้า เป็นเราให้เจ้าไปรับตัวฉางลั่วมา เป็นเราให้คนไปจัดการเอาตำแหน่งนั้นมา กลับมายืนที่เดิม!!”

จิ่นซิ่วตัวสั่น หันมาคุกเข่าโขกศีรษะ โขกศีรษะไปสองที ก็อ่อนยวบลงกับพื้น ส่งเสียงร้องไห้ดังออกมา

ไทเฮาฉือเซิ่งได้ยินเสียงจูฉางลั่วร้องไห้ลั่น ตกใจจนขนมร่วงลงพื้น พอตั้งสติก็เขยิบเข้าซบไทเฮาฉือเซิ่ง ไทเฮาฉือเซิ่งยกพระหัตถ์ลูบท้ายทอยจูฉางลั่วด้วยความเอ็นดูยิ่ง ตรัสเบาๆ ว่า

“ฉางลั่ว เจ้าต้องกลับไปอยู่กับเสด็จแม่เจ้าแล้ว ย่าต้องไปแล้ว”

พอได้ยิน จูฉางลั่วก็ดีใจปรบมือ ยิ้มกว้างกล่าวว่า

“ดีจังเลย ฉางลั่วคิดถึงเสด็จแม่”

พอกล่าวจบ ก็เหมือนคิดอันใดได้ ดึงแขนฉลองพระองค์ไทเฮาฉือเซิ่งไว้ทูลว่า

“เสด็จย่า จะไปที่ใดกัน! จะกลับมาเมื่อไร?”

ไทเฮาฉือเซิ่งค่อยๆ ลูบท้ายทอยจูฉางลั่ว เงียบไปนานก่อนจะอยู่ ๆ ตรัสขึ้นเบาๆ ว่า

“ตอนบิดาเจ้ายังเล็กก็เป็นเช่นนี้ เพราะว่าขาไม่ดีนัก ดังนั้นจึงได้แต่อยู่ในห้องไม่ได้ออกไปข้างนอก เดินบนพรมได้ไม่กี่ก้าวก็ล้ม ทุกครั้งเราเห็นแล้วอยากหัวเราะ แต่ก็เจ็บปวดใจ ตอนนั้นอดีตฮ่องเต้……”

สุรเสียงเบาลงเรื่อยๆ ก่อนจะเงียบไป ในห้องเริ่มมีนางกำนัลส่งเสียงร้องไห้เบาๆ ไทเฮาฉือเซิ่งในเวลานั้นกลับเงยพระพักตร์ขึ้น ตรัสสุรเสียงนิ่งเรียบว่า

“เตรียมรถ ไม่มีเรา อู่ชิงโหวก็ไม่มีวาสนา ไปพักจวนเขา ดีกว่ามาอุดอู้อัดอั้นอยู่แต่ในนี้”

มีคนคิดปลอบ แต่พอเห็นสีหน้าเด็ดเดี่ยวของไทเฮาฉือเซิ่ง ก็ไม่คิดจะปลอบต่อ แต่ละคนรีบเก็บอารมณ์ก่อนจะกลับไปเตรียมตัว

**************

“ฝ่าบาท ทางตำหนักฉือหนิงกงเตรียมออกเดินทางแล้ว…….”

“ฝ่าบาท ไทเฮาทรงนำองค์ชายจูฉางลั่วไปส่งคืนพระสนมกงแล้ว…….”

รายงานข่าวมาไม่หยุด เกี้ยวแบกวางลงพื้น ฮ่องเต้ว่านลี่ประทับนั่งนิ่งไม่ขยับ แม้แต่พระเศียรก็ไม่พยักรับรู้

ผ่านไปครู่หนึ่งก็มีขันทีเข้ามาโขกศีรษะรายงานว่า

“ฝ่าบาท ไทเฮาเตรียมราชรถออกเดินทางแล้ว ข้าวของเครื่องใช้ส่วนพระองค์ก็ขอให้ฝ่าบาทส่งไปพะยะค่ะ”

นี่เป็นรายละเอียดที่ต้องจัดการตามไป จางเฉิงข้างๆ พยักหน้าโบกมือให้ออกไปได้ หากในวังต้องการทำอะไร ประสิทธิภาพย่อมว่องไว

ฮ่องเต้ว่านลี่ไม่ได้รอนาน ทอดพระเนตรเห็นรถม้าหรูหราจากตำหนักฉือหนิงกงวิ่งออกจากวังไป รอบๆ มีขันทีกับนางกำนัลติดตามไป รถม้านี้ฮ่องเต้ว่านลี่จำได้ ตอนเทียนจินคิดสร้างรถใหญ่สี่ม้าลากมาได้ ก็จัดส่งมาแบบหรูหรานี้เข้าวังมาหลายคัน

ตอนนั้นฮ่องเต้ว่านลี่ยังทรงเลือกที่ดีที่สุดให้ช่างสำนักเครื่องใช้ส่วนพระองค์ตกแต่งส่งถวายตำหนักฉือหนิงกง เบื้องหน้านี้ก็คือรถคันวันนั้น

ตอนนี้อากาศร้อน รถม้าก็ปิดม่านลง รถม้าเคลื่อนไหว จางเฉิงและพวกหวังทงคำนับ ฮ่องเต้ว่านลี่ยังประทับนิ่งไม่ไหวติง

ไทเฮาฉือเซิ่งมองลอดม่านมายังฮ่องเต้ว่านลี่ ฮ่องเต้ว่านลี่หันไปมอง แม่ลูกมองจ้องกันสายตาแข็งกร้าว จนกระทั่งลับตากันไป

 ฮ่องเต้ว่านลี่ไม่ทรงตรัสอันใด พอรถแล่นออกไปไกลจนไม่ได้ยินเสียงล้อรถวิ่งแล้ว ฮ่องเต้ว่านลี่จึงได้ตบแขนพนักเกี้ยวแบก ขันทีรีบแบกเกี้ยวขึ้น ฮ่องเต้ว่านลี่ตรัสสุรเสียงนิ่งเรียบว่า

“จับตาจวนอู่ชิงโหวไว้ให้แน่นหนา ทหารผู้คุ้มกันต้องส่งไปให้มาก อย่าให้มีผู้ฉวยโอกาสได้!”

“ฝ่าบาททรงพระทัยได้  องครักษ์เสื้อแพรตอนนี้เริ่มไปอารักขาจวนอู่ชิงโหวแล้ว ไทเฮากับอู่ชิงโหวปลอดภัยไร้กังวล”

ฮ่องเต้ว่านลี่ถอนหายใจยาวตรัสเบาๆ ว่า

“เราเหนื่อยมาก กลับไปตำหนักเฉียนชิงกงก่อน”

ยังพูดไม่ทันจบกลับก็หยุด  ฮ่องเต้ว่านลี่โยกพระวรกายมาด้านหน้าตรัสว่า

“ไปห้องทรงอักษร  จางปั้นปั้น ท่านเตรียมเอกสารไว้ วันนี้กองกำลังสังกัดวังหลวงนอกจากกองกำลังมังกรฝ่ายซ้ายของหูฉีแล้ว ที่เหลือแม้แต่ขันทีคุมกำลังก็ต้องเปลี่ยนทิ้งให้หมด ไม่อาจเหลือไว้เป็นทหารแปรพักตร์ข้างกายเราต่อไป คืนนี้จะได้นอนหลับสนิทเสียที”

“ฝ่าบาท เรื่องนี้ไม่รีบ จางจิงไม่เกินคืนนี้คงถวายฎีกาขอลากลับบ้านเกิด ไทเฮาออกจากวังไปแล้ว กองกำลังสังกัดวังหลวงก็ไม่มีเหตุที่จะก่อกบฏแล้ว หากฝ่าบาทเปลี่ยนทั้งหมด กลับจะยุ่งยากวุ่นวายแทน ปล่อยไว้ ไว้ใช้ประโยชน์ได้ก็ใช้ ใช้ไม่ได้ก็ค่อยๆ เปลี่ยนก็ได้”

ฮ่องเต้ว่านลี่ไตร่ตรองครู่หนึ่งก็พยักหน้า จางเฉิงคำนับ เกี้ยวแบกโยกไปมา ฮ่องเต้ว่านลี่เงียบไป อยู่ๆ ตรัสอีกว่า

“หวังทง ไหนเล่าการจัดการนอกวังมาหน่อย เรื่องวันนี้ สั่งสอนพวกเขาไปเบามาก เกรงว่าพวกเขาจะเคลื่อนไหวก่อความวุ่นวายต่อ”

“ขอฝ่าบาทวางพระทัย กองกำลังเมืองหลวง จางกงกงส่งคนไปถ่ายทอดราชโองการแล้วว่าไม่มีราชโองการในวัง หากเคลื่อนกำลังคิดก่อการ ประหารไม่เว้น พวกนายกองพันหลายคนจากลานฝึกหู่เวยกุมกำลังไว้แล้ว ผู้ใดจัดการไม่ได้ ก็จะให้ศาลอาญาใหญ่และองครักษ์เสื้อแพร หรือสำนักรักษาความสงบกับหน่วยวินัยทหารควบคุมอีกที หากมีเหตุผิดพลาดคาดไม่ถึง ประตูเมืองก็จะปิดทันที จวนอู่ชิงโหวส่งกำลังทหารกองลาดตระเวน 300 กับเจ้าหน้าที่ศาลซุ่นเทียน 100 ไปอารักขาแล้ว ในนอกไม่มีทางส่งข่าวถึงกันได้ แต่ละแห่งกับพื้นที่สำคัญทางการทหาร ล้วนอยู่ในความดูแลของสำนักองครักษ์เสื้อแพร ไม่มีเหตุผิดพลาดแน่นอน……”

หวังทงกำลังเดินไปกล่าวไป จางเฉิงหันมาทำมือให้เงียบ หวังทงอึ้งไป กลับได้ยินเสียงกรนเบาๆ ดังขึ้น มองไปอีกที ฮ่องเต้ว่านลี่พิงเกี้ยวบรรทมไปแล้ว

“ฝ่าบาทหลายวันนี้ไม่ได้บรรทมสักเท่าไร กลับตำหนักเฉียนชิงกง เร็วหน่อย!”

จางเฉิงกล่าวเบาๆ พวกขันทีรีบเปลี่ยนทิศทาง จางเฉิงกับหวังทงต่างเงียบ รีบมุ่งไปยังตำหนักเฉียนชิงกง ทหารรักษาการณ์อยู่แต่ละประตูเข้มงวด มาถึงหน้าประตูตำหนัก ทุกคนเคร่งเครียดราวกับเจอศัตรู คนที่นำกำลังทหารตอนนี้เป็นเจ้าจินเลี่ยง

พื้นที่ตำหนักเฉียนชิงกง ขุนนางนอกวังเข้าไปไม่เหมาะ หวังทงหยุดหน้าประตู คิดไม่ออกว่าจะไปไหนต่อดี ได้ยินเจ้าจินเลี่ยงออกมาถ่ายทอดรับสั่ง

“ใต้เท้าหวัง พระสนมเอกรับสั่งให้เข้าเฝ้า”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด