เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราชบทที่ 138 นี่มันไม่ปกติ

Now you are reading เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช Chapter บทที่ 138 นี่มันไม่ปกติ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 138 นี่มันไม่ปกติ

บทที่ 138 นี่มันไม่ปกติ

นี่เป็นเพียงแค่การเริ่มต้นเท่านั้น ขั้นตอนหลังจากนี้ก็สำคัญมากเช่นกัน

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงไม่กี่วันหลังจากนี้ อาการบาดเจ็บมีแนวโน้มทำให้เป็นไข้ได้ง่าย จึงต้องมีคนคอยดูแล

เซี่ยชิงหร่านรีบเอ่ยออกมาอย่างรวดเร็ว “ข้าจะคอยอยู่ดูแลองค์ชายใหญ่เอง”

พูดแล้วนางก็มองไปทางหนานกงสือเยวียนด้วยสายตาขอร้องวิงวอน ในฐานะพระสนมของฮ่องเต้ นางไม่สามารถออกนอกวังได้ตามใจชอบ

ทว่าหนานกงสือเยวียนไม่ได้สนใจเรื่องเหล่านี้ พยักหน้าตกลงอย่างไม่ต้องใช้ความคิด

แม้สีหน้าท่าทางของเขาจะยังคงเฉยชา แต่การเห็นด้วยนี้ก็ทำให้ใบหน้าของเซี่ยชิงหร่านมีรอยยิ้มได้

“ขอบพระคุณฝ่าบาท”

เสี่ยวเป่าเองก็เขย่ามือของเขา “ท่านพ่อ เสี่ยวเป่าอยู่ด้วยได้หรือไม่”

ความคิดของนางเรียบง่ายเป็นอย่างยิ่ง นางแค่ต้องการใช้พลังวิญญาณของตน ช่วยบรรเทาความเจ็บปวดให้กับพี่ใหญ่

ตอนนี้เทียบกับเมื่อครั้งยังเป็นภูตตัวน้อย พลังวิญญาณของนางฟื้นกลับมากว่าสามส่วนแล้ว

อย่ามองว่ามันเป็นแค่สามส่วนเล็ก ๆ พลังเท่านี้สามารถใช้ทำเรื่องต่าง ๆ จำนวนมากได้

หนานกงสือเยวียนก้มมองใบหน้าน้อย ๆ ที่เงยขึ้นมาสบตาแป๋ว หลังจากครุ่นคิดอยู่สองสามอึดใจก็พยักหน้าตอบรับ

เด็กน้อยคงเป็นกังวลเรื่องของพี่ชาย เช่นนั้นก็ปล่อยให้อยู่ดูสักสองวันแล้วกัน

สำหรับปัญหาการนอนไม่หลับโดยไม่มีเสี่ยวเป่าอยู่ข้างกายนั้น หนานกงสือเยวียนเองก็คิดถึงเรื่องนี้ แต่ไม่ได้แสดงท่าทางอันใดออกมา

เขาอยู่รอดจากอาการนอนไม่หลับมาได้ตั้งหลายปี ตอนนี้เพียงแค่กลับไปทนไม่กี่วันเท่านั้น

ยามนี้ก็เหลือเพียงแค่รอให้หนานกงฉีซิวฟื้นขึ้นมา

ฤทธิ์ของหมาเฟ่ยซ่านหมดลงอย่างรวดเร็ว หนานกงฉีซิวก็ถูกความเจ็บปวดปลุกให้ตื่นขึ้นมา

ใบหน้าสงบนิ่งของชายหนุ่มที่นอนอยู่บนเตียงเปลี่ยนเป็นขมวดคิ้ว หลังจากนั้น ใบหน้าที่หล่อเหลาอย่างถึงที่สุดก็ค่อย ๆ แสดงความเจ็บปวดออกมา กลายเป็นซีดเซียวมีเหงื่อเย็น ๆ ไหลลงมาจากหน้าผาก

เมื่อความเจ็บปวดปลุกสติกลับมาเต็มที่ ร่างกายของเขาก็เต็มไปด้วยเหงื่อท่วมตัว นิ้วเรียวยาวที่เห็นข้อชัดเจนกำผ้าปูที่นอนเอาไว้แน่นจนข้อนิ้วกลายเป็นสีขาว

ผิวของเขาซีดจนผิดปกติ ไร้ซึ่งสีเลือด กระทั่งปากเองยังซีดขาวจนชวนให้คนมองปวดใจ ราวกับตุ๊กตากระเบื้องเคลือบที่พร้อมจะแตกสลายลงได้ หากไม่ระมัดระวังแม้เพียงนิด

“ซิวเอ๋อร์ เป็นอย่างไรบ้าง เจ็บมากหรือไม่”

เซี่ยชิงหร่านกุมมือบุตรชายของตนเองเอาไว้ อีกข้างก็คอยเช็ดเหงื่อให้เขาตลอด ภายในดวงตาเต็มไปด้วยความเจ็บปวดใจ

เสี่ยวเป่าเองก็เจ็บปวดใจเป็นอย่างมากเช่นเดียวกัน ในขณะที่ทุกคนกำลังให้ความสนใจกับพี่ใหญ่ นางก็เดินไปตรงขาของพี่ใหญ่ด้วยความรวดเร็วและเงียบเชียบ จากนั้นก็ยกมือเล็ก ๆ ขึ้นมาส่งพลังวิญญาณให้ขาของพี่ใหญ่ผ่านผ้าห่ม

คิ้วของหนานกงฉีซิวเหยียดออกเล็กน้อย เขากวาดสายตามองคนที่อยู่ในห้อง แม้ในตอนนี้จะกำลังเผชิญกับความเจ็บปวด แต่มุมปากของเขาก็ยังคงมีรอยยิ้มเช่นเคย ปากเอ่ยออกมาด้วยความอ่อนโยน แม้จะมีเสียงสั่นอยู่บ้างเล็กน้อยก็ตาม

“ไม่เป็นอันใดเสด็จแม่ ท่านไม่ต้องเป็นกังวลใจไป”

ขาทั้งสองข้างของเขาเจ็บปวดเป็นอย่างมาก หนานกงฉีซิวจำต้องใช้แรงและความพยายามอย่างมากในการเอ่ยออกมา

“อย่าเพิ่งพูดเลย องค์ชายใหญ่รีบดื่มน้ำเถอะ”

เจี่ยเจินที่อยู่ด้านข้างเอ่ยออกมา “หาสิ่งใดมาป้ายปากของเขาให้ชุ่มแล้วค่อย ๆ ป้อนน้ำให้ แต่อย่าได้มากเกินไป”

เซี่ยชิงหร่านได้ยินเช่นนั้นก็รับน้ำจากสาวใช้แล้วค่อย ๆ ป้อนน้ำให้อย่างระมัดระวัง

ตอนนี้หนานกงฉีซิวยังไม่สามารถขยับตัว ทำได้เพียงนอนนิ่ง ๆ อยู่บนเตียง ทั้งยังต้องการสภาพแวดล้อมอันเงียบสงบเพื่อฟื้นฟูบาดแผล ดังนั้นนอกจากเสี่ยวเป่า เซี่ยกุ้ยเฟย และน้องชายร่วมมารดาอย่างหนานกงฉีเฉินแล้ว คนอื่น ๆ ล้วนถูกเจี่ยเจินบอกให้รีบออกไป

เสี่ยวเป่าคว่ำหน้าแนบเตียงอยู่ตรงบริเวณขาของพี่ใหญ่พร้อมลอบส่งพลังวิญญาณให้ นางมองสีหน้าของพี่ใหญ่ด้วยแววตาไร้เดียงสา

แม้ตอนนี้หนานกงฉีซิวจะเจ็บปวดเป็นอย่างมาก แต่ก็ยังสามารถอดทนได้

เขาแอบรู้สึกประหลาดใจ แม้จะเจ็บเหมือนตอนที่ขาสองข้างโดนม้าเหยียบ แต่ครั้งนี้เหมือนกับมีสิ่งใดแตกต่างออกไป

“ท่านพี่ยังเจ็บมากอยู่หรือไม่?”

หนานกงฉีซิวส่ายหัว ดูมีเรี่ยวแรงมากขึ้นเล็กน้อย แม้ใบหน้าจะยังคงดูซีดเซียวและเปราะบางเป็นอย่างมาก

“ไม่เจ็บเท่าก่อนหน้านี้”

เขาเอ่ยออกมาตามความจริง แต่เซี่ยชิงหร่านกลัวว่าเขาจะเอ่ยออกมาเพียงเพื่อปลอบตัวตน จึงบอกให้เขารีบนอนหลับไปเสีย

หนานกงฉีซิวยิ้มอย่างจำใจ “เสด็จแม่ ตอนนี้ข้านอนไม่หลับหรอก”

แม้หลับตาลงก็เกรงว่าจะถูกความเจ็บปวดปลุกขึ้นมา

วันแรกเป็นช่วงที่ผ่านพ้นไปได้ยากที่สุด ทุกคนในจวนจิ้นอ๋องต่างเฝ้าดูสถานการณ์ของหนานกงฉีซิวด้วยความกระวนกระวาย

หลังจากส่งพลังวิญญาณให้พี่ใหญ่ถึงสามชั่วยาม เสี่ยวเป่าก็เหนื่อยเป็นอย่างมาก รู้สึกร่างกายกลวงเปล่า อ้าปากหาวหวอด ๆ ออกมา เปลือกตาปรือปิด ในที่สุดนางก็ฟุบหลับข้างขอบเตียงด้วยความอ่อนล้า

แม้นางจะไม่ได้ถ่ายทอดพลังวิญญาณให้อีก แต่สภาพของหนานกงซีฉิวก็ดีขึ้นเป็นอย่างมาก จากพลังวิญญาณที่ได้รับไปก่อนหน้านี้ ทำให้ยามตกกลางคืนมีไข้ขึ้นเล็กน้อยเพียงครั้งเดียว ตลอดครึ่งคืนที่เหลือล้วนไม่เป็นอันใด

เจี่ยเจินมองดูด้วยความประหลาดใจ

“แปลกนัก นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าเคยพบเรื่องเช่นนี้”

เขาเตรียมตัวพร้อมสำหรับการรักษาตลอดทั้งคืน เนื่องจากองค์ชายใหญ่นั่งบนรถเข็นมาแรมปี ร่างกายย่อมไม่แข็งแรงเป็นปกติ

ยิ่งหลังบาดเจ็บเช่นนี้แล้ว ต่อให้เป็นผู้ฝึกวรยุทธ์ร่างกายแข็งแรงมียากิน ก็ยังต้องไข้ขึ้นอย่างน้อยสองครั้ง

ทว่าองค์ชายใหญ่ที่ดูอ่อนแอผู้นี้ทั้งคืนกลับมีไข้ขึ้นแค่เพียงครั้งเดียว อีกทั้งระยะเวลายังสั้นเป็นอย่างยิ่ง เพียงฝังเข็มครั้งสองครั้งก็หายดีแล้ว

เจี่ยเจินพิจารณาความแปลกนี้ภายในใจ ส่วนเจ้าก้อนแป้งยังคงหลับสนิท ซ่อนความดีความชอบของตนเองเอาไว้

ทว่าเรื่องนี้ก็นับว่าเป็นเรื่องดีสำหรับทุกคน

ในวันที่สอง สภาพจิตใจของหนานกงฉีซิวดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เซี่ยกุ้ยเฟยมองแล้วถึงกับอยากไปขอบคุณเหล่าพระโพธิสัตว์ที่คอยปกป้องคุ้มครอง

เสี่ยวเป่าเป็นห่วงพี่ชายตลอดเวลา จึงไม่ง่วงงุนอย่างหากได้ยาก พอลืมตาก็เปลี่ยนเสื้อผ้าวิ่งไปหาในทันที

หลังผ่านไปหนึ่งคืน พลังวิญญาณของนางก็ฟื้นฟูกลับมา สามารถช่วยบรรเทาความเจ็บปวดให้พี่ชายได้แล้ว

หนานกงฉีซิวเตรียมใจไว้อย่างดีว่า ครั้งนี้ตนต้องเจ็บปวดเสียยิ่งกว่าตอนที่ขาหักครั้งนั้น แต่ผู้ใดจะคาดคิดว่าความจริงกลับไม่เป็นเช่นนั้นเลย ไม่เพียงแต่จะเจ็บปวดน้อยกว่ามาก ทุก ๆ วันเขายังรู้สึกได้ว่าสภาพของตนเองเริ่มดีขึ้นเรื่อย ๆ

เจี่ยเจินเองก็มีสีหน้าประหลาดใจพลางครุ่นคิด

นี่มันเรื่องอันใดกัน? องค์ชายใหญ่ที่ดูแล้วอ่อนแอแต่กลับสามารถฟื้นฟูร่างกายได้ดีเสียยิ่งกว่าผู้ฝึกวรยุทธ์ที่แข็งแกร่ง!

นี่มันไม่ปกติ!

แม้ระหว่างการพักฟื้นจะน่าเบื่อ แต่เมื่อได้เห็นอาการที่ดีขึ้นทุกวัน ๆ ทุกคนต่างก็มีรอยยิ้มประดับใบหน้า

เซี่ยกุ้ยเฟยพนมมือเข้าหากัน “ดูเหมือนว่าบรรพชนบนสวรรค์ต้องการให้ฉีซิวของบ้านเราหายเจ็บปวดโดยไว”

เสี่ยวเป่าที่คอยส่งพลังวิญญาณให้พี่ใหญ่: เป็นความดีความชอบของเสี่ยวเป่าต่างหาก!

ขณะที่หนานกงฉีซิวกำลังพักฟื้น ของที่เสี่ยวเป่าส่งไปให้พี่รองก็ไปถึงกองทัพทางชายแดนแล้ว

“องค์ชายรอง มีของส่งมาถึงท่าน”

ในตอนนั้นเองเซี่ยสุ่ยอัน แม่ทัพเฒ่าเซี่ย และคนอื่น ๆ ที่กำลังสนทนากันหันไปจับจ้องทางหนานกงฉีโม่โดยพร้อมเพรียง

หนานกงฉีโม่ “…”

สีหน้าของเขาแข็งทื่อ ของถูกส่งมาถึงในเวลาที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง

ทว่าคนอื่น ๆ ล้วนคิดต่างออกไป

พวกเขาต่างพากันลูบมือไปมา “ฮ่าฮ่าฮ่า…พวกเราช่างมาถูกเวลาเสียจริง ฮ่าฮ่า….”

ไม่ต้องพูดก็ทราบได้ว่า คราวนี้ต้องมีของอร่อยถูกส่งมาด้วยเป็นแน่

พวกเขาอดอิจฉาขึ้นมาไม่ได้ ตั้งแต่องค์ชายรองมาถึงเมืองชายแดนก็มักได้รับของส่งมาทุกเดือน ซ้ำยังมากกว่าหนึ่งครั้ง!

แต่ช่างมันเถิด ทุกครั้งที่ของถูกส่งมา ด้านในมักจะมีของอร่อยอยู่ด้วย บางสิ่งพวกเขาก็ไม่เคยพบเห็นมาก่อนแต่อร่อยล้ำเป็นอย่างยิ่ง

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *