เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราชบทที่ 226 พี่ชายป่าเถื่อน!

Now you are reading เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช Chapter บทที่ 226 พี่ชายป่าเถื่อน! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 226 พี่ชายป่าเถื่อน!

บทที่ 226 พี่ชายป่าเถื่อน!

หนานกงหลีนึกว่าเมื่อการเจรจาเสร็จสิ้นก็จะจบเรื่องของตนแล้ว ดังนั้นประชุมขุนนางเช้านี้ เขาจึงปล่อยตัวตามสบายเฉกเช่นทุกทีพลางหาวหวอด ๆ คล้ายกับยังไม่ตื่นดี

เมื่อเริ่มต้นประชุมขุนนาง เขาก็ทำตัวเช่นเคย โดยการหามุมเสาที่ไม่ถูกสังเกตได้ง่าย จากนั้นก็เอนตัวนอนอย่างสบายใจเฉิบ

หลับทั้งที่ยังยืนอยู่แบบนั้น จนบรรดาขุนนางที่เข้าร่วมประชุมล้วนพากันเลื่อมใส

หนานกงจ้านก็มาร่วมประชุมขุนนางด้วยเช่นกัน เขายืนตัวตรงอยู่ในท้องพระโรง ดุจดั่งเสาหินผาที่สามารถต้านทานทุกภยันตราย

เป็นพี่น้องกันแท้ ๆ แต่เหตุใดนิสัยใจคอถึงต่างกันราวฟ้ากับเหวเพียงนี้!

“ฝ่าบาท จากการเจรจากับเผ่าหมาน พวกเราได้วัวและแกะรวมกันหนึ่งแสนตัว ม้าห้าหมื่นตัว ทองและเงิน…”

ต้าหงหลู*[1]ร่ายรายชื่อสัตว์และเงินทองทั้งหมดที่ต้าเซี่ยได้รับจากเผ่าหมาน รายการข้าวของยาวเป็นหางว่าวจนอาจเรียกได้ว่าเป็นการปลุกใจ ขุนนางทุกคนล้วนปลื้มปีติไปตาม ๆ กัน

จากนั้นพวกเขาก็ได้ยินต้าหงหลูพูดต่ออีกว่า “ที่การเจรจาครั้งนี้ได้รับการชดเชยเป็นจำนวนมหาศาล เซียวเหยาอ๋องมีส่วนในการสร้างความดีความชอบอย่างยิ่ง…”

ต้าหงหลูผู้นี้ยกย่องเซียวเหยาอ๋องไม่ขาดปาก จนขุนนางที่ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์คนอื่น ๆ ตกตะลึงจนตาค้าง จากนั้นก็พร้อมใจกันหันศีรษะไปมอง สายตาทุกคู่จับจ้องไปที่เซียวเหยาอ๋องผู้ที่กำลังนอนหลับตาพริ้มพลางพิงเสากอดอก

ทุกคน “…”

สภาพเช่นนี้หรือจะสร้างคุณงามความดี? พวกเขาทำใจให้เชื่อไม่ลงจริง ๆ!

เมื่อถูกสายตามากมายจับจ้องมา หนานกงหลีผู้มีใจอาจหาญก็นอนไม่หลับ เขาพลันลืมตาขึ้นจากนั้นก็ตกใจจนสะดุ้งโหยง

“พวกเจ้ามองข้าทำอันใด?”

ไม่ว่าใครลืมตามาเจอกับสายตารอบข้างจับจ้องมาที่ตนเป็นทางเดียวก็ต้องตกใจทั้งนั้น เขานึกว่าตัวเองฝันร้ายเสียอีก!

“เซียวเหยาอ๋อง”

สุรเสียงทุ้มต่ำเป็นเอกลักษณ์ของฮ่องเต้ดังขึ้นกลางท้องพระโรง หนานกงหลีรีบจัดแจงเสื้อผ้าให้เข้าที่และเหยียดหลังตรง

“ฝ่าบาท”

“การเจรจากับเผ่าหมานในครั้งนี้ เจ้าทำได้ดีมาก”

เสด็จพี่กำลังชมเขา!!!

ในชีวิตนี้เขาไม่กล้าแม้แต่จะคิดถึงมันด้วยซ้ำ หนานกงหลีตื่นเต้นจนหางชี้ น้อมรับคำชมจากเสด็จพี่ด้วยสีหน้าเบิกบาน

ทว่าชั่วอึดใจต่อมา…

“ในเมื่อเจ้ามีความสามารถ เช่นนั้นจากนี้ไปข้าจะให้เจ้ารับตำแหน่งเส้าชิง*[2]ในหงหลูซื่อ”

หนานกงหลี: ค่อย ๆ หุบยิ้ม.jpg

หนานกงหลี: สีหน้าค่อย ๆ หวาดกลัว.jpg

“ไม่สิ ฝ่าบาท กระหม่อมทำไม่ได้ ไม่ได้จริง ๆ พ่ะย่ะค่ะ”

หงหลูซื่อชิง*[3]ก้าวออกมาพร้อมกับหัวเราะหึ ๆ “เซียวเหยาอ๋องอย่าได้ดูถูกตนเองนักเลย วีรกรรมก่อนหน้านี้ของท่าน ข้าจำได้ขึ้นใจทีเดียว”

หนานกงหลีจ้องด้วยสายตาดุร้าย ไม่สิ เหตุใดเจ้าถึงเนรคุณเช่นนี้ ข้ามีบุญคุณใหญ่หลวงกับพวกเจ้า แต่เจ้ากลับให้ข้าทำงานถวายชีวิต ใช้ได้เสียที่ไหนกัน!

“เหอ ๆ ใต้เท้าจี้ล้อข้าเล่นแล้ว ที่ข้าทำไปเป็นแค่ความบังเอิญเท่านั้น” หนานกงหลีเอ่ยเล็ดลอดไรฟัน ข่มกลั้นโทสะเอาไว้

“หามิได้ กระหม่อมเห็นผลงานของท่านอ๋องด้วยสายตาตนเอง คำพูดเพียงไม่กี่โยคของท่านทำเอาพวกเผ่าหมานโกรธเป็นฟืนเป็นไฟจนพูดไม่ออก มิหนำซ้ำท่านยังเรียกร้องให้พวกนั้นชดใช้อย่างมหาศาล ทำเอาองค์ชายเผ่าหมานหน้าบึ้งตึงจนลุกออกไปในทันที พวกข้าเห็นแล้วพลันรู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก”

หนานกงหลี: …ไม่รู้ว่าควรจะด่าดีหรือไม่

“เอาละ เช่นนั้นก็ตกลงตามนี้ เซียวเหยาอ๋องเริ่มงานพรุ่งนี้ได้เลย”

หนานกงหลียังคงไม่ยอมแพ้ หากให้อ๋องเจ้าสำราญที่ชอบเที่ยวเล่นไปวัน ๆ อย่างเขามาทำงานเช่นนี้ ก็ไม่สมกับชื่อเซียวเหยาอ๋องน่ะสิ!

ทว่าพอเงยหน้าก็สบเข้ากับสายตาของเสด็จพี่ที่บอกว่า ‘ขืนพูดอีกคำเดียวเจ้าตายแน่’ หนานกงหลีก็ยอมแพ้ในทันใด

“พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมทราบแล้ว”

พูดจบเขาก็ตบปากตัวเอง

เจ้าปากเสีย เหตุใดถึงขี้ขลาดเช่นนี้!

เมื่อการประชุมขุนนางจบลง หนานกงหลีที่บาดเจ็บทั้งกายใจจึงตัดสินใจไปหาเสี่ยวเป่า

“พี่สี่ ท่านช่วยพยุงข้าที ตอนนี้ข้าทุกข์ระทมจนไร้เรี่ยวแรงไปหมดแล้ว”

หนานกงหลีพร่ำบ่นพลางทิ้งตัวไปทางเจิ้นหนานอ๋อง ร่างกายอ่อนปวกเปียกราวกับไม่มีกระดูก

“ข้าเป็นเซียวเหยาอ๋องเลยนะ เซียวเหยาอ๋อง! จะให้ข้าไปทำอันใดที่หงหลูซื่อ? ข้านั่ง ๆ นอน ๆ ใช้ชีวิตสนุกไปวัน ๆ ไม่ดีตรงไหน!”

หนานกงจ้าน “ไร้อนาคต”

กล้าพูดออกมาได้ไม่กระดากปาก

หนานกงหลีเบะปาก “ความปรารถนาของข้าก็มีแค่เรื่องนี้ แต่ว่าตอนนี้ อ๊าก! เหตุใดเสด็จพี่ต้องหางานให้ข้าทำด้วย ต้องเป็นเพราะเขายุ่งตลอดเวลาเลยทนเห็นข้าว่างไม่ได้ เขาทำเช่นนี้กับข้าได้อย่างไร!”

หนานกงจ้านมองเขาด้วยหางตา “ระวังเสด็จพี่มาได้ยินเข้าแล้วเจ้าจะเดือดร้อน”

หนานกงหลีกวาดสายตาไปรอบ ๆ อย่างร้อนตัว “คงไม่หรอก ที่นี่ก็มีแค่เราสองคน”

พูดจบเขาก็มองหน้าพี่สี่ รีบเกาะแขนหนานกงจ้านทันที “ท่านพี่ ท่านเป็นถึงพี่ชายของข้า ท่านคงไม่เอาไปฟ้องฝ่าบาทหรอกนะ มิเช่นนั้น…”

หนานกงจ้านมองเขาโดยไม่ได้พูดอะไร ดูแล้วน่ากลัวนัก

หนานกงหลีบ่นพึมพำ “ข้าจะพาเสี่ยวเป่าไปเที่ยว ท่านอดเจอนางแน่!”

“สมองนิ่ม!”

หนานกงจ้านก้าวเท้าอาด ๆ จนหนานกงหลีที่กำลังพิงเขาอยู่ตัวเซจนเกือบล้มคะมำ

“ท่านพี่! ท่านต้องไม่ใช่พี่ชายของข้าแน่ ๆ มีอย่างที่ไหนทำกับน้องชายตัวเองเช่นนี้ ไอ้พี่ชายป่าเถื่อน!”

หนานกงจ้านก้าวเดินไปข้างหน้าอย่าสง่าผ่าเผย หาได้สนใจใครบางคนที่กำลังพ่นคำหยาบคายไล่หลังมา

ที่โถงปีกข้างของตำหนักฉินเจิ้ง เสี่ยวเป่ามุดเข้าไปในเรือนเพาะชำเฉ่าเหมยพลางยิ้มร่ามีความสุขเมื่อเห็นว่าเฉ่าเหมยสุกได้ที่แล้ว จากนั้นก็เริ่มลงมือเก็บเฉ่าเหมยใส่ตะกร้าใบเล็ก

“ท่านพ่อหนึ่งลูก ท่านอาสี่หนึ่งลูก ท่านอาเจ็ดหนึ่งลูก พี่ใหญ่หนึ่งลูก…”

ทุกครั้งที่เด็ดเฉ่าเหมยหนึ่งลูก เจ้าตัวเล็กก็จะพึมพำชื่อหนึ่งคน เมื่อท่องมาถึงชื่อตัวเองเป็นคนสุดท้าย เฉ่าเหมยลูกสีแดงสดก็พูนจนล้นออกมาจากตะกร้า

“งี้ด ๆ~~”

เจ้าลูกจิ้งจอกแดงตัวผอมโซส่งเสียงเรียกอยู่ที่ปลายเท้า หัวน้อย ๆ คลอเคลียขาของนางไปมาอย่างออดอ้อน

“เฉ่าเหมยลูกโตสีแดงสด”

นัยน์ตาเสี่ยวเป่าโค้งเป็นเสี้ยวสวยงาม นางป้อนเฉ่าเหมยที่เก็บมาให้มันกิน

ลูกจิ้งจอกเคี้ยวเฉ่าเหมยพลางกระดิกหางไปมาอย่างมีความสุข

เสี่ยวเป่าถือตะกร้าใบน้อยเดินจ้ำออกไป ทันใดนั้นก็เห็นชายร่างสูงใหญ่เดินเข้ามาหา

ดวงตาของเสี่ยวเป่าเป็นประกาย เร่งรีบกระโดดเข้าไปหาด้วยขาสั้นป้อมทันที

“ท่านอาสี่~”

ลูกจิ้งจอกวิ่งตามเสี่ยวเป่าไป แต่ทันทีที่เห็นบุรุษท่าทางน่ากลัวอยู่ตรงหน้า มันก็รีบหนีไปซ่อนอยู่ข้างหลังเสี่ยวเป่า

“ท่านอาสี่มาหาเสี่ยวเป่าหรือ เสี่ยวเป่ากำลังคิดถึงท่านอาสี่อยู่พอดี”

“เสี่ยวเป่า~~~”

น้ำเสียงและโทนเสียงอันคุ้นเคยดังขึ้น เสี่ยวเป่าเอียงศีรษะเล็กน้อย หนานกงหลีในชุดขุนนางสีเลือดหมูรีบเดินเข้ามา มิหนำซ้ำยังตัดหน้าหนานกงจ้านและอุ้มเจ้าก้อนแป้งมากอด

หนานกงจ้าน “…”

ไม่พอใจ.jpg

“เสี่ยวเป่า เจ้าไม่รู้หรอกว่าประชุมขุนนางเมื่อครู่พวกเขารังแกอาเจ็ดขนาดไหน พวกเขาให้อาไปเป็นเส้าชิงที่หงหลูซื่อ!”

ตำแหน่งที่ใครหลายคนต่างปรารถนาแต่ไม่ได้มา กลับถูกหนานกงหลีปฏิเสธอย่างรังเกียจเดียดฉันท์

ช่างเถิด อย่างไรเสียเขาก็มิได้ชิงชังแค่ตำแหน่งเส้าชิง แต่เขาเกลียดทุกตำแหน่งเลยต่างหาก

การเป็นท่านอ๋องที่ได้รับเงินเดือนโดยไม่ต้องทำงานถือเป็นความใฝ่ฝันอันยิ่งใหญ่ในชีวิตของเซียวเหยาอ๋อง!

[1] ต้าหงหลู (大鸿胪) มีหน้าที่รับผิดชอบดูแลด้านการทูต

[2] เส้าชิง (少卿) เป็นขุนนางชั้น 4 ชั้นเอก

[3] หงหลูซื่อชิง (鸿胪寺卿) มีตำแหน่งสูงกว่าเส้าชิง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด