เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราชบทที่ 208 เวลากินไม่พูด เวลานอนไม่คุย

Now you are reading เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช Chapter บทที่ 208 เวลากินไม่พูด เวลานอนไม่คุย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 208 เวลากินไม่พูด เวลานอนไม่คุย

บทที่ 208 เวลากินไม่พูด เวลานอนไม่คุย

เสี่ยวเป่าส่งเสียงตอบรับ สุดท้ายก็เหลือเนื้อส่วนที่มีมันน้อยเอาไว้ ครึ่งหนึ่งแบ่งมอบให้กับนายพราน ส่วนที่เหลือก็แจกจ่ายให้เหล่าองค์รักษ์

องครักษ์ข้างกายเสี่ยวเป่าล้วนได้รับคัดเลือกมาจากราชองครักษ์ของฮ่องเต้ ทุกคนล้วนแล้วแต่มีความสามารถ อีกทั้งยังมีตัวตนฐานะแตกต่างกันออกไป

บ้างก็เป็นผู้มีพรสวรรค์ที่ถูกตระกูลขุนนางเลี้ยงดูมา บ้างก็เป็นคนจากครอบครัวยากจนที่ใช้ความเพียรพยายามของตนเองเพื่อก้าวเข้ามา

หากเป็นคุณชายจากตระกูลขุนนาง พวกเขานั้นชอบกินเนื้อแกะมากกว่าเนื้อหมูป่า ทว่าสำหรับผู้ที่มาจากครอบครัวยากจนแล้ว เนื้อหมูป่าก็นับว่าเป็นเนื้อ ขอเพียงแค่ได้กินเนื้อเป็นอาหารก็มีความสุขแล้ว

หลังจากแบ่งเนื้อหมูป่าเรียบร้อยแล้ว หัวหน้าองครักษ์ก็เริ่มหันมากังวลกับหมูป่าน้อยที่ร้องเสียงดังลั่น

“องค์หญิง ควรทำเช่นไรกับหมูป่าตัวน้อยดีพ่ะย่ะค่ะ?”

หากจะกิน เนื้อก็น้อยเกินไป หากเก็บเอาไว้ หมูป่าในสถานที่ไม่คุ้นก็มีโอกาสอย่างมากที่จะอาละวาดทำลายข้าวของ!

หัวหน้าองครักษ์แสดงความกังวลออกมา เสี่ยวเป่าที่กำลังกินซู่เหมยก็จับจ้องไปทางหมูป่าตัวน้อย ก่อนที่หนานกงฉีซิวจะทันได้พูดสิ่งใด เสี่ยวเป่าก็พลันเอ่ยขึ้นมาก่อน

“ตัดแล้ว ค่อยเลี้ยงเอาไว้”

ชั่วขณะหนึ่งทุกคนไม่เข้าใจว่านางหมายความว่าอย่างไร

เสี่ยวเป่าชี้นิ้วไปที่ด้านหลังหว่างขาของหมูป่าน้อย “ต้านต้าน*[1]”

สีหน้าแววตาของนางบริสุทธิ์ใสซื่อยิ่งนัก

หนานกงฉีซิวที่เข้าใจความหมายของนาง “…”

เขาอยากให้ตนเองไม่เข้าใจเสียมากกว่า

หัวหน้าองครักษ์ที่เพิ่งเข้าใจความหมาย “…”

องค์หญิงน้อย…องค์หญิงน้อยช่างเหี้ยมหาญยิ่งนัก

สุดท้ายภายใต้การอ้อนวอนอย่างแรงกล้าจากเสี่ยวเป่า เจ้าหมูป่าน้อยเหล่านั้นก็ไม่อาจเก็บรักษาต้านต้านของตัวเองเอาไว้ได้

ผู้ที่ลงมือกระทำเรื่องนี้คือพ่อค้าเนื้อ ก่อนหน้านี้เขาล้วนเพียงแค่สังหารหมูโดยตรงจะเคยทำเรื่องเช่นนี้ที่ใดกัน เมื่อหมูตายแล้วเขาก็ไม่รู้สึกอันใด ทว่าตอนนี้…

ขณะลงมือเขาพลันรู้สึกเย็นวาบที่หว่างขาของตนเอง

หลังจากเหล่าหมูป่าน้อยที่ถูกจับตอนเรียบร้อย ก็ทาสมุนไพรลงบนบาดแผล ก่อนจะนำไปไว้ในคอกหมู

หลังจากจัดการเหล่าหมูป่าน้อยแล้ว หนานกงฉีซิวก็พาเสี่ยวเป่ากลับ เพราะเกรงว่าต้องรอจนกว่าการฝังพระศพองค์หญิงไท่จ่างเสร็จ จึงจะเริ่มเก็บเกี่ยวพืชผลในฤดูใบไม้ร่วงได้

มีองุ่นและลูกพลับป่ามากเกินไป แม้ลานเล็ก ๆ ของเสี่ยวเป่าจะสามารถรองรับทั้งหมดได้ แต่ดูแล้วก็รู้สึกแออัดเกินไป

หนานกงสือเยวียนมองลานที่แน่นขนัดด้วยสีหน้ามืดครึ้ม ก่อนจะโบกมือหนึ่งครั้ง มอบลานของตำหนักใกล้เคียงที่ไม่มีคนอยู่ให้กับนาง

อย่างไรเสียวังหลังของเขาก็มีคนน้อยนิด ทำให้มีตำหนักว่างจำนวนมาก

เขาไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่าบุตรีของตนเองกำลังยุ่งวุ่นวายอยู่กับสิ่งใด แต่ก็มอบลานให้นางหนึ่งแห่งเสียแล้ว หากเป็นคนในตระกูลอื่นคงจะถูกผู้คนนินทาว่าลูกล้างผลาญพ่อแม่

“ท่านพ่อดีที่สุดเลย!”

เสี่ยวเป่ามีความสุขจนกระโดดขึ้นเกาะท่านพ่อ ก่อนจะกดจมูกน้อย ๆ ลงไปหอมแก้มบิดา ในดวงตาสีดำสนิทราวกับมีดวงดาราส่องประกายอยู่

หนานกงสือเยวียนหยิกแก้มของลูกสาว “ในเมื่อรู้ว่าบิดาดี เช่นนั้นก็บอกมาเสียว่าเจ้ากำลังจะทำอันใดกับสิ่งเหล่านี้?”

เสี่ยวเป่าที่ถูกบีบแก้มคาดคั้นส่ายหน้าหนีทันที

“ความลับ หากบอกไปก็ไม่ใช่ความลับสิ”

หนานกงสือเยวียนเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “ดี ข้าอยากรู้ว่าเจ้ากำลังพยายามเก็บความลับอันใดไว้”

กับเขายังมีความลับ ดีมาก!

เด็กน้อยยิ้มอย่างมีเลศนัย “รอทำเสร็จ ท่านพ่อก็รู้เอง”

องุ่นและลูกพลับป่าทั้งหมดถูกส่งไปยังตำหนักเจียเหอที่ไม่มีผู้อาศัยอยู่ ส่วนเสี่ยวเป่าและท่านพ่อก็ไปกินอาหารเย็นด้วยกัน

“ท่านพ่อ ท่านลองกินเนื้อแกะสับดู”

“ท่านพ่อ ผักกาดขาวอร่อยยิ่งนัก”

“ท่านพ่อ…”

หนานกงสือเยวียน “ข้ากินเอง”

เสี่ยวเป่าเอียงคอพร้อมแกว่งเท้าตอบกลับมา “เช่นนั้นก็ดีแล้ว ท่านพ่อควรกินให้มากกว่านี้ เนื้อหนังจะได้เยอะ ๆ”

“ข้าไม่จำเป็นต้องมีเนื้อเยอะ”

“จำเป็นสิ กินเยอะ ๆ ร่างกายจะได้แข็งแรง”

“ข้ากินเยอะแล้ว”

“ไม่เยอะ ต้องแบบเสี่ยวเป่าที่กินเยอะ”

“เวลากินไม่พูด เวลานอนไม่คุย”

เสี่ยวเป่า “…ได้”

ทว่ายังไม่ทันน้ำชาจะหมดจะถ้วย เด็กน้อยก็อดพูดอีกครั้งไม่ได้

“ท่านพ่อ ผู้ใดเป็นผู้กำหนดสิ่งนี้กัน ท่านพ่อไม่จำเป็นต้องทำตามได้หรือไม่ เสี่ยวเป่าอยากคุยกับท่านพ่อ เสี่ยวเป่ามีเรื่องอยากพูดตั้งมากมาย”

หนานกงสือเยวียน “…กินดี ๆ”

ตัวก็เล็กแค่นี้แต่เหตุใดจึงพูดมากเพียงนี้

ขณะที่อาหารยังอยู่ในปาก เสี่ยวเป่าก็พึมพำออกมาว่า “เสี่ยวเป่ากินดี ๆ แล้ว แต่ท่านพ่อไม่กิน”

อาหารเย็นมื้อนี้จบลงท่ามกลางเสียงพึมพำของเสี่ยวเป่า

[1] ต้าน (蛋) แปลว่า ไข่

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด