เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราชบทที่ 158 ใครอยู่ตรงนั้น

Now you are reading เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช Chapter บทที่ 158 ใครอยู่ตรงนั้น at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 158 ใครอยู่ตรงนั้น

ตอนที่ 158 ใครอยู่ตรงนั้น

“มีพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมได้เตรียมนมและเนื้อสัตว์ไว้แล้ว แต่พวกมันไม่ยอมกิน”

แม้จะอยู่ในสภาพอิดโรย แต่ลูกหมาป่ายังคงเกรี้ยวกราด พวกมันแยกเขี้ยวเล็ก ๆ เหมือนพยายามจะกัด นี่ทำให้ชุนสี่และคนอื่น ๆ พากันเหงื่อตก

เสี่ยวเป่าจับที่หลังคอลูกหมาป่า ลูบหัวของมันพร้อมเกลี้ยกล่อมด้วยเสียงใสแบบ ‘กรรรร (เสียงสอง)’

“เด็กดี”

แต่หากลูกหมาป่าเชื่องได้ง่าย ๆ ก็คงจะไม่ใช่หมาป่าที่แท้จริง

ชุนสี่ตัวสั่น “องค์หญิงเพคะ องค์หญิงมาอยู่กับหม่อมฉันตรงนี้ดีกว่าเพคะ”

เสี่ยวเป่าส่ายหน้า ยกมือเกาคางลูกหมาป่า และส่งพลังวิญญาณผ่านปลายนิ้วให้ไหลเข้าสู่ร่างกายของมัน

พลังวิญญาณจากภูตตัวน้อยเต็มไปด้วยความอ่อนโยน ทั้งยังช่วยเสริมพลังให้แก่พืชพรรณและเหล่าสรรพสัตว์ก็ชอบมากเช่นกัน

เจ้าลูกหมาป่าตัวน้อยค่อย ๆ มีท่าทีอ่อนลง ทรุดกายลงในอ้อมแขนของเด็กหญิงอย่างไม่ทันรู้ตัว ส่งเสียงครางเบา ๆ อย่างน่าเอ็นดู นัยน์ตาเป็นประกายสดใสจ้องมองนางอย่างเชื่อฟัง

ขันทีผู้ทำหน้าที่ดูแลสัตว์เบิกตากว้างเมื่อเห็นภาพนั้น

เมื่อครู่นี้ ลูกหมาป่ายังดูดื้อรั้นอยู่เลยไม่ใช่หรือ? เหตุใดจึงดูเชื่องหลังจากที่องค์หญิงเก้าเกาคางไม่กี่ครั้ง?

เสี่ยวเป่าลูบหัวลูกหมาป่าพร้อมเลิกคิ้วขึ้น “กินนี่ก่อนเร็ว เด็กดี”

นางบอกให้คนนำนมเข้ามา คราวนี้เมื่อเสี่ยวเป่าให้อาหาร ในที่สุดเจ้าลูกหมาก็ยอมกิน

กับลูกหมาป่าตัวอื่น ๆ เสี่ยวเป่าก็ใช้วิธีเดียวกัน

เหล่าภูตมีพรสวรรค์ในการผูกมิตรสูงมาก ไม่เพียงแต่มีหน้าตาที่งดงามดึงดูดมนุษย์เท่านั้น ทว่าสัตว์ต่าง ๆ ยังชอบที่จะเกาะติดแจด้วยเช่นกัน

ไม่นานนัก นางก็ให้อาหารเสร็จ

ลูกหมาป่าสองสามตัวเดินตามหลังเด็กน้อยด้วยความกระตือรือร้น ทำให้เจ้าแพนด้าถูกเบียดออกไป

แต่ว่าถวนจื่อเป็นเด็กดี มันไม่ได้โกรธที่ถูกเบียดออกไป เพียงแค่ขยับไปนั่งด้านข้างและกินผิงกั่วต่ออย่างแช่มช้า

นอกจากเสี่ยวเป่าแล้ว เหล่าลูกหมาป่ายังคงระแวดระวังตัวจากมนุษย์คนอื่น ชุนสี่และขันทีทั้งสามก็ไม่สามารถเข้าใกล้พวกมันได้

เสี่ยวเป่านั่งอยู่ท่ามกลางเหล่าหมาป่าน้อยขนปุกปุย ทำให้มีขนเส้นเล็ก ๆ ติดอยู่ตามเสื้อผ้า

ชุนสี่อยากจะร้องไห้ “องค์หญิงเพคะ กลับไปแล้วพระองค์จะต้องอาบน้ำอีกครั้งนะเพคะ”

เสี่ยวเป่า “…”

ไม่อยากอาบอีกรอบเลย แต่ถ้าไม่อาบ ท่านพ่อต้องไม่ชอบแน่ ๆ

เสี่ยวเป่าลงไปนั่งกอดเข่าเขี่ยพื้นเป็นวงกลม

“ก็ได้ เสี่ยวเป่าจะไปเดี๋ยวนี้”

นางมองไปทางขันทีทั้งสาม “มีใครรู้วิธีตัดขนแกะบ้าง”

ทั้งสามมองหน้ากันไปมาด้วยความตกตะลึง และหนึ่งในนั้นก็ยกมือขึ้น “องค์หญิง กระหม่อมเคยเลี้ยงแกะที่บ้าน และเรียนรู้การตัดขนแกะจากบิดาพ่ะย่ะค่ะ”

ชุนสี่หันไปมองเขา แสดงท่าทางสมกับฐานะนางกำนัลขององค์หญิง “องค์หญิงทรงเลี้ยงแกะเอาไว้และต้องการตัดขนให้มัน จำต้องรบกวนท่านแล้ว”

เมื่อได้คนตัดขนแกะแล้ว เสี่ยวเป่าก็ลุกขึ้นปรบมือ และเดินกลับไปพร้อมกับถวนจื่อ

ทว่าหลังจากเดินไปได้ไม่กี่ก้าว นางก็หันกลับมามอง พบว่าลูกหมาป่าสองสามตัวกำลังตามหลังมาอย่างอ่อนแรง โซเซล้มลงเป็นระยะ แต่ก็ยังดื้อรั้นจะเดินตามมาให้ได้

เสี่ยวเป่า “???”

“พวกเจ้าต้องอยู่ที่นี่นะ”

ลูกหมาป่าน้อยไม่สนใจ พวกมันยังอยากจะเดินตามนางต่อไป ดวงตากลมโตมองมาที่นางอย่างอาลัยอาวรณ์ราวกับกำลังบอกว่า เหตุใดถึงพาพวกมันไปด้วยไม่ได้

เสี่ยวเป่าย่อตัวและพูดกับเหล่าลูกหมาป่าอย่างจริงจังว่าไม่สามารถพาพวกมันไปด้วยได้ หากอยู่ที่นี่พวกมันจะได้รับการดูแลที่ดีกว่า

หลังจากที่ปากเล็ก ๆ ขยับพูดต่อไปเรื่อย ๆ จนจบ นางก็หันหลังเดินออกมาอีกครั้ง แต่ลูกหมาป่าก็ยังตามมาอยู่ดี

เสี่ยวเป่า “…”

ชุนสี่ “…”

เจ้าพวกนี้กำลังแกล้งให้นางลำบากใจใช่หรือไม่

“องค์หญิงพ่ะย่ะค่ะ เอ่อ…”

ขันทีทั้งสองไม่สามารถหยุดลูกหมาป่าเอาไว้ได้ ทันทีที่เข้าไปใกล้ ลูกหมาป่าก็แยกเขี้ยวเล็ก ๆ ขู่ ราวกับว่าพร้อมจะกัดทุกเมื่อ

เสี่ยวเป่า “…ไปกับเสี่ยวเป่าก่อนแล้วกัน เดี๋ยวพรุ่งนี้จะพาไปให้พวกพี่ ๆ”

ถึงอย่างไร พี่รองก็ตั้งใจจะมอบพวกมันให้พี่น้องอยู่แล้ว เช่นนั้น ก็ให้เจ้าพวกนี้ไปกับเสี่ยวเป่าก่อนสักวัน

พรุ่งนี้ค่อยพาไปส่งอีกที!

สัตว์มากมายเพียงนี้ นางจะไปเลี้ยงไหวได้อย่างไร

สุดท้าย เสี่ยวเป่าก็อุ้มลูกหมาป่าที่อายุน้อยที่สุดขึ้นมา โดยมีเจ้าถวนจื่อและลูกหมาป่าตัวอื่น ๆ เดินตามมาอย่างช้า ๆ ‘ครอบครัวขนาดใหญ่’ พากันเดินไปทางตำหนักฉินเจิ้ง

ชุนสี่หวั่นใจเป็นอย่างมาก ฝ่าบาทจะลงโทษนางหรือไม่ เพราะตอนนี้ตำหนักขององค์หญิงเต็มไปด้วยสรรพสัตว์มากมาย

เจ้าก้อนแป้งขาวราวหิมะที่งดงามกำลังเดินนำหน้าอย่างร่าเริง เป็นภาพที่สวยงามชวนสะดุดตาเป็นที่สุด

เหล่านางกำนัลและขันทีที่เดินผ่านไปผ่านมาอดไม่ได้ที่จะลอบมองอย่างเงียบ ๆ

เป็นเหล่าก้อนขนนุ่มนิ่มที่น่ารักมากเสียจริง!

“ฝ่าบาทเพคะ องค์ชายใหญ่และองค์ชายรองถึงวัยสมรสได้แล้ว องค์ชายใหญ่อาจไม่ต้องคัดเลือกพระชายาอย่างเร่งด่วนเพราะมีหวงกุ้ยเฟยอยู่แล้ว แต่เรื่องขององค์ชายรองนั้นไม่สามารถรีรอได้ เห็นแก่หม่อมฉันที่เป็นมารดา ฝ่าบาทโปรดพระราชทานสมรสให้แก่องค์ชายรองด้วยเถอะเพคะ”

ระหว่างที่นางเดินกลับมาพร้อมกองทัพก้อนขน เสี่ยวเป่าก็ได้ยินประโยคเหล่านี้ ดูเหมือนว่าท่านพ่อจะอยู่ที่นี่ด้วย

เสี่ยวเป่าชำเลืองมองแล้วหันเท้าเล็ก ๆ ไปที่หินแถว ๆ นั้น

เจ้าพวกก้อนขนน้อย ๆ ที่เดินตามมาเป็นขบวนเผลอชนกันเข้าเพราะไม่ทันตั้งตัว

ถวนจื่อชนเข้ากับลูกหมาป่าทั้งสอง

พวกมันทั้งหมดกระดิกหางแล้วตามเสี่ยวเป่ามาอย่างช้า ๆ ด้วยท่าทางไร้เดียงสาน่าเอ็นดู

ลูกหมาป่าสั่นหัวไปมา ก่อนจะลุกขึ้นเดินตามไป

ชุนสี่ “…”

การแอบฟังเรื่องส่วนพระองค์ของฝ่าบาทไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้องไม่ใช่หรือ…?

แต่เมื่อองค์หญิงไปแอบอยู่ทางนั้นแล้ว ตอนนี้นางไม่สามารถห้ามอะไรได้ นอกจากตามไป

“ฝ่าบาท หม่อมฉันขอร้อง แม้พระองค์จะไม่พระราชทานสมรสให้องค์ชายรอง แต่อย่างน้อยโปรดให้องค์ชายรองหมั้นหมายไว้ก่อนด้วยเถิดเพคะ”

หนานกงสือเยวียนมองสตรีที่ร้องไห้อยู่ตรงหน้าอย่างเฉยเมย

“อันใด เจ้าไม่พอใจที่ข้าส่งองค์ชายรองไปที่เมืองหน้าด่านอย่างนั้น”

หลี่เซียงอี๋รีบก้มหน้าลง “หม่อมฉันมิบังอาจเพคะ”

หนานกงสือเยวียน “ข้าไม่ใช่เฒ่าจันทรา ไม่มีเวลามากพอมาผูกด้ายแดงให้โอรสหรอกนะ”

หลี่เซียงอี๋เอ่ยต่อ “เช่นนั้นฝ่าบาทโปรดอนุญาตให้หม่อมฉันเป็นคนจัดการเรื่องนี้เอง ในฐานะพระมารดาขององค์ชายรอง ให้หม่อมฉันเป็นผู้คัดเลือกพระชายาให้เขาเถิดเพคะ”

หนานกงสือเยวียนหรี่ตาลงดูน่าหวาดหวั่นยิ่ง “งั้นหรือ? แล้วอี๋กุ้ยเฟยต้องการให้ผู้ใดมาเป็นพระชายาขององค์ชายรองกัน?”

อี๋กุ้ยเฟยปาดน้ำตาพร้อมกับแย้มยิ้มออกมาบนใบหน้า “หม่อมฉันมิบังอาจล่วงเกินอำนาจของฝ่าบาท เว้นแต่ฝ่าบาทจะทรงอนุญาตให้หม่อมฉันจัดงานเลี้ยงเพื่อคัดเลือกพระชายาแก่องค์ชายใหญ่และองค์ชายรองเท่านั้นเพคะ”

แม้จะดูรีบร้อน แต่นางก็ไม่ได้โง่เกินไป องค์ชายใหญ่ยังไม่มีทีท่าเรื่องพระชายาแล้วองค์ชายรองจะเริ่มคัดเลือกพระชายาก่อนได้อย่างไร การทำให้เซี่ยชิงหร่านขุ่นเคืองนั้นไม่น่ากลัวเท่ากับการต้องตกหลุมพรางและถูกฝ่ายศัตรูของบิดานางเล่นงาน

หนานกงสือเยวียน “รอให้องค์ชายรองกลับมาเสียก่อน”

ได้อย่างไร!

ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ว่าบุตรชายจะกลับมาเมื่อใด ดูจากท่าทีต่อต้านของเขายามจากไป นางก็รู้ได้ว่าไม่มีทางที่เขาจะเชื่อฟังคำสั่ง อยู่ในโอวาทนางยามกลับมาแน่นอน

สิ่งที่นางต้องการก็คือ จัดการเรื่องทั้งหมดให้เสร็จสิ้นเสียตั้งแต่บุตรชายไม่อยู่ ตราบใดที่มีรับสั่งจากฝ่าบาท ต่อให้องค์ชายไม่อยากจะยอมรับก็ไม่มีทางไหนที่เขาจะปฏิเสธได้

“ฝ่าบาท…”

“ใครอยู่ตรงนั้น”

หนานกงสือเยวียนขัดจังหวะนางขึ้น

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด