Divine King of All Directions 1444

Now you are reading Divine King of All Directions Chapter 1444 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“เห็นได้ชัดว่าม่านพลังด้านนอกนั้นเกิดจากตรานี่อยู่แล้วเพราะถึงอย่างไรมันก็มีกลิ่นอายแบบเดียวกันแถมผู้ถือครองยังสามารถฝ่าม่านพลังออกไปได้ง่ายๆ แค่นี้ก็สรุปได้แล้ว ”
หลินเทียนพยักหน้าเห็นด้วยกับความคิดของจระเข้เบญจธาตุอย่างมากพลางพูดต่อว่า
“แต่มันไม่น่าจะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเองแต่เป็นเพราะการอาศัยพลังของมันมากกว่า ”
“อาศัยพลัง ? ”
เหลาเหลาได้คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดต่อว่า
“จะบอกว่ามันเป็นสิ่งที่ศพอีกคนเป็นคนสร้างขึ้นโดยใช้พลังของมัน ?”
หลินเทียนพยักหน้าอย่างเห็นด้วยว่า
“ใช่แล้ว ”
“แต่ทำไมกันล่ะ ? ทำไมถึงได้สร้างม่านพลังแบบนี้ขึ้นกัน ? มันสร้างมาเพื่อให้คนภายนอกเข้ามาได้เท่านั้นแต่ไม่ให้คนภายในออกไปได้นี่มันดูแปลกมากๆเลยนะ ”
จระเข้เบญจธาตุส่งเสียงออกมา
“ปฏิเสธไม่ได้ว่าภายในสถานที่แห่งนั้นคือที่ตั้งของขุมพลังอันยิ่งใหญ่ซึ่งร่างอีกร่างคนนั้นก็จะต้องเป็นแกนหลักที่สำคัญอย่างแน่นอนแต่จากสถานการณ์ที่เห็นก็น่าจะสรุปได้ว่าขุมพลังนี้น่าจะถูกรุกรานดังนั้นถึงได้สร้างม่านพลังเหล่านี้ขึ้นมาเพื่อไม่ให้ศัตรูคนไหนมีโอกาสหนีรอดออกไป ”
หลินเทียนได้พูดต่อว่า
“แน่นอนว่านี่เป็นแค่การวิเคราะห์เท่านั้น เรื่องรายละเอียดข้าเองก็ไม่รู้หรอก ”
“แม้ว่าจะเป็นแค่การวิเคราะห์แต่มันก็ดูมีความเป็นไปได้มากๆ ”
จระเข้เบญจธาตุส่งเสียงออกมาพร้อมทั้งพูดต่อว่า
“แต่ช่างเรื่องนี้ก่อนเถอะ คิดไปก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรอยู่ดีแต่ที่สำคัญคือตรานี่ต่างหาก ”
มันมองไปยังตราในมือของหลินเทียนพร้อมทั้งพูดต่อว่า
“เป็นเพราะเหมือนว่าชายชราชุดดำนั่นจะอยากได้สิ่งนี้มากๆซึ่งนี่แสดงให้เห็นว่ามันเป็นสมบัติสวรรค์อย่างแน่นอน ! ไอ้หนูลองดูสิว่ามันมีความสามารถอะไรบ้าง ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้แล้วเหลาเหลาและเสี่ยวไท่ชูเองก็ต่างพากันจ้องมองออกไปเป็นสายตาเดียวกัน
หลินเทียนเองก็ให้ความสำคัญกับตราในมือนี้มากดังนั้นถึงได้ส่งถ่ายพลังออกไปแต่มันกลับไม่มีการตอบสนองเลยแม้แต่น้อย นี่ทำให้เขาสังเวยจิตสัมผัสออกไปสำรวจมันแต่ก็ยังไม่ได้เบาะแสอะไรกลับมาเลยเช่นกัน
เขาอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นออกไปทำให้คนอื่นๆได้แต่แสดงสีหน้าที่ประหลาดใจออกมาก่อนที่เหลาเหลาและคนอื่นๆเองก็ลองส่งถ่ายพลังของพวกเขาลงไปแต่ผลลัพธ์ก็ไม่ได้ต่างอะไรจากหลินเทียน
“ข้าคิดว่าม่านพลังที่ห่อหุ้มแผ่นดินนั่นเอาไว้นั้นเป็นสิ่งที่ตรานี่สร้างขึ้นไม่มีผิดแน่นอน นี่แสดงให้เห็นว่ามันต้องสามารถใช้งานได้แต่แล้วทำไมเราถึงไม่สามารถควบคุมมันได้กัน ? ”
จระเข้เบญจธาตุส่งเสียงออกมา
หลินเทียนได้คิดอยู่ครู่หนึ่งพลางตอบกลับไปว่า
“บางทีอาจจะเป็นเพราะระดับพลังของเรายังไม่ถึงเงื่อนไขที่มันต้องการหรือไม่ก็อาจจะจำเป็นต้องใช้วิธีการพิเศษบางอย่างใช้งานมันซึ่งเราเองก็ไม่รู้วิธีนั้น ”
“น่าจะเป็นแบบนั้นแหละ ”
จระเข้เบญจธาตุได้ส่งเสียงออกมาพลางพูดต่อว่า
“ช่างมันก่อนเถอะเพราะอย่างน้อยๆก็รู้ว่ามันเป็นสมบัติที่ล้ำค่ามากๆ ต่อให้ไม่สามารถใช้ได้ในตอนนี้แต่ก็ต้องมีสักวันที่ใช้มันได้ ”
หลินเทียนพยักหน้าอย่างเห็นด้วยพร้อมทั้งเก็บมันเอาไว้
ม่านฟ้ายังคงสลัวๆขณะที่หมู่ดาวมากมายส่องประกายระยิบระยับออกมารอบทิศทาง
“ไปกันเถอะ ”
เขาส่งเสียงออกมาพร้อมทั้งมุ่งหน้าตรงไปยังดาวตงเฮิง
เขาพูดออกมา
เป็นเพราะพวกเขาเองก็เสียเวลาติดอยู่ภายในผืนแผ่นดินแปลกๆนั่นอยู่ไม่ใช่น้อยๆดังนั้นถึงได้ระมัดระวังอยู่ตลอดการเดินทางแต่มันก็ไม่ได้ส่งผลกระทบใดๆเนื่องจากเหลาเหลานั้นสามารถจดจำเส้นทางของมันได้อย่างดี
นี่ทำให้พวกเขาพากันพุ่งตรงออกไปยังเส้นทางเฉพาะแห่งหนึ่ง
พริบตาเวลาก็ได้ล่วงเลยไปกว่าสองปีครึ่ง
วันนี้เป็นวันที่พวกเขาได้หยุดอยู่ตรงหน้าดวงดาวขนาดใหญ่ที่รายล้อมไปด้วยหมู่ดาวมากมายเสมือนนกกระเรียนที่รายล้อมไปด้วยฝูงไก่
“ถึงแล้ว นี่แหละดาวตงเฮิง ”
เหลาเหลาส่งเสียงออกมาด้วยความตื่นเต้น
ที่นี่เป็นดาวบ้านเกิดของนางซึ่งในที่สุดนางก็ได้กลับมาหลังจากที่พลัดหลงไปยังหมู่ดาวอื่น
หลินเทียนหันมองไปทางนางและเข้าใจความรู้สึกของนางได้อย่างดีเพราะถึงอย่างไรเขาก็มีประสบการณ์แบบเดียวกันมาแล้ว
“ไปกัน ”
เขาไม่ลังเลเลยที่จะพุ่งตรงเข้าไปพร้อมทั้งดิ่งลงไปยังชั้นบรรยากาศของดาวและในที่สุดก็เข้าไปภายในดาวดวงนี้อย่างแท้จริง
เมื่อมองออกไปรอบๆแล้วจะพบได้กับโลกอันกว้างใหญ่ ภูเขาสูงตั้งตระหง่านทอดยาวออกไปไกลแถมยังมีพลังฉีที่เข้มข้นเสียยิ่งกว่าดาวจี่หยานเสียอีก
“ไม่ธรรมดาจริงๆ ”
จระเข้เบญจธาตุส่งเสียงออกมา
นี่คือดาวดวงแรกที่มันได้สัมผัสซึ่งเมื่อมองออกไปรอบๆแล้วดวงตาของมันก็ถึงกับหดเล็กลงไปทันทีเนื่องจากมันไม่ใช่อะไรที่ดาวสวรรค์สิบชั้นจะเทียบเคียงได้เลยด้วยซ้ำ
หลินเทียนหันมองออกไปด้วยสีหน้าที่ไม่ได้ประหลาดใจอะไรมากนักเพราะถึงอย่างไรเขาเองก็เคยอาศัยอยู่ภายในดาวจี่หยานมาก่อนแล้วซึ่งมันเองก็ไม่ได้ต่างอะไรไปจากที่นี่มากนัก
หลังจากนั้นเขาก็ได้หันมองออกไปด้วยดวงตาที่เปล่งประกายเพราะที่ดาวดวงนี้มีสิ่งสำคัญที่เขาต้องการ
เขาใช้เวลากว่าห้าปีครึ่งจึงมาถึงสถานที่แห่งนี้และมันก็เพื่อเศษเสี้ยววิญญาณกระบี่เท่านั้น
“ในที่สุดก็กลับมาแล้ว ”
เหลาเหลาได้แต่ส่งเสียงออกมาด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้นอย่างมากพลางหันมาขอบคุณเขายกใหญ่ก่อนที่จะพูดต่อว่า
“ประกายแสงเจ็ดสีอยู่ในทางนั้น เดี๋ยวข้าจะนำทางเจ้าไปที่นั่นเอง ”
นางรู้ดีว่าเป้าหมายในการเดินทางของหลินเทียนนั้นก็เพื่อมาส่งนางกลับและเพื่อประกายแสงเจ็ดสีเช่นกัน
หลินเทียนเผยรอยยิ้มออกมาพลางตอบกลับไปว่า
“ไม่ต้องรีบร้อนไปหรอก เจ้าหายตัวไปกว่าสิบๆปีจนในที่สุดก็กลับมาได้แบบนี้แล้วก็ควรจะกลับไปที่บ้านก่อนนะ ”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด