Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ 1003

Now you are reading Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ Chapter 1003 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
บันไดอันใหม่

“ทำไมต้องทำหน้าเคร่งเครียดขนาดนั้นด้วยล่ะเพคะ” จู่ๆ ไนติงเกลก็ยิ้มขึ้นมา “ความจริงไม่ว่าพระองค์ตรัสอะไร หม่อมฉันก็เชื่อทั้งนั้นแหละเพคะ แต่ว่าพระองค์ก็ต้องให้เวลาคนอื่นๆ หน่อย ไม่อย่างนั้นถ้าพระองค์ไปบอกพวกเขาว่าของเล็กๆ ขนาดเท่าฝ่ามือนี่สามารถทำให้ปีศาจนับพันนับหมื่นกลายเป็นผุยผงได้ ไม่ว่าใครก็ไม่มีทางที่จะนึกภาพมันออกหรอกเพคะ โดยเฉพาะหลังจากที่พวกเขาได้เห็นสิ่งที่ลูเซียสกัดออกมา”

“จริงเหรอ?” โรแลนด์ลูบหน้าของตัวเอง น่าจะเป็นเพราะเขากังวลถึงเรื่องการแข่งกับเวลาของมนุษย์เมื่อต้องเจอกับช่วงเวลาที่สำคัญ ก็เลยทำให้หน้าเขาคร่ำเคร่งขึ้นมา “แต่ว่าเจ้าก็พูดถูกนะ เพราะว่าถ้าไม่เคยเห็นมันด้วยตาตัวเอง แม้แต่ข้าก็คงยากที่จะเชื่อเหมือนกัน”

เขาหมุนตัว แล้วถือ ‘แผ่นหิน’ ที่ดูไร้ค่านั้นเอาไว้ในมือ

นี่คือจุดเริ่มต้นของการไล่ตามพระอาทิตย์ —- ยูเรเนียมบริสุทธิ์

แค่คำพูดไม่กี่คำนั้นยากที่จะทำให้คนเชื่อมโยงมันเข้ากับ ‘สิ่งที่ยิ่งใหญ่เหมือนกับพระอาทิตย์’ ได้ ผิวสีขาวเงินกลายเป็นสีหม่นๆ เพราะปฏิกิริยาออกซิเดชั่น สัมผัสเย็นๆ ของมันไม่ว่าดูยังไงก็ไม่น่าจะเกี่ยวกับแสงและความร้อนเลย แต่โรแลนด์รู้ว่าขอเพียงมีเงื่อนไขที่เหมาะสม มันก็จะเป็นสร้างสิ่งมหัศจรรย์ขึ้นมาได้

เพื่อที่จะเก็บรวบรวมมัน หลังจบการประชุมในวันนั้น ลูเซียกับสเปียร์ก็วุ่นอยู่ที่เหมืองทิศเหนือมาเป็นเวลาเกือบหนึ่งอาทิตย์แล้ว พวกเธอทำการสกัดเอายูเรเนียมออกมาจากหินแกรนิตที่อยู่รอบๆ เหมือง ซึ่งสเปียร์ก็บ่นกับเรื่องนี้ยกใหญ่ เพราะเธอคิดว่าการที่ให้เธอไปนั่งคุ้ยหินไปมานั้นเป็นเรื่องที่ทำให้เธอเสื่อมเสียเกียรติ หลังจากนั้นเธอจึงใช้เหตุผลนี้มาอ้างกับทางสำนักงานเมืองเพื่อขอเจ้าหน้าที่ไปอีก 5 คน

ผลที่ได้ออกมาคือแผ่นหินเล็กๆ แค่นี้

เมื่อเทียบกับแท่งยูเรเนียมที่เป็นตัวอย่างในตอนแรกแล้ว แผ่นยูเรเนียมที่มีขนาดเล็กเท่าหัวแม่มือนี้มีความบริสุทธิ์มากกว่า 90% ลูเซียได้แบ่งมันออกเป็นสองชั้น โดยชั้นผิวด้านหนึ่งนั้นเป็นยูเรเนียม-235 ส่วนที่เหลือคือยูเรเนียม-238 สัดส่วนคือ 1:99 ซึ่งนี่ก็เป็นสัดส่วนตามธรรมชาติของยูเรเนียมทั้งสอง

พูดอีกอย่างคือธาตุยูเรเนียมที่มีความบางมากกว่าเส้นผมที่อยู่บนผิวของแผ่นหินนั้นอยู่ในระดับที่ ‘เป็นอาวุธ’ ได้แล้ว

ในฐานะที่เป็นนิวไคลด์ที่เกือบจะเสถียร ไม่ว่าจะเป็นยูเรเนียม-238 ที่มีสัดส่วนเป็นจำนวนมาก แต่กลับใช้ประโยชน์อะไรไม่ค่อยได้ หรือว่ายูเรเนียม-235 ที่สามารถใช้เป็นอาวุธได้นั้นก็ล้วนแต่มีครึ่งชีวิตที่ยืนยาวเป็นพันล้านปี ด้วยช่วงเวลาการสลายตัวที่ยาวนานเช่นนี้ บวกกับรังสีแอลฟาซึ่งเป็นรังสีหลักที่ถูกปล่อยออกมาในตอนที่มันสลายตัวและมีความสามารถในการทะลุทะลวงที่ต่ำจนไม่สามารถทะลุผิวหนังได้ ทำให้ถึงแม้จะถือมันเอาไว้ในมือก็ไม่มีทางที่จะได้รับอันตรายใดๆ จนถึงแก่ชีวิต

แต่ก็ไม่ใช่ว่าการสัมผัสยูเรเนียมที่มีความเข้มข้นสูงจะปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็นต์

เพราะว่าในรังสีแอลฟาบางส่วนที่เกิดขึ้นจากการสลายตัวของยูเรเนียมอาจจะมีพิษอยู่ หากมือเราปนเปื้อนแล้วไปหยิบของกินเข้าปาก แบบนั้นคงมีปัญหาแน่

ด้วยเหตุนี้โรแลนด์จึงให้โซโรยาทำฟิล์มใส่เคลือบ ‘แผ่นหิน’ เอาไว้ชั้นหนึ่ง นอกจากจะช่วยป้องกันไม่ให้มันเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชั่นไปมากกว่าเดิมแล้ว มันยังช่วยป้องกันพิษของรังสีแอลฟาได้ด้วย

เพราะว่าคนส่วนใหญ่บนโลกนี้ติดนิสัยไม่ชอบล้างมือ

เขามองดูสิ่งที่อยู่ในมือของตัวเอง ก่อนจะรู้สึกทอดถอนใจขึ้นมา ยูเรเนียมที่มีพลังมันมหาศาลแฝงอยู่ในตัวแผ่นนี้กำลังนอนนิ่งอยู่ในมือของเขา มันดูแล้วไม่ได้มีพิษมีภัยแม้แต่น้อยเลย แทบจะไม่ต่างอะไรกับเหล็กทั่วๆ ไปด้วยซ้ำ นี่จึงไม่แปลกที่พวกพาซาร์จะรู้สึกยากที่จะเชื่อคำพูดของเขาได้

ในเมื่อตอนนี้เดินมาถึงขนาดนี้แล้ว อย่างนั้นงานแรกที่ต้องทำก็คือรวบรวมทรัพยากรทั้งหมดที่จำเป็นต้องใช้ในแผน ‘เรสเพลนเดนท์ เรเดียชั่น’

อาซีม่าสามารถใช้ยูเรเนียมความเข้มข้นสูงในการหาตัวอย่างที่มีระดับความเข้มข้นที่ต่างกันอย่างมากได้ อย่างน้อยนี่ก็ช่วยยืนยันได้มันสามารถใช้ในการสำรวจเหมืองได้ ถึงแม้การที่ลูเซียไปสกัดเอายูเรเนียมมาจากในเหมืองวันแล้ววันเล่าจะสามารถรวบรวมยูเรเนียม-235 มาได้ปริมาณมากพอเช่นเดียวกัน แต่การทำแบบนั้นมันจะทำให้อุตสาหกรรมต่างๆ ไม่สามารถเดินหน้าไปพร้อมกันได้

เพราะในอุตสาหกรรมการหลอมโลหะระดับสูง ลูเซียคือคนที่ไม่อาจมีใครมาแทนที่ได้

ยิ่งไปกว่านั้นด้วยยูเรเนียมเกรดที่ใช้ทำอาวุธเพียงอย่างเดียวยังไม่สามารถทำระเบิดที่ใช้งานจริงได้ ถ้าอยากจะทำให้มันกลายเป็นระเบิดกัมมันตรังสี โรแลนด์ยังจำเป็นต้องใช้ธาตุอีกอย่างหนึ่งที่หาได้ยาก ปกติมันมักจะเกิดอยู่ในเหมืองยูเรเนียม แต่ปริมาณของมันมีเพียงแค่ 1 ใน 10 ล้านของยูเรเนียมเท่านั้น ต่อให้มีลูเซียคอยช่วย เขาก็จำเป็นต้องใช้แร่ดิบจำนวนมหาศาลในการแก้ไขปัญหานี้

เอาเป็นว่า หลังจากนี้คงต้องพึ่งอาซีม่าแล้ว

โรแลนด์เก็บแผ่นยูเรเนียมลงไปในกล่อง ก่อนจะใส่มันเข้าในลิ้นชักพร้อมกับล็อกลิ้นชักเอาไว้ จากนั้นเขาหยิบเอาแปลนออกแบบเครื่องยนตร์สันดาปภายในที่ยังไม่เสร็จเรียบร้อยออกมากางไว้บนโต๊ะ

ถึงแม้ในค่ำคืนที่มีหิมะตกเช่นนี้ คนส่วนใหญ่จะพากันเข้านอนไปแล้ว แต่สำหรับเขาแล้ว เขายังมีงานอีกมากที่ต้องทำ

“คืนนี้จะนอนดึกอีกแล้วเหรอเพคะ?” ไนติงเกลเอียงหน้าถามเขา

เขาขยับคอตัวเอง ก่อนจะหยิบเอาปากกาขนนกขึ้นมา “ทุกคนลำบากกันมามากกว่าจะมองเห็นความหวัง ข้าไม่อาจทำให้ทุกสิ่งพังลงเพียงเพราะความขี้เกียจของตัวเองได้ เพื่อที่จะได้มีชื่อบันทึกลงไปในประวัติศาสตร์ นอนน้อยหน่อยก็ไม่ถือเป็นเรื่องใหญ่อะไร”

“จริงเหรอเพคะ…แต่ทำไมหม่อมฉันฟังดูแล้วเหมือนจะมีคำพูดส่วนหนึ่งที่ไม่ตรงกับใจของพระองค์นะเพคะ”

“แค่กๆๆ…..ไหนบอกว่าข้าพูดอะไรเจ้าก็เชื่อทั้งหมดไง”

“แต่พระองค์เป็นคนสั่งหม่อมฉันเองว่าให้ใช้พลังมาดูความคิดที่แท้จริงของพระองค์นะเพคะ” ไนติงเกลแลบลิ้นใส่

“เอาล่ะๆ ข้าอยากทำแบบนี้เอง พอใจหรือยัง?” เขาพูดอย่างจนปัญญา “ไม่ว่ายังไงข้าก็ไม่อยากจะแพ้ปีศาจ แล้วก็ยังมีเจตจำนงของพระเจ้าอะไรนั้นอีก”

“อื้อ ครั้งนี่ตรัสออกมาจากใจจริง อย่างนั้นหม่อมฉันชงชาให้พระองค์นะเพคะ แล้วก็จะไปเอาของว่างมาด้วย” ไนติงเกลยิ้มเล็กน้อย “บาร์บีคิว เห็ดอบน้ำผึ้ง กุ้งทอดกระเทียม แล้วก็เครื่องดื่มยุ่งเหยิง ให้พ่อครัวเตรียมมาอย่างละที่นะเพคะ?”

เฮ้ นี่เจ้าอยากจะกินเองใช่ไหม!

โรแลนด์ส่ายหัวอย่างเหนื่อยใจ “เอาที่เจ้าชอบแล้วกัน”

“เพคะ ฝ่าบาทของหม่อมฉัน” เธอยิ้มเจ้าเล่ห์

…..

วันถัดมาอาซีม่าพกเอาแผ่นยูเรเนียมความเข้มข้นสูงออกเดินทางไปบนเส้นทางแห่งการตามหาแหล่งกำเนิดของมัน ส่วนโรแลนด์เองก็ได้ข่าวดีอีกข่าวจากทางสำนักงานเมือง

โครงการหอกลั่นน้ำมันที่เป็นความร่วมมือระหว่างกองโยธาธิการกับกองอุตสาหกรรมเคมีได้สร้างหอกลั่นหมายเลขหนึ่งเสร็จเรียบร้อยแล้ว

โรแลนด์ได้เดินทางไปเป็นประธานในพิธีเปิดเพื่อแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของมัน

หอกลั่นแห่งนี้ตั้งอยู่ในเขตอุตสาหกรรมของเมืองเนเวอร์วินเทอร์ตรงแม่น้ำแดง ตัวหอนั้นสูงเกือบ 25 เมตร อีกทั้งยังเป็นตัวแทนของการรรวมกันระหว่างเทคโนโลยีใหม่กับแนวคิดใหม่ ตัวหอที่เป็นเหล็กนั้นไม่ได้มีอะไรที่ดูพิเศษ มีเพียงแค่ตรงกลางที่ถูกแบ่งออกเป็นชั้นเพื่อเอาไว้แยกผลิตภัณฑ์ต่างๆ ตามจุดเดือดที่แตกต่างกัน ส่วนการวัดอุณภูมิอย่างละเอียดกับการควบคุมปริมาณการระเหยนั้นทำเสร็จเรียบร้อยภายในห้องทดลอง บวกกับเทคนิคการเชื่อมโลหะของอันนาทำให้สามารถทำการกลั่นน้ำมันอย่างง่ายๆ ได้

ความจริงแล้ว….คุณภาพของผลิตภัณฑ์ที่ทำการกลั่นออกมามีความสัมพันธ์กับตัวหอกลั่นน้อยมาก น้อยถึงขนาดที่ว่าบางพื้นที่สามารถเอาอิฐมาก่อเป็นเตา แล้วก็สามารถกลั่นน้ำมันออกมาได้เลย นี่ทำให้เขาคิดถึงหนังสือภูมิศาสตร์ในสมัยเด็กๆ ของตัวเองขึ้นมา บนหนังสือเขียนว่าประเทศของเขานั้นมีความอุดมสมบูรณ์อย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นแร่หรือทรัพยากรอะไรก็มีทั้งหมด แต่พอโตมาเขาถึงได้รู้ว่า ที่บอกว่ามีมันก็มีอยู่หรอก…แต่คุณภาพของมันกลับไม่ได้ดีเท่าไร จนมักจะสร้างปัญหาให้โรงกลั่นอยู่บ่อยๆ

เขาพบว่าแหล่งทรัพยากรพวกนี้มันเหมือนกับหน้าตาคนเราที่แตกต่างกันตั้งแต่เกิด ความแตกต่างระหว่างแร่คุณภาพเยี่ยมกับแร่คุณภาพต่ำนั้นเรียกได้ว่าต่างกันราวฟ้ากับดิน ซึ่งก็ได้แต่ต้องใช้ความพยายามถึงจะทำให้แร่คุณภาพต่ำนั้นสามารถนำมาใช้งานได้ น้ำมันเองก็เป็นเช่นนี้เหมือนกัน น้ำมันดิบที่มีขี้ผึ้ง ซัลเฟอร์และเกลืออนินทรีย์ปนเปื้อนนั้นเหนียวจนเป็นเหมือนโคลน เอามาจุดไฟก็ไม่ลุกไหม้ ถ้าไม่ทำการแปรรูปก็แทบเอาไปใช้งานอะไรไม่ได้เลย แต่ก็มีน้ำมันดิบที่มีความหนาแน่นน้อยบางตัว อย่างเช่นแหล่งน้ำมันในบอร์เนียวที่ส่วนใหญ่แค่สัมผัสถูกไฟก็ลุกไหม้ พอสูบขึ้นมาก็สามารถนำมาใช้เป็นเชื้อเพลิงได้เลย

น้ำสีดำที่มีอยู่ทั่วทั้งดินแดนทางใต้สุดนั้นเป็นน้ำมันแบบหลัง

หลังจากที่รู้ว่ามีน้ำมันที่พุ่งขึ้นมาจากใต้ดิน โรแลนด์ก็สนใจทะเลทรายแห่งนี้มาโดยตลอด และความจริงก็ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าน้ำมันที่เก็บกลับมาจากแหลมเอนด์เลสนั้นมีคุณภาพที่ใช้ได้เลยทีเดียว หลังกลั่นออกมาแล้วส่วนใหญ่สามารถนำมาใช้งานได้ ถึงแม้จะไม่อาจเทียบกับน้ำมันคุณภาพดีในยุคสมัยใหม่ได้ แต่มันก็เพียงพอที่จะบรรลุความต้องการของโรแลนด์ในตอนนี้แล้ว

สิ่งที่เป็นความล้ำหน้าจริงๆ ของแผนการนี้ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ระบบสนับสนุนและการออกแบบระบบ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด