Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ 1433 สามราชาแห่งแนวรบตะวันตก

Now you are reading Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ Chapter 1433 สามราชาแห่งแนวรบตะวันตก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“เจ้าเข้าไปในดินแดนแห่งจิตสำนึกจากที่นี่เหรอ?” เฮคซอดมองไปรอบๆ สุดท้ายสายตาก็มาหยุดอยู่ตรงใต้เท้า

ไซเลนท์พยักหน้า

“ข้าคิดว่าเจ้าตัวผู้นั่นมันคงไม่มาแล้วล่ะ” มันค่อยๆ เปิดประตูมิติที่มีขนาดเล็กประมาณนิ้วมือขึ้นมาที่ด้านหลังบานหนึ่ง จากนั้นจึงยื่นนิ้วเข้าไปนิ้วหนึ่ง เป็นดิน “ยิ่งไปกว่านั้นทันทีที่พระผู้สร้างตกลงมาก็จะไม่สามารถแก้ไขอะไรได้อีก เจ้ากำลังเสียเวลาเปล่าๆ”

“ถ้าเจ้าไม่อยากมาก็กลับไปก่อนได้” เซโรเชสพูดอย่างไม่หวั่นไหว

“ถ้าข้าไป แล้วใครจะพาเจ้าออกไปจากนี่?” เฮคซอดกรอกตาใส่ เจ้าลงมือกับเดอะแมสก์อย่างเปิดเผยขนาดนั้น แล้วตอนนี้ยังจะมาพูดแบบนี้ นี่จงใจยั่วโมโหมันอย่างนั้นเหรอ? ตอนที่จักรพรรดิอ่านความทรงจำจะต้องเห็นว่าทุกๆ เหตุการณ์ล้วนแต่มีมันอยู่ในเหตุการณ์อย่างแน่นอน ทั้งขัดคำสั่งจักรพรรดิ ทราบเรื่องแล้วไม่ยอมรายงาน หลอกล่อคนอื่นให้ไปทำงานแทน…โทษเหล่านี้แค่หลับตาก็สามารถนึกออกมาได้ ถ้าจักรพรรดิส่งราชาตัวอื่นมาจัดการมันจริงๆ การที่มีไซเลนท์ดิสแอสเตอร์ซึ่งมีความสามารถในการต่อสู้ที่แข็งแกร่งอยู่ข้างกาย อย่างน้อยก็ยังพอจะมีคนช่วยป้องกันตัวเองได้บ้าง

ลงไปอีกร้อยเมตรก็ยังเป็นดินอยู่

“ข้าจะออกไปจากที่นี่ได้หรือเปล่ามันไม่สำคัญ ยิ่งไปกว่านั้น….เจ้าไม่มีวิธี ไม่ได้หมายความว่าวัลคีรีย์จะไม่มีวิธีเหมือนกัน”

จุ๊ๆ แล้วไม่ลองคิดดูหน่อยล่ะว่าใครเป็นคนคิดหาวิธีที่ทำให้หาวัลคีรีย์เจอ “แล้วถ้ามันเองก็คิดไม่ออกล่ะ?”

“….” ไซเลนท์ไม่ได้ตอบ

ตอนที่นิ้วยื่นลงไปถึงระยะ 500 เมตร อีกด้านหนึ่งของประตูมิติกลายเป็นโพรงโล่งๆ เฮคซอดค่อยๆ ปรับทิศทาง ไม่นานนิ้วมือก็ลูบไปเจอคราบของเหลวเหนียวๆ กองหนึ่ง

มันพอจะรู้อะไรบางอย่างแล้ว

“เจ้าไม่เคยคิดเรื่องที่จะบังคับพาเจ้าตัวผู้คนนี้หนีไปด้วยกันเหรอ?”

สายตาไซเลนท์เป็นประกายขึ้นมา แต่ไม่นานมันก็สงบลงอย่างรวดเร็ว “ถ้าจะพาไปมันก็อาจจะได้อยู่ แต่การจะทำให้มันมีชีวิตอยู่ต่อไปกลับเป็นเรื่องยาก ทั้งเจ้าและข้าต่างก็รู้ว่ามนุษย์นั้นอ่อนแอแค่ไหน ถ้าไม่รู้ตำแหน่งที่แน่นอนของวัลคีรีย์ ข้าก็ไม่สามารถเสี่ยงทำแบบนั้นได้”

“งั้นเหรอ…” เฮคซอดไม่ตอบรับแล้วก็ไม่ปฏิเสธ ไม่ว่ายังไงมันก็ไม่สามารถปล่อยอีกฝ่ายทิ้งเอาไว้ที่นี่ จากนั้นก็ถูกพระผู้สร้างตกลงมาทับจนแหลกละเอียดได้ นี่ทั้งเพื่อเผ่าพันธุ์ แล้วก็เพื่อตัวมันเอง

“มีคนมาแล้ว” ไซเลนท์มองไปทางด้านหน้า “มากกว่าหนึ่งคน”

เฮคซอดเปิดประตูมิติขึ้นมาทันที

ไม่นาน มนุษย์ตัวผู้สามคนก็ปรากฏตัวขึ้นบนเนินในป่า ทหารที่รับผิดชอบส่งจดหมายก่อนหน้านี้ก็อยู่ในนั้นด้วย — ถึงแม้จะมีจำนวนเยอะกว่าตอนที่เจอครั้งแรก แต่จำนวนคนแค่นี้ก็ยังไม่อาจทำอะไรไซเลนท์ดิสแอสเตอร์ได้

“ฝ่าบาททรงอนุญาตให้พวกเจ้าเข้าเฝ้าได้” คนที่เป็นหัวหน้าเดินมาข้างหน้าพวกมันพร้อมกับพูดเปิดประเด็นตรงๆ “หลังจากนี้ 15 นาที พวกเจ้าสามารถเข้าไปในโลกแห่งจิตสำนึกได้ แต่ฝ่าบาททรงมีเงื่อนไขข้อหนึ่ง”

กล้าตอบรับคำขอของเซโรเชสเหรอเนี่ย ดูเหมือนราชาของพวกมนุษย์ก็ไม่ได้ขี้ขลาดไปเสียทุกคนนี่ “เงื่อนไขอะไร?” เฮคซอดถาม

“พวกเจ้าจำเป็นต้องทิ้งระยะห่างกัน จากนั้นก็ทยอยเข้าไปในโลกแห่งจิตสำนึกตามลำดับก่อนหลัง ยิ่งไปกว่านั้นผู้ที่ไม่ใช่ผู้พิฆาตเวทมนตร์จำเป็นต้องใส่อันนี้ไว้ด้วย” อีกฝ่ายเปิดกล่องขึ้นมา ก่อนจะหยิบเอากำไรข้อมือเหล็กออกมาอันหนึ่ง

ด้านบนกำไรข้อมือมีหินอาญาสิทธิ์ฝังเอาไว้อยู่

เฮคซอดโกรธขึ้นมาทันที มันหรี่ตา ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูอันตราย “นี่มันหมายความว่ายังไง พวกเจ้าคิดว่าข้าจะมัดมือมัดเท้าตัวเองแล้วยอมให้มนุษย์ทำอะไรก็ได้อย่างนั้นเหรอ!”

ถึงแม้ทหารที่เป็นหัวหน้าจะมีสีหน้าหวาดกลัว แต่เขาก็ไม่ได้ถอยไปแม้แต่ก้าวเดียว “พลังเวทมนตร์นั้นถือเป็นอาวุธอย่างหนึ่ง การปลดอาวุธเวลามีการพบปะที่สำคัญนั้นถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติตามปกติ นี่ไม่ถือเป็นการกักขัง ฝ่าบาททรงเชื่อว่าพวกเจ้ามาที่นี่เพราะมีเรื่องสำคัญ ด้วยเหตุนี้พระองค์ถึงยอมเสี่ยงมาพบพวกเจ้า และก็เป็นเพราะเหตุนี้ พระองค์จึงทรงไม่อยากให้มีเรื่องที่ไม่คาดคิดใดๆ เกิดขึ้น”

“แล้วถ้าข้าไม่ยอมล่ะ?”

“เจ้าสามารถออกไปจากนี่ในระหว่างที่มีการพบหน้ากันได้” ทหารยังคงยืนกราน

“เอาแบบนี้แล้วกัน พวกเราไม่มีเวลาแล้ว” ไซเลนท์ดิสแอสเตอร์มองไปทางเฮคซอด “เจ้าจะรออยู่ในอาณาเขตของพลังก็ได้ เหมือนกับครั้งแรกน่ะ ข้าไม่เข้าใจจริงๆ ทำไมเจ้าจะต้องตามข้ามาที่นี่ด้วย”

เจ้านี่…ต้องให้พูดออกมาถึงจะเข้าใจหรือไง! สกายลอร์ดพูดไม่ออก ระดับความมีเหตุผลของไซเลนท์ลดลงอย่างมากหลังจากที่ได้เจอวัลคีรีย์ ถ้าไม่ตามมา มันก็ไม่มีทางวางใจได้จริงๆ หลังจากที่ได้ยินข่าวที่น่าตกตะลึงเช่นนี้ การไปเจอวัลคีรีย์ด้วยตาตัวเองและทำให้มั่นใจว่านั้นไม่ใช่กับดักที่มนุษย์จงใจวางขึ้นมานั้นเป็นเรื่องที่จำเป็นอย่างมากอย่างไม่ต้องสงสัย เจ้านี่มันยืนอยู่ฝั่งไหนกันแน่เนี่ย?

แต่ยังไม่ทันที่เฮคซอดจะได้ปรึกษาอะไร เซโรเชสก็เดินไปยืนหลับตาตั้งสมาธิอยู่อีกด้านหนึ่งแล้ว

เมื่อมองดูพระผู้สร้างที่ยังคงลอยขึ้นไปเรื่อยๆ ทางด้านหลัง มันก็ได้แต่ต้องสะกดความไม่พอใจเอาไว้พร้อมกับสวมกำไรข้อมือ

เจ้าสิ่งนี้ดูแล้วก็ไม่ได้ยากที่จะออกแรงทำลาย มนุษย์คงจะไม่ได้คิดที่จะใช้หินอาญาสิทธิ์มาจับตัวเองเหมือนกัน พวกเขาน่าจะเพียงแค่ต้องการถ่วงเวลาเอาไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้จู่ๆ ตัวเองก็พาไซเลนท์มุดลงดินหนีไปเท่านั้น

แล้วก็ยังมีมนุษย์ตัวผู้อีกสองคนที่ยืนอยู่ด้านหลังทหารคนนั้น…ถึงแม้พวกเขาจะไม่ได้พกอาวุธมาเหมือนกัน แต่เฮคซอดกลับแอบเกิดความรู้สึกรับมือได้ยากขึ้นมา

หลังจากนั้นครู่หนึ่ง การหายใจของเซโรเชสพลันเบาลง

มาแล้วเหรอ…

เฮคซอดแสร้งทำเป็นยกมือขึ้นมาอย่างไม่ระวังเพื่อที่จะเอาหินเวทมนตร์หลากสีที่ทำเป็นแหวนขึ้นมาส่องที่ตา —

พริบตานั้นเป็น เสาลำแสงขนาดใหญ่ที่กว้างเหมือนกำแพงพลันปรากฏขึ้นตรงหน้าของมัน!

ขนาดของเสาลำแสงกว้างขนาดนี้ ทำให้มันต้องหันหน้าไปทางซ้ายและขวาถึงจะมองเห็นขอบของเสาลำแสง ในชั่วขณะนั้นมันนึกว่าตัวเองได้กลับมายังเกาะบอทธ่อมเลสแลนด์นั้นอีกครั้ง

นี่คือ…ดินแดนแห่งจิตสำนึกที่ไซเลนท์บอกว่าใหญ่โตเหมือนกับเมืองอย่างนั้นเหรอ?

มันเริ่มรู้สึกเชื่อคำพูดของมนุษย์ขึ้นมาบ้างแล้ว

คนที่มีความสามารถน่าตกใจขนาดนี้ บางทีอาจจะมีวิธีในการไขความลับของสงครามแห่งโชคชะตาก็ได้

เฮคซอดสูดหายใจลึกๆ จากนั้นค่อยๆ หลับตาลง

…..

“เรื่องราวมันเป็นแบบนี้ เดอะแมสก์เริ่มแผนการที่สอง ยิ่งไปกว่านั้นเนื่องจากมันเตรียมตัวเอาไว้ล่วงหน้า ตอนนี้ข้าจึงไม่รู้ว่ามันยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า”

ในตอนที่สกายลอร์ดลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง มันพบว่าตัวเองมาอยู่ในห้องแคบๆ แห่งหนึ่ง เมื่อเทียบกับมาตรฐานของจักรพรรดิแล้ว ห้องแห่งนี้ถึงว่ายังห่างจากมาตรฐานอยู่มาก ไซเลนท์เหมือนจะกำลังอธิบายสถานการณ์ในตอนนี้อยู่ ส่วนคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามมันก็คือวัลคีรีย์ที่ไม่ได้เจอมานาน

เมื่อได้เห็นไนท์แมร์ลอร์ดกลับมาเคลื่อนไหวอีกครั้ง เฮคซอดพลันเกิดความรู้สึกเหมือนถูกดึงกลับไปในอดีต

“ในที่สุดเจ้าก็มาซักที” วัลคีรีย์พยักหน้า “นั่งลงก่อนสิ กาแฟเย็นหมดแล้ว”

ผ่านเรื่องราวที่น่าเหลือเชื่อขนาดนี้มา แต่ยังสามารใช้น้ำเสียงสบายๆ แบบนี้ได้อยู่ นี่ช่างเป็นสไตล์ของมันจริงๆ….

สงครามตะวันตกดำเนินมาถึงตอนนี้ ในที่สุดราชาทั้งสามก็ได้มารวมตัวกันเป็นครั้งแรก

ในสายตาของเผ่าพันธุ์ นี่ถือเป็นเรื่องที่ใหญ่อย่างมาก

สิ่งเดียวที่ไม่เข้าพวกก็คือมนุษย์ที่นั่งอยู่ข้างไนท์แมร์คนนั้น

มันได้ยินไซเลนท์พูดถึงชื่ออีกฝ่ายมานานแล้ว โรแลนด์ วิมเบิลกัน ราชาแห่งเกรย์คาสเซิล แล้วก็เป็นต้นเหตุสำคัญที่ทำให้แผนการตะวันตกเจอกับปัญหาหลายต่อหลายครั้ง

แต่ก็เป็นเพราะอีกฝ่ายถึงทำให้พวกมันมารวมตัวกันอยู่แบบนี้ได้ นี่ทำให้เฮคซอดเดินความรู้สึกสับสนขึ้นมาในใจ ตอนที่ทำสงครามถ้าไม่ขาดคนนั้นก็ขาดคนนี้ แต่พอมาเจอกันลับหลังจักรพรรดิกลับอยู่กันพร้อมหน้า นี่มันช่างน่าขันเสียจริง

มันจ้องมองดูโรแลนด์ ก่อนจะเดินลงไปนั่งข้างเซโรเชส ที่นั่งมีความนุ่มอย่างมาก จนแทบจะทำให้มันจมลงไปในนั้น นี่ให้ความรู้สึกเหมือนข้าวของเครื่องใช้ของผู้ปกครอง นอกจากนี้สกายลอร์ดยังสังเกตเห็นว่าบนโต๊ะมีถ้วยกระดาษเปล่าๆ อยู่หลายใบ — มันเข้ามาในโลกแห่งจิตสำนึกช้ากว่าไซเลนท์เพียงแค่ไม่กี่อึดใจเท่านั้น แต่ทั้งสามคนเหมือนกับนั่งคุยกันมานานแล้วอย่างไรอย่างนั้น

กาแฟ….หมายถึงสิ่งที่เซโรเชสกำลังดื่มอยู่นั่นน่ะเหรอ?

น่าแปลก มันไม่น่าจะต้องการ ‘อาหาร’ อะไรนอกเหนือจากละอองชีวิตแล้วนี่นา

“ถ้าข้าเดาไม่ผิดล่ะก็ พวกเจ้าน่าจะเข้าใจสถานการณ์ในตอนนี้ชัดเจนดีแล้ว” เฮคซอดสะกดอารมณ์ฟุ้งซ่าน ก่อนจะดึงความคิดกลับมายังเรื่องสำคัญ “เดิมข้าไม่แนะนำให้ไซเลนท์มาอธิบายเรื่องนี้ด้วยตัวเอง เพราะมันจะเปลืองเวลาที่เหลืออยู่อันน้อยนิด แต่มันดึงดันจะมาให้ได้” เมื่อพูดถึงตรงนี้มันก็เหลือบไปมองดูไซเลนท์ “ทันทีที่พระผู้สร้างตกลงมา อาณาจักรส่วนใหญ่ของมนุษย์จะถูกทำลายด้วยภูเขาที่ถล่มและแผ่นดินที่แตกแยก การหนีไปเป็นวิธีเดียวที่จะรอดชีวิตออกไปได้”

“พวกเรายังเหลือเวลาอยู่เท่าไร?” โรแลนด์ถาม

“อย่างมากไม่เกิน 7 วัน” เฮคซอดตอบเสียงเบาๆ

……………………………………………………………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด