Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ 1397 ศึกนองเลือดบนภูเขา (1)

Now you are reading Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ Chapter 1397 ศึกนองเลือดบนภูเขา (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ระวังนะ ทางหลังจากนี้มันจะตกลงไปค่อนข้างเร็ว ถ้ากลัวก็หลับตาได้”

หลังไลต์นิ่งสั่งกำชับ เธอก็หิ้วทหารเกรย์คาสเวิลคนหนึ่งบินออกไปจากขอบภูเขา ในวินาทีที่เท้าลอยอยู่เหนือพื้น ทั้งสองคนพลันตกลงไปข้างล่างอย่างรวดเร็ว เพียงแค่อึดใจเร็วก็ร่วงลงมาหลายสิบเมตร ก่อนจะค่อยๆ ลงสู่พื้นอย่างช้าๆ

ในตอนที่เท้าแตะพื้นใหม่อีกครั้ง ทหารคนนั้นใบหน้าขาวซีด “ขะ…ขอบคุณคุณหนู ไลต์นิ่ง ข้า…อ็อก….”

“หายใจลึกๆ พักผ่อนซักเดี๋ยว เดี๋ยวก็ดีขึ้น”

จากนั้นเธอก็บินขึ้นไปบนยอดเขาเพื่อตามหาทหารที่ตกหล่นใหม่

ก็เหมือนกับที่แคทคลอว์คิดเอาไว้ หลังจากที่เสาหินพุ่งตกลงมาในแนวยิง ทหารบางส่วนก็ถูกกันเอาไว้อีกด้านหนึ่งของสนามรบ หลังจากนั้นพวกเขาก็ถูกปีศาจแมงมุมโจมตีจนแตกกระสานซ่านเซ็น ถึงแม้ทหารส่วนหนึ่งจะฝ่าแนวยิงกลับมารวมกับคนอื่นๆ ได้สำเร็จ แต่ยังคงมีทหารอีกหลายคนที่ถูกขังเอาไว้ตรงที่เดิม ไม่สามารถขยับไปไหนได้ พวกเขาบางคนก็ไม่ยอมทิ้งเพื่อนทหารที่ได้รับบาดเจ็บ บางคนก็ถูกปีศาจแมงมุมดักทางเอาไว้ ถึงแม้จะได้ยินเสียงสัญญาณแล้ว พวกเขาก็ยังไม่สามารถถอยกลับมาได้

ในสถานการณ์ที่ตอนนี้ทีมต่างแตกกระจายไปคนละทิศคนละทาง การปรากฏตัวของไลต์นิ่งได้มอบความหวังในการรอดชีวิตให้กับพวกเขา

ถึงแม้การวิวัฒนาการในวันบรรลุนิติภาวะจะไม่ได้เพิ่มความสามารถในการแบกน้ำหนักให้เธอมากนัก แต่การบินที่ความสูงเหนือพื้น 10 เมตรก็เพียงพอที่จะพาทุกคนออกมาจากอันตรายได้

สิ่งที่น่าเสียดายคือเธอพาคนออกมาได้แค่ครั้งละคน ยิ่งไปกว่านั้นในตอนที่บินข้ามหน้าผา ระดับความสูงก็จะลดลงอย่างรวดเร็ว สำหรับไลต์นิ่งที่เคยชินกับการบินขึ้นลงด้วยความเร็วสูงนั้นไม่มีปัญหาอะไร แต่สำหรับทหารที่เธอหิ้วขึ้นมา นั่นไม่ได้ต่างอะไรกับการร่วงตกลงไปด้านล่างเลย

เสียงปืนในแนวรบค่อยๆ เบาลง เห็นได้ชัดว่าทั้งปีศาจและเหล่าทหารต่างเหลืออยู่แค่ไม่เท่าไร ไลต์นิ่งเองก็หาทหารเจอสิบกว่าคน แล้วก็พาพวกเขามาปล่อยไว้บนถนนเล็กๆ ที่อยู่บนเนินด้านหลัง

“ฟู่ว คนสุดท้ายแล้ว” เธอถอนหายใจออกมาหลังจากปล่อยทหารคนสุดท้ายลง “พวกเจ้าน่าจะหาทางลงเขาไปเองได้ใช่ไหม?”

“ขอบคุณท่านที่ช่วยเหลือมากขอรับ!” ทุกคนพากันทำวันทยหัตถ์ “ไม่ทราบว่าตอนนี้ทีมโจมตีอยู่ที่ไหนกันหรือขอรับ?”

“พวกเขากำลังสู้กับปีศาจแมงมุมที่แห่มาจากทางเหนืออยู่อีกด้านหนึ่งของภูเขา” ไลต์นิ่งเล่าสถานการณ์ออกมาคร่าวๆ “พวกมันไม่สามารถอ้อมมาทางนี้ได้แล้ว พวกเขาลงไปจากเขาก็พอ รีบไปให้ถึงเมธัลสโตนให้ได้ก่อนที่แผ่นดินลอยฟ้าจะข้ามเทือกเขาสิ้นวิถีมา”

“อย่างนี้นี่เอง…พวกเราเข้าใจแล้วขอรับ” สีหน้าทุกคนดูคร่ำเคร่ง ที่พวกเขายังมีชีวิตรอดมาจนถึงตอนนี้ได้ล้วนแต่เป็นการเสียสละอย่างกล้าหาญของผองเพื่อน ตอนนี้ทุกคนกำลังสู้กับศัตรูอยู่ แต่พวกเขากลับไม่สามารถไปช่วยได้ ความรู้สึกเจ็บใจและเสียใจที่ปะปนกันแสดงออกมาทางสีหน้าของทุกคน

เพียงแต่ต่อให้เสียใจแค่ไหน พวกเขาต่างก็รู้ดีว่าเรื่องเดียวที่พวกเขาสามารถทำได้ในตอนนี้คืออย่าเป็นตัวถ่วงเพื่อนๆ ที่กำลังสู้อยู่

“เออใช่ คุณหนูไลต์นิ่ง” ในขณะที่กำลังจะแยกจากนั้น นายทหารที่อาเจียนออกมาคนนั้นพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าลังเล “ตอนที่เสาหินแท่งนั้นตกลงมา มันไปกระแทกถูกหลุมหลบภัยตรงปืนใหญ่หมายเลขสามจนถล่มลงมา ก่อนหน้านี้ข้าเองทหารหลายคนเข้าไปหลบอยู่ในนั้น ไม่รู้ว่าข้างในยังมีคนรอดอยู่หรือเปล่า…”

“หลุมหลบภัยหมายเลขสามหรอ” ไลต์นิ่งพยักหน้า “เดี๋ยวข้าไปดูเอง”

เมื่อเห็นทุกคนวิ่งลงเขาไปแล้ว เธอก็ลอยตัวขึ้นไปบนฟ้า แค่พริบตาก็บินไปอยู่เหนือแนวรบ

ในขณะเดียวกัน เมซี่เองก็แจ้งเตือนเธอผ่านทางรูนสดับ

“ระวังจิ๊บ ปีศาจจะยิ่งเสาหินต้นที่สามมาแล้ว!”

“วิเคราะห์จุดตกได้ไหม?”

“ไม่แน่ใจ แต่น่าจะไม่ใช่ยอดเขาจิ๊บ!” เสียงเมซี่พลันสั่นขึ้นมา “เสาหินมาแล้วจิ๊บ!”

ไลต์นิ่งบินขึ้นไปข้างบนทันที ก่อนจะเห็นเสาหินสีดำลอยเป็นเส้นโค้งไปทางเทือกเขาสิ้นวิถี

ในเมื่อสิ่งที่ปีศาจเล็งไม่ใช่แนวยิงบนภูเขา อย่างนั้นก็มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นทีมที่ล่าถอยลงไปด้านล่างภูเขา — สภาพภูมิประเทศตรงนั้นไม่ดีเท่าไร ถ้าหากถูกปีศาจแมงมุมบุกเข้ามา จำนวนผู้เสียชีวิตจะต้องเพิ่มขึ้นอย่างมากแน่นอน ข่าวดีเพียงหนึ่งเดียวก็คือสองข้างทางของทางเดินตรงเชิงเขาเป็นเทือกเขาที่ัตั้งสลับสับเปลี่ยนเป็นแนวยาว ถ้าอยากจะยิงลงมาให้ตกลงตรงกลุ่มทหารนั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย

เธอรีบทำการวิเคราะห์และตัดสินใจลงไปช่วยทีมทหารที่อยู่ตรงเชิงเขาก่อน

ในขณะเดียวกัน ซิลเวียที่อยู่บนซีกัลเองก็ลืมตาโตขึ้นมาทันที “พระเจ้า…”

“เกิดอะไรขึ้นเหรอ?” แอนเดรียถามขึ้นมาอย่างประหลาดใจ เพื่อที่จะป้องกันไม่ใช่ปีศาจพบเห็น ก่อนหน้านี้ซิลเวียจึงหลับตาอยู่ตลอด ตามหลักแล้วเธอไม่มีทางมองเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นข้างล่างได้

“ปฏิกิริยาของพลังเวทมนตร์ที่รุนแรง!” เธอพูดพึมพำขึ้นมาเหมือนไม่อยากจะเชื่อ “มันกำลังมุ่งหน้ามาทางเทือกเขาสิ้นวิถีด้วยความเร็ว!”

ปฏิกิริยาเวทมนตร์? แอนเดรียตกตะลึงไปเล็กน้อย

นี่ทำให้เธอคิดถึงอุรูคขึ้นมา ในศึกครั้งสุดท้ายตรงทาคิลา อีกฝ่ายได้ใช้ปีศาจตัวแทนปล่อยพลังเวทมนตร์ออกมาเพื่อล่อหน่วยซุ่มโจมตีให้ติดกับ

แต่ว่าตอนนั้นด้วยระยะทางที่ไกลสิบกว่ากิโลเมตร ทำให้ซิลเวียไม่สามารถวิเคราะห์ได้อย่างละเอียดว่าพลังเวทมนต์ที่ปล่อยออกมานั้นเป็นของร่างจริงหรือร่างปลอม แต่ในระยะนี้ เธอน่าจะสามารถวิเคราะห์ได้ว่าแหล่งพลังเวทมนตร์ที่ปล่อยออกมานั้นเป็นของจริงหรือปลอม

พูดอีกอย่างก็คือสิ่งที่ดวงตาแห่งเวทมนตร์มองเห็น มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นปีศาจระดับสูงตัวจริง

ถึงแม้จะไม่รู้ว่าทำไมศัตรูถึงได้เลือกที่จะเปิดเผยตัวออกมาในเวลานี้ แต่ในเมื่อมันลงมือแล้ว อย่างนั้นซีกัลก็ไม่มีความจำเป็นต้องรอดูอยู่เฉยๆ อีก

เป้าหมายของพวกเธอคือเจ้าปีศาจที่รับมือได้ยากที่สุดบนสนามรบพวกนั้นมาตั้งแต่แรกแล้ว

แอนเดรียรอคอยเวลานี้มานานแล้ว

“หลังจากนี้ถึงเวลาพวกเราออกโรงแล้ว!”

แต่ซิลเวียที่จ้องมองด้านล่างเครื่องบินมีเหงื่อเล็กๆ ผุดขึ้นมาที่หน้าผาก “นี่มันใช่ปีศาจจริงๆ งั้นเหรอ…ทำไมพลังเวทมนตร์ของมันถึงได้รุนแรงขนาดนั้น…”

“เอ่อ…รุนแรงแค่ไหน?”

“รุนแรงกว่าอุรูคมาก” ซิลเวียกัดริมฝีปาก “เกรงว่ามีแต่ลีฟที่อยู่ในสถานะหัวใจแห่งป่าเท่านั้นถึงจะรับมือมันได้…”

“เจ้าว่าอะไรนะ?” แอนเดรียตกตะลึง

เธอเคยเห็นว่าลีฟที่ควบคุมมุมหนึ่งของป่าเร้นลับว่ามีพลังเวทมนตร์มากแค่ไหน จะบอกว่ามากมายมหาศาลก็ยังได้ แต่นั้นเป็นผลที่เกิดจากการหลอมรวมตัวเองเข้ากับวัตถุภายนอก แต่ปีศาจอาศัยพลังของตัวเองอย่างเดียวก็สามารถมีพลังเวทมนตร์ระดับนี้ได้? “เฮ้ๆ…มันจะมากเกินไปหน่อยหรือเปล่า?”

เวนดี้กระตุ้นรูนสดับทั้งหมดขึ้นมา “องค์หญิงทิลลี ไลต์นิ่ง เมซี่ นี่คือซีกัล! ซิลเวียตรวจพบศัตรูใหม่กำลังมุ่งหน้าไปทางเทือกเขา เมื่อดูจากปฏิกิริยาเวทมนตร์แล้ว อีกฝ่ายอาจจะเป็นปีศาจระดับราชา! อย่าปะทะกับมันตรงๆ เด็ดขาด!”

“อย่างนั้นพวกเราจะทำยังไง?” ซาวีรีบถามทันที

“ยังต้องให้บอกอีกเหรอ?” แอนเดรียกำหมัดแน่น “มีแต่ปีศาจแบบนี้เท่านั้นถึงจะคู่ควรกับกระสุนที่หลอมรวมเข้ากับเลือดของเหล่าพี่น้องที่อยู่ในมือข้านัดนี้”

…..

“ฟิ้ว!”

เสาหินแทงที่สามพุ่งผ่านช่องว่างระหว่างยอดเขาสองแห่ง มันกวาดต้นไม้จนหักโค่นเป็นแถบ ก่อนที่สุดท้ายจะไปไถลไปตกอยู่ที่หุบเขาแห่งหนึ่ง ด้านหลังของมัน ดินโคลนและรากไม้ที่ถูกขุดขึ้นมาผสมกันจนกลายเป็นทางเดินสีน้ำตาลดำขึ้นมา ดูแล้วตัดกับภาพหิมะสีขาวที่อยู่รอบๆ อย่างชัดเจน

แคทคลอว์เองก็ค่อยๆ โล่งใจขึ้นมา

เห็นได้ชัดว่าการออกคำสั่งให้ถอยอย่างรวดเร็วนั้นเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง ช่วงเวลาในการยิงเสาหินรอบนี้เว้นนานขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ศัตรูที่โจมตีมาจากทางเชิงเขาก็เหลืออยู่แค่ไม่กี่ตัว ในเวลานี้พวกเขามีเวลามากพอที่จะรับมือกับศัตรูที่มาใหม่

ยิ่งไปกว่านั้นตำแหน่งที่เสาหินตกลงมายังตกลงมาระหว่างพวกเขากับกองหนุนพอดี ระดับความสูงที่ต่างกันของทั้งสองฝ่ายทำให้มือยิงมีตำแหน่งยิงที่ดี ด้วยระยะที่ห่างกันพันกว่าเมตร ทำให้พวกเขาไม่ต้องเร่งรีบตั้งแนวยิงเหมือนอย่างก่อนหน้านี้

เสียดายที่ปฏิบัติการครั้งนี้ไม่ได้มีปืนใหญ่สนามขนาด 75 มม.ติดมาด้วย ไม่อย่างนั้นเขาคงจะได้กระหน่ำยิงใส่เสาหินยักษ์ที่อยู่ด้านล่างเนิน ให้แมลงบ้าๆ พวกมันกินกระสุนปืนใหญ่ทันทีที่โผล่หน้าออกมาไปแล้ว

…………………………………………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด