Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ 1044

Now you are reading Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ Chapter 1044 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
 ใจที่สั่นคลอน

ไลต์นิ่งกับเมซี่ค่อยๆ ร่อนลงมาบนดาดฟ้าของตึกแม่มด

หลังปิดประตูดาดฟ้าลง เสียงลมหนาวที่พัดหวีดจึงค่อยเบาลง เหลือเพียงแค่เสียงลมเบาๆ ที่เล็ดลอดเข้ามาตามช่องประตู

“ฟู่วว ผมเปียกหมดเลยจิ๊บ” นกพิราบสะบัดหิมะบนตัวออก ก่อนจะแปลงร่างกลับเป็นคนอีกครั้ง ปีกทั้งสองข้างกางออกและกลายเป็นผมสีขาวที่ยาวลงมาจนถึงข้อเท้า เห็นๆ อยู่ว่าเส้นผมนั้นดูอ่อนนุ่มอย่างมาก แต่ผมของสาวน้อยกลับไม่ได้ยุ่งเหยิงเพราะถูกลมพัดเลย หากแต่ห่อหุ้มร่างกายของเธอเอาไว้เหมือนกับสำลีก้อน

แต่เนื่องจากผมของเธอเปียกจากการไปตากหิมะมา ทำให้ผมของเธอดูไม่เป็นประกายและไม่ฟูฟ่องเหมือนอย่างในตอนแรก

“อื้อ เจ้าไปอาบน้ำก่อนไป จะได้ไม่เป็นหวัด” ไลต์นิ่งดึงแว่นกันลมลง แล้วมองออกไปนอกประตู สภาพอากาศในเดือนแห่งปีศาจนั้นยากที่จะคาดเดาได้จริงๆ เมื่อครู่ยังมีแค่หิมะตกเบาๆ แต่ตอนนี้จู่ๆ กลับมีหิมะตกลงมาอย่างนั้น การฝึกซ้อมเพื่อฟื้นฟูสภาพจึงต้องหยุดลงกลางคัน

“เจ้าไม่ไปอาบกับข้าเหรอ?” เมซี่ถามอย่างแปลกใจ

“ฝ่าบาทตรัสเอาไว้ไม่ใช่เหรอไงว่าต้องพยายามทำให้แผลแห้งเข้าไว้ ห้ามไปสัมผัสถูกน้ำ?” ไลต์นิ่งพูดพร้อมยักไหล่ “ดังนั้นเดี๋ยวข้าใช้น้ำร้อนเช็ดๆ เอาก็ได้แล้ว ยังไงซะเสื้อคลุมตัวนี้ก็กันน้ำหิมะไม่ให้ซึมเข้าไปด้านในได้”

“อย่างนี้นี่เอง!” เมซี่เปิดผมหน้าม้าที่แปะอยู่ตรงหน้าออก ก่อนจะยิ้มจนเห็นฟัน “อย่างนั้นเอาไว้เดี๋ยวข้าอาบเสร็จแล้วจะมาช่วยเจ้าเช็ดตัวนะ ก่อนหน้านี้แอชเชสชมข้าอยู่บ่อยๆ ว่าข้าถูหลังได้สบายมาก แล้วก็ไม่ต้องใช้ผ้าขนหนูด้วยจิ๊บ!”

“เอ่อ…ถูยังไง?”

“ยังงี้จิ๊บ” เธอจับผมขึ้นมาสองมัด แล้วทำท่าหมุนเป็นวงกลม

“ข้าไม่เอา” ไลต์นิ่งกรอกตาใส่ “ถ้าใช้ผ้าขนหนู ข้ายังอาจจะคิดดู….เอาเป็นว่าเจ้ารีบไปอาบไป”

“โอ้!”

เมซี่ถือขันอาบน้ำวิ่งไปด้านหลังปราสาท ส่วนไลต์นิ่งก็หมุนตัวเดินเข้าไปในห้องนอนคนเดียว

ประตูถูกปิดลง เธอยืนเอาหลังพิงไปบนบานประตูพร้อมกับยื่นมือขวาของตัวเองออกมา

จนถึงตอนนี้นิ้วมือของเธอก็ยังสั่นอย่างไม่อาจควบคุมได้ ราวกับว่ามันไม่ฟังคำสั่งของเธออย่างไรอย่างนั้น

เธอยิ้มอย่างเจ็บปวดออกมา

ขอเพียงหลับตาลง ภายในหัวของเธอก็จะมีภาพปีศาจยื่นมือเข้ามาหาเธอ หลังพักฟื้นฟูมาหลายวัน ความหวาดกลัวไม่ได้หายไปไหนเลย หากแต่ยังคงฝังลึกอยู่ในใจของเธอ ไลต์นิ่งเพิ่งจะเคยเจอกับสถานการณ์แบบนี้เป็นครั้งแรก

ไม่ว่าฝ่าบาทหรือเธอเพื่อให้ทีมสำรวจก็ดี เธอต้องพยายามทำเหมือนว่าอาการบาดเจ็บนี้เป็นเรื่องเล็กน้อย ซึ่งถ้าพูดถึงแต่เรื่องอาการบาดเจ็บล่ะก็ แม้แต่ไนติงเกลก็จับความผิดปกติของเธอไม่เจอ แต่คววามจริงแล้วมีแต่เธอเท่านั้นที่รู้ว่าสถานการณ์ของตัวเองมันแย่แค่ไหน

ที่เธอให้เมซี่ไปอาบน้ำคนเดียวก็เพราะเธอกลัวอีกฝ่ายจะมองออกว่านักสำรวจที่เคยพร่ำบอกว่าตัวเองยิ่งใหญ่คนนี้ ความจริงแล้วกลับเป็นแค่คนที่อ่อนแอนเท่านั้น!

ไลต์นิ่งค่อยๆ ปล่อยตัวไหลลงไปนั่งกับพื้น พร้อมกับเอาหน้าซุกลงไปในหัวเข่า

ถึงแม้ฟิลลิสจะปลอบเธอว่าศัตรูอาจจะมีความสามารถคล้ายๆ กับปีศาจแห่งความกลัว ที่สามารถทำให้เกิดความหวาดกลัวได้ด้วยการจ้องตา แต่เธอรู้ว่านี่ไม่อาจใช้เป็นข้ออ้างในการหลอกตัวเองได้ เพราะแม่มดนั้นมีภูมิต้านทานในเรื่องของผลกระทบทางด้านจิตใจมากกว่าคนธรรมดา อีกทั้งเรื่องมันก็ผ่านมาตั้งนานแล้ว เมซี่ที่ตอนนั้นก็อยู่ในขอบเขตพลังของอีกฝ่ายเหมือนกัน แต่สภาพของเธอกลับดีกว่าตัวเองมาก

ถ้านี่เป็นแค่ความหวาดกลัวนั้นคงไม่เป็นปัญหาอะไร

เพราะไม่ใช่ว่าเธอเพิ่งจะเคยหวาดกลัวเป็นครั้งแรก

ความหวาดกลัวนั้นเกิดจากความไม่รู้ นอกเสียจากมนุษย์จะรู้ทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่อย่างนั้นก็ไม่มีทางหลีกหนีความกลัวได้

สิ่งสำคัญนั้นคือสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากกลัว

ในอดีตอารมณ์แบบนี้จะไม่รบกวนจิตใจเธอนานนัก บางครั้งมันกลับกระตุ้นความรู้สึกต่อต้านภายในใจเธอขึ้นมาด้วยซ้ำ เธอคิดมาตลอดว่าไม่มีอะไรที่จะมาทำให้เธอกลัวจริงๆ ได้

แต่ครั้งนี้ ไลต์นิ่งกลับพบว่าตอนนี้ภายในจิตใจของเธอกลับว่างเปล่า

อย่าว่าแต่ความรู้สึกที่จะต่อต้านเลย แม้แต่ภาพเหตุการณ์ในตอนนั้นเธอยังไม่อยากจะกลับไปนึกถึงมันด้วยซ้ำ

การฝึกซ้อมในวันนี้เธอบินวนเวียนอยู่ทางตะวันออกของเมือง ไม่ได้ข้ามกำแพงเมืองออกไปแม้แต่ก้าวเดียว นั่นไม่ได้เป็นเพราะว่าความสามารถหรือร่างกายของเธอมีปัญหา หากแต่เป็นเพราะเธอเกิดความหวาดกลัวต่อที่ราบหิมะที่กว้างสุดลูกหูลูกตา พื้นที่ใต้เท้าของเธอกลายเป็นเหมือนหน้าผา ส่วนท้องฟ้าก็กลายเป็นปากที่พร้อมจะกลืนกินทุกอย่าง เพียงแค่มองออกไปไกลๆ เธอก็รู้สึกได้ถึงความหวาดกลัวภายในจิตใจ

เธอไม่ได้แพ้ให้กับพลังเวทมนตร์ของปีศาจ หากแต่ถูกความชั่วร้ายและความแข็งแกร่งของปีศาจทำให้หวาดกลัว เหมือนกับเหยื่อที่เจอกับผู้ล่า ความรู้สึกหวาดกลัวแบบนี้ส่งผลกระทบต่อเธอมากกว่าความเสียหายที่เกิดจากเวทมนตร์เสียอีก รุนแรงเสียจนเป็นอุปสรรคต่อการบินของเธอ

ไลต์นิ่งกอดเข่าตัวเองไว้แน่น

หัวหน้าทีมนักสำรวจอะไรกัน เธอก็เป็นแค่ไอขี้ขลาดเท่านั้น!

ถ้าธันเดอร์ยังอยู่ข้างกายเธอ เขาจะทำยังไง? สำหรับเขาซึ่งผ่านทะเลที่เต็มไปด้วยอันตรายมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว เขาคงจะมีทางออกสำหรับสถานการณ์แบบนี้ใช่ไหม?

“พ่อ…”

เธอพูดพึมพำขึ้นมา

“ข้าควรจะทำยังไงดี?”

…..

ณ สถานีป่าหมายเลข 0 ทางตอนใต้ของป่าเร้นลับ

นี่คือสถานีเริ่มต้นของรางเหล็กในแผ่นดินรกร้าง

หลังรถไฟไอน้ำถูกสร้างขึ้นมา การบุกเบิกผืนป่าของเมืองเนเวอร์วินเทอร์ก็มีความก้าวหน้าขึ้นอย่างมาก ตั้งแต่ไม้ไปจนถึงเสบียง หรือแม้กระทั่งเหมืองถ่านหินที่อยู่ใกล้ๆ ภูเขาหิมะต่างก็ถูกรวมอยู่ในแผนเส้นทางใหม่ เมื่อถึงปีหน้า ที่ราบที่ไร้ซึ่งผู้คนแห่งนี้จะกลายเป็นแหล่งขุมทรัพย์อย่างแท้จริง

แต่ตอนนี้ รางเหล็กถูกใช้เพื่อเป้าหมายเพียงอย่างเดียว

นั่นก็คือสงคราม

พื้นที่บริเวณรอบๆ สถานีถูกกองทัพที่หนึ่งปิดเอาไว้ เพื่อรอให้ฝ่าบาทมาทำการทดสอบอาวุธใหม่

ขวานเหล็กย่อมเป็นหนึ่งในคนที่จะมาดูการทดสอบอาวุธ

เขายังจำภาพที่เขาติดตามฝ่าบาทไปทำการทดสอบการระเบิดของดินปืนดำเมื่อสี่ปีก่อนได้ ตอนนั้นเขายังเป็นแค่นายพรานที่ไร้ชื่อเท่านั้น แถมยังมองว่าดินปืนคือไฟแห่งทัณฑ์สวรรค์ด้วย เสียงระเบิดกัมปนาทเหมือนเป็นการเปิดประตูสู่โลกที่เขาไม่เคยเห็นให้กับเขา นับแต่วันนั้นเป็นต้นมา ชะตาชีวิตเขาก็เปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม

ตอนนี้ในฐานะที่เป็นผู้บังคับบัญชาของกองทัพที่หนึ่งของเมืองเกรย์คาสเซิล ขวานเหล็กย่อมไม่มีทางเป็นเหมือนอย่างเมื่อก่อนแน่นอน เขารู้อยู่แล้วว่าวันนี้ตัวเองต้องเจอกับอะไร ความจริงแล้วนั่นไม่อาจถือเป็นอาวุธ ‘ใหม่’ ที่แท้จริงได้ สองส่วนที่สำคัญของมัน ซึ่งก็คือปืนใหญ่และรถไฟล้วนแต่เคยปรากฏตัวต่อหน้าทุกคนมาแล้ว ดังนั้นย่อมไม่อาจถือเป็นสิ่งที่แปลกใหม่ได้ และก็เพราะเหตุนี้ เขาจึงคิดว่าเขาคงไม่ได้รู้สึกตกใจอะไรกับการทดสอบอาวุธครั้งนี้นัก

ซึ่งเดิมทีมันก็ควรจะเป็นแบบนั้น

เพราะเขานั้นเป็นข้ารับใช้คนสำคัญของฝ่าบาท ต่อให้ฟ้าจะถล่มดินจะทลายเขาก็ควรจะรักษาความสุขุมและรอยยิ้มบนใบหน้าเอาไว้เหมือนอย่างฝ่าบาท…

แต่ในตอนที่เสียงหวูดดังขึ้นมา และอาวุธใหม่ค่อยๆ เคลื่อนตัวออกมาจากโรงรถ ขวานเหล็กถึงได้พบว่าตัวเองคิดผิด

รถไฟนั้นไม่ได้ที่สภาพเหมือนอย่างที่เห็นในตอนแรกเลย มันถูกหุ้มด้วยแผ่นเหล็กสีดำเอาไว้ทั้งคัน เผยให้เห็นเพียงแค่ล้อด้านล่างเพียงแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น รูปร่างของมันเป็นสี่เหลี่ยมๆ เมื่อดูจากด้านหน้าแล้วจะรู้สึกได้ถึงแรงกดดันอันรุนแรงบางอย่าง

มันคือเพชฌฆาต

เพียงแค่มองดูแวบเดียว เขาก็รู้ได้ทันที

ฝ่าบาทมักจะตรัสบ่อยๆ ว่าเครื่องจักรนั้นคือสิ่งที่มีความงดงามอย่างหนี่ง ที่ผ่านมาเขาไม่ค่อยเข้าใจมันเท่าไร แต่ในตอนที่ได้เห็นหมอกสีขาวพวยพุ่งออกมาจากด้านบนรถและระหว่างล้อพัด ก่อนจะพัดผ่านเกราะเหล็กที่เต็มไปด้วยน็อตที่เรียงตัวอย่างเป็นระเบียบ ขวานเหล็กพลันเข้าใจความหมายของคำพูดประโยคนี้ทันที

เรือเหล็กยักษ์เองก็สร้างความตกตะลึงให้เขาเหมือนกัน แต่ก็ยังไม่อาจเทียบกับรถไฟที่อยู่ตรงหน้าเขาในตอนนี้ได้

เพราะว่ามันไม่ได้เป็นแค่เครื่องจักรธรรมดา

หากแต่เป็นอาวุธที่เต็มไปด้วยจิตสังหาร!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด