Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ 1058

Now you are reading Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ Chapter 1058 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
ไม่อยากนึกเสียใจอีก

ภายในร้านเหล้าแห่งหนึ่งตรงท่าเรือของเกาะอาชดยุค

โจนั่งแกว่งแก้วเหล้าในมืออย่างร้อนใจ สายตาของมองไปยังประตูทางเข้าอยู่ตลอดเวลา

เขาไม่เคยรู้สึกว่าเวลาเดินช้าขนาดนี้มาก่อน

ความรู้สึกเสียใจ หวาดกลัว ปวดใจ สับสนผลัดกันปรากฏขึ้นมาในใจเขา แต่ตัวเขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้เลยนอกจากนั่งรอต่อไป

กระทั่งตอนที่ผู้ชายที่ใส่ชุดคลุมสวมหมวกคนหนึ่งเดินเข้ามาในร้านเหล้าแล้วนั่งลงข้างโจ เขาถึงได้รู้สึกโล่งใจออกมา แต่หลังจากนั้นเขาก็ยิ่งรู้สึกร้อนใจมากขึ้นกว่าเดิม

“ตอนนี้….นางเป็นยังไงบ้าง?”

โจมองดูริมฝีปากของอีกฝ่าย ภายในใจกลัวว่าจะได้ยินคำตอบที่แย่ที่สุดอันนั้น

“ยังมีชีวิตอยู่ขอรับ”

คำตอบของอีกฝ่ายทำให้เขาหายใจได้อีกครั้ง

“แต่สถานการณ์ของท่านฟารีน่าไม่ค่อยจะดีเท่าไร” คนที่เดินเข้ามาถอดหมวกคลุมศีรษะออก ก่อนจะพูดด้วยสีหน้ากังวลต่อว่า “มุขนายกเหมือนจะอยากได้อะไรบางสิ่งจากนาง ทุกวันเขาจะให้คนไปทรมานนาง บางครั้งข้ายืนอยู่ตรงห้องโถงยังได้ยินเสียงกรีดร้องของนางน ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป เกรงว่าช้าเร็วนางคงจะทนไม่ไหวขอรับ”

นี่ล้วนแต่เป็นสิ่งที่เขาคิดเอาไว้แล้ว โจบอกตัวเองซ้ำแล้วซ้ำอีก หลังจากที่เขารู้ว่าการบุกโจมตีปราสาทล้มเหลว คนที่มียังมีชีวิตอยู่ล้วนแต่ต้องเจอกับความเจ็บปวด ซึ่งฟารีน่าที่เป็นหัวหน้ากลุ่มย่อมต้องเจ็บปวดมากกว่าคนอื่นแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นเจ้าคนทรยศนั้นอยากจะรู้ว่าคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์อยู่ที่ไหน เขาย่อมต้องพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้เธอเปิดปากให้ได้แน่นอน

ขอเพียงเธอยังมีชีวิตอยู่ก็ถือว่าดีแล้ว

ถึงแม้ภายในใจเขาจะพูดเช่นนี้ แต่นิ้วมือของเขาก็ยังจิกลงไปในฝ่ามือ เขาไม่กล้าแม้แต่จะคิดว่าถ้าช่วยฟารีน่าไม่ได้มันจะเป็นยังไง เผลอๆ บางทีการตายอาจจะกลายเป็นความปรารถนาอย่างหนึ่งของเธอก็ได้….

บ้าเอ้ย! ทำไมตัวเองถึงต้องรับปากเธอได้วย โจคิดอย่างเสียใจ เขาไม่ควรจะปล่อยให้ฟาร์รีน่าแยกไปสู้ตามลำพัง ส่วนตัวเองก็หนีออกมาเลย เขาควรจะสู้ตายกับทุกคนอยู่ในปราสาท อย่างน้อยช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตเขาก็ยังได้อยู่ข้างเธอ

“นายท่าน…” คนๆ นั้นลังเลเล็กน้อย “ท่านรู้หรือไม่ว่าท่านมุขนายกกำลังหาอะไรอยู่กันแน่? ถ้าท่านมีมันอยู่ ท่านก็ให้เขาไปเถอะขอรับ อย่างน้อยท่านฟาร์รีน่าจะได้ไม่ต้อง…”

มันไม่ใช่มุขนายก มันคือคนทรยศ! โจกัดฟัน “สิ่งที่เขากำลังตามหาไม่ได้อยู่ที่ข้า ของสิ่งนั้นมันสูญหายไปพร้อมกับวิหารในเฮอร์มีสแล้ว”

เมื่อพูดถึงเฮอร์มีส สีหน้าอีกฝ่ายก็ดูเศร้าสร้อยขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด “ขอพระผู้เป็นเจ้าทรงคุ้มครองพวกเราด้วย….” เขาบ่นพึมพำ

ช่างน่าหัวเราะสิ้นดี โจคิด ตอนที่เมืองศักดิ์สิทธิ์ใหม่ยังอยู่ ตัวเองนั้นเป็นคนที่มีฝีมือยอดเยี่ยมที่สุดในบรรดาทหารพิพากษาหนุ่ม ที่ผ่านมาเรียกได้ว่าเป็นทหารที่ยอดเยี่ยมของกองทัพ เขาไม่มีวันมองสาวกธรรมดาๆ อยู่ในสายตาเลย แต่ในวันนี้เมื่อมุกนายกและบาทหลวงพากันทรยศต่อศาสนจักร คนเดียวที่เขาพึ่งพาได้กลับเป็นสาวกที่ธรรมดาเสียยิ่งกว่าธรรมดาคนหนึ่ง ยิ่งไปกว่านั้นความรู้สึกที่อีกฝ่ายมีต่อศาสนจักรกลับลึกซึ้งไม่แพ้สาวกในระดับสูงเลยด้วยซ้ำ ไม่อย่างนั้นอีกฝ่ายคงไม่มีทางที่จะเป็นฝ่ายเข้ามาหาตัวเองในเวลาแบบนี้แน่

เขาไม่พอใจที่โรแลนโซ่ทรยศต่อศาสนจักรแล้วมาอาศัยอยู่บนเกาะอาชดยุคในฐานะเอิร์ล แต่ด้วยฐานะอันต่ำต้อยของเขา ทำให้เขาไม่กล้าที่จะขัดขืน แต่ในตอนที่กำลังต่อสู้เขาไปบังเอิญเห็นหน้าของคนที่เข้ามาโจมตี หลังจากนั้นเขาจึงได้เที่ยวตามหาในละแวกปราสาท นี่ก็คือเรื่องราวทั้งหมดที่ทำให้ทั้งสองคนได้เจอกัน

โจไม่ต้องกังวลด้วยซ้ำว่านี่จะเป็นแผนร้ายของโรแลนโซ่ เพราะตอนนี้ตัวเขาไม่มีค่าพอให้อีกฝ่ายลงมือทำอะไรอีก ถ้าคนๆ นี้เป็นคนที่คนทรยศมันส่งมาจริงๆ การพบเจอสองสามครั้งก็คงทำให้อีกฝ่ายมองออกว่าเขานั้นไม่มีค่าอะไรให้เสียเวลาด้วยอีก แล้วก็คงกำจัดเขาทิ้งไป

แต่เสียดายที่ในอดีตอีกฝ่ายนั้นเป็นแค่สาวกธรรมดาๆ แล้วตอนนี้เขาก็เป็นแค่คนใช้ระดับล่างคนหนึ่ง เขาทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากคอยแจ้งข่าวเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น

“ข้าต้องกลับแล้ว” หลังนิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ ชายหนุ่มก็ดึงหมวกขึ้นมาคลุมศีรษะ “ถ้าออกมาจากปราสาทนานเกินไป พ่อบ้านจะสงสัยเอาได้ หลังจากนี้อีก 3 วันค่อยเจอกัน พวกเรายังจะเจอกันที่นี่หรือเปล่า?”

“อา…” โจได้สติคืนมา “เจอกันที่นี่แล้วกัน ถ้ามีอะไรเปลี่ยนแปลง ข้าจะให้คนไปส่งข่าวเจ้า”

“ข้าทราบแล้ว” เขาชะงักไปเล็กน้อย “นายท่าน ท่านอย่าเพิ่งท้อละขอรับ ถ้าจะมีใครช่วยท่านฟาร์รีน่าได้ คนๆ นั้นก็คือท่านนะขอรับ”

ข้าเหรอ? ไม่…ข้าทำอะไรไม่ได้เลย

ภายในหัวเขามีแต่ความมืดที่มองไม่เห็นโอกาสและความหวังใดๆ เลย ไม่ว่าจะสวดอ้อนวอนต่อพระเจ้าอย่างไร เขาก็ไม่ได้รับการตอบกลับจากพระเจ้าแม้แต่นิดเดียว

โจพยักหน้าอย่างสิ้นหวัง

“เออใช่” อีกฝ่ายเดินไปได้สองก้าวก็หันหน้ากลับมา “ช่วงนี้ในปราสาทเกิดเรื่องๆ หนึ่ง บาทหลวงแฮกริดที่เป็นหนึ่งในคนสนิทของมุขนายกพาคนกลุ่มหนึ่งมุ่งหน้าไปทางตะวันตกเฉียงใต้ ข้าได้ยินคนเลี้ยงม้าบอกว่าเหมือนพวกเขาจะข้ามชายแดนเคจเมาเธ่นไป ข้าคิดว่าข่าวนี้…อาจจะช่วยท่านได้”

น่าจะเป็นเพราะการปลอบประโลมในคำพูดที่ดูชัดเจนเกินไป ทำให้เมื่อพูดถึงตอนหลัง แม้แต่เสียงของเขาก็พลอยเบาลงไปด้วย

ถูกต้อง เจ้าเมืองส่งคนไปยังที่ต่างๆ นั้นเป็นเรื่องที่ปกติอย่างมาก ต่อให้ตำแหน่งที่ตั้งของเคจเมาเธ่นจะค่อนข้างพิเศษ แต่มันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเกาะอาชดยุคเลย ถ้าหากโรแลนโซ๋ไม่พาทหารอาญาสิทธิ์ออกไปจากปราสาท การจะบุกเข้าไปในคุกใต้ดินเพื่อช่วยฟาร์รีน่าก็ไม่ได้ต่างอะไรกับฝันกลางวัน

“อื้อ ขอบใจนะ”

“ไม่ต้องขอบคุณขอรับ นายท่าน…” เขาเอามือขึ้นมาทาบหน้าอกพร้อมโค้งตัวเล็กน้อย “สิ่งที่ข้าทำให้พวกท่านได้ก็มีเพียงเท่านี้”

เคจเมาเธ่นเหรอ….ช่วงนี้เหมือนจะได้ยินชื่อนี้ค่อนข้างบ่อยจริงๆ โจเอาเหล้าที่อยู่ในแก้วกรอกเข้าไปในปากจนหมด เพื่อให้ความขมมันกระจายไปเต็มปาก แต่ทันใดนั้นเขากลับตกตะลึงขึ้นมาทันที

เดี๋ยวๆ….เคจเมาเธ่นเหรอ?

ภายในหัวของโจมีความคิดถึงแล่นขึ้นมาเหมือนสายฟ้าที่ผ่าลงมาท่ามกลางความมืด

บางทีนี่อาจจะเป็นโอกาสในการพลิกสถานการณ์!

…..

หลังกลับมายังที่พักอาศัยชั่วคราวนอกเมือง โจก็มองไปยังหนังสือปกดำเล่มหนึ่งที่วางอยู่บนโต๊ะ

นั่นคือคำสั่งเสียของทัคเกอร์ซึ่งเป็นผู้รักษาการพระสันตปาปาองค์สุดท้ายทิ้งเอาไว้ก่อนที่เขาจะกระโดดกำแพงฆ่าตัวเอง

นี่ไม่ใช่คัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ที่บันทึกเกี่ยวกับวิธีการสร้างกองทัพอาญาสิทธิ์ หากแต่เป็นคำสั่งเสียของทัคเกอร์ก่อนที่เขาจะตาย ในหนังสือ เขาเขียนเกี่ยวกับเรื่องราวของมนุษย์กับปีศาจ แล้วก็ที่มาของสงครามแห่งโชคชะตา ซึ่งความลับที่น่าตกตะลึงนี้ทำให้ทัคเกอร์ตัดสินบอกให้ทุกคนหนีออกไปจากเฮอร์มีส

ทั้งหมดจบสิ้นลงแล้ว

ปล่อยวางภาระ ใช้ชีวิตอย่างสงบ

และก็น่าจะเป็นเพราะการเสียสละอันนี้ จึงทำให้ฟาร์รีนาไม่ยอมที่จะนั่งมองเรื่องนี้อยู่เฉยๆ โจรู้ดี แต่โจรู้ดีว่านอกจากเรื่องความรู้สึกเศร้าเสียใจต่อการล่มสลายของศาสนจักรแล้ว สิ่งที่ภายในใจฟาร์รีน่าอยากเห็นก็คือโรแลนด์ วิมเบิลดันและอาณาจักรของเขาลงนรกไปก่อนศาสนจักร

แต่ตอนนี้ โอกาสในการพลิกสถานการณ์กลับอยู่บนตัวของราชาผู้ทำลายศาสนจักรคนนี้

โจไม่ได้หวังจะให้เกรย์คาสเซิลเข้ามาช่วย

การจะให้คนเหล่านั้นยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือคนของศาสนจักรที่กำลังเดือดร้อนนั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย

เขาจึงได้แต่ต้องหันเป้าหมายมายังพวกสาวกทรยศบนเกาะอาชดยุค

ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้สนใจข่าวที่ว่าคนของเกรย์คาสเซิลเข้ามาในพื้นที่ภูเขาเคจเมาเธ่น ภายในร้านเหล้ามีข่าวลือต่างๆ นาๆ เยอะแยะมากมาย ส่วนศาสนจักรก็ไม่มีอะไรข้องเกี่ยวกับเกรย์คาสเซิลอีก กระทั่งคำพูดของสาวกคนนั้นที่ทำให้เขาพลันคิดขึ้นมาได้ ในอดีตโรแลนโซ่เคยรับผิดชอบเรื่องการเก็บรวบรวมของมีค่าที่ยึดมาได้จากเมืองต่างๆ ของวูล์ฟฮาร์ท ซึ่งข่าวเรื่องสมบัติของเคจเมาเธ่นที่อยู่ในตำนวนก็ไม่ใช่ความลับอะไร ส่วนเรื่องที่ว่าทำไมมันถึงไม่ถูกขนย้ายมาที่เฮอร์มีส โจก็ไม่รู้แน่ชัดเหมือนกัน แต่ว่าในจุดนี้ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร เรื่องสำคัญก็คือราชาแห่งเกรย์คาสเซิลกำลังมองหาของอย่างเดียวกันอยู่หรือไม่

พวกขุนนางวูล์ฟฮาร์ทอาจจะกลัว แต่โรแลนด์ไม่

ไม่มีใครที่จะต้านทานกองทัพที่น่ากลัวอันนั้นได้

ขอเพียงสามารถยืมมืออีกฝ่ายในการกำจัดคนทรยศได้ เขาก็มีโอกาสช่วยฟาร์รีน่าออกมา

และถึงแม้ฟาร์รีนาจะโชคร้ายถูกโรแลนด์จับไปอีก แต่มันก็ยังดีกว่าที่จะปล่อยให้เธอถูกทรมานอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

โจสูดหายใจ

ถ้าสุดท้ายแล้วเรื่องราวมันกลายเป็นแบบนั้นจริงๆ เขาจะไม่มัวหลบซ่อนอยู่อีกต่อไป

อย่างน้อยในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต ตัวเองก็ยังได้อยู่ข้างกายเธอ

เพราะว่า…เขารักเธอมาโดยตลอด

ครั้งนี้ เขาไม่อยากจะมานั่งเสียใจอีก

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด