Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ 1222 การนัดหมายแห่งโชคชะตา

Now you are reading Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ Chapter 1222 การนัดหมายแห่งโชคชะตา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
ตอนที่ 1222 การนัดหมายแห่งโชคชะตา

“ฝ่าบาท ฝ่าบาท…ฝ่าบาท?” เสียงของสแคทเทอร์สตาร์ดึงให้โรแลนด์ตื่นจากภวังค์

“เอ่อ….” เขานวดขมับที่ปวดเล็กน้อย “เรื่องนี้มีแค่นักโหราศาสตร์เท่านั้นใช่ไหมที่รู้?”

“คนที่ทำการสำรวจล้วนแต่เป็นนักโหราศาสตร์ที่มีชื่อดวงดาว เด็กฝึกหัดกับพวกนักเรียนที่อยู่ในสถาบันคณิตศาสตร์….ไม่รู้เรื่องนี้พ่ะย่ะค่ะ” โหราจารย์คุกเข่าลงไปอีกครั้ง

อย่างนี้นี่เอง โรแลนด์ครุ่นคิด มิน่าตอนก้าวเข้าประตูมา นักโหราศาสตร์ที่อยู่ด้านนอกจึงทำหน้าเคร่งเครียดเหมือนจะสั่งเสียอย่างไรอย่างนั้น ถ้าพวกเขาสามารถคิดโยงไปถึงเรื่องที่อาจจะเกิดความแตกแยกกับแม่มดโบราณได้ พวกเขาก็ย่อมต้องคิดถึงเรื่องที่อาจจะถูกราชาฆ่าปิดปากเพราะพวกเขาไปรู้ในเรื่องที่ไม่ควรจะรู้ก็ได้ เพราะในอดีตนั้นมีแต่ผู้สืบทอดของราชวงศ์เท่านั้นถึงจะมีสิทธิ์ล่วงลู้ความลับเกี่ยวกับจุดประสงค์ที่แท้จริงของการสร้างหอดูดาวและดาวมรณะ

สมแล้วที่เป็นคนที่อยู่ในเมืองหลวงมานานและคุ้นเคยกับการเมืองในวังเป็นอย่างดี โรแลนด์ไม่รู้ว่าควรจะโทษว่าพวกเขาถูกบีบบังคับจนคิดฟุ้งซ่านหรือชื่นชมพวกเขาว่าถึงแม้จะรู้ว่าผลเป็นอย่างนี้ก็ยังกล้าที่จะรายงานออกมาตามความเป็นจริง เขาส่ายหัวอย่างเหนื่อยใจ “พวกเจ้าทำดีมาก ตอนนี้อย่าเพิ่งแพร่งพรายเรื่องนี้ออกไป ส่วนพวกเจ้าก็ทำงานของพวกเจ้าต่อไป ข้าไม่ได้หมายถึงเรื่องการดูดาวนะ ข้าหมายถึงสถาบันคณิตศาสตร์ แทนที่จะไปศึกษาสิ่งที่มันไม่มีอยู่จริงแล้ว การแก้ไขปัญหาในเมืองเนเวอร์วินเทอร์นั้นมีความสำคัญมากกว่า”

พูดจบเขาก็เดินออกจากห้องใต้หลังคาไป ปล่อยให้โหราจารย์ยืนงงอยู่กับที่

“กลับปราสาท” โรแลนด์สั่งกำชับเสียงเข้ม

เมื่อเทียบกับตอนขามาแล้ว ตอนขากลับเขาเดินเร็วมากขึ้นกว่าเดิมเสียอีก

“พระองค์คิดว่าที่พวกนักโหราศาสตร์พูดมาเป็นเรื่องจริงเหรอเพคะ?” ไนติงเกลที่เดินตามอยู่ข้างกายปรากฏตัวออกมา

“ข้าไม่รู้…นั่นเป็นแค่ความคิดที่จู่ๆ ก็ผุดขึ้นมา” โรแลนด์พูดเสียงเบา “มันไม่ใช่พระจันทร์สีแดงก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะไม่มีอยู่จริง หรือบางทีมันอาจจะเป็นอะไรอย่างอื่น….”

“อะไร…อย่างอื่น?”

“อย่างเช่น รู”

ที่ผ่านมาเขาไม่ได้ครุ่นคิดถึงเรื่องพระจันทร์สีแดงมากนัก ที่มันมีขนาดใหญ่ขนาดนี้ก็เป็นเพราะมันอยู่ใกล้โลกเท่านั้น อย่างเช่นถ้าไปยืนอยู่บนดาวบริวารของดาวพฤหัส ดาวพฤหัสก็จะใหญ่จนกินพื้นที่ 2 ใน 3 ของท้องฟ้า แต่ตอนนี้มันมาคิดดูแล้ว ที่คนโบราณเรียกมันว่าพระจันทร์สีแดงคงจะเป็นเพราะว่ามันเป็นทรงกลม แล้วก็แสงไม่แสบตาล่ะมั้ง

หากเป็นการกัดกินจริงๆ มันก็สามารถเป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมหรือทรงหลายเหลี่ยมได้

น้ำเสียงของไนติงเกลเต็มไปด้วยความสงสัย “พระองค์ทรงหมายความว่า…ท้องฟ้าของพวกเราแตกออกงั้นเหรอเพคะ?”

“อาจจะแย่กว่านั้น แต่ข้าต้องไปยืนยันให้แน่ใจก่อน”

“ทำยังไงเพคะ?”

โรแลนด์เหลือบมองเธอ “ฝัน”

…..

ถึงแม้ท้องฟ้าจะยังเช้าอยู่ แต่มันก็ไม่ได้เป็นปัญหาต่อการเข้ามาในโลกแห่งความฝัน ยิ่งไปกว่านั้นครั้งนี้เขาไม่ได้แจ้งแม่มดอาญาสิทธิ์ด้วย เขาเพียงแค่บอกให้ไนติงเกลคอยเฝ้าอยู่ข้างๆ เท่านั้น

‘วันที่เจตจำนงของพระเจ้าปรากฏขึ้นบนโลก เจอกันตามเวลาที่นัดหมายไว้’

โรแลนด์เฝ้าค้นหามาตลอดว่าเจตจำนงของพระเจ้ามันหมายความว่าอย่างไร จนกระทั้งในตอนนี้เขาถึงได้รู้ว่าบางทีอีกฝ่ายอาจจะไม่ได้หมายถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในโลกแห่งความฝัน หากแต่หมายถึงเวลาที่อยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง

สมมติว่าเป็นอย่างนี้จริงๆ นั่นก็หมายความว่าคนที่ทิ้งกระดาษโน๊ตนี่ไว้ไม่เพียงแต่รู้ดีว่าโลกแห่งความฝันคืออะไร หากแต่ยังรู้ด้วยว่าภายนอกโลกแห่งความฝันยังมีโลกแห่งความจริงอยู่ แล้วก็รับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงของมันด้วย ฟังแล้วเหมือนจะเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อ แต่ในตอนที่สแเคทเทอร์สตาร์พูดออกมาว่า ‘พระจันทร์สีแดงไม่มีอยู่จริง’ นั้น ความรู้สึกสับสนและสงสัยที่วนเวียนอยู่ในหัวของเขาก่อนหน้านี้ก็เหมือนมีลำแสงพุ่งทะลุออกมา ไม่ว่าจะเป็น ‘สงครามแห่งโชคชะตา’ ที่เขาได้ยินตอนอยู่ในเมืองปริซึม หรือว่าหนังสือของโลกแห่งความฝันที่ไม่มีชื่อคนเขียนก็ล้วนแต่ชักนำให้เขาเดินมาทางนี้

“คุณอา ข้าวเช้าจะกิน…” หลังเปิดประตูห้องนอนออกมา เขาก็เห็นซีโร่ยืนอยู่หน้าอ่างล้างหน้า ในปากคาบแปรงสีฟันพร้อมถามงึมงำๆ ฟังไม่ชัดเจน

“ไม่กิน เธอทำของตัวเองก็พอ!” โรแลนด์ตะโกนโดยไม่หันมามอง จากนั้นเขาก็หยิบเสื้อนอกที่อยู่บนโซฟาขึ้นมาใส่ แม้แต่รองเท้าก็ใส่รองเท้าแตะแล้วเดินออกไปเลย

ในเวลานี้บนถนนมีคนเดินไปเดินมา แผงขายปาท่องโก๋กับซาลาเปานั้นเต็มไปด้วยนักเรียนและพนักงานออฟฟิศที่มารอซื้อ เสียงทอดและเสียงตะโกนดังสลับกันกลายเป็นที่ฟังดูวุ่นวายและก็แสดงให้เห็นถึงความคึกคักของชุมชนถงจึ

สิ่งเดียวที่แตกต่างออกไปคือร้านกาแฟโรสคาเฟ่

ป้ายร้านและบานประตูของมันทำให้มันดูไม่เข้ากับแผงขายของที่อยู่รอบๆ เลย ในตอนที่โรแลนด์หยิบเอากุญแจขึ้นมาเปิดประตู เขาสังเกตเห็นเจ้าของร้านที่อยู่ตรงข้อมมองเขาเหมือนมองคนโง่อย่างไรอย่างนั้น

เขาสูดหายใจพร้อมผลักประตูเข้าไปด้านในแล้วตรงดิ่งไปยังห้อง 302 ส่วนเรื่องที่ว่าทำไมทั้งร้านถึงมีห้องอยู่ห้องเดียว แล้วก็ทำไมเป็นห้อง 302 ทั้งๆ ที่อยู่ชั้นหนึ่งนั้นเขาไม่ได้สนใจเลย

เรื่องจากช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาในเมืองเนเวอร์วินเทอร์เกิดเรื่องขึ้นหลายเรื่องจนทำให้เขาไม่มีเวลามานั่งสนใจโลกแห่งความฝัน ตอนนี้พอยื่นมือจับไปบนที่จับประตู เขาพลันรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา

ส่วนเรื่องที่ว่าอีกฝ่ายจะเข้ามาในร้านยังไงนั้น เขาไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้เลย การที่สามารถใส่ตัวหนังสือลงไปในแก้วแชมเปญได้ คนๆ นั้นจะต้องมีพลังที่น่าเหลือเชื่ออย่างแน่นอน อย่าว่าแต่เข้ามาในร้านโดยไม่มีซุ่มเสียงเลย ต่อให้อีกฝ่ายโผล่มาอยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้เลยมันก็ไม่มีอะไรให้น่าตกใจ

โรแลนด์สูดหายใจ ก่อนจะบิดลูกบิดประตู

ภายในห้องว่างเปล่า

นอกจากโต๊ะเตี้ยๆ กับเก้าอี้สี่ตัวแล้วก็ไม่มีอะไรอย่างอื่นวางอยู่อีก พริบตาที่เปิดประตูเข้าไป เขาก็มองเห็นทุกซอกทุกมุมของห้องได้อย่างชัดเจน ไม่มีที่ไหนให้ซ่อนตัวได้

เขาแอบรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย ก่อนจะค่อยๆ เดินมาที่โต๊ะ

หรือว่า…ตัวเองจะเดาผิด?

มันก็จริง คนไม่ใช่วิญญาณ แล้วจะมาอยู่ตรงนี้ในพริบตาได้ยังไง รออีกหน่อยแล้วกัน

แต่หลังจากนั้นก็มีสิ่งที่น่าสงสัยยิ่งกว่านั้นตามมา

คนที่เขียนกระดาษโน้ตแผ่นนั้นจะรู้จักร้านกาแฟที่เพิ่งเปิดไม่ถึงเดือนแห่งนี้แล้วมาหาเขาจริงๆ เหรอ? ถ้าอีกฝ่ายก็ไปรออยู่ในสถานที่ๆ นัดหมายจะทำยังไง?

หรือไม่ก็กระดาษโน้ตแผ่นนั้นเป็นแค่การแกล้งกัน ความจริงแล้วพระจันทร์สีแดงในโลกแห่งความเป็นจริงไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับโลกแห่งความฝันเลย

จะว่าไปแล้วเขาก็ไม่มีหลักฐานอะไรที่ใช้ยืนยันได้เลย

เรื่องนี้ไม่มีทางจะได้รับคำตอบง่ายๆ เหมือนอย่างที่คิดจริงๆ ด้วย

ในขณะที่โรแลนด์กำลังจะลุกออกจากห้อง เสียงกระดิ่งหน้าร้านพลันดังขึ้นมา

“ติ๊งๆ….”

“ยินดีต้อน….” เขาพูดออกไปได้ครึ่งเดียวก็ต้องหยุดลงทันที แม่มดอาญาสิทธิ์ไม่ได้ตามเขาเข้ามาในโลกแห่งความฝัน การ์เซียก็ไม่มีทางมาหาเขาที่ร้านถ้าไม่มีธุระ ตอนนี้น่าจะไม่มีใครที่อยากจะมาดื่มกาแฟราคาแพงหูฉี่แบบนี้นี่นา! โรแลนด์ที่ฉุกคิดขึ้นมาได้เปิดประตูออกไปมองในร้าน ก่อนจะเห็นภาพคนที่คุ้นเคยคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นที่หน้าประตูร้าน

เขาเคยเจออีกฝ่ายมาสองครั้งแล้ว

ครั้งหนึ่งคือในงานต้อนรับสมาชิกใหม่ที่เมืองปริซึม

อีกครั้งคือในโบสถ์เงาสะท้อนที่เมืองเฮอร์มีสเก่า

การเจอหน้าเพียงแค่สองครั้ง แต่กลับทำให้โรแลนด์จดจำใบหน้าของอีกฝ่ายได้แม่นยำ

“คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะเปิดร้านโรสคาเฟ่ขึ้นเอง แถมยังเปิดตรงนี้ด้วย ข้าเกือบคิดว่าเจ้าจะไม่เห็นกระดาษโน้ตนั่นซะแล้ว”

มิสต์พูด

………………………………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด