Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ 1301 การต่อสู้ท่ามกลางหิมะ

Now you are reading Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ Chapter 1301 การต่อสู้ท่ามกลางหิมะ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ในตอนที่นกประหลาดสีเทาส่งเสียงหวีดร้องแล้วพุ่งเข้ามาทางเนินเขา เดิมไวท์นึกว่าตัวเองคงต้องจบเห่ลงตรงนี้แล้ว

ความคิดเพียงหนึ่งเดียวที่เหลืออยู่ของเขาก็คือ ‘ถ้ารู้แต่แรกว่าจะเป็นยังงี้เขาคงจะไม่มารับคนไกลขนาดนี้หรอก!’

เป็นเพราะพวกลูกเรือนั้นน่ะแหละ!

ถ้าไม่เป็นเพราะพวกเขาอิจฉารายได้ของพวกคนรับรถรับส่งผู้อพยพ แล้วก็เริ่มมาขนส่งผู้อพยพด้วย เขาก็คงไม่ต้องเสี่ยงเข้ามาในพื้นที่ด้านในของวูล์ฟฮาร์ทหรอก

ก็แค่ได้เงินเพิ่มมาไม่กี่เหรียญเงินเท่านั้นเอง!

คิดไม่ถึงเลยว่าพอครั้งที่สามก็เจอเข้ากับปีศาจจริงๆ แล้ว

แถมถ้ามีแค่ปีศาจก็ว่าไปอย่าง เพราะขอเพียงเขาวิ่งให้เร็วกว่าผู้อพยพคนอื่น เขาก็อาจจะมีชีวิตรอดออกไปได้ แต่ทันทีที่นกประหลาดบนท้องฟ้าปรากฏตัวขึ้นมา ความหวังของเขาก็ต้องพังทลายลงทันที

ขนาดมีขาสองข้างยังวิ่งสู้ปีกคู่หนึ่งไม่ได้เลย แล้วนับประสาอะไรกับเขาที่มีขาแค่ข้างเดียวล่ะ

พระเจ้า ไวท์เอาสองมือขึ้นมากุมหัวตัวเองไว้พร้อมทั้งคุกเข่าลงไปที่พื้นอย่างอ่อนแรง ได้โปรดเห็นแก่ข้าที่เป็นสาวกท่าน ได้โปรดพาข้าไปอยู่ในดินแดนของท่านหลังจากที่ข้าตายด้วยเถิด ถ้าให้ดีก็ขอให้ข้ามีเงินใช้ตลอดด้วย….

แต่นกประหลาดก็ไม่ได้ฉีกเขาเป็นชิ้นๆ หากแต่ส่งเสียงร้องที่ฟังดูคุ้นเคยอย่างมากออกมา

เขาเคยได้ยินเสียงร้องแบบนี้ที่อ่าวดีพพูลมาก่อน เวลาที่คนเกรย์คาสเซิลยิงอาวุธของพวกเขา เสียงร้องแบบนี้ก็จะดังต่อเนื่องไปทั่วทั้งสนามรบ ครั้งที่แล้วมันร้องอยู่ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง กองทัพตัวแทนของตระกูลทัสก์กับตระกูลเรดสโตนเกทก็ถูกเล่นงานจนย่อยยับเลย

หรือว่า…คนเกรย์คาสเซิลมาช่วยเขา?

ไวท์เงยหน้าขึ้นอย่างระมัดระวัง ทันใดนั้นเขาก็ได้เห็นภาพที่ชาตินี้ทั้งชาติก็ไม่มีทางที่จะจินตนาการถึง

เขาเห็นตรงส่วนหัวของนกประหลาดยิงแส้ลำแสงสีขาวเงินออกมา ตัวแส้เหมือนมีความคิดเป็นของตัวเอง มันวิ่งทะลุฝูงปีศาจที่อยู่ด้านหลังเขา เพียงแค่มันชี้ไป พื้นหิมะก็เหมือนเดือดพล่านขึ้นมา ปีศาจล้มลงไปกับพื้นทันทีที่เสียงดังขึ้น เหมือนกับว่าในประกายแสงที่สว่างวาบขึ้นมานั้นแฝงเอาไว้ด้วยพลังอันรุนแรง

ภาพเหตุการณ์นี้ทำให้เขาต้องตกตะลึงจนอ้าปากค้าง

แต่สิ่งที่ทำให้ไวท์รู้สึกตื่นเต้นก็คือพวกปีศาจนั้นถูกการโจมตีอย่างกะทันหันนี้เล่นงานจนทำอะไรไม่ถูกเหมือนกัน พวกมันไม่เพียงแต่จะหยุดการไล่ล่า การแต่ยังพากันวิ่งหนีหลังจากที่การโจมตีกลับของพวกมันไม่ได้ผลด้วย

“คุณไวท์ นั่น นั่นมันคืออะไร?” ผู้อพยพที่อยู่รอบๆ ถามเสียงสั่นขึ้นมา

ตอนแรกเขาคิดจะส่ายหัว แต่ทันใดนั้นภายในหัวเขาพลันมีแสงสว่างวาบขึ้นมา

ไวท์หยิกขาตัวเองแรงๆ ฝืนบังคับให้ตัวเองลุกขึ้นมา ก่อนจะหันไปทางผู้อพยพที่กำลังหวาดกลัวจนวิญญาณแทบจะออกจากร่าง จากนั้นจึงกางแขนทั้งสองข้างอกแล้วตะโกนพูดด้วยน้ำเสียงแปลกๆ ว่า “ไม่ต้องกลัว นี่คือกองทัพคุ้มกันของเกรย์คาสเซิลที่ข้าบอกเอาไว้ก่อนหน้านี้! ข้าเป็นคนเรียกพวกเขามาเอง!”

“คนเกรย์คาสเซิล?” พวกชาวบ้านพูดเหมือนไม่อยากจะเชื่อ “จากบนฟ้าเหรอ?”

“ถูกต้อง!”

“เจ้าหมายความว่า…พวกเรารอดแล้วเหรอ?”

“ตอนนี้เหมือนจะเป็นเช่นนั้นแต่ว่าการคุ้มครองนี้ไม่ได้คุ้มครองฟรีๆ ราคาของมันเรียกได้ว่าสูงทีเดียว! ซึ่งข้าไม่มีเงินมากขนาดนั้น ไม่รู้ว่าพวกเขาจะไปเมื่อไร”

ไวท์ยังไม่ทันพูดจบก็ถูกผู้อพยพที่กำลังหวาดกลัวพูดตัดบทขึ้นมา “อย่าให้พวกเขาไป! ข้ายินดีจ่ายค่าเดินทางเพิ่มอีกเท่าหนึ่ง!”

“ข้าให้เพิ่ม 2 เหรียญเงิน!”

“ขอเพียงพาข้าไปส่งให้อ่าวดีพพูล ข้าจะมอบแหวนทองวงนี้ให้เจ้า!”

“ข้าด้วย…”

เมื่ออยู่ต่อหน้าความตาย ความหวาดกลัวทำให้พวกเขาระเบิดแรงขับดันอันน่าตกใจออกมา กลุ่มคนที่ก่อนหน้านี้ยังสิ้นหวังจนไม่มีเรี่ยวแรงจะเดินพลันลุกขึ้นมาอีกครั้ง

“ข้าจะไปบอกคนเกรย์คาสเวิลให้ แต่ตอนนี้ตามข้ามาก่อน เอ่อ ขาข้าไม่ค่อยดี มีใครมาช่วยแบกข้าหน่อยได้ไหม?”

“ข้าเอง!” ชายหนุ่มตัวสูงใหญ่คนหนึ่งแบกเขาขึ้นหลัง

แบบนี้เขาก็ไม่ต้องกังวลว่าตัวเองจะถูกทิ้งระหว่างหนีแล้ว

ถ้าทุกอย่างราบรื่นดี ไม่แน่เขาอาจจะซื้อรถม้าคันใหม่มาแทนคันเก่าที่พังไปได้ก็ได้

ส่วนเรื่องที่เขาหลอกผู้อพยพ…ตอนนี้สิ่งสำคัญคือทำให้ทุกคนมีขวัญกำลังและหนีออกไปจากที่นี่ไม่ใช่เหรอ?

“ไม่ต้องลน ลืมตาไว้ มองดูรอยเท้าที่คนอื่นทิ้งเอาไว้ อย่ากลิ้งตกเขาไปล่ะ!” ไวท์สั่งให้ชายหนุ่มวิ่งลงเนินไปก่อน

…..

กู๊ดไล่ยิงปีศาจอยู่ครู่ ก่อนจะสังเกตเห็นว่ามีบางอย่างแปลกๆ

ฝูงบินเหมือนจะมีเครื่องบินน้อยไปลำหนึ่ง

ถึงแม้ศัตรูจะไม่สามารถทำอะไรพวกเขาได้ แต่การจะกำจัดปีศาจ 30 – 40 ตัวนี้ทิ้งทั้งหมดมันไม่ใช่เรื่องง่ายขนาดนั้น นอกจากเรื่องของผลกระทบจากสภาพอากาศแล้ว อีกสาเหตุหนึ่งเป็นเพราะการยิงของพวกเขาค่อนข้างประปราย เผลอๆ จะสู้ตอนที่ฝึกยิงเป้าไม่ได้ด้วยซ้ำ

หลังเขาดึงเครื่องบินขึ้นพร้อมนับจำนวนเครื่องบินดู เขาก็ต้องตกใจทันที

ในบรรดาเครื่องบิน 4 ลำ เครื่องบินที่หายไปคือยูนิคอร์นขององค์หญิง!

นอกจากเรื่องที่นั่งนักบินที่มีแค่ที่้เดียวแล้ว เครื่องบินของเธอก็แทบจะเหมือนกับเฮฟเว่นเฟลมทุกอย่าง การที่จะถูกมองข้ามไปในระหว่างที่ทำการต่อสู้อยู่จึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร แต่ในเวลาไม่ใช่เวลาจะมานั่งวิเคราะห์อะไรแล้ว อีกฝ่ายคือน้องสาวของฝ่าบาท หากมีอะไรเกิดขึ้น คนที่ต้องรับผิดชอบก็คือพวกเขา

ยังไม่ทันที่เขาจะได้บอกฟินกิ้น ท้องฟ้าทางด้านเหนือพลันมีสัญญาณสีเขียว 3 ลูกสว่างขึ้นมา

นั่นคือสัญญาณว่าพบศัตรู!

แต่ว่า…ศัตรูอยู่ทางนี้ไม่ใช่เหรอ?

กู๊ดตกใจทันที เขาทิ้งเป้าหมายที่บาดเจ็บล้มตายไปกว่าครึ่งตรงนี้ ก่อนจะมุ่งหน้าตรงไปหาสัญญาณ

“เอ๋ เดี๋ยวๆ เจ้าจะไปไหน? ถ้าหนีทหารเราต้องไปขึ้นศาลทหารนะ!” ฟินกิ้นที่กำลังกราดยิงอย่างตั้งใจหันมาถามอย่างงุนงง

“อย่าพูดโง่ๆ น่า” กู๊ดรีบพูดขึ้นมาอย่างร้อนใจ “เจ้าไม่เห็นเหรอว่าองค์หญิงไม่ได้เสด็จตามพวกเรามาด้วย!”

ฟินกิ้นหันหน้ากลับไป ก่อนจะต้องสูดปากด้วยความตกใจทันที

เห็นได้ชัดว่าเขาก็มองเห็นไฟสัญญาณสามดวงนั่นเหมือนกัน

โชคดีที่ก่อนจะออกค้นหาพวกเขาได้คิดถึงเรื่องการติดต่อสื่อสารที่ไม่สะดวกเอาไว้แล้ว เครื่องบินแต่ละลำจึงอยู่ไม่ห่างกันมากนัก กู๊ดใช้เวลาไม่ถึง 15 นาทีก็มาถึงตำแหน่งที่ยิงกระสุนสัญญาณ

จากนั้นเขาก็รู้สึกโล่งใจ

เครื่องบินปีกสองชั้นกำลังกราดยิงไปที่พื้นลำนั้นคือยูนิคอร์น

ส่วนสิ่งที่องค์หญิงกำลังโจมตีอยู่ก็คือปีศาจที่ซ่อนตัวอยู่ในพุ่มไม้เตี้ยๆ เมื่อดูจากจำนวนของศัตรูแล้วเหมือนจะมีเยอะกว่ากลุ่มปีศาจที่ไล่โจมตีผู้อพยพอยู่หน่อย

ทำไมตรงนี้ถึงมีปีศาจสองกลุ่ม?

ทำไมคนที่ไล่โจมตีถึงเป็นฝ่ายที่มีจำนวนน้อยกว่า

กู๊ดรู้สึกสงสัยขึ้นมาทันที แต่เขายังไม่ทันจะได้คิดอะไร ฟินกิ้นที่นั่งอยู่ข้างหลังก็ตะโกนขึ้นมาอย่างตื่นเต้นว่า “ปีศาจตรงนี้เยอะกว่าตรงนั้นอีก! รีบตามองหญิงไปเร็ว ข้าอยากจะเหนี่ยวไกจะแย่แล้ว!”

เฮฟเว่นเฟลมอีกสองลำตามหลังมา

ช่างมัน กู๊ดโยนความสงสัยทิ้งไปด้านหลัง ยังไงซะปีศาจก็ทำอะไรพวกเขาไม่ได้ กองทัพของศัตรูก่อนหน้านี้สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปแล้ว งั้นมาจัดการกลุ่มนี้ต่อก็แล้วกัน

แต่ในขณะที่ความคิดนี้เพิ่งจะผุดขึ้นมา ในพุ่งไม้พลันมีอสูรสยองส่งเสียงร้องพร้อมบินออกมา ก่อนจะพุ่งเข้าใส่ยูนิคอร์นจากทุกทิศทุกทาง!

ถึงแม้จะเป็นครั้งแรกที่ได้เห็น ‘ศัตรูในจินตนาการ’ ของอัศวินอากาศ แต่เขาก็ยังจำได้ทันทีว่ามันเหมือนกับภาพสัตว์ประหลาดที่เขาเห็นอยู่ในสมุดภาพคู่มือ

เลือดในร่างกายของกู๊ดจับตัวแข็งขึ้นมาทันที

จำนวนของอสูรสยองอย่างน้อยๆ ก็มี 10 กว่าตัว

ส่วนระยะห่างของทั้งสองฝ่ายห่างกันไม่เกิน 400 – 500 เมตร จะให้ทิ้งองค์หญิงเอาไว้ก็ไม่มีทางเป็นไปได้แน่นอน อย่างนั้นพวกเขาต้องทำอย่างไรถึงจะเอาชนะได้?

ความคิดจำนวนนับไม่ถ้วนผุกขึ้นมาในหัว แต่ก็ถูกเขาปฏิเสธทิ้งไปทั้งหมด เวลาเหมือนจะผ่านไปนาน แต่ก็เหมือนจะผ่านไปแค่สั้นๆ เหมือนกัน ในตอนที่เขายังคิดหาวิธีไม่ออก ทิลลีพลันชิงลงมือก่อน

ยูนิคอร์นเชิดหัวขึ้น ก่อนจะหมุนตัวเลี้ยวแล้วบินไปทางตะวันออก ขณะเดียวกันก็มีสัญญาณไฟสีแดงถูกยิงออกมา

นั่นคือสัญญาณให้ถอย!

กู๊ดเหยียบคันเร่งพุ่งตามหลังยูนิคอร์นไปทางตะวันออกทันที

ความได้เปรียบในการด้านความเร็วของเครื่องบินปีกสองชั้นถูกแสดงออกมาในเวลานี้

อสูรสยองตัวที่อยู่ใกล้ฝูงเครื่องบินที่สุดบินเข้ามาเฉียดในระยะยิง แต่ไม่นานเครื่องบินทั้งสี่ลำก็สลัดพวกมันทิ้งไปเอาไว้ด้านหลัง แล้วหายเข้าไปในหิมะที่ตกโปรยปรายลงมา

………………………………………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด