Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ 1215 ตำนานปรากฏ

Now you are reading Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ Chapter 1215 ตำนานปรากฏ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
ตอนที่ 1215 ตำนานปรากฏ

ฟาร์รีนาพบว่าเรื่องราวไม่ได้เป็นไปอย่างที่เธอคิด

ถึงแม้เรื่องราวที่ฉายอยู่ในหนังเวทมนตร์จะคล้ายๆ กับ ‘ประวัติศาสตร์’ ที่แม่มดโบราณเล่ามา แต่มันก็ไม่ได้เล่าเรื่องให้ศาสนจักรเสียหายไปเสียทั้งหมด ในตอนที่เห็นคนที่อยู่ในละครต่อสู้กับศัตรูที่มาจากขุมนรกอย่างไม่คิดชีวิต เธอพลันพบว่าในร่างกายมีความรู้สึกที่ไม่ได้รู้สึกมานานแล้วพุ่งพล่านขึ้นมา

เมื่อละครฉายมาถึงตอนที่สาวกระดับสูงของศาสนจักรซึ่งเป็นคนธรรมดาก่อกบฏ เธอพลันกำหมัดแน่น ภายในใจนึกอยากจะวิ่งเข้าไปอัดพวกเขา

เป็นเพราะคนพวกนี้ ศาสนจักรถึงได้ลืมจุดมุ่งหมายที่ก่อตั้งขึ้นมา และกลายเป็นสัตว์ประหลาดที่กลืนกินมนุษย์ในที่สุด

ที่น่าแค้นใจกว่านั้นก็คือ พวกคนระดับสูงที่รู้เรื่องราวเหล่านี้กลับปิดปากเรื่องการมีอยู่ของปีศาจเอาไว้ แต่อีกด้านหนึ่งก็เอาแต่พร่ำสอนสาวกเรื่องการช่วยโลก ทำให้นักรบจำนวนนับไม่ถ้วนอย่างท่านทัคเกอร์ต่างต้องตายไปด้วยความเชื่อของตน แต่พวกเขากลับไม่ได้รู้เลยว่าที่จริงแล้วพวกเขาเป็นแค่เครื่องมือให้คนเหล่านั้นได้ควบคุมอำนาจเท่านั้น

เธอไม่ควรมาจงรักภักดีศาสนจักรที่เป็นแบบนี้เลย

แต่ปัญหาก็คือทำไมราชาแห่งเกรย์คาสเซิลถึงเปิดเผยความลับเหล่านี้ออกมา….หรือว่าเขาไม่คิดจะฉวยโอกาสนี้ทำลายศาสนจักรจริงๆ?

หรือว่าเขาไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้แต่แรกแล้ว?

ในขณะที่ฟาร์รีนากำลังครุ่นคิดอยู่นั้น ทหารที่ทางเฮอร์มีสส่งมาก็ดึงดูดความสนใจของเธอเอาไว้

สำหรับคนที่ผิดหวังแล้ว ไม่ว่ารอบข้างเกิดการเปลี่ยนแปลงอะไร ฟาร์รีนาก็ไม่มีทางสนใจ แต่ตอนนี้ภายในใจเธอกลับรู้สึกพลุ่งพล่าน เรี่ยวแรงในอดีตเหมือนจะกลับมาอีกครั้ง

ฟาร์รีน่านั้นคือสุดยอดนักรบในกองทัพพิพากษา การเปลี่ยนแปลงเพียงแค่นี้เพียงพอที่จะทำให้เธอสังเกตเห็นถึงความผิดปกติ

พื้นสั่นสะเทือนขึ้นมาเล็กน้อย

นี่คือเสียงม้าของกองทัพพิพากษาเวลาห้อตะบึง

เธออยู่เฮอร์มีสมา 5 – 6  ปีแล้ว เรียกได้ว่าคุ้นเคยกับความเคลื่อนไหวแบบนี้เป็นอย่างดี ต่อให้ไม่ต้องลืมตา เธอก็ยังแยกแยะจำนวนกับระยะทางของอีกฝ่ายได้

ทหาร 16 คน สองทีมเล็ก เธอเหมือนมองเห็นจำนวนของทหารที่ไล่ตามมาอย่างไรอย่างนั้น

ถ้าตอนที่เริ่มดูหนังแรกๆ มีความเคลื่อนไหวแบบนี้ บางทีเธออาจจะมองข้ามในจุดนี้ไป ทว่าหนังเวทมนตร์นั้นเป็นภาพลวงตาที่สร้างขึ้นมา ต่อให้มันจะเหมือนจริงแต่ไหนแต่มันก็ไม่ใช่ของจริง อย่างเช่นร่างกายที่ก้มลงไปแล้วมองไม่เห็น แต่เธอก็ยังสัมผัสได้ถึงสภาพแวดล้อมรอบๆ อยู่….และก็เป็นเพราะแบบนี้ การที่จู่ๆ มีการสั่นสะเทือนของม้าวิ่งดังขึ้นมาจึงทำให้เธอรู้สึกถึงมันได้อย่างชัดเจน

เธอรู้ทันทีว่ามีอะไรบางอย่าง…กำลังเปลี่ยนไป!

เมื่อความคิดนี้ผุดขึ้นมา ฟาร์รีนาก็มองเห็นร่างกายของตัวเอง

นี่มัน…เกิดอะไรขึ้นกันแน่?

แต่สิ่งที่น่าเหลือเชื่อยังไม่หมดแต่เพียงเท่านี้

ผู้ชมที่อยู่รอบๆ….ต่างไปปรากฏอยู่ตรงหน้าของเธอ

โจเองก็เป็นหนึ่งในนั้นเหมือนกัน

“ฟาร์รีนา นี่พวกเรา…” เขาหันหน้ามาด้วยสีหน้าสับสน

ความรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีพลันผุดขึ้นมาในใจของเธอ ฟาร์รีนารีบคว้าจับที่ด้านหลังของตัวเอง แต่เธอกลับสัมผัสไม่ถูกอะไรเลย เก้าอี้ที่นั่งอยู่ในตอนแรกไม่อยู่แล้ว

“ช่วยพวกเราด้วย ได้โปรด!” ทหารอารักขากับแม่มดเหมือนจะมองเห็นพวกเธอ พวกเขาวิ่งโซซัดโซเซเข้ามา

“คนทรยศอยู่นั่น ไปจับพวกมันมา!”

“ใครขัดขืน ฆ่าให้หมด!”

ลูกดอกบินมา คนที่ยืนอยู่ข้างหน้าถูกยิงจนล้มลงไปกับพื้น

ผู้ชมส่วนใหญ่ล้วนแต่เป็นพ่อค้ากับขุนนางที่มีชาติตระกูล พวกเขาแทบจะไม่มีประสบการณ์ในการสู้รบเลย เมื่อต้องเจอกับการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ พวกเขาต่างก็ยืนตกตะลึงไปกับที่

“บ้าเอ้ย!” ฟาร์รีน่าด่าเบาๆ ออกมาคำหนึ่ง แม่มดพวกนั้นทำอะไรกันแน่เนี่ย นี่ยังใช่ภาพลวงตาอยู่อีกหรือปล่า? ถ้าหากเป็นเมื่อก่อนล่ะก็ เธอคงจะตะโกนว่า ‘นี่เป็นกับดักชั่วร้ายที่แม่มดทำขึ้นมา ทุกคนตามข้ามา’ เพื่อทำให้ทุกคนสงบลงแล้ว หลังสะกดอารมณ์ตรงนั้นลงได้ เธอก็ผลักโจออกแล้ววิ่งไปอยู่ข้างหน้าทุกคน “หยุดก่อน! ข้าคือฟาร์รีนา หัวหน้ากองทหารอารักขาของกองทัพพิพากษา พวกเจ้าเป็นใคร!”

เสียงตะโกนนี้ทำให้เหล่าทหารที่ควบม้าไล่ตามมาต้องหยุดลง “กองทหารอารักขา? ทำไมข้าถึงไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อนเลย?”

“เฮ้ ผู้บังคับบัญชาของเจ้าคือใคร?”

“อัครมุขนายกแห่งหน่วยลับ ท่านเทรวอน” ฟาร์รีนาพูดเรื่อยเปื่อย ขณะเดียวกันเธอก็ยื่นมือไปด้านหลังพร้อมกับทำสัญญาณมือเพื่อขออาวุธจากทหารอารักขา

“อะไร…นะ?” เมื่อได้ยินคำตอบนี้ นักรบที่นำทหารมาพลันหน้าเปลี่ยนสีไปทันที

เป็นอย่างที่คิดจริงๆ ด้วย องครักษ์ของหัวหน้าผู้ก่อกบฏนั้นเคยได้ยินชื่อหน่วยลับมาก่อน เจ้าหน้าที่ระดับสูงที่สามารถเข้าไปข้องเกี่ยวกับหน่วยลับของศาสนจักรได้จะต้องมีอิทธิพลอยู่ไม่น้อยอย่างแน่นอน แต่เธอเองก็รู้ดีว่าคำพูดนี้อย่างมากก็แค่ทำให้อีกฝ่ายลังเลเพียงแค่ครู่เดียวเท่านั้น มันไม่สามารถทำให้อีกฝ่ายเปลี่ยนความคิดได้ ตอนนี้การก่อกบฏได้สำเร็จไปแล้ว ต่อให้อัครมุขนายกจะมีอำนาจมากแค่ไหนก็ไม่อาจเทียบพระสันตะปาปาองค์ใหม่ได้

เธอจำเป็นต้องฉวยจังหวะนี้ลงมือก่อน!

เสียดายที่ทหารอารักขาไม่เข้าใจสัญญาณมือของเธอ เขาเพียงแค่ยกดาบมายืนอยู่ข้างเธออย่างระมัดระวัง

“ทำไมเจ้าถึงไม่สวมเกราะของทหารพิพากษา?” น่าจะเป็นเพราะทำการตัดสินใจแล้ว หัวหน้าทหารที่ไล่ตามมาจึงลงจากหลังม้า พร้อมกับพาลูกน้องค่อยๆ เดินล้อมเข้ามา

“เพราะข้ากำลังทำภารกิจพิเศษอยู่” ฟาร์รีนาตอบด้วยเสียงราบเรียบ

“ขอโทษด้วย กบฏพวกนี้มีความสำคัญอย่างมาก ข้าจำเป็นต้องพาพวกเขากลับไปเฮอร์มีส นี่คือคำสั่งของพระสันตะปาปา นอกจากนี้ คนของเจ้าก็ควรจะตามข้ากลับไปด้วย ท่านเทรวอนคนนั้นจะต้องเข้าใจจุดประสงค์ของพระสันตะปาปาอย่างแน่นอน”

“ต้องทำแบบนี้จริงๆ เหรอ?”

“ถูกต้อง” มือของอีกฝ่ายจับอยู่บนด้ามดาบ

“ได้ อย่างนั้นข้าจะไปกับพวกเจ้า” ฟาร์รีน่าถอนใจออกมา “ส่วนท่านเทรวอนเขา….”

“เขาทำไม?”

“เขาตายไปแล้ว “ ในขณะเดียวกับที่พูด เธอก็ดึงดาบสั้นออกมาจากเอวของทหารอารักขา พร้อมกับแทงมันเข้าไปในช่องว่างของหมวกของหัวหน้าทีมไล่ล่า “…หลังจากนี้อีก 300 กว่าปี”

เลือดสดๆ กระจายเต็มหน้าเธอทันที

“หะ หัวหน้า!”

“ฆ่าพวกมัน!”

ฟาร์รีนาชิงเอาอาวุธของทหารที่เป็นหัวหน้ามา ก่อนจะเข้าไปสู้กับพวกทหาร ในตอนที่ทหารอารักขาแม่มดเหมือนจะตื่นขึ้นมาจากความฝัน เขากวัดแกว่งดาบเข้าไปช่วยเธอสู้ด้วย

“ผู้หญิงคนนี้…ขะ แข็งแกร่งมาก!”

“บ้าเอ้ย หน้าไม้ล่ะ? รีบยิงหน้าไม้เร็ว!”

“อย่าปล่อยให้แม่มดหนีไปได้!”

พื้นที่ตรงนั้นวุ่นวายขึ้นมาทันที มีคนล้มลงไปกับพื้นตลอดเวลา ส่วนผู้ชมที่เหลือต่างก็ไม่กล้ากระดุกกระดิกแม้แต่น้อย

สำหรับฟาร์รีนาแล้ว นี่คือศึกที่ไม่มีโอกาสชนะเลย ถึงแม้เธอจะทำให้อีกฝ่ายล้มลงไปได้ แต่ด้วยชุดเกราะที่อีกฝ่ายสวมอยู่ก็ทำให้เธอยากที่จะทำให้อีกฝ่ายบาดเจ็บสาหัสได้ บวกกับการที่ฝ่ายเธอมีจำนวนน้อยกว่า เธอจะถูกฟันล้มเมื่อไรมันก็ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น

หลังปะทะกันไปไม่นาน บนร่างกายของเธอก็มีบาดแผลปรากฏขึ้นมาหลายแห่ง แต่ความรู้สึกเจ็บปวดกลับไม่ได้ทำให้การเคลื่อนไหวของเธอช้าลงเลย ในทางกลับกัน มันกลับทำให้เธอยิ่งสู้ยิ่งฮึกเหิม

ฟาร์รีน่ารับรู้ได้ถึงความพึงพอใจที่ไม่ได้รู้สึกมานาน

“เจ้ากล้าเป็นศัตรูกับศาสนจักรเรอะ!” ทหารที่ไล่ตามมาตะโกนเสียงดัง

“ศาสนจักร? ไม่…พวกเจ้าไม่คู่ควรกับชื่อนี้!” เธอมองอีกฝ่ายอย่างโกรธแค้น “ที่จริงมันไม่ควรเป็นแบบนี้ พวกเจ้านั่นแหละที่เป็นคนทำลายมัน! พวกเจ้าทำลายความหวังของคนอีกจำนวนมาก!”

ถูกต้อง อีกไม่นานเธอจะต้องตายอยู่ที่นี่ แต่ฟาร์รีนากลับพบว่านี่เป็นจุดจบที่เหมาะสมสำหรับตัวเอง ถึงแม้จะเป็นแค่ช่วงเวลาสั้นๆ แต่สุดท้ายเธอก็ได้กลายเป็นคนที่เธออยากจะเป็น

แต่ว่าความตายไม่ได้มาเยือนอย่างที่เธอคิดเอาไว้

เสียงปืนที่ดังขึ้นมาอย่างรวดเร็วได้ทำลายเสียงปะทะกันของดาบ เธอหันหน้ากลับไป ก่อนจะพบว่าคนที่สวมชุดสีดำที่ยืนเฝ้าอยู่ด้านนอกสวนมาปรากฏตัวอยู่ในหนังเวทมนตร์โดยที่เธอไม่รู้ตัว การช่วยเหลือของพวกเขาทำให้สถานการณ์พลิกกลับ ศัตรูเหมือนจะถูกกองหนุนที่จู่ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นมาทำให้หวาดกลัว พวกเขาพากันทิ้งศพเพื่อนของตัวเองแล้วรีบหนีเข้าไปในภูเขา

“ขอบคุณเจ้ามาก…” ทหารอารักขาที่ทั้งตัวเต็มไปด้วยบาดแผลเดินกะโผลกกะเผลกเข้ามาหาฟาร์รีนาโดยมีแม่มดช่วยพยุง “ข้านึกว่าศาสนจักรจะถูกท่านพ่อควบคุมเอาไว้หมดแล้ว คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีนักรบผู้ซื่อสัตย์แบบเจ้าอยู่”

“เดิมข้านึกว่าจะไม่มีหวังเสียแล้ว แต่พระเจ้าเหมือนจะยังไม่ทอดทิ้งพวกเรา” บนใบหน้าของแม่มดยังคงมีหยดน้ำตาไหลออกมา แต่เธอกลับพูดยิ้มๆ ออกมาว่า “เจ้าไม่ได้ช่วยแต่พวกเราเท่านั้น มนุษย์ทุกคนเป็นหนี้บุญคุณเจ้า”

“ข้า…” ฟาร์รีนาอ้าปาก แต่เธอกลับไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกมาดี

“หลังจากนี้พวกเราจะมุ่งหน้าไปยังเกรย์คาสเซิล แล้วก็บอกเรื่องราวทุกอย่างที่เกิดขึ้นที่เฮอร์มีสให้กับราชาของที่นั่น หวังว่าทุกอย่างคงจะยังไม่สายเกินไป” ทหารอารักขาพูดเสียงหนังแน่นว่า “พวกเจ้าเองก็รีบไปกันเถอะ อย่าได้กลับไปยังเมืองศักดิ์ิสิทธิ์อีกเลย ถ้าวันไหนที่ศาสนจักรกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ ข้าคิดว่าพวกเราคงจะได้เจอกันอีก รักษาตัวด้วย”

หลังทั้งสองคนค่อยๆ เดินจากไปแล้ว ภาพตรงหน้าก็มืดลง

กระทั่งแสงไฟกลับมาเป็นปกติ เธอถึงได้พบว่าตัวเองยังนั่งอยู่ในห้องดูหลัง ด้านหลังของเธอยังคงเป็นเก้าอี้อยู่

แม้แต่บาดแผลจากการต่อสู้ก็หายไปไม่มีเหลืออยู่อีก

อย่างนั้น….ภาพที่เธอเห็นเมื่อครู่นี้มันคือภาพลวงตาจริงๆ อย่างนั้นเหรอ?

“พระเจ้า…นี่มันช่างยอดเยี่ยมจริงๆ!” ในที่สุดผู้ชมก็ได้สติกลับมา ภายในห้องดูหนังมีเสียงชื่นชมระเบิดออกมาดังสนั่น

“สามเทพเป็นพยาน ข้ารู้สึกเหมือนข้ากำลังเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์…”

“สมแล้วที่เป็นปรมาจารย์ด้านการแสดง ได้มาดูหนังเวทมนตร์แบบนี้ อย่าว่าแต่ 50 เหรียญทองเลย ต่อให้ 100 เหรียญทองมันก็คุ้ม!”

“ตอนเจ้าพุ่งออกไปข้ากลัวแทบตาย ยังดีที่เป็นแค่ภาพลวงตา” โจพูดพร้อมเอามือลูบอก “การที่จินตนาการภาพแบบนี้ออกมาได้ แล้วทำให้คนที่อยู่ในละครเหมือนมีชีวิตจริง นี่มันช่างน่าเหลือเชื่อมากๆ….”

แต่ฟาร์รีนากลับไม่ได้พูดอะไร เธอสังเกตเห็นชายชุดดำถือปืนพร้อมมองไปรอบๆ ด้วยท่าทีตื่นเต้น เหมือนว่านี่ไม่ได้สิ่งที่พวกเขาได้ซักซ้อมมาอย่างไรอย่างนั้น นอกจากนี้ยังมีพนักงานโรงหนังอีกสองคนที่วิ่งไปด้านหลังเวทีด้วยสีหน้าลนลานและตกใจ

นี่ไม่เหมือนท่าทีที่จะแสดงออกมาหลังจากที่การแสดงประสบความสำเร็จเลย

ในตอนที่เธอกลั้นใจรวบรวมสมาธิเพ่งดูรายละเอียดเหล่านั้นอีกครั้ง หูของเธอเหมือนจะได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้นมา มันเหมือนเป็นเสียงที่ดังมาจากที่ไกลๆ ขณะเดียวกัน เสียงกรีดร้อง เสียงร้องไห้ เสียงสาปแช่งชองผู้คนก็ค่อยๆ ดังขึ้นมา ดูแล้วไม่ค่อยเข้ากับเสียงกระซิบกระซาบพูดคุยของผู้ชมที่อยู่ในห้องเลย

นี่มันแปลกๆ

ฟาร์รีน่ารู้ทันทีว่ามีอะไรบางอย่างกำลังมีปัญหา

เธอรีบยืนขึ้นทันทีโดยไม่สนใจสายตาตกใจของโจ เธอกระโดดข้ามหัวผู้ชมที่อยู่แถวสุดท้ายแล้ววิ่งออกไปนอกห้องดูหนัง

“หยุด! เจ้า…เดี๋ยว!” ชายชุดดำที่สังเกตเห็นภาพเหตุการณ์นี้คิดอยากจะหยุดเธอ แต่เห็นได้ชัดว่าพวกเขาช้าไปก้าวหนึ่ง

ฟาร์รีนาวิ่งทะลุห้องโถงออกไปยังลานด้านนอก จากนั้นเธอก็ต้องตกตะลึง

เมืองเนเวอร์วินเทอร์ตกอยู่ในความวุ่นวาย ทุกที่มีแต่ภาพผู้คนกำลังวิ่ง กรีดร้อง ในพื้นที่ชุมชนที่อยู่อาศัยหลายแห่งมีควันขโมงขึ้นมา เหมือนว่ามีไฟไหม้อย่างไรอย่างนั้น ส่วนตรงเขตอุตสาหกรรมก็มีเสียงระเบิดดังขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ทั่วทั้งเมืองเหมือนสูญเสียการควบคุม

แต่สิ่งที่น่ากลัวกว่าทั้งหมดนี้นั้นมาจากด้านบนหัวของเธอ

ในเวลานี้ท้องฟ้าที่เคยสว่างสดใสพลันมืดครึ้มลง พระอาทิตย์หายไปจากสายตา สิ่งที่เข้ามาแทนที่คือพระจันทร์สีแดงขนาดใหญ่ มันลอยสูงอยู่เหนือท้องฟ้าเหมือนดวงตาแห่งสวรรค์ที่เปิดกว้าง

…………………………………………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด