Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ 1090 ผู้มาเยือนที่เหนือความคาดหมาย

Now you are reading Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ Chapter 1090 ผู้มาเยือนที่เหนือความคาดหมาย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
ตอนที่ 1090 ผู้มาเยือนที่เหนือความคาดหมาย

อาณาจักรดอว์น ตีนเขาเคจเมาเธ่น เมืองธอร์น

รถม้าค่อยๆ ขับผ่านไปบนถนน ก่อนจะไปหยุดอยู่หน้าคฤหาสน์ของเจ้าเมือง

“ถึงแล้ว ไสหัวลงมา เร็วๆ หน่อย!” ชายที่แต่งตัวเหมือนผู้คุมสะบัดแส้ในมือพร้อมตะโกนเสียงดัง “ถ้าอยากจะมีชีวิตอยู่ก็ทำตัวดีๆ อีกเดี๋ยวนายท่านถามอะไร พวกเจ้าก็ตอบไปตามนั้น เข้าใจไหม!”

คนที่เดินลงมาจากรถส่วนมากใส่เสื้อผ้าขาดๆ ใบหน้าขาวซีด มือทั้งสองข้างถูกเชือกมัดเอาไว้ ดูแล้วเหมือนกับตั๊กแตนอย่างไรอย่างนั้น พวกเขาล้วนแต่เป็นนักโทษ แถมยังเป็นนักโทษชั้นต่ำที่สุดด้วย

ภาพเหตุการณ์แบบนี้กลายเป็นเรื่องปกติของเมืองธอร์น เมืองเล็กๆ ที่ปกติไม่มีใครสนใจเริ่มคึกคักขึ้นมาตั้งแต่ทีมค้นหาของอาณาจักรเกรย์คาสเซิลมาประจำอยู่ที่นี่ ไม่เพียงแต่จะมีคาราวานพ่อค้าเดินทางมาอย่างไม่ขาดสาย แต่ยังมีตัวแทนที่เจ้าเมืองต่างๆ ส่งมาอีกเป็นจำนวนมากด้วย พวกเขาถ้าไม่พักโรงแรมในเมือง ก็ไปตั้งเต็นท์อยู่นอกเมือง ทำให้เมืองเล็กๆ แห่งนี้ดูเหมือนจะขยายใหญ่ขึ้นจากเดิมอีกเท่าหนึ่งในระยะเวลาสั้นๆ เพียงหนึ่งเดือนกว่า

“ท่านมาล คนพวกนี้เป็นอย่างไรบ้างขอรับ?” ฟอรินต์ เชฟฟิลด์จากเมืองเมเปิลซองคือหนึ่งในนั้น เขาถูมือแล้วมองมาที่มาล โทคัตซึ่งเป็นตัวแทนขุนนางใหญ่ของเมืองกลอรี ก่อนจะพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้มว่า “ร่างกายแข็งแรง ไม่มีอะไรเสียหาย เป็นของชั้นดีที่ข้าเลือกมาจากคุกเองกับมือเลยขอรับ เห็นพวกมันผอมแห้งอย่างนี้ แต่ความจริงแล้วพวกมันดุร้ายมากนะขอรับ ขอเพียงให้ข้าวพวกมันสองมื้อ พวกมันก็ทำงานตามที่ท่านต้องการได้แล้วขอรับ”

“พอได้แล้ว” มาลโบกมืออย่างหงุดหงิด ถึงแม้อีกฝ่ายจะมีนามสกุลของเจ้าเมืองเมเปิลซอง แต่เพียงแค่ดูสีหน้าท่าทาง มาลก็รู้ว่าอีกฝ่ายไม่ใช่คนที่มีค่าพอให้ตัวเองต้องไปใส่ใจนัก “คนที่อยากจะซื้อนักโทษไม่ใช่ข้า หากแต่เป็นท่านฌอน หัวหน้าองครักษ์ของราชาเกรย์คาสเซิลท่านนี้ต่างหาก”

อย่างนี้นี่เอง” ฟอรินต์ทำความเคารพอีกครั้ง “พอได้ยินคำสั่งจากราชาแห่งดอว์น ท่านเจ้าเมืองของข้าก็รีบตอบสนองทันที เขาสั่งการให้ข้ารีบเตรียมตัวออกเดินทางโดยเร็วที่สุดก็เลยเกิดข้อผิดพลาดเช่นนี้ ขอใต้เท้าได้โปรดอภัย”

“ไม่เป็นไร” ฌอนเดินไปที่หน้านักโทษแล้วกวาดตามองดู เมื่อเทียบกับนักโทษกลุ่มแรกๆ ที่ราชาแห่งดอว์นส่งมาแล้ว นักโทษเหล่านี้ดูจะมีคุณภาพต่ำกว่าเยอะ แต่ว่าตอนนี้วิหารต้องสาปได้เริ่มทำการขุดเต็มกำลังแล้ว ทำให้มีความต้องการแรงงานจำนวนมาก เขาจึงไม่คิดจะต่อความยาวสาวความยืดกับเรื่องนี้ ขอแค่สามารถใช้งานได้ก็พอ

ในขณะที่เขาเดินทางถึงตรงกลางแถวนักโทษ จู่ๆ ก็มีนักโทษคนหนึ่งคุกเข่าลงตรงหน้าเขา “นายท่าน ข้าถูกปรักปรำ ได้โปรดปล่อยข้าด้วยเถอะ นายท่าน!”

เนื่องจากทั้งสองมือถูกเชือกมัดล่ามเอาไว้กับนักโทษคนอื่นๆ ด้วย อีกฝ่ายพยายามจะก้มหัวลงไป แต่ก็ถูกกำแพงมนุษย์รั้งเอาไว้ เขาจึงได้ต้องคุกเข่ายืดตัวตรงพร้อมขอร้องอ้อนวอน

“เจ้าอยากตายเหรอ!” ผู้คุมทำสีหน้าดุร้าย ถ้าไม่เป็นเพราะยังมีขุนนางใหญ่ยืนอยู่อีกสองคน เกรงว่าเขาจึงเอาแส้ฟาดอีกฝ่ายไปแล้ว

“ถูกปรักปรำยังไง?” ฌอนหยุดฝีเท้า

“ข้าไม่ได้ฆ่าคนกับปล้นขอรับ ข้าเพียงแค่ขโมยไก่เพื่อนบ้านแค่สองสามตัวเท่านั้น!” นักโทษรีบตอบ” ในเมืองเมเปิลซอง โทษอันนี้เพียงแค่ถูกโบยหรือไม่ก็ถูกเนรเทศเท่านั้น ไม่มีทางที่โทษจะหนักจนถึงตายนะขอรับนายท่าน!”

“เป็นแบบนั้นจริงเหรอ?” ฌอนมองฟอรินต์

อีกฝ่ายรีบพูดขึ้นมาว่า “ทั้งใช่แล้วก็ไม่ใช่ขอรับใต้เท้า ก่อนที่จะตอบรับคำสั่งของราชาแห่งดอว์นหนึ่งวัน ทางเอิร์ลเชฟฟิลด์ได้ทำการแก้ไขกฎหมายภายในเมืองนิดหน่อยขอรับ เพื่อเป็นการสู้กับพวกโจรใต้ดินที่เหิมเกริม โทษทั้งหมดภายในเมืองจึงถูกเพิ่มให้หนักขึ้นไปอีก โทษขโมยของก็เหมือนกันขอรับ”

“อะ อะไรนะ?” นักโทษลืมตาโต “ขโมยไก่แค่ไม่กี่ตัวต้องถูกประหารชีวิตเลยเหรอ?”

“มีอะไรเข้าใจยากนักเหรอ?” ฟอรินต์กวาดตามองเขา “ภายในอาณาจักรเกิดสงครามขึ้นมา เพื่อที่จะปราบปรามพวกที่ก่อความไม่สงบ เมืองเมเปิลซองเองก็เสียหายไปไม่น้อยเหมือนกัน บวกกับมีชาวบ้านที่อพยพออกนอกเมืองมากขึ้น ถ้าไม่เพิ่มโทษ แล้วจะกำราบพวกสวะอย่างพวกเจ้าได้อย่างไร? วันนี้เจ้าขโมยไก่ของเพื่อนบ้าน ไม่แน่เพื่อนบ้านอาจจะต้องอดตายเพราะเหตุนี้ก็ได้ แล้วนี่มันต่างอะไรกับการฆ่าคนล่ะ! ข้าว่านี่มันก็เป็นโทษที่เหมาะสมกับเจ้าแล้ว”

“นายท่าน ข้า…”

นักโทษอยากจะพูดแก้ต่าง แต่ฌอนก็พูดตัดบทเข้าขึ้นมา “ในเมื่อมีโทษติดตัวอยู่ อย่างนั้นก็คิดซะว่านี่เป็นการทำงานเพื่อชดใช้โทษแล้วกัน” เขาชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะพูดเสียงดังขึ้น “ข้าว่าพวกเจ้าน่าจะรู้แล้ว ขอเพียงทำงานไปสิบปี ไม่ว่าจะเป็นโทษอะไรก็จะได้รับการอภัยโทษทั้งหมด นี่คือคำสัญญาของราชาแห่งเกรย์คาสเซิลและราชาแห่งดอว์น! อย่าได้คิดหนีซะล่ะ นี่คือโอกาสเพียงหนึ่งเดียวของพวกเจ้า”

หลังส่งสัญญาณให้คนพานักโทษออกไปแล้ว ฟอรินต์ก็เดินยิ้มๆ เข้ามา “ข้ารู้อยู่แล้วว่าท่านต้องรับพวกมันเอาไว้ทั้งหมด ตามสัญญาที่ตกลงเอาไว้ หนึ่งคนก็เท่ากับ…”

“หนึ่งเหรียญทอง รวมทั้งหมด 106 เหรียญทอง ถูกต้องใช้ไหม?” ฌอนตอบ

“ใช่แล้วขอรับ!” ฟอรินต์ตาเป็นประกายขึ้นมา

“ไปเอาที่ปราสาทเจ้าเมือง ข้างในจะมีคนคอยต้อนรับเจ้า”

“ขอรับ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้แหละขอรับ!” เขาพูดหน้าตายิ้มแย้ม

“แล้วก็” ในขณะที่อีกฝ่ายกำลังหันหลังไป ฌอนพลันพูดขึ้นมาว่า “อย่าให้เรื่องแบบนี้เกิดเป็นครั้งที่สองล่ะ”

“ท่านหมายความว่า…” ฟอรินต์งุนงง

“ข้าไม่รู้หรอกนะว่าเจ้าเมืองเมเปิลซองเพิ่งจะแก้กฎหมายเมื่อหนึ่งวันก่อนหน้านี้จริงหรือเปล่า ตามสัญญาที่ระบุเอาไว้ นักโทษจำเป็นต้องรู้ถึงเป้าหมาย อีกทั้งรางวัลและการลงโทษในการเดินทางครั้งนี้ ถ้าคราวหน้ามีเหตุการณ์ที่มีคนไม่รู้ว่าตัวเองถูกตัดสินโทษประหารแล้วมานั่งร้องโวยวายว่าตัวเองถูกปรักปรำแบบนี้อีก ข้าจะตัดเงินเจ้า” ฌอนพูดเสียงเข้ม

เขาไม่สนใจที่จะไปนั่งทำตัวเป็นผู้พิพากษาที่ตัดสินโทษด้วยความเป็นธรรม อีกทั้งก็ไม่ได้มีความรู้สึกเห็นอกเห็นใจอะไรคนพวกนี้ด้วย สำหรับเขาแล้ว การทำภารกิจที่ฝ่าบาทโรแลนด์มอบหมายมาให้สำเร็จคือสิ่งที่สำคัญที่สุด ขณะเดียวกันก็พยายามไม่ให้พวกพ่อค้าและขุนนางที่โลภมากมาทำให้ชื่อเสียงขอฝ่าบาทต้องเสียหาย

“ข้า….เข้าใจแล้วขอรับ” ฟอรินต์ก้มหน้าตอบ “ครั้งหน้าข้าจะระวังมากกว่านี้ขอรับ”

หลังอีกฝ่ายออกไป มาลก็ยักไหล่ขึ้นมาแล้วพูดว่า “ลำบากเจ้าแย่เลยนะ”

“ทำงานให้ฝ่าบาท ไม่มีอะไรต้องรู้สึกลำบาก”

“งั้นเหรอ?” มาลมองไปทางเมืองเล็กๆ ที่ยิ่งดูเบียดเสียดขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด “ขนาดแค่ซื้อตัวนักโทษประหารยังต้องละเอียดขนาดนี้ นี่ควรจะบอกว่าฝ่าบาทวิมเบิลดันทรงจงใจให้เป็นเช่นนี้…หรือว่าเป็นความเห็นอกเห็นใจของพระองค์มาตั้งแต่เกิด? ข้าได้ยินพี่ชายข้าบอกว่า อายุของพระองค์ใกล้เคียงกับข้า แต่พระองค์กลับกลายเป็นราชาที่ไร้คู่ต่อกร ปกติแล้วคนที่เป็นราชามักจะไม่มีความเห็นใจเช่นนี้ ตอนนี้แม้แต่องครักษ์ของพระองค์ก็ยังเป็นเหมือนอย่างพระองค์ด้วย ข้าชักอยากจะขอเข้าเฝ้าพระองค์ดูซักครั้งแล้วสิ”

“ด้วยสถานะของสามตระกูลใหญ่ๆ ถ้าอยากจะขอเข้าเฝ้าฝ่าบาทนั้นไม่ได้เรื่องที่ยากลำบากอะไร” ฌอนพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉยๆ “นอกจากนี้ถ้าข้าเป็นเจ้า ข้าจะไม่พูดเรื่องพวกนี้ต่อหน้าองครักษ์คนนั้น”

“ไม่เห็นเป็นไรเลย เทียบกับการพูดกันตรงๆ แล้ว เจ้ายิ่งไม่ชอบการปิดบังไม่ใช่เหรอ?” มาลพูด

ฌอนมองออก ที่แท้ชายคนนี้ก็ถือเป็นคนที่เข้ากับคนอื่นได้ง่าย สมแล้วที่เป็นลูกชายคนรองของตระกูลโทคัต นิสัยเขาค่อนข้างคล้ายกับโอโร โทคัตทีเดียว

การจะรับมือกับคนแบบนี้ วิธีที่ดีที่สุดก็คือทำเป็นไม่สนใจ

เขาหันหลัง ในขณะที่กำลังคิดจะเดินไปที่ลานวางของของกองทัพที่หนึ่ง พลันมีทหารนายหนึ่งรีบวิ่งเข้ามา

“ท่านฌอน มีคนแปลกหน้าคนหนึ่งอยากจะขอพบท่าน เขาบอกว่าตัวเองรู้เรื่องเบาะแสของสมบัติขอรับ”

ฌอนขมวดคิ้ว นับตั้งแต่ที่ข่าวการเสาะหาสมบัติแพร่กระจายออกไป ทุกๆ สองสามวันก็จะมีคนมาบอกว่าตัวเองรู้เรื่องเกี่ยวกับสมบัติ เพียงแต่จนถึงตอนนี้ยังไม่มีใครที่รู้จริง คนพวกนั้นต่างเป็นพวกหลอกลวงที่มาเพื่อเงินทั้งนั้น “ข้าบอกแล้วไง ถ้าไม่มีรายละเอียดที่ชัดเจนก็ยังไม่ต้องมาแจ้งข้า”

“แต่คนนั้นๆ ต้องการข้อเข้าพบท่านให้ได้ขอรับ” นายทหารตอบ “ยิ่งไปกว่านั้นเขายังบอกอีกฝ่ายตัวเองเป็นผู้รอดชีวิตกลุ่มสุดท้ายของเฮอร์มีส นอกจากเบาะแสของสมบัติแล้ว เขายังรู้ที่อยู่ของสาวกศาสนจักรคนอื่นๆ ด้วย พวกเราก็เลยคุมตัวเขาเอาไว้ขอรับ”

เฮอร์มีส…ศาสนจักร?

ฌอนหรี่ตา “เข้าใจแล้ว ข้าจะไปเดี๋ยวนี่แหละ”

………………………………………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด