Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ 1094 หนังสือมอบผลประโยชน์

Now you are reading Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ Chapter 1094 หนังสือมอบผลประโยชน์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
ตอนที่ 1094 หนังสือมอบผลประโยชน์

เมืองเนเวอร์วินเทอร์ เกรย์คาสเซิล

โรแลนด์นั่งอยู่ตรงหน้าโต๊ะทำงานพร้อมคุยโทรศัพท์ที่ต่อตรงมาจากแนวหน้าของที่ราบลุ่มบริบูรณ์

แต่จะบอกว่าเป็นแนวหน้าก็คงไม่ถูกนัก เพราะด้วยความเร็วในการสลายตัวของสัญญาณโทรศัพท์ ระยะทางที่โทรคุยได้ในในตอนนี้อย่างมากมันก็แค่จากเมืองเนเวอร์วินเทอร์ไปถึงป้อมปราการลองซองเท่านั้น ก่อนที่เครื่องขยายสัญญาณจะถูกประดิษฐ์ขึ้นมา นี่ถือเป็นขีดจำกัดของโทรศัพท์มือหมุน

แต่มันไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีวิธีในการทำลายขีดจำกัดนี้

วิธีที่ง่ายที่สุดก็คือให้ลีฟทำหน้าที่เป็น ‘คนโอนสาย’ ด้วยพลังหัวใจแห่งป่าของเธอ จิตสำนึกของเธอสามารถครอบคลุมไปทั่วทั้งป่าเร้นลับที่ถูกพลังควบคุมอยู่ได้ นั้นหมายความว่าความเร็วในการส่งข้อมูลของเธอจะเร็วกว่าไลต์นิ่งที่บินด้วยความเร็วเสียงเสียอีก ขอเพียงแนวหน้าโทรหาลีฟ แล้วให้ลีฟต่อสายหาโรแลนด์ ในอีกแง่หนึ่งก็ถือว่าเป็นการโทรคุยแบบเรียลไทม์แล้ว

“สถานการณ์ในตอนนี้ยังถือว่าราบรื่นพ่ะย่ะค่ะ” ลีฟกดเสียงต่ำ เธอพยายามพูดโดยเลียนแบบน้ำเสียงของขวานเหล็ก “สถานการณ์เป็นไปอย่างที่พระองค์ทรงคาดการณ์ไว้ ภายหลังปีศาจได้เปิดฉากโจมตีใส่รางเหล็กอีกสองสามครั้ง แต่ว่านั่นไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการขนส่งมากนัก เมื่อไม่มีปีศาจแมงมุม พวกมันก็ได้แต่ต้องพุ่งโจมตีลงมาจากบนฟ้า แล้วก็ใช้พละกำลังของมันในการขยับรางเหล็ก แถมยังต้องรีบถอยไปในตอนที่แบล็คริเวอร์เข้ามาใกล้ แต่ทางกองโยธาธิการก็สามารถซ่อมรางเหล็กที่เสียหายได้อย่างรวดเร็วพ่ะย่ะค่ะ”

“ดูเหมือนรถไฟหุ้มเกราะจะแสดงประสิทธิภาพอย่างควรจะเป็นของมันออกมาแล้วสินะ”

“ใช่พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท ไม่ว่าจะเป็นการช่วยเหลือหรือการปกป้องรางเหล็ก มันก็สามารถทำหน้าที่เป็นปืนป้อมปืนใหญ่ขนาดเล็กได้พ่ะย่ะค่ะ แต่ที่น่าเสียดายคือจำนวนของรถไฟยังคงมีจำนวนน้อยเกิดไป ถ้าเป็นไปได้ล่ะก็ กระหม่อมอยากจะให้ทุกๆ เส้นทางระหว่างสถานีมีแบล็คริเวอร์อยู่หนึ่งคันพ่ะย่ะค่ะ”

“เจ้าคิดง่ายเกิดไป” โรแลนด์ยิ้มมุมปาก “นอกจากรถไฟหุ้มเกราะแล้ว รถไฟขนของก็ยังก็ทำการผลิตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งงานในส่วนนี้ยังต้องพึ่งพาแม่มดอยู่ ตอนนี้ผลิตออกมาได้สองคันก็ถือว่าดีมากแล้ว ขยายแนวรบไปข้างหน้าเรื่อยๆ แล้วกัน พยายามเข้าประจำตำแหน่งโจมตีให้ได้ก่อนกลางฤดูร้อน”

“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท”

ลีฟตอบเสียงเหน่อ

ความจริง….เจ้าไม่ต้องเลียนแบบกระทั่งเสียงขึ้นจมูกก็ได้

โรแลนด์กระแอม “เออใช่ จนถึงตอนนี้ปีศาจยังไม่มีทีท่าว่าจะบุกโจมตีครั้งใหญ่ใช่ไหม?”

เมื่อสัปดาห์ก่อนตอนที่เขาถูกไนติงเกลปลุกกลางดึกและได้รับแจ้งเรื่องที่ค่ายของกองทัพที่หนึ่งถูกลอบโจมตี เขารู้สึกตกใจไปพักใหญ่เลยทีเดียว โชคดีที่อันนาบอกเขาว่าความเสียหายไม่รุนแรง อีกทั้งเอดิธส์ยังออกหน้าทำให้ทุกคนสงบลง โรแลนด์ถึงได้รู้สึกสบายใจขึ้น

ความจริงแล้วการทำศึกในสภาพแวดล้อมที่ไม่มีแสงไฟหรือมีแสงไฟน้อยนิดนั้นเป็นจุดอ่อนของกองทัพที่หนึ่ง การมองไม่เห็นเป้าหมายจะทำให้ประสิทธิภาพของอาวุธปืนลดลง ส่วนกระสุนส่องวิถีก็ยังไม่สามารถผลิตขึ้นมาได้ การชี้เป้าหมายส่วนใหญ่จึงต้องพึ่งพาพลังของแม่มด คิดไม่ถึงเลยว่าการบุกโจมตีครั้งแรกของปีศาจจะเลือกลงมือในเวลากลางคืน พวกมันไม่เพียงแต่จะรู้เรื่องพลังของซิลเวียอย่างละเอียด แต่มันยังรู้ถึงเรื่องความสามารถในการโจมตีของอาวุธปืนด้วย มันจึงใช้วิธีกระจายกำลังบุกเข้ามา ปีศาจบางตัวรู้จักหมอบคลานเพื่อหลบกระสุน โชคดีที่สุดท้ายแล้วศัตรูไม่มีอาวุธที่จะใช้ต่อกรกับอาวุธปืนได้ บวกกับกองทัพที่หนึ่งรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินตามที่ฝึกซ้อมได้เป็นอย่างดี ไม่อย่างนั้นผลลัพธ์คงออกมาแย่กว่านี้

“ถ้าหากเป็นการโจมตีที่เหมือนการลอบโจมตีในเวลากลางคืนอย่างครั้งที่แล้วล่ะก็ จนถึงตอนนี้ยังไม่มีวี่แววที่จะเป็นอย่างนั้นพ่ะย่ะค่ะ” ลีฟถ่ายทอดคำพูด “คุณหนูซิลเวียจะแบ่งเวลาไปตรวจตราดูสถานที่สำคัญๆ ตามแนวหน้าของรางรถไฟประมาณวันละ 1 – 2 ชั่วโมง ขณะเดียวกันบางครั้งก็จะมีการนั่งเรืออาร์คเวทมนตร์และซีกัลขึ้นไปสอดแนมโดยไม่มีการกำหนดเวลาที่แน่นอนด้วย อย่างน้อยจนถึงตอนนี้ทุกอย่างยังคงปลอดภัยพ่ะย่ะค่ะ”

“แล้วกองบัญชาการเสนาธิการทหารใหญ่ว่ายังไงบ้าง?”

“พวกเขาคิดว่ามีความเป็นไปได้สองอย่าง หนึ่งคือพวกมันสังเกตเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของพวกเรา ทำให้ไม่สามารถใช้แผนเดิมบุกโจมตีเราได้อีกครั้ง สองคือกองทัพของพวกปีศาจมีจำกัด ทำให้ไม่สามารถโหมบุกเข้ามาสองครั้งติดในเวลาสั้นๆ ได้พ่ะย่ะค่ะ”

“งั้นเหรอ?” โรแลนด์เหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ สิ่งที่เขารู้สึกกังวลมากที่สุดจากเหตุลอบโจมตีเมื่อครั้งนี้แล้ว นอกจากจะมีเรื่องความสามารถในการเรียนรู้ของพวกปีศาจที่น่าตกใจอย่างมากแล้ว อีกเรื่องหนึ่งที่เขากังวลก็คือปีศาจระดับสูงบุกเข้ามาในฐานะหน่วยจู่โจมด้วย

เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดขึ้น

ตอนนี้เมื่อมาคิดๆ ดูแล้ว นับตั้งแต่ที่เจอปีศาจระดับสูงครั้งแรกในศึกด้านหลังภูเขาหิมะ เมืองเนเวอร์วินเทอร์ก็สู้กับปีศาจชนิดพิเศษนี้มาสี่ครั้งแล้ว เมื่อหลายร้อยปีก่อนนั้น ปีศาจระดับสูงจะทำหน้าที่เป็นเหมือนแม่ทัพใหญ่ สมาพันธ์ต้องเคลื่อนกองทัพผู้พิทักษ์ศักดิ์สิทธิ์ออกไปเอาชนะกองทัพของศัตรูให้ได้ก่อนถึงจะมีโอกาสได้สังหารปีศาจระดับสูง แต่ตอนนี้สถานะของพวกมันเหมือนจะตกต่ำลงมาอย่างเห็นได้ชัด ขณะเดียวกันความถี่ในการโผล่หน้าออกมาก็สูงขึ้นอย่างมาก นี่ไม่ใช่ข่าวดีเลย

ถ้าเป็นกองทัพพิเศษที่มีดีแค่เรื่องพละกำลังอย่างกองทัพอาญาสิทธิ์ โรแลนด์ก็ยังพอจะวางแผนจัดการได้ แต่ถ้าถูกปีศาจระดับสูงที่มีความสามารถแตกต่างกันไปมากมายบุกเข้ามาในค่าย พวกเขาก็คงทำได้เพียงสวดภาวนาขอให้พระเจ้าคุ้มครองเท่านั้น

ในเมื่อไม่มีวิธีรับมือโดยเฉพาะ สิ่งที่โรแลนด์คิดออกก็มีแต่การรับมือแบบครอบจักรวาลเท่านั้น อย่างเช่นใช้อาวุธปืนที่นับวันจะมีอานุภาพร้ายแรงขึ้นบดขยี้พวกศัตรูก่อนที่พวกมันจะยกทัพบุกออกมา

“ปีศาจมันไม่มีทางนั่งมองดูฐานบนที่ราบลุ่มบริบูรณ์ของพวกมันถูกมนุษย์บุกเข้าไปเฉยๆ โดยไม่ทำอะไรแน่ เฝ้าระวังต่อไป อย่าเปิดช่องให้พวกมันฉวยโอกาสโจมตีได้”

“พ่ะย่ะค่ะ!” ลีฟพูดเสียงขึงขัง จากนั้นจึงพูดด้วยน้ำเสียงปกติว่า “ฝ่าบาท ขวานเหล็กวางสายไปแล้วเพคะ”

“ฟู่วว…” โรแลนด์ถอนหายใจออกมาเบาๆ “อย่างนั้นคนที่จะรายงานคนต่อไปคือใคร?”

“ท่านคาร์ล ฟอร์เบิร์ต หัวหน้ากองโยธาธิการเพคะ”

กองโยธาธิการ? เขารู้สึกแปลกใจเล็กน้อย ตอนนี้ทั้งวัสดุและคนงานต่างก็มีอยู่พอเพียง งานก่อสร้างไม่น่าจะมีปัญหาอะไรนี่นา “ต่อสายเข้ามา”

“ฝ่าบาท” ลีฟเลียนแบบเสียงของคาร์ล ถึงแม้เสียงของเธอจะไม่ได้แนบเนียนจนแทบจะแยกไม่ออกเหมือนอย่างเอคโค่ แต่เมื่อมีเสียงกิ่งไม้ขยับและเสียงใบไม้ที่เสียดสีกันสอดประสานขึ้นมามันก็ยังพอฟังดูคล้ายๆ อยู่ “ช่วงนี้ทีมก่อสร้างเจอปัญหานิดหน่อยพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมอาจจะต้องการความช่วยเหลือจากหน่วยอื่นๆ ในสำนักบริหารพ่ะย่ะค่ะ”

ดูเหมือน…ลีฟจะชื่นชอบการเลียนแบบเสียงแบบนี้ไปแล้วสินะ

ส่วนสิ่งที่หัวหน้ากองโยธาธิการรายงานมาก็ไม่มีอะไรซับซ้อน หลังจากถูกลอบโจมตีในคืนนั้น คนงานจำนวนมากต่างก็ตกใจกลัว ขวัญและกำลังใจลดลงอย่างเห็นได้ชัด บวกกับการสร้างรางเหล็กเป็นโครงการระยะยาว หัวหน้าคนงานหลายคนพบว่าลูกน้องตัวเองมีอาการเอื่อยเฉื่อย คาร์ลอยากจะให้มีการเปลี่ยนผลัดกันซักครั้ง หรือไม่ก็ให้ญาติพี่น้องได้มาพบกันเพื่อเรียกขวัญคนงาน

การจะให้เปลี่ยนตัวคนงานทั้งหมดนั้นเป็นไปได้ยาก เพราะว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะยินดีมาทำงานเสี่ยงเพื่อเงินค่าจ้างที่สูง ด้วยเหตุนี้โรแลนด์จึงมองไปยังวิธีที่สอง “ญาติพี่น้องเหรอ? ข้าจำได้ว่าคนงานที่สมัครเข้ามาก่อสร้างรางรถไฟเกือบ 70% ล้วนแต่เป็นผู้อพยพ ในบรรดาพวกเขาเหล่านั้นมีจำนวนไม่น้อยที่ไม่มีครอบครัวที่สมบูรณ์ ถ้าเราอนุญาตให้ญาติพี่น้องมาเยี่ยม ข้าเกรงว่ามันอาจจะส่งผลกระทบให้แย่ลงได้”

“ในจุดนี้กระหม่อมก็เคยคิดอยู่เหมือนกันพ่ะย่ะค่ะ” ลีฟที่เป็นสื่อกลางพูดตอบขึ้นมา “ก่อนออกเดินทาง ทางทีมก่อสร้างรางรถไฟเคยให้เหล่าคนงานเซ็นหนังสือมอบผลประโยชน์เอาไว้ กระหม่อมคิดว่าบางทีพวกเราอาจจะใช้ชื่อผู้รับผลประโยชน์ที่อยู่บนหนังสือมอบผลประโยชน์มาแทนญาติได้ ในเมื่อพวกเขายอมมอบผลประโยชน์ทุกอย่างให้กับอีกฝ่าย อย่างนั้นคนเหล่านั้นก็ต้องเป็นคนที่สำคัญสำหรับพวกเขาอย่างมากแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ ในอีกแง่หนึ่งก็เหมือนกับเป็นคนรักนั่นแหละพ่ะย่ะค่ะ”

“นี่เป็นแผนที่ฟังดูใช้ได้เลย” โรแลนด์ครุ่นคิดเล็กน้อย “อย่างนั้นก็เอาตามนี้แหละ เดี๋ยวข้าจะให้บารอฟเป็นคนจัดการเรื่องนี้ให้”

…………………………………………………………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด