Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ 1129 วัตถุลึกลับ

Now you are reading Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ Chapter 1129 วัตถุลึกลับ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
ตอนที่ 1129 วัตถุลึกลับ

“ความสามารถขององค์หญิงทิลลี…ไม่ใช่การบิน ใช่ไหมเพคะ?” ไนติงเกลพูดงึมงำ

“อื้อ ถึงแม้หินโบยบินจะทำให้นางบินได้ แต่ถ้าอยู่บนเครื่องบินที่ใหญ่ขนาดนี้ หินโบยบินก็ไม่มีทางทำให้นางบินได้หรอก” โรแลนด์มองดูยูนิคอร์นที่บินวนอยู่ด้านบนพร้อมกับถามว่า “ทำไมเหรอ?”

“ถึงแม้จะได้ยินพระองค์ตรัสมาแล้วหลายครั้ง ตอนที่ทรงวาดแบบกับทดสอบเครื่องยนต์สันดาปภายในก็คอยดูอยู่ข้างพระองค์ตลอด แต่พอได้มาเห็นด้วยตาตัวเอง หม่อมฉันก็ยังรู้สึกว่ามันน่าเหลือเชื่ออย่างมาก…มนุษย์สามารถอาศัยพลังจากภายนอกมาทำให้ตัวเองบินได้เหมือนนกจริงๆ ด้วย” ไนติงเกลทอดถอนใจ “เห็นๆ อยู่ว่านั้นเป็นแค่สิ่งที่ประกอบขึ้นมาจากเหล็กกับไม้เท่านั้น”

“จริงอยู่ที่มันเป็นแค่เหล็กๆกับไม้ แต่ว่าคนที่ประกอบมันขึ้นมาก็คือพวกเรา” โรแลนด์ยิ้มเล็กน้อย “สองมือ พลังเวทมนตร์ แล้วก็ความรู้…ดังนั้นในอีกแง่หนึ่งมันจึงไม่อาจเรียกว่าพลังจากภายนอกได้”

“ทุกคน…สามารถบินได้เหมือนอย่างนางไหมเพคะ?” ไนติงเกลถามขึ้นมาเบาๆ “รวมทั้งหม่อมฉันด้วย..”

“อื้อ ทุกคน รวมทั้งเจ้าด้วย” โรแลนด์พูดอย่างมั่นใจ ความจริงท้องฟ้านั้นไม่ถือว่าเป็นสิ่งแปลกใหม่สำหรับไนติงเกล เธอเคยนั่งบอลลูนกับนั่งไปบนหลังเมซี่แล้ว แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเครื่องบินที่สามารถบินไปบนท้องฟ้าได้ตามที่ตัวเองต้องการ สิ่งที่เธอเคยเจอมาก่อนหน้านี้เหมือนกลายเป็นเรื่องเล็กน้อยไปเลย แม้แต่ไนติงเกลที่มีพลังเวทมนตร์ยังเป็นแบบนี้ แล้วนับประสาอะไรกับคนธรรมดาที่ไม่มีพลังวิเศษล่ะ? เสน่ห์ของการท่องไปบนท้องฟ้านั้นฝังลึกลงไปในจิตใจของผู้คนนับตั้งแต่วินาทีที่พวกเขาเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าแล้ว

ชายผู้บุกเบิกเรื่องการบินของสมาคมของแปลกคนนั้นคือตัวอย่างที่ดีที่สุด

หลังจากนั้น 30 นาที ยูนิคอร์นก็ค่อยๆ ลงมาจอดบนรันเวย์

“เป็นยังไงบ้าง?” โรแลนด์ถามทิลลีที่วิ่งเข้ามาด้วยสีหน้าตื่นเต้น

“เครื่องบินลำนี้มันสุดยอดจริงๆ!” เธอพูดพร้อมสายตาที่เป็นประกาย “สัมผัสของมันเรียกได้ว่าเหนือว่าซีกัลหลายเท่า บอกตามตรง…ถึงแม้ความสามารถในการควบคุมลมของเวนดี้จะยอดเยี่ยม แต่นั่นก็ยังไม่อาจเป็นไปอย่างที่ใจข้าต้องการได้ แต่เจ้านี่ไม่เหมือนกัน ทั้งความเร็วในการบิน การเหินขึ้นร่อนลง การเลี้ยว ข้าสามารถควบคุมรายละเอียดทุกๆ อย่างได้หมด เรียกได้เคลื่อนไหวไปอย่างที่ใจต้องการ เหมือนกับมือเท้าของตัวเองเลย!”

เอ่อ….เคลื่อนไหวไปอย่างที่ใจต้องการ เหมือนกับมือเท้าของตัวเอง? โรแลนด์เหงื่อตกทันที ถึงแม้ยูนิคอร์นจะสร้างขึ้นมาโดยอาศัยเครื่องบินปีกสองชั้นที่สมบูรณ์แบบจำนวนมากมาเป็นแบบอ้างอิงในการสร้าง แต่จริงๆ แล้วเทคโนโลยีที่ใช้สร้างมันขึ้นก็ยังถือว่าเป็นเทคโนโลยีแบบง่ายๆ อยู่ การควบคุมทุกอย่างต้องอาศัยมือ ทั้งความเร็วความสูงล้วนแต่ต้องอาศัยความรู้สึก การที่สามารถขึ้นบินได้อย่างราบรื่นก็ถือว่าก้าวหน้าอย่างมากแล้ว ถ้าไม่เป็นเพราะตัวเขารู้จักเครื่องบินลำนี้เป็นอย่างดี เกรงว่าถ้าฟังการบรรยายของทิลลีเพียงอย่างเดียว เขาคงจะนึกว่าอีกฝ่ายกำลังขับเครื่องบินรบสมัยใหม่ที่มีการควบคุมด้วยระบบคอมพิวเตอร์แน่

นี่น่าจะเรียกว่าอัจฉริยะล่ะมั้ง

“อย่างนั้น…พอใจหรือยัง?” เขากวักมือเรียกผู้ดูแลโรงเก็บเครื่องบิน “วันนี้พอเท่านี้แล้วกัน…”

“อะไรกัน ท่านพี่” ทิลลีพูดแทรกขึ้นมา “30 นาทีมันจะไปพอที่ไหน?”

“แล้วเจ้าลงมาทำไม…”

“ข้าจะมาบอกท่านว่า ท่านยังมีงานต้องทำอีกเยอะไม่ใช่เหรอ?” เธอโบกมือ “ท่านไปเถอะ ไม่ต้องมาเฝ้าข้าที่นี่หรอก ข้ายังมีวิธีบินอีกหลายอย่างที่อยากจะลองดู”

เมื่อมองเห็นแผ่นหลังของอีกฝ่ายที่วิ่งกลับไปอย่างตื่นเต้น โรแลนด์ก็ได้แต่ส่ายหน้าอย่างจนปัญญา

เครื่องบินไม่มีอุบัติเหตุอะไรเกิดขึ้นตั้งแต่ตอนที่เริ่มบิน นี่ก็ถือว่าผ่านเกณฑ์ที่คาดการณ์เอาไว้แต่แรกแล้ว ด้วยฝีมือระดับทิลลีน่าจะทำความคุ้นเคยกับยูนิคอร์นได้ในเวลาไม่ผ่าน บวกกับการที่เธอสามารถดีดตัวเองออกมจากเครื่องบินได้ทุกเมื่อ ตัวเองคงไม่จำเป็นต้องมาเฝ้าอีกฝ่ายแล้ว

“ดูเหมือนพระองค์จะโดนทิ้งแล้วนะเพคะ” ไนติงเกลพูดยิ้มๆ

“พูดมาก” โรแลนด์กรอกตาใส่เธอ “ไปกันเถอะ”

ไนติงเกลยิ้มๆ พร้อมกับมือเขาเข้าไปในหมอกมายา

…..

หลังกลับมาถึงโถงในปราสาท องครักษ์พลันเดินเข้ามาหาเข้า “ฝ่าบาท ทางเมืองชายแดนที่สามแจ้งมาว่าภารกิจที่พระองค์ทรงมอบหมายให้มีความคืบหน้าแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

“โอ้?” โรแลนด์เลิกคิ้วขึ้นมา “รายงานอยู่ไหน?”

“ทางนั้นบอกว่าอยากจะให้พระองค์เสด็จไปที่นั่นพ่ะย่ะค่ะ”

ดูเหมือนสิ่งที่ซิมบาดี้กับริคส์ค้นพบที่ท่าเรือเรฟเวลรี่จะไม่ใช่สิ่งที่ใช้คำพูดมาอธิบายได้ง่ายๆ เสียแล้ว เขาครุ่นคิดเล็กน้อย “ข้ารู้แล้ว งั้นไปกันเลย”

หลังลงไปใต้ดิน เซลีนก็มารอเขาอยู่ตรงโถงใหญ่อยู่ก่อนแล้ว

‘ฝ่าบาท พระองค์ทรงคาดการณ์ถูกต้องเพคะ ที่แหลมเอนด์เลสมีวัตถุดิบที่ใช้สร้างลูกบาศก์เวทมนตร์อยู่จริงๆ ด้วยเพคะ’ เธอยื่นหนวดออกมาเพื่อเอาชิ้นส่วนตัวอย่างสองชิ้นให้โรแลนด์ดู ‘หินสีเทาเหลืองที่อยู่ด้านซ้ายทำปฏิกิริยาต่อเวทมนตร์คล้ายๆ กับลูกบาศก์เวทมนตร์ ถึงแม้มันจะไม่เหมือนกัน แต่ก็ถือว่ามีความใกล้เคียง ถ้ามีปริมาณมากพอ หม่อมฉันก็จะเริ่มทำการสร้างมันขึ้นมาได้เพคะ’

“จำนวนมากพอ…ต้องการเท่าไร?”

‘เอามาลองซัก 2 – 3 พันก้อนก่อนก็ได้เพคะ’

เอ่อ ถึงแม้ตัวเองที่เอามามันจะชิ้นไม่ใช่ แต่ 2 – 3 พันก้อนนี่ก็มากพอที่จะกองจนเต็มห้องๆ หนึ่งได้เลยนะ เขาแอบคิดในใจ เมื่อดูแบบนี้ เขาคงจำเป็นต้องทำการขุด ‘โบราณสถานที่แหลมทะเล’ นั่นเสียแล้ว แถมยังยิ่งเร็วยิ่งดีด้วย “เดี๋ยวข้าจะให้คนไปรวบรวมมา แล้วอีกอันหนึ่งล่ะ?”

‘ก้อนหินอีกอันหนึ่งเรียกได้ว่าน่าเหลือเชื่ออย่างมากเพคะ สิ่งที่มั่นใจได้ในตอนนี้ก็คือลำแสงออกมาจากนั้นไม่เป็นอันตรายใดๆ ต่อสัตว์ทดลอง เหมือนมันจะเป็นแค่แสงธรรมดา ไม่ใช่อนุภาค….’

“อนุภาครังสี”

‘ใช่เพคะ แต่เรายังไม่ตัดความเป็นไปได้ที่ว่ามันจะเป็นรังสีที่อ่อนอย่างมากจนไม่สามารถใช้สัตว์มาตรวจสอบได้ แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นเราก็ไม่จำเป็นต้องกังวลเพคะ’ เซลีนหยิบเอาเศษ ‘แผ่นศิลา’ ออกมาจากในขวดที่อยู่ข้างกายชิ้นหนึ่ง จากนั้นจึงเอามันไปวางไว้ในมือโรแลนด์ ‘หม่อมฉันวานให้คุณหนูซิลเวียแยกส่วนเล็กๆ ออกมาจากมัน ก่อนจะพบว่าองค์ประกอบของมันมีความคล้ายคลึงกับทรายอย่างมากเพคะ’

“คล้าย…ทราย…?” โรแลนด์พูดอย่างแปลกใจ

‘น่าเหลือเชื่ออย่างมากใช่ไหมเพคะ? มันแค่ดูแล้วเหมือนก้อนหินอย่างมาก พูดอีกอย่างก็คือก้อนกรวดขนาดใหญ่ แต่ตัวมันกลับมีความยืดหยุ่น ตอนที่ถูกกดก็จะเปล่งแสงออกมา บนโลกนี้คงไม่มีของสิ่งไหนที่แปลกประหลาดเท่ามันแล้วเพคะ’

“เอ่อ…” เขาเอาเศษหินตัวอย่างมาเล่นในมือ หลังครุ่นคิดอยู่สักพักจึงพูดขึ้นมาว่า “จะพูดแบบนั้นก็ไม่ได้”

“หรือพระองค์ทรงทราบว่ามันคืออะไร?”

“ก็ไม่ใช่แบบนั้น เพียงแต่ข้ากำลังคิดถึงของอย่างอื่นอยู่…” โรแลนด์ค่อยๆ พูด “ถึงแม้วัตถุเกิดมาจากการประกอบกันของธาตุ อย่างนั้นนอกจากตัวธาตุแล้ว โครงสร้างของมันก็เป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลกระทบต่อคุณสมบัติของวัตถุนั้นเหมือนกัน ที่พวกเรารู้สึกมันแปลกประหลาด เป็นเพราะว่าพวกเรายังเข้าใจมันน้อยเกินไปเท่านั้น”

ก็เหมือนกับธาตุคาร์บอน เพชรที่มีโครงสร้างแบบพีระมิดฐานสามเหลี่ยมนั้นมีความแข็งอย่างมาก แต่แกรไฟต์ที่มีการเรียงตัวเป็นชั้นๆ เป็นรูปผลึกหกหน้ากลับมีความเปราะจนสามารถใช้มือหักได้ ถ้าดึงโครงสร้างออกชั้นหนึ่งก็จะกลายเป็นแกรฟีนซึ่งมีคุณสมบัติเป็นตัวนำไฟฟ้าที่ดี แต่ถ้าเอาแกรฟีนสองชั้นมาทับซ้อนกันและบิดมุมนิดหน่อย มันก็จะกลายเป็นฉนวน และถ้าอุณหภูมิของมันลดลงถึงจุดหนึ่งและถูกใส่อิเลคตรอนเข้าไป มันก็จะกลายเป็นตัวนำยวดยิ่ง

ที่กล่าวมาทั้งหมดนั้นมีแต่ธาตุคาร์บอนเพียงธาตุเดียวเท่านั้น

นี่คือความลึกลับของวัตถุ

ความจริงต่อให้เป็นโลกสมัยใหม่ การสำรวจโลกใบจิ๋วนี้ก็เพิ่งสำรวจไปได้แค่มุมเล็กกๆ มุมหนึ่งเท่านั้น ในดินแดนอันมืดมิดที่ไม่มีทฤษฎีของชี้ทาง สิ่งที่ผู้คนทำก็คือเหมือนกับเมื่อหนึ่งพันปีก่อนไม่มีผิด ทั้งการเรียงสับเปลี่ยนและการจัดหมวดหมู่ ต่อให้เป็นธาตุที่ธรรมดาที่สุด เวลาพวกมันรวมเข้าด้วยกันก็อาจจะทำให้เกิดปรากฏการที่น่าตกตะลึงได้

ทั้ง ‘แผ่นศิลาส่องแสง’ ก็ดี สีชนิดต่างๆ ของโซโรย่าก็ดี บางทีมันอาจจะไม่ได้ลึกลับเพราะตัวเวทมนตร์

แค่ลึกลับเพราะมนุษย์รู้เรื่องของพวกมันน้อยเกินไป

…………………………………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด