(Yaoi) ใต้ม่านรัตติกาล 109 โลกที่แตกแยก / 110 ข้ายอม

Now you are reading (Yaoi) ใต้ม่านรัตติกาล Chapter 109 โลกที่แตกแยก / 110 ข้ายอม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 109 โลกที่แตกแยก

 

 

ที่น่ากลัวไปกว่านั้นก็คือ อาการไม่สมประกอบเขาในตอนนั้นออกอาการบ่อยมากขึ้น ข้าขอร้องเสด็จพ่อให้หาหมอยาที่ฝีมือดีที่สุดมาเป็นอาจารย์ของข้า ข้าเริ่มหมั่นเพียรเรียนวิชาแพทย์ เพียงเพราะจะหาวิธีให้เขามีชีวิตต่อไปได้ ข้าใช้เด็กที่ไม่สมประกอบมากมายนับไม่ถ้วนมาทดลอง ข้าเองก็ทำร้ายเด็กจำนวนนับไม่ถ้วนจนตายไป

 

 

มือทั้งสองข้างของข้าเปื้อนเลือด แต่ข้าไม่เสียดาย เพราะอย่างไรมือทั้งสองข้าก็ต้องแปดเปื้อนอยู่ดี ข้าถนัดวิชาผู้นำ ข้ารู้ว่าใจมนุษย์อยากแท้หยั่งถึง ดังนั้นข้าคิดจะปกป้องเขา

 

 

ถึงนาทีสุดท้ายตอนที่เขาใกล้จะไม่ไหวแล้วนั้น ข้าก็หาทางเจอ หาทางที่จะช่วยเขาเจอ ดังนั้นข้าจึงมาที่ตระกูลเยี่ย มาอยู่ข้างกายเขา

 

 

ที่น่าขันก็คือข้าเพิ่งรู้ว่าเสด็จแม่ของข้า เป็นพี่สาวของชิวหลี ข้าเป็นญาติผู้พี่ของเขา แต่เดิมข้าสามารถอาศัยความสัมพันธ์นี้อยู่ข้างกายเขาได้ตลอดไป แต่ข้าไม่ได้สังเกต ข้าเกลียดตัวเอง เกลียดตัวเองที่โง่ปล่อยให้เขาพบเจอกับความลำบากมากมายเช่นนี้

 

 

ตอนที่ข้ามาถึงเขาก็อยู่ที่ทุ่งดอกไม้นั่นตลอด มองดูดอกอีหมี่ที่ห้าปีจะออกดอกครั้งหนึ่ง นับวันรอคอย ตอนนั้นกระท่อมหลังนี้ถูกรื้อออกไปแล้ว

 

 

เพื่อที่จะทำให้เขาดีขึ้น ข้าและเขาแอบชิวหลีสร้างที่นี่ขึ้นมาใหม่ อย่างไรชิวหลีก็ไม่สนใจเขา และยิ่งไม่มาเยี่ยมดูเขา ตอนที่ต้องการเขานั้นก็ทีเพียงส่งคนมาเรียกเท่านั้น

 

 

ข้าสังเกตการณ์อยู่นานและทดลองอยู่นานถึงพบคนที่ผูกมัดเขาเอาไว้ ข้าไปเดินอยู่รอบเขาเทียนปี้ครั้งหนึ่ง ลอบถามข่าวคราวของเจ้ามาเล็กน้อย แล้วเอามาพูดให้เขาฟัง เขามีปฏิกิริยารุนแรง และมีท่าทีดีขึ้นมาเล็กน้อย

 

 

ข้าสอนวิชาผู้นำให้เขา ข้าสอนวิธีเลี้ยงดูสายลับ ข้าสอนวิธีให้เขาก่อตั้งกลุ่มองค์กรเก็บข่าว เขาเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว เหนือความคาดการณ์ของข้าเป็นอย่างมาก ใช้เวลาเพียงสามปีเท่านั้นก็วางแผนโดยรวมและวางหมากทั่วทั้งใต้หล้าได้สำเร็จ

 

 

อยู่เหนือตระกูลเยี่ย และอยู่เหนือองค์กรสืบข่าวของมู่หลี แต่ที่เขาชอบที่สุดก็ยังเป็นการฟังข่าวของเจ้า จะดีจะร้าย หรือข่าวทั่วไปก็ตาม จากนั้นเขาก็พบว่าข้างกายของเจ้ามักจะมีหลานเยี่ยอยู่เสมอ เจ้าเคยปฏิบัติกับเขาอย่างไร เจ้าเองก็ปฏิบัติกับหลานเยี่ยเช่นนั้น ตอนนั้นเองที่เขาถึงได้รู้สึกถูกทอดทิ้งอย่างสมบูรณ์

 

 

เขาอาการกำเริบอีกครั้ง รุนแรงกว่าครั้งไหนๆ ข้าเริ่มรู้สึกเสียใจที่สอนสิ่งเหล่านี้ให้เขา หลังจากนั้นข้าก็คิดว่าหากข้ารั้งให้เขาอยู่ในโลกใบที่เขาสร้างขึ้นมาเองตลอดกาล ลบตัวตนที่แท้จริงของเขาออกไปจะเป็นเช่นไร

 

 

ข้าทดลองไม่หยุด เวลาที่เขาอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงเริ่มน้อยลงเรื่อยๆ ในโลกของเขาเจ้ามีตัวตนอยู่เสมอ แต่ไม่มีข้า ข้าไม่เป็นอะไร จะเป็นอย่างไรก็ดีทั้งนั้น จากนั้นเจ้าก็มา มาดึงเขาเข้าไปในโลกแห่งความจริงอีกครั้ง

 

 

เจ้า สิ่งที่ทำผิดต่อเขา สิ่งที่เจ้าติดค้างเขา ไม่อาจคืนค่าได้ตลอดกาล หากครั้งนี้เจ้าทำร้ายเขาอีกครั้ง ข้าจะฆ่าเจ้า จากนั้นจะลบความทรงจำของเขา สร้างขึ้นใหม่อีกครั้ง ทำให้เจ้าหายไปจากความทรงจำของเขาโดยสมบูรณ์

 

 

“เช่นนั้นก็ขอให้เจ้าดูแลเขาให้ดี”

 

 

หลานเฟิงมานานขนาดนี้แต่กลับทิ้งไว้เพียงประโยคเดียว แล้วจากไปไม่หันกลับมามองอีก ต่อให้หันกลับมาเรื่องราวก็ไม่เปลี่ยนแปลง เช่นนั้นก็ขอให้เจ้าดูแลเขาให้ดี

 

 

หลังจากหลานเฟิงจากไปแล้วฉีเย่ว์ก็เปิดประตูห้อง ก้าวเท้าเข้าไป ชิวอวี้นอนราบอยู่ข้างเตียง ร้องไห้ไม่หยุด ร้องไห้จนทำให้คนรู้สึกเสียใจ ฉีเย่ว์เดินเข้าไปกอดเขาเอาไว้ กล่อมเบาๆ

 

 

“อวี้เอ๋อร์ อย่าเสียใจไป เขาเพียงออกไปเดินเล่นผ่อนคลายจิตใจเท่านั้น อีกไม่นานก็กลับมา พวกเรานอนพักก่อนดีหรือไม่ นอนสักตื่นเขาก็กลับมา” ฉีเย่ว์ดึงเข็มออกมาเล่มหนึ่ง ทิ่มลงไปตรงจุดลมปราณของชิวอวี้

 

 

ชิวอวี้หลับลึก นกสองตัวด้านนอกส่งเสียงร้องไม่หยุด ทันใดนั้นก็ถูกฉีเย่ว์ใช้เข็มเงินแทงคอของพวกมัน

 

 

“อวี้เอ๋อร์นอนแล้ว เงียบหน่อย”

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 110 ข้ายอม

 

 

หลานเฟิงก้าวออกจากประตูใหญ่ตระกูลเยี่ย มองดูโลกภายนอก แต่กลับไม่รู้สึกว่าหลบหนีออกจากกรงขัง

 

 

ควรจะไปที่ใด หลานเฟิงไม่รู้เลย ตระกูลหลาน เขาเทียนปี้ หรือว่าเมืองหลวง เขาคิดจะทำอะไร ไปหาหลานเยี่ย ใช่แล้ว ไปหาหลานเยี่ย แต่ทำไมถึงไม่อาจก้าวเท้าออกไปได้

 

 

เพราะกลัวว่าจะได้รับข่าวการตายของหลานเยี่ยอย่างนั้นหรือ หรือว่ากลัวเรื่องทั้งหมดที่ตนเองทำไม่ได้รับการยกโทษ แต่ไม่ได้รับการยกโทษแล้วจะทำไม ขอแค่ได้เห็นเขายังมีชีวิตอยู่ก็มากพอแล้ว ไม่ว่าจะให้ตนเองไม่ปรากฏตัวอีกต่อไป หรือให้ไปตาย เขาก็ยอมทั้งนั้น

 

 

พูดกันตามจริงแล้วทำไมตอนแรกเขาถึงคิดทำเรื่องเช่นนั้น หลานเฟิงคิดถึงจุดประสงค์ที่ตัวเขาเองก็แทบจะลืมไปแล้ว เพื่อหลานเยี่ย เพื่อที่จะให้บ้านอันสงบสุขแก่หลานเยี่ย

 

 

ให้ตระกูลเยี่ยเข้าควบคุมเขาเทียนปี้ ทำให้ตระกูลหลานไม่มีเรื่องต้องคอยเป็นกังวล จากนั้นก็หลอกใช้ทหารตระกูลเยี่ยที่ยินยอมอยู่กับตนก่อกำลังดับสลายตระกูลเยี่ย เช่นนี้ก็จะได้ใต้หล้ามาครอบครอง

 

 

ใช่แล้ว ทั่วทั้งใต้หล้า พอวันนี้มาคิดดูทำไมถึงไม่มีแรงกระตุ้นแล้วแม้แต่น้อยเล่า ทำไมถึงได้รู้สึกว่าเรื่องทั้งหมดนั้นไม่มีค่าอะไรเล่า ใช่แล้ว เพราะไม่มีหลานเยี่ย เรื่องทั้งหมดทำไปแล้วจะมีความหมายอะไร

 

 

ดังนั้นจะต้องหาหลานเยี่ยให้พบ จะต้องหาหลานเยี่ยให้เจอ เจ้าไม่อาจเป็นอะไรไปได้ ต่อให้ต้องตกแม่น้ำเหลืองกลายเป็นกระดูกขาวข้าก็จะอยู่กับเจ้า

 

 

หลานเฟิงคิดถึงตรงนี้ก็จูงม้าที่อยู่ข้างกายเดินออกไป ลัดเลาะไปตามวิวทิวทัศน์สองข้างทางที่ไม่รู้ว่ามองดูเป็นครั้งที่เท่าไร สำหรับหลานเฟิงในตอนนี้เวลานี้แล้วนั้นไม่มีการกระตุ้นทางด้านอารมณ์ใดๆ ทั้งสิ้น นี่ก็เป็นเหมือนคนที่ปิดกั้นทวารทั้งห้าของตน

 

 

การศึกบริเวณชายขอบซีเชวียสงบลงแล้ว เมื่อเห็นว่ามีคนขี่ม้ามาก็มีนายทหารวิ่งเข้ามาขวางไว้ เมื่อเห็นว่าเป็นหลานเฟิง แต่เดิมคิดจะตั้งขบวนม้าต้อนรับ แต่คิดไม่ถึงว่าหลานเฟิงจะไม่หยุดวิ่งผ่านออกไป

 

 

จะเป็นที่ไหนก็ได้ แต่หลานเยี่ยเจ้าห้ามเป็นอะไร นับตั้งแต่วันที่มุกหลิววั่งขาดการติดต่อไปนั้นก็ไม่มีข่าวที่ส่งมาจากทางหลานเยี่ยอีก หรือจะเป็นเหมือนที่ชิวอวี้พูดจริง ตนเองโดนหลอกแล้ว หลานเยี่ยตายไปแล้วจริงหรือ

 

 

ไม่!

 

 

เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้อย่างเด็ดขาด ขอแค่เขาหลิววั่งยังพอมีร่องรอยเล็กน้อยก็แสดงว่าเจ้ายังมีชีวิตอยู่

 

 

หลานเยี่ยยังไม่ตาย แค่เพียงตนเองยังหาไม่เจอเท่านั้น

 

 

หลานเยี่ยเฉลียวฉลาดเพียงนั้น ทำให้คนรู้สึกเอ็นดูถึงเพียงนั้น สวรรค์จะทำใจให้เขาตายไปได้อย่างไร! จะต้องเป็นเช่นนั้นอย่างแน่นอน

 

 

หลานเยี่ย เจ้าจะต้องยืนหยัดอีกหน่อย ข้าจะไปรับเจ้ากลับบ้านเดี๋ยวนี้ อีกไม่นานก็จะดีแล้ว

 

 

เมื่อมาถึงปลายเขาเขาหลานวั่ง มองเห็นภาพการใช้ชีวิตอย่างสงบสุขภายในบ้านที่ตั้งเรียงเป็นแถบแถวก็รู้สึกทิ่มแทงสายตาเป็นอย่างมาก เขาเร่งบังคับม้าให้พุ่งไป เหลือเพียงเศษฝุ่นที่ลอยคลุ้ง ร่างเงาร่างหนึ่งกำลังพูดคุยหยอกล้ออยู่กับหญิงวัยกลางคนกลุ่มหนึ่ง

 

 

ห่างออกไปไกลแม้จะมีม่านพลังเขาหลานวั่งขวางกั้น แต่ก็พอมองเห็นควันไฟที่ลอยขึ้นมา บดบังทัศนียภาพยามอาทิตย์ตกดิน ทำให้ก้อนเมฆที่เป็นความมหัศจรรย์ของโลกใบนี้ที่ยังไม่อยากกลับบ้านหรือคิดแอบดูต้องรู้สึกเขินอาย

 

 

เขาหลานวั่งยังคงสงบสุขเหมือนที่เคยเป็นมา ผู้ชายที่เร่งรีบพุ่งเข้ามานั้นดูไม่เข้ากับที่นี่อย่างแรงกล้า หลานเฟิงเพิ่งจะเข้ามาในเขาหลานวั่งก็ต้องพบกับความจริงที่ถึงแก่ชีวิตเรื่องหนึ่ง

 

 

เขาไม่อาจสัมผัสพลังของหลานเยี่ยที่เขาหลานวั่งได้อีกแล้ว ม่านพลังของเขาหลานวั่งในตอนนี้มีเพียงม่านพลังที่ตนเองเพิ่มเข้าไปตอนแรกเท่านั้น

 

 

เป็นไปไม่ได้ จะต้องเกิดเหตุผิดพลาดเป็นแน่ หลานเฟิงรีบวิ่งไปยังหอจันทร์แรม ม้าก็ไม่จำเป็นต้องใช้อีกต่อไป ตอนนี้เขาเหมือนคนบ้าที่วิ่งทะยานเข้าไปในกลุ่มควันที่ลอยขึ้นมาโดยไม่คำนึงถึงอะไรอีกต่อไป

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด