(Yaoi) ใต้ม่านรัตติกาล 77-78

Now you are reading (Yaoi) ใต้ม่านรัตติกาล Chapter 77-78 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 77 ตำนานรักพันปีตอนจบบริบูรณ์

 

 

“เจ๋อ เจ้าคิดดีแล้วอย่างนั้นหรือ” ชังหลานถามเขา

 

 

หลานเจ๋อพยักหน้า เขารู้ว่านี่ไม่ยุติธรรมต่อชังหลาน ชังหลานจะต้องทรมานเป็นอย่างมาก แต่เขาจำเป็นต้องทำเช่นนี้

 

 

“หลาน ข้าขอโทษ”

 

 

“ไม่เป็นไร พวกเรายังอยู่ด้วยกันทั้งชีวิต ชีวิตหนึ่งช่างยาวนัก พวกเรารักษาเอาไว้ให้ดี” ชังหลานกอดเขาเอาไว้

 

 

“เช่นนั้นก็เริ่มเถิด”

 

 

“อืม”

 

 

ทั้งสองคนค่อยๆ ขับเคลื่อนกระแสพลัง ชังหลานรับผิดชอบชิวจือเว่ย หลานเจ๋อรับผิดชอบหลานเซียว ร่างเพิ่งจะจากไป วิญญาณยังไม่ออกจากร่าง ต้องการกระแสพลังเพื่อดึงดูดออกมา แล้วนำไปใส่ไว้ในมุกหลิววั่ง

 

 

วิญญาณที่เพิ่งถูกดึงออกมานั้นยังอยู่ในสภาพสับสน ถูกควบคุมได้ง่าย หลานเจ๋อนำเอามุกหลิววั่งออกมา ค่อยๆ นำวิญญาณของทั้งสองคนไปถ่ายไว้ในมุกหลิววั่ง

 

 

มุกหลิววั่งเกิดประกายแสงจ้าขึ้นมาในทันใด สีฟ้าสีม่วงพาดผ่านกันไปมา

 

 

ชังหลานและหลานเจ๋อต่างยิงกระแสพลังสายหนึ่งเข้าไป เพื่อปิดผนึกมุกหลิววั่ง

 

 

หลังจากปิดผนึกแล้วทั้งสองคนก็ล้มลงไปกับพื้น ชังหลานกลับเป็นร่างเดิม จิ้งจอกเก้าหางสีขาวบริสุทธิ์ สรรพสัตว์ที่มีจิตวิญญาณบนแผ่นดินนี้มีไม่น้อย แต่ที่สามารถฝึกบำเพ็ญจนกลายเป็นมนุษย์ได้นั้นกลับแทบไม่มี

 

 

ตอนนั้นชังหลานบังเอิญสบโอกาสถึงได้กลายเป็นมนุษย์ ทั่วทั้งแผ่นดินตอนนี้เกรงว่าคงมีเพียงเขาที่กลายเป็นภูต

 

 

ตอนที่เพิ่งกลายเป็นมนุษย์นั้นชังหลานอ่อนแอเป็นอย่างมาก หากไม่ได้รับการช่วยเหลือที่ทันเวลาเกรงว่าจะไม่รอด ตอนนั้นหลานเจ๋อยังเป็นเพียงเด็กน้อย เก็บชังหลานกลับมาบ้าน เอาใจใส่ดูแล ถึงทำให้เขาผ่านด่านเคราะห์กรรมมาได้

 

 

เวลาล่วงผ่านไปนานทั้งสองคนก็เกิดความรู้สึกซึ่งกัน

 

 

หลังจากที่ปิดผนึกทั้งสองคนแล้ว ชังหลานและหลานเจ๋อก็จัดการเรื่องแผ่นดินนี้

 

 

ตระกูลหลานมีหลานเจ๋อคอยดูแล ราชสำนักถูกตระกูลเยี่ยควบคุม เขาเทียนปี้และตระกูลหลานก็มีสัมพันธ์อันดีสืบต่อมาทุกตระกูล

 

 

หลานเจ๋อนำเอามุกหลิววั่งวางไว้ในห้องลับตระกูลหลาน ตั้งม่านพลังกั้นไว้ ทุกอย่างกลับเข้าสู่วัฏจักรเดิม

 

 

หลานเจ๋อและชังหลานคัดเลือกเด็กที่มีพรสวรรค์ภายในตระกูลหลานขึ้นมาดูแลเพื่อจะรับหน้าที่เป็นผู้สืบทอดคนต่อไป

 

 

………

 

 

ผ่านไปเจ็ดสิบปี

 

 

ผู้เฒ่าผมขาวคนหนึ่งนอนอยู่บนเตียง ชายหนุ่มวัยเยาว์รูปงามกำลังจับมือของเขาเอาไว้

 

 

“หลาน อย่าเสียใจไป ชีวิตนี้ มีเจ้า มีเจ้า ข้าก็พอใจแล้ว พวกเราไม่ได้อยากมีความรักที่อึกทึกครึกโครมเหมือนท่านประมุข แต่พวกเราสามารถใช้วิธีของตนเองมาอธิบายสองคำนั้นได้

 

 

หลังจากข้าจากไปแล้วเจ้าจะต้องดูแลตระกูลหลานแทนข้าให้ดี หลังจากนี้ไปอีกพันปีมุกหลิววั่งจะปลดผนึกออก ถึงตอนนั้นให้พวกเขาร่อนเร่อยู่ข้างนอก จัดการชะตาที่ถูกลิขิตไว้แล้วให้จบลง ข้าจัดการนำเอาวิญญาณของตนเองไปใส่ไว้ในสิ่งของชิ้นหนึ่งแล้ว แต่หลังจากนี้ประชาชนชาวตระกูลหลานจะได้รับผลกระทบไปด้วย

 

 

อย่าได้ลองตามหาข้า นำร่างของข้าไปฝังไว้ข้างท่านประมุข ท่านประมุขมีบุญคุณต่อข้า ข้าไม่ได้เป็นคนตระกูลหลาย ข้าเกิดที่เขาเทียนปี้ ป่วยหนักใกล้ตายจึงนำมาถูกทิ้งไว้ในที่เวิ้งว้างเหมือนกับตอนนั้นที่ข้าช่วยเจ้า

 

 

หลาน ตอนนั้นที่ละทิ้งมุกหลิววั่งเป็นข้าที่ผิดต่อเจ้า หากมีชาติหน้าข้าหวังว่าจะยังมีโอกาสพบเจอเจ้า หลาน ข้า รัก เจ้า” ผู้ชายที่อยู่บนเตียงจากไปแล้ว เหลือเพียงชายหนุ่มคนเดียวเท่านั้น

 

 

“วางใจเถิด เจ๋อ ข้าจะปกป้องรักษาตระกูลหลานให้ดี จะดูแลปกป้องบ้านของเจ้า ไม่ว่าจะนานเพียงใด ข้าก็ยินยอมจะรอเจ้า รอเจ้ากลับมา”

 

 

ชังหลานหมอบอยู่ข้างกายหลานเจ๋อ ผมค่อยๆ กลายเป็นสีขาว ตราบจนกลายเป็นขาวโพลนไปทั้งหมด

 

 

ชังหลานทำตามคำสั่งเสียของหลานเจ๋อ ฝังเขาไว้ข้างๆ หลานเซียว และตั้งม่านพลังกั้นแบ่งเส้นเป็นสุสานตระกูลหลาน

 

 

นับตั้งแต่นั้นมาชังหลานอยู่ในตระกูลหลานในฐานะผู้คุ้มครองตระกูลหลาน ปกป้องตระกูลหลาย ทำลายวิชาต้องห้ามสิ้นมโนธรรม เพราะเหตุผลบางประการประชาชนตระกูลหลานนั้นมีแหล่งพลังเพิ่มขึ้นมา

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 78 กระแสใจ

 

 

“อยู่ที่ตระกูลหลาน? เป็นไปไม่ได้ ซีเชวียเกิดเหตุอันตรายใหญ่โตเช่นนี้ หลานเยี่ยจะยังอยู่ที่ตระกูลหลานได้อย่างไร” อวิ๋นหรูไม่เข้าใจ

 

 

“ท่านประมุขอยู่ที่ตระกูลหลานจริง อีกทั้งซีเชวียก็ไม่ได้มีเหตุร้ายอันใด” หลานเฟิงพูดออกมาเสียงเย็น ทำให้อวิ๋นหรูรู้สึกว่าทั้งสองคนมีความโกรธเกลียดเคียดแค้นต่อกัน

 

 

ซีเชวียเคยตกอยู่ในอันตรายจริง ศึกหมุนเวียนที่ตระกูลเยี่ยไล่โจมตีมาตั้งแต่พันปีก่อนทำให้ตระกูลหลานไร้หนทางที่จะต่อสู้ แต่หลังจากหลานเฟิงมาถึง เขาได้ทำการตั้งป้อมค่ายกลใหม่อีกครั้งถึงทำให้ซีเชวียพ้นจากภัยอันตรายได้ชั่วคราว

 

 

แต่คิดจะจัดการอย่างสมบูรณ์นั้นยังต้องคิดหาวิธีอื่น สำหรับการควบคุมตระกูลเยี่ยนั้นเป็นเรื่องชั่วคราว จะต้องคิดหาวิธีใหม่มารับมือภายในสองวัน

 

 

หลังจากอวิ๋นหรูฟังแล้วก็นิ่งงันตะลึงไป สัญญาณนั้นคืออะไรกัน? นางรีบหาจดหมายฉบับนั้นออกมา ส่งให้หลานเฟิง หลานเฟิงอ่านอยู่ครู่หนึ่งแล้วโยนคืนอวิ๋นหรู

 

 

“เจ้าดูให้ดีอีกครั้งว่ามีอะไรไม่ถูกต้อง”

 

 

อวิ๋นหรูอ่านอีกครั้ง

 

 

“จดหมายฉบับนี้ท่านประมุขไม่ได้เขียน”

 

 

“จะไม่ใช่ได้อย่างไร ลายมือเหมือนกันเช่นนี้ ไม่ใช่ว่าท่านพี่ไม่ได้บอกเจ้า ฉะนั้นเจ้าถึงไม่รู้”

 

 

“ปกติแล้วท่านประมุขเรียกเจ้าว่าอย่างไร?”

 

 

“เรียกข้าว่าอะไรหรือ?” อวิ๋นหรูเหมือนกับโดนสายฟ้าฟาด ปกติแล้วหลานเยี่ยจะเรียกนางว่าเสี่ยวหรู ไม่ใช่หรูเอ๋อร์

 

 

“หากท่านพี่เขียนผิดเล่า?” อวิ๋นหรูยังคงดื้อดึงอย่างไม่ยอมแพ้

 

 

“เจ้าโดนหลอกแล้ว รีบพาทหารกลับไป”

 

 

“ข้า…”

 

 

“อย่าเอาแต่ใจ รีบกลับไป มิเช่นนั้นเขาเทียนปี้จะไม่ปลอดภัย” หลานเฟิงตะคอกใส่นางเสียงดัง

 

 

อวิ๋นหรูแทบจะร้องไห้ออกมาแล้ว ตนเองวางยาพ่อ ขโมยตราสัญลักษณ์ออกมา ขับเคลื่อนกำลังทหารอย่างไม่รักชีวิต บุกป่าฝ่าดงกว่าสองวันมาที่ซีเชวีย เพิ่งมาถึงกลับจะให้ตนกลับไป เรื่องทั้งหมดที่ตัวเองทำนี่มันคืออะไรกัน ทำไมตนเองถึงไม่มีความสามารถที่จะวางแผนที่จะเผด็จศึกในแนวหลังได้เล่า

 

 

เพราะการตะคอกของหลานเฟิงอวิ๋นหรูพากำลังทหารที่เพิ่งมาถึงกลับไป พอเดินทางก็ต้องใช้เวลาอีกสองวัน

 

 

สองวัน…

 

 

ภายในห้อง

 

 

ละทิ้งเรื่องน่าปวดหัวทั้งหมดไป หลานเยี่ยที่เตรียมตัวบิดขี้เกียจเพิ่งจะยกแขนขึ้นมาจู่ๆ ก็รู้สึกได้ถึงความร้อนใจและไม่สงบสุขที่ส่งมาจากหลานเฟิง

 

 

“เกิดเรื่องขึ้นที่ซีเชวียหรือ? ไม่ใช่ ไม่ใช่ซีเชวีย เป็นเขาเทียนปี้ อวิ๋นหรูเจ้าเด็กนั่นคงไม่ได้ทำเรื่องโง่ๆ อีกกระมัง”

 

 

ปกติแล้วในหอจันทร์แรมจะมีเพียงเขาและหลานเฟิงสองคนเท่านั้น บ่าวรับใช้คนอื่นล้วนถูกเขาสั่งให้ไปอยู่ที่อื่น ตอนนี้คิดจะหาสักคนมาใช้งานก็หาไม่ได้ ทำได้เพียงวิ่งไปด้วยตนเอง

 

 

เมื่อมาถึงที่พักของหลานอีในสภาพรีบร้อน ลืมแม้แต่เคาะประตูห้องถือวิสาสะเดินเข้าไป

 

 

เห็นว่าหลานอีสวมเพื่อชุดชั้นกลางเท่านั้น เหมือนกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ มือยังหยุดจับอยู่ที่เข็มขัด

 

 

เมื่อเห็นว่าหลานเยี่ยบุกเข้ามา ใบหน้าของหลานอีก็แดงระเรื่อขึ้นมาในทันใด

 

 

“ท่านประมุขออกไป นี่เกินไปแล้ว”

 

 

หลานเยี่ยรีบถอยออกไป ไม่ลืมที่จะปิดประตู

 

 

“ขอโทษๆ หลานอี ข้าไม่รู้ว่าเจ้ากำลังเปลี่ยนเสื้อผ้า เพราะร้อนใจมากจริงๆ ขอโทษๆ”

 

 

หลานเยี่ยเอ่ยขอโทษไม่หยุดอยู่นอกประตู

 

 

ผ่านไปครู่หนึ่งหลานอีกก็เดินหน้าแดงออกมา หลานเยี่ยยังคงพึมพำคำขอโทษไม่หยุด

 

 

“พอแล้วท่านประมุข ให้อภัยท่านแล้ว”

 

 

“ขอโทษ ข้าจะรับผิดชอบเจ้า เจ้าคิดว่าหลานเม่ยเป็นอย่างไร อยากให้ข้าผูกด้ายแดงให้หรือไม่ หรือว่าเจ้าๆๆ เจ้ามาเป็นน้องสาวข้าก็ได้”

 

 

หลานเยี่ยใจร้อนรนจนพูดจากมั่วซั่วไปหมด

 

 

“ไม่ใช่ว่ามีเรื่องด่วนอย่างนั้นหรือ? ยังมาพูดเลอะเทอะอะไรที่นี่อีก”

 

 

“อ่า ใช่ๆๆ! รีบพาคนตามข้าไปเขาเทียนปี้ ต้องเกิดเรื่องที่เขาเทียนปี้เป็นแน่”

 

 

หลานเยี่ยร้อนใจจนพูดจาสลับมั่วไปมา

 

 

“ได้ ท่านประมุขอย่าเพิ่งร้อนรนไป ข้าจะไปเดี๋ยวนี้“

 

 

หลานเยี่ยและหลานอีเตรียมคนพร้อม รีบเร่งเดินทางไปยังเขาเทียนปี้ ไปครั้งนี้เวลาก็ผ่านไปอีกหนึ่งวัน

 

 

หนึ่งวัน…

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด