(Yaoi) ใต้ม่านรัตติกาล 95-96

Now you are reading (Yaoi) ใต้ม่านรัตติกาล Chapter 95-96 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 95 ตามหา

 

 

คนของครองจันทร์ตามหาหลานเยี่ยทุกพื้นที่ด้านนอก หลานเม่ยออกจากเขาเทียนปี้ไม่ได้ หลานเฟิงเองก็ไม่รู้ว่าไปไหน ดังนั้นหลานอีจึงไปที่ชายแดนซีเชวียแทนหลานเฟิง

 

 

แม้จะคิดว่าเป็นไปไม่ได้ แต่หลานอีก็ไม่ยังตายใจ สั่งให้คนตามหาทั่วตระกูลหลานอีกครั้ง แต่ก็ยังไม่ได้รับผลลัพธ์อะไรกลับมา

 

 

สามวันผ่านไปแล้วแต่ยังคงไม่มีข่าวสารใดๆ ถูกส่งมา หลานเม่ยอดรู้สึกร้อนใจไม่ได้

 

 

วันนี้หลานเม่ยไปที่ตีนเขาเขาหลานวั่งอีกครั้ง เห็นประชาชนเขาเทียนใช้ชีวิตเหมือนปกติ ไม่ได้แสดงท่าทีโศกเศร้าเสียใจอะไรออกมา

 

 

เด็กน้อยกำลังหยอกเล่นกันอยู่นอกบ้าน หญิงที่แต่งงานแล้วก็จับกลุ่มนั่งทำงานฝีมืออยู่หน้าประตู ทำเสื้อผ้าให้กับสามีที่ก่อสร้างทำงานอยู่ที่เขาเทียนปี้ เย็บแผ่นรองเท้า

 

 

ลูกเจี๊ยบที่เอามาเมื่อหลายวันก่อนตอนนี้วิ่งไปทั่วสวน ผืนดินก็ถูกจัดการอย่างเรียบร้อยไปแล้วครั้งหนึ่งเพื่อโปรยเมล็ดพันธุ์ลงไป

 

 

อวิ๋นหรูกลับไปยังเขาเทียนปี้ หลายวันมานี้ยังไม่ได้กลับมา อาจเป็นเพราะทางด้านเขาเทียนปี้ยุ่งเกินไปกระมัง

 

 

เห็นหลานเม่ยมาพวกนางก็วางงานในมือลง เดินมาต้อนรับเขา

 

 

“นายท่านมาแล้ว รีบเข้ามาดื่มน้ำก่อนเถิด”

 

 

“ไม่ต้องยุ่งยาก พวกเจ้าทำตัวตามสบายเถิด ข้าแค่มาดูเท่านั้น อีกครู่ก็จะไปแล้ว” หลานเม่ยเหมือนไม่ถนัดในการรับมือกับหญิงแต่งงานที่กระตือรือร้นกลุ่มนี้

 

 

“นายท่าน ท่านเองก็อย่าสงวนท่าทีเกินไป ตอนนี้ที่พวกเรามีที่ให้พักก็เป็นเพราะใบบุญของท่าน ท่านมานั่งเถิดมาพูดคุยกับพวกเรา พวกเราเองก็จะได้ใกล้ชิดสนิทสนมกับท่าน” หลานเม่ยไม่อาจขัดความจริงใจของพวกนางได้ จึงเข้าไปนั่งอยู่ครู่หนึ่ง

 

 

“นายท่าน ปีนี้ท่านอายุเท่าไรแล้ว”

 

 

หญิงแต่งงานแล้วคนหนึ่งรินชาไปพลางเอ่ยปากถามไปพลาง

 

 

“ยี่สิบหกปีแล้ว”

 

 

“อายุก็ไม่น้อยแล้ว แต่งงานหรือยังเล่า?”

 

 

“ยังเลย” คิดไม่ถึงว่าหญิงแต่งงานแล้วเหล่านี้จะพูดจาตรงเช่นนี้ หลานเม่ยหน้าแดงอย่างควบคุมไม่ได้

 

 

“เช่นนั้นท่านว่าท่านเทพธิดาศักดิ์สิทธิ์ของพวกเราเป็นเช่นไร?” หญิงแต่งงานแล้วคนหนึ่งผลักเอาเทพธิดาศักดิ์สิทธิ์ของตนเองออกมาเสนออย่างตรงไปตรงมา

 

 

“ก็ดี” ใบหน้าของหลานเม่ยแดงก่ำเหมือนลูกพลับสุก แทบจะมีเลือดหยดไหลออกมา

 

 

“เช่นนั้นก็ดี เช่นนี้ก็ง่ายขึ้น นายท่านเองก็ต้องสู้ๆ เสนอตัวสักหน่อยถึงจะจีบเอามาไว้ในมือได้ไม่ใช่หรือ”

 

 

“ข้าๆๆ ไม่ๆๆ ข้า…”

 

 

“ไอยา นายท่านอย่าอายไป เป็นเช่นนี้จะจีบท่านเทพธิดาศักดิ์สิทธิ์ของพวกเราได้อย่างไร? ท่านเทพธิดาศักดิ์สิทธิ์ของพวกข้ามีคนไล่จีบตั้งมากมาย”

 

 

“ฮ่าๆๆ” หญิงแต่งงานทั้งกลุ่มหัวเราะขึ้นมา ทำให้หลานเม่ยเขินอายมากกว่าเดิม

 

 

“มีเรื่องอะไรน่ายิ่งดีถึงเพียงนี้ พูดมาให้ข้ามีความสุขด้วยซิ” จู่ๆ อวิ๋นหรูก็เดินเข้ามาจากด้านนอก บังเอิญเห็นหลานเม่ยที่มีสีหน้าเขินอายและหญิงแต่งงานที่ยิ้มหยอกเย้าล้อมรอบเขาอยู่

 

 

“ท่านเทพธิดาศักดิ์สิทธิ์กลับมาแล้ว ข้าจะบอกให้ท่านฟัง…”

 

 

“ข้าขอตัว” หลานเม่ยหนีจากไป ด้านหลังนั้นมีเสียงหัวเราะดังตามา

 

 

ในเวลาเดียวกัน ภายในครองจันทร์

 

 

อวี่มั่วนั่งอยู่ด้านบน มองดูกลุ่มคนที่นั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่ด้านล่าง

 

 

“ทำไมถึงไม่พูด? สามวันแล้ว ไม่มีข่าวแม้แต่นิดเลยหรือ? ข่าวสารของครองจันทร์ใช้ไม่ได้เช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไร?”

 

 

“นายท่าน พวกเราเองก็ร้อนใจ แต่สามวันมานี้ คนที่อยู่ใต้อาณัติได้ตามหาทั่วทุกที่แล้ว ไม่มีข่าวเลยแม้แต่น้อยจริงๆ ขอรับ”

 

 

“หาครบแล้ว หาครบแล้วคือที่ไหนกัน? เมืองหลวง จิ่วหลิวหรือตระกูลเยี่ย?”

 

 

“ในเมืองหลวงไม่มีข่าวเลยแม้แต่น้อยจริงๆ นายท่านเองก็รู้ภายในตระกูลเยี่ยคนของเราไม่อาจเข้าไปได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงตามหาคนเลยขอรับ”

 

 

“ดังนั้นเลยหาไม่พบหรือ?”

 

 

อวี่มั่วนวดหว่างคิ้ว ไม่มีข่าวเลยทุกที่ ตระกูลหลานก็ไม่มี ในเมืองหลวงก็ไม่มี เขาเทียนปี้ก็ไม่มี เช่นนั้นก็เหลือเพียงตระกูลเยี่ยแล้ว ตระกูลเยี่ย คราวนี้เป็นใครกัน?

 

 

หลานเยี่ยอ่าหลานเยี่ย เจ้าช่างมีความพิเศษหาเคราะห์ใส่ตัวเสียจริง

 

 

……

 

 

ภายในตระกูลเยี่ยชิวลั่วหมุนตัวเข้าไปในห้องชิวอวี้

 

 

“นายน้อย ไม่ทราบว่าจะจัดการกับมู่หลีอย่างไรขอรับ?”

 

 

ชิวอวี้เงยหน้าขึ้นมา มองชิวลั่วอยู่ครู่หนึ่ง ยิ้มแย้มขึ้นมา

 

 

“เรื่องของเจ้า เจ้าตัดสินใจเองก็ได้แล้ว ข้าจะเข้าไปยุ่งกับเจ้า”

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 96 เมื่อคำพูดสิ้น เหล้าหนึ่งแก้ว

 

 

แม้ชิวลั่วจะเป็นเพียงองครักษ์ของชิวอวี้ แต่ชิวอวี้ก็ยังจัดการจวนให้เขาหลังหนึ่ง ปกติแล้วชิวลั่วจะอยู่ข้างกายชิวอวี้ น้อยครั้งที่จะกลับมา แต่วันนี้กลับกลับมาอย่างน่าแปลกใจ

 

 

ชิวลั่วเข้าไปในห้อง ไม่เห็นคนที่ตนอยากพบ จึงหมุนตัวออกไปตามหาข้างนอก ตามที่คาดไว้มู่หลีนั่งอยู่หน้าโต๊ะกลางสวนดอกไม้

 

 

บนโต๊ะมีเหล้าอยู่กาหนึ่ง และแก้วเหล้าหนึ่งใบ ชิวลั่วหันไปหยิบแก้วเหล้าหนึ่งใบแล้วเดินตรงออกไป จากนั้นก็ยกกาเหล้าขึ้นมา รินเหล้าให้มู่หลีแก้วหนึ่งและให้ตนเองอีกแก้ว มู่หลีดื่มหมดในคราวเดียว

 

 

“มีอารมณ์สุนทรีย์เช่นนี้ ชมดอกไม้ดื่มเหล้า หรือจะแต่งกลอนอีกอย่างนั้นหรือ?”

 

 

“ภายในเรือนที่เงียบเหงาเช่นนี้ หากไม่หาความสุขให้ตนเองเสียหน่อยเกรงว่าคงหงอยเหงาแล้ว หรือองครักษ์ชิวไม่รู้สึกเหงาเล่า?”

 

 

มู่หลีรินเหล้าอีกแก้ว ยกแก้วเหล้าขึ้นมาหันไปทางชิวลั่วเป็นการแสดงท่าทีให้เห็น

 

 

“เหงาอย่างนั้นหรือ? ข้ากลับไม่รู้สึก เพราะมีเจ้าอยู่ไง”

 

 

“หลายปีมานี้เจ้าก็ยังไม่เปลี่ยนไปเลยจริงๆ”

 

 

“เจ้าก็เช่นกัน”

 

 

“ไม่รู้ว่าผลพนันในตอนนั้น ท่านจะยังรักษาสัญญาหรือไม่” ในดวงตาชิวลั่วประกายแววขำขันเล็กน้อย

 

 

“ท่านไม่เชื่อข้าน้อยหรืออย่างไร? ต้องมีสักวันจะต้องพาท่านไปดูสักครั้ง ชิวลั่วรสนิยมของท่าน เคยมีคนบอกข้าว่ารสนิยมของท่านช่างเหมาะสมกับคุณหนูตระกูลสูงส่งยิ่งนัก!”

 

 

“น่าขำแล้ว”

 

 

พูดจบทั้งสองคนก็เพียงดื่มเหล้าเท่านั้น ไม่ได้มีบทสนทนาต่ออีก มู่หลีทำลายบรรยากาศอันนิ่งเกร็งนี้ลง

 

 

“ฉะนั้นเลยพูดว่าที่ท่านขบคิดหาทางทุกอย่างพาข้ามาที่ตระกูลเยี่ยก็เพื่อจะรื้อฟื้นเรื่องในอดีตกับข้าเท่านั้นหรือ?”

 

 

“อาหลี” ชิวลั่วเสียงแหบแห้ง เหมือนกำลังหักห้ามใจตนเอง

 

 

ได้ยินชื่อเรียกนี้ มู่หลีก็ยิ้มออกมา

 

 

“เจ้ายังคงตัดเขาไม่ลงหรือ?”

 

 

……

 

 

“ทำไมท่านถึงมาแอบขโมยเหล้านั่งดื่มเพียงลำพัง”

 

 

มู่หลีนั่งอยู่บนหลังคา นั่นยังเป็นช่วงเวลาหลายปีก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่เมืองหลวง

 

 

มู่หลีรู้นานแล้วว่ามีคนเข้ามาใกล้ แต่เพราะไม่รู้สึกถึงความอาฆาตจึงไม่สนใจเขา คิดไม่ถึงว่าคนคนนั้นจะเข้ามาพูดกับเขา

 

 

มู่หลีหันกลับไปมอง คนผู้นั้นสวมชุดสีดำสนิทเหมือนจะหลอมเข้าเป็นหนึ่งเดียวกับราตรีที่มืดมิด ตอนนี้เสื้อผ้าชุดดำยังเป็นที่นิยมอยู่อีกหรือ? ท่ามกลางค่ำคืนที่มืดมิดทำให้มองเห็นไม่ชัดเจน

 

 

อาศัยแสงจันทร์มองใบหน้าให้ชัดขึ้น หน้าตาไม่เลวเลยทีเดียว

 

 

“แอบขโมยอะไรกัน ข้าใช้เงินของข้าซื้อมา ทำไมถึงกลายเป็นขโมยไปได้” คนคนนั้นเข้ามานั่งข้างๆ มู่หลี

 

 

“แสงจันทร์ที่สวยงามถึงเพียงนี้เจ้ากลับมานั่งดื่มเหล้าเพียงลำพัง ไม่แบ่งปันให้คนอื่น สุราชั้นดีเช่นนี้ไม่ใช่ว่าแอบเสพสุขอยู่คนเดียวหรืออย่างไร”

 

 

“เจ้าแต่งเรื่องแล้ว เอ้า!”

 

 

คนผู้นั้นแย่งไหเหล้าของมู่หลีไป อ้าปากดื่มในทันที

 

 

“ทำไมเจ้าถึงเป็นเช่นนี้”

 

 

“ข้าน้อยคือชิวลั่ว ไม่ทราบว่าท่านมีนามว่าอะไร? เหล้าไม่เลวเลยทีเดียว ขอบคุณก็แล้วกัน” มู่หลีแย่งไหเหล้ากลับมา ป้องกันเอาไว้เหมือนลูกรัก

 

 

“มู่หลี มู่จากคำว่าจื้อเฟิงมู่อวี่ หลีจากคำว่าหลีหมิง” พูดจบก็ดื่มเหล้าอึกใหญ่

 

 

“เช่นนั้นข้าจะเรียกเจ้าว่าอาหลี”

 

 

“ตามใจ”

 

 

ชิวลั่วอาศัยโอกาสที่มู่หลีดื่มเหล้าดึงเอากระบี่ข้างกายของมู่หลีออกมา อาศัยแสงจันทร์ชื่นชมความงามของมัน

 

 

“ทำไมเจ้าปล่อยตัวตามสบายเช่นนี้ เจอหน้ากันครั้งแรกก็สนิทสนมเช่นนี้เชียวหรือ?”

 

 

“อาหลีพูดเองว่าตามใจข้า ทำไมตอนนี้ถึงรู้สึกผิดทีหลังเสียเล่า?”

 

 

“เอากระบี่คืนข้า วันนี้อารมณ์ไม่ดีเท่าไรนัก อย่ามารบกวนการใช้เหล้าดับทุกข์ของข้า รีบไปซะ อย่ามารบกวนข้าอีก”

 

 

มู่หลีเอื้อมมือไปแย่งกระบี่ของตน

 

 

“ทำไมอาหลีถึงไม่พูดถึงเหตุผลที่ต้องมานั่งดื่มเหล้าดับทุกข์เพียงลำพังเล่า พูดออกมาจะได้สบายใจเสียหน่อย” ชิวลั่วนำกระบี่ไปใส่ไว้ในฝักกระบี่ของมู่หลีตามเดิม มู่หลีถึงได้ปล่อยไป

 

 

“เพราะคนคนหนึ่ง”

 

 

“ใคร”

 

 

“คนที่ผิด”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด