(Yaoi) ใต้ม่านรัตติกาล 67-68

Now you are reading (Yaoi) ใต้ม่านรัตติกาล Chapter 67-68 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 67 ตำนานรักพันปีตอนระดมพล

 

 

“ท่านประมุข ท่านเรียกหาข้าหรือ”

 

 

“เซ่าเยี่ยซือ ให้เวลาเจ้าหนึ่งวัน เรียกระดมพลช่างฝีมือสองพันนาย ช่างหยกสามพันนาย อีกทั้งเรียกรวมตัวทหารพลังอีกหนึ่งพันนาย รอรับคำสั่งข้า”

 

 

“ไม่ทราบว่าที่ท่านประมุขเรียกหาคนเหล่านี้เพราะเหตุใด? ช่างฝีมือสองพันนาย ช่างหยกสามพันนาย ไม่ใช่จำนวนน้อยๆ เลยทีเดียวนะขอรับ”

 

 

ชิวจือเว่ยเหลือบมองเขาทีหนึ่ง คนคนนี้ดีไปเสียทุกอย่าง แต่เพียงแค่ชอบซักไซ้ไล่เลียงถามลึกถึงรากถึงโคนเท่านั้น

 

 

“ทำไมหรือ ทำไม่ได้หรือ?”

 

 

“ข้าน้อยมิบังอาจ”

 

 

“เช่นนั้นยังไม่รีบไปจัดการอีก ทำไม่ดีก็ไม่ต้องกลับมา”

 

 

วันรุ่งขึ้น

 

 

“ท่านประมุข ทุกคนมาครบหมดแล้วขอรับ รอเพียงท่านออกคำสั่งเท่านั้น”

 

 

“ดี เจ้าออกไปเถิด” เซ่าเยี่ยซือถอยออกไป

 

 

“ภรรยา เจ้ายังไม่ไว้ใจสามีอย่างนั้นหรือ? ถึงได้มาจับตาดูเช่นนี้”

 

 

“ไม่ใช่ไม่เชื่อเจ้า แต่กลัวเจ้าโง่เท่านั้นเอง

 

 

”…” ชิวจือเว่ยแอบไปนั่งวาดวงกลมเล่นอยู่ตรงมุมอับ ส่งเสียงร้องงึมงำ

 

 

“ทางด้านเขาเทียนปี้ข้าจะช่วยเจ้าจัดการ เมืองหลวงขึ้นอยู่ที่ตัวเจ้าแล้ว จือเว่ย”

 

 

“เมื่อครู่เจ้าพูดว่าอะไรนะ?” ชิวจือเว่ยเคร่งขรึมขึ้นมาในทันใด หลานเซียวไม่เข้าใจ

 

 

“ข้าจะจัดการด้านเขาเทียนปี้เอง ส่วนเมืองหลวงต้องอาศัยเจ้าแล้ว มีปัญหาอะไรอย่างนั้นหรือ?”

 

 

“ไม่ใช่ประโยคนี้ ประโยคสุดท้าย”

 

 

“ข้าไม่ได้พูดเท่านี้หรือ? ข้ายังพูดอะไรอีก”

 

 

“ไม่ซิ เจ้าเรียกข้าว่าจือเว่ย ข้ายังอยากฟังอยู่”

 

 

ใบหน้าของหลานเซียวแดงระเรื่อขึ้นมาในทันใด

 

 

“ไม่ใช่เสียหน่อย”

 

 

“เรียกอีกครั้งซิ เรียกอีกครั้ง”

 

 

“ไม่เรียกก็คือไม่เรียก”

 

 

……

 

 

ด้านนอกเขตท่านพลังเขาเทียนปี้ ม้าศึกพันตัวเดินวนไปมา

 

 

ด้านนอกเมืองหลวงก็มีม้าศึกพันตัวเดินไปมาเช่นเดียวกัน

 

 

“นายท่าน” บ่าวรับใช้คนหนึ่งลนลานวิ่งเข้ามาในห้อง

 

 

“เป็นอย่างไรบ้าง?”

 

 

“ยังหาคุณหนูไม่พบขอรับ”

 

 

“ม้าศึกตระกูลเยี่ยมาถึงนอกด่านแล้ว นี่จะทำเช่นไร”

 

 

“นายท่าน ข้าเห็นว่าตระกูลเยี่ยไม่ได้มีความคิดจะโจมตี ไม่สู้ว่าลอบสังเกตก่อน ขณะเดียวกันก็ขอให้ประมุขตระกูลหลานช่วยตามหาคุณหนู”

 

 

“เหลือเพียงวิธีนี้แล้ว”

 

 

“ได้ยินมาว่าท่านลุงเรียกหาข้า” หลานเซียวก้าวเข้ามาในห้องพอดี

 

 

“ใช่แล้ว อวิ๋นซูหายตัวไป”

 

 

“หายตัว? หรือว่าจะถูกคนตระกูลเยี่ยลักพาตัวไป?” หลานเซียวพูดออกมาด้วยท่าทีแสร้งทำเป็นตกใจ

 

 

“ไม่รู้เหมือนกัน พวกเราหากันทั่วแล้วก็ยังไม่พบ”

 

 

“ท่านลุงอย่าได้ร้อนใจไป ช่วงเวลานี้ท่านอย่าได้ออกไปไหน ข้าจะตามหาแทนท่านเอง”

 

 

“เช่นนั้นก็ต้องรบกวนเจ้าแล้ว”

 

 

“มิอาจ อย่างไรอวิ๋นซูก็เป็นญาติผู้น้องของข้า พวกเราโตด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก”

 

 

ทหารพลังของตระกูลเยี่ยแบ่งออกเป็นสองส่วน ส่วนแรกอยู่ใต้พื้นดินเขาเทียนปี้ อีกส่วนอยู่ใต้ดินเมืองหลวง ในขณะที่พวกเขาใช้กระแสพลังเปิดทางข้างหน้า ด้านช่างฝีมือและช่างหยกก็รีบใช้เวลาที่มีในการก่อสร้าง

 

 

หลานเซียวและชิวจือเว่ยมองตามอยู่ด้านหลัง

 

 

“หึๆ ภรรยา เจ้าดูตรงนี้ซิ ทำไมถึงได้มีเตียงอยู่หลังหนึ่งด้วย” ชิวจือเว่ยมองหลานเซียวอย่างไม่หวังดีเท่าไรนัก

 

 

“มีเตียงแล้วจะทำไม ไม่ได้ให้เจ้านอนเสียหน่อย อย่าได้มีความคิดอกุศลเชียว”

 

 

หลานเซียวกลอกตาใส่เขาทีหนึ่ง   

 

 

“รอจนถึงพิธีวิวาห์ของน้องอวิ๋นซูแล้ว พวกเรามาลองสัมผัสดูบ้าง เจ้าว่าอย่างไร”

 

 

หลานเซียวลูบใบหน้าชิวจือเว่ย

 

 

“ทำไมเจ้าถึงได้ใจร้ายเช่นนี้ ให้เจ้าใช้ของเหลือของคนอื่น”

 

 

“ภรรยาพูดถูก รอสามีตบแต่งภรรยาแล้วจะต้องสร้างพระราชฐานที่ใหญ่และหรูหรารอภรรยาอย่างแน่นอน ขบวนสู่ขอยาวร้อยลี้ แต่งภรรยากลับบ้าน”

 

 

“เช่นนั้นข้าก็จะรอวันนั้นของเจ้า”

 

 

“ภรรยา ข้าถามเจ้าคำถามหนึ่งได้หรือไม่?” ชิวจือเว่ยถลึงตามองหลานเซียว

 

 

“ไม่ได้”

 

 

“ตอนที่พวกเราพบหน้ากันครั้งแรกที่จี้จี้ฮวาสือเจ้าก็ชอบข้าเข้าแล้วใช่หรือไม่”

 

 

“…”

 

 

“ตอนนั้นข้าคิดว่าตัวเองเจอหมูตัวหนึ่ง”

 

 

หลานเซียวหมุนตัวออกเดิน

 

 

“ไอยา ภรรยาอย่าได้อายไป”

 

 

ที่เรียกกันว่าจี้จี้ฮวาสือ นั่นคือสถานที่ขนาดเล็กสุดเร้นลับในเมืองหลวง ตรงนั้นมีต้นเฟิงจำนวนมาก แต่น่าเสียดายที่ไม่มีดอกให้เห็น ชิวจือเว่ยพบสถานที่นี้โดยบังเอิญ ในยามว่างไม่มีอะไรทำก็จะมาปลูกต้นไม้สองต้น

 

 

มีครั้งหนึ่งที่จู่ๆ เซียวหลานก็บุกเข้ามา พอดีเห็นชิวจือเว่ยที่นอนอยู่ท่ามกลางกอดอกไม้ร่างกายเปรอะเปื้อนโคลน นั่นเป็นการพบเจอกันครั้งแรกของพวกเขา

 

 

หลังจากนั้นหลานเซียวก็ปลูกบ้านหลังเล็กเอาไว้หลังหนึ่งที่นั่น ตั้งชื่อว่าจี้จี้ฮวาสือ

 

 

หลังจากนั้นเป็นต้นมาสถานที่แห่งนั้นก็กลายเป็นพื้นที่ส่วนตัวของพวกเขาสองคน

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 68 ตำนานรักพันปีตอนเพื่อนเจ้าบ่าว

 

 

ชิวจือเว่ยใช้ทุกวิถีทางในการเร่งงาน ในที่สุดหลังจากใช้เวลาไปกว่าสี่วันการสร้างอุโมงค์ใต้ดินก็สำเร็จลง

 

 

“ท่านประมุข สาเหตุเพราะเหนื่อยเกินไปช่างฝีมือตายไปสองร้อยนาย ช่างหยกตายไปหนึ่งร้อยนาย ทหารพลังตายไปเจ็ดสิบนาย เชียนเยี่ยซือและคนอื่นๆ รวมถึงทหารพลังจำนวนมากล้วนแสดงออกว่าไม่พอใจท่านขอรับ”

 

 

“ช่างฝีมือและทหารพลังที่ตายไปให้มอบเงินทดแทนแก่ครอบครัวพวกเขาให้มากพอ สำหรับพวกเชียนเยี่ยซือไม่ต้องไปสนใจ ผ่านไปสักพักก็เงียบเอง”

 

 

“ขอรับ ข้าน้อยรับทราบ”

 

 

ชิวจือเว่ยปีนกำแพงบุกรุกตู๋กุยหย่วนอีกครั้ง แต่กลับเห็นด้านนอกห้องของหลานเซียวเต็มไปด้วยชุดแต่งงานสีแดง ผ้าไหมแดง และของสินสอดทั้งหลาย

 

 

“ภรรยา เจ้าอยู่หรือไม่?”

 

 

จู่ๆ ก็มีสตรีนางหนึ่งเดินออกมาจากในห้อง ใบหน้าที่ได้รับการแต่งแต้มบางๆ หางตายังสะท้อนแววขำขันที่ยังไม่หายไปให้เห็น

 

 

“ภรร…ภรรยา เจ้าแต่งหญิงได้สวยงามเหลือเกิน”

 

 

ชิวจือเว่ยพูดจบก็กระโจนเข้าไป แต่กลับถูกตีกลับออกมา

 

 

“สนุกมากใช่หรือไม่?” หลานเซียวเดินออกมาจากข้างหลัง

 

 

มองดูทั้งสองคนที่คล้ายคลึงกัน ชิวจือเว่ยมึนงงไปเล็กน้อย

 

 

“ภรรยา เจ้ากลายเป็นสองร่าง นี่ช่างดีเหลือเกิน ภรรยาสองคน”

 

 

สตรีนางนั้นหลุดหัวเราะออกมาโดยพลัน

 

 

“เจ้าช่างจินตนาการสวยงามเสียจริง นี่คือญาติผู้น้องของข้า อวิ๋นซู เป็นอย่างไร งามใช่ไหมเล่า”

 

 

“ท่านพี่ช่างพูดตลกจริงเชียว นี่ไม่ใช่ประมุขตระกูลเยี่ย ท่านประมุขชิวจือเว่ยที่ท่านพี่พูดถึงหรอกหรือ?”

 

 

“แท้จริงก็เป็นญาติผู้น้องนี่เอง มิน่าถึงได้เหมือนกับภรรยามากนัก ข้าน้อยชิวจือเว่ย ขอทำความเคารพ”

 

 

อวิ๋นซูทำท่าแสดงความเคารพที่เหมาะสมกับตน

 

 

“หลังจากนี้อีกสองชั่วยามให้ออกเดินทางจากตระกูลหลาน แอบเข้าไปในเขาเทียนปี้ จากนั้นก็เข้าไปในอุโมงค์ใต้ดิน ฉีฮวนจะรอเจ้าอยู่ที่นั่น ขนบธรรมเนียม พิธีการทุกอย่างไม่อาจขาดได้ หลังจากจบงานแต่งเจ้าและฉีฮวนไปยังจี้จี้ฮวาสือหลังจากนี้พวกเจ้าสามารถใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นได้ ไม่ต้องกลับมาที่ตระกูลหลาน และไม่ต้องกลับไปที่เขาเทียนปี้ ยิ่งห้ามกลับเมืองหลวง มีเพียงที่นั่นปลอดภัยที่สุด และสงบสุขที่สุด”

 

 

“ทราบแล้วเจ้าค่ะ ขอบคุณท่านพี่อย่างมาก ท่านพี่ ข้ายังมีคำร้องอีกอย่างหนึ่ง”

 

 

“ยังมีเรื่องอะไรอีก พูดมาเถิด” หลานเซียวหัวเราะพลางลูบผมของอวิ๋นซู

 

 

”ข้าอยากให้ท่านพี่และท่านประมุขชิวเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวของข้าจะได้หรือไม่?”

 

 

หลานเซียวนิ่งเงียบไปในทันใด ไม่นานก็หัวเราะออกมาอีกครั้ง

 

 

“ท่านประมุขผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสองมาเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวของข้า เจ้าช่างมีหน้ามีตาเสียจริง เช่นนั้นก็เอาเถิด พวกเราจะเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวให้เจ้า”

 

 

“เป็นเพื่อนเจ้าบ่าวก็ดี ชุดคลุมสีแดงสด น่ายินดียิ่งนัก” ชิวจือเว่ยหัวเราะอย่างเบิกบานนัก

 

 

หลังจากนั้นสองชั่วยามทางด้านอวิ๋นซูจัดเตรียมเรียบร้อย เฟิ่งกวานเสียเพ่ยเครื่องยศสตรี แวววาวส่องแสง

 

 

หลานเซียวและชิวจือเว่ยสวมใส่ชุดสีแดงสด ผมมวยสูงถูกผ้าไหมสีแดงมัดเอาไว้

 

 

“ภรรยา เจ้าว่าพวกเราเหมือนกำลังหมั้นหมายหรือไม่”

 

 

ชิวจือเว่ยพูดไปพลางคิดถึงภาพหลานเซียวสวมชุดสีแดงสดทั้งตัวตอนที่พวกเขาหมั้นหมาย จากนั้นเมื่อถึงช่วงเวลาเข้าห้องหอใต้แสงเทียนเขาก็จะถอดผ้าคลุมหน้าออก

 

 

“เงียบปาก”

 

 

“ท่านพี่ พวกท่านต้องใช้ชีวิตให้ดีนะเจ้าค่ะ รอจนวันใดที่ข้ากลับมายังจะได้เห็นพวกท่านอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข”

 

 

“นั่นแน่นอนอยู่แล้ว” ชิวจือเว่ยเอ่ยปากพูดออกมาในทันใด หลานเซียวที่อยู่อีกข้างกลอกตามองเขา

 

 

“อย่าเพิ่งพูดถึงพวกเราเลย เจ้าไปถึงที่นั่นจะต้องใช้ชีวิตอยู่เพียงสองคนแล้ว วันเวลาจะลำบากนัก แต่จะต้องยืนหยัดมุ่งมั่นเพื่ออีกฝ่าย พวกเราจะไปเยี่ยมพวกเจ้า ข้าเคยคุยกับฉีฮวนแล้ว ข้าเชื่อว่าเขาเป็นผู้ชายที่ดี ต้องปฏิบัติต่อเจ้าเป็นอย่างดี อย่างอื่นยังไม่ต้องพูดถึง พวกเราไปเถิด”

 

 

อวิ๋นซูพยักหน้า ในดวงตานั้นคลอไปด้วยน้ำตา

 

 

หลานเซียวตบมืออวิ๋นซูเบาๆ จากนั้นก็ประคองอวิ๋นซูออกไปคนละข้างกับชิวจือเว่ย

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด