(Yaoi) ใต้ม่านรัตติกาล 63

Now you are reading (Yaoi) ใต้ม่านรัตติกาล Chapter 63 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตำนานรักพันปีตอนจิ่วซัง

 

 

พันปีก่อน

 

 

“กำราบซีเชวีย เชิดชูอำนาจตระกูลข้า กำราบตระกูลหลาน ตระกูลข้าเรืองรอง” ผู้ชายคนหนึ่งบนหลังม้าตะโกนคำขวัญ

 

 

“กำราบซีเชวีย เชิดชูอำนาจตระกูลข้า กำราบตระกูลหลาน ตระกูลข้าเรืองรอง”

 

 

“กำราบซีเชวีย เชิดชูอำนาจตระกูลข้า กำราบตระกูลหลาน ตระกูลข้าเรืองรอง”

 

 

“กำราบซีเชวีย เชิดชูอำนาจตระกูลข้า กำราบตระกูลหลาน ตระกูลข้าเรืองรอง” ทหารพลังที่อยู่ด้านหลังตะโกนร้องออกมาพร้อมกัน สร้างบรรยากาศให้คึกคักมากขึ้น

 

 

“ฆ่า” ด้านหลังมีทหารรับพันนายม้านับหมื่นตัวพุ่งเข้ามาเมื่อน้ำหลาก ผู้คนมากมายนับไม่ถ้วนดั่งมังกรดำข้ามแม่น้ำ ลอยตัวผ่านคลื่นซัดสาด ก่อให้เกิดคลื่นสูงหมื่นจั้ง

 

 

           

 

 

มือถือขวานแห่งแคว้นอู๋กายสวมเกราะหนังแรด ต่อสู้กับข้าศึกท่ามกลางรถแสนวุ่นวาย

 

 

ธงสะบัดพลัดพลิ้วศัตรูเหมือนเมฆดำที่หนาแน่น ห่าธนูโปรยปรายตกลงพื้นเหล่าทหารกล้าแย่งชิง

 

 

กองทัพถูกบุกรุกแถวขบวนถูกเหยียบย่ำ ม้าฝั่งซ้ายตายอนาถม้าฝั่งขวาบาดเจ็บด้วยคมดาบ

 

 

ล้อรถฝังลึกม้าศึกหยุดชะงัก แกว่งสะบัดไม้กลองทุ่มตีกลองศึก

 

 

สรวงสวรรค์ไม่พอใจเทพเจ้าโกรธา นายทหารบาดเจ็บล้มตายศพโดนโยนทิ้งขว้าง

 

 

คนที่ออกศึกเมื่อไปแล้วไม่มีกลับ พื้นที่เขียวขจีกว้างใหญ่เส้นทางห่างไกล

 

 

กายประดับกระบี่ยาวในมือถือคันธนู กายและหัวแยกออกห่างหัวใจบริสุทธิ์

 

 

ผู้กล้าตัวจริงไร้ซึ่งความกลัวฝีมือล้ำลึก แข็งแกร่งทั้งชีวิตไม่อาจก้าวก่าย

 

 

แม้กายจะจากไปแต่วิญญาณกล้ายังคงอยู่ วิญญาณแข็งแกร่งกลายเป็นยอดพราย

 

 

 

 

สงครามที่มีคนตายมากมายทำให้ขอบฟ้าเปลี่ยนสี เลือดสีสดไหลเปื้อนทั่วแผ่นดิน เปรอะเปื้อนเต็มยอดดาบ ลมกรีดร้องโหยหวน ฝนตกพรำ ดวงอาทิตย์คล้อยลับหายย้อมให้ท้องฟ้าเป็นสีแดงไปกว่าครึ่ง วิญญาณร้ายร่ำไห้ วิญญาณเทพโกรธา ใจคนตื่นกลัว

 

 

การไล่ฆ่ายังคงดำเนินต่อไป ภายในชั่วเวลาสั้นๆ ทั้งชั้นบรรยากาศก็เต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือด โลกทั้งใบเหมือนกำลังสั่นไหว ภูเขาระเบิดแผ่นดินแตกแยก ทันใดนั้นสิ่งมีชีวิตก็ค่อยๆ สลายหายไป พวกเขาเหมือนกับแล่เนื้อเอาเกลือทาเผยให้เห็นชิ้นส่วนแยกจากกันร่างกายซูบเซียวแตกกระจัดกระจาย

 

 

ในช่วงเวลาที่ถูกเลือดกลืนกินไม่สามารถแยกออกได้ว่าไหนคืออาวุธ ไหนคือมือที่เปื้อนเลือด ไหนคือฟันที่แหลมคม ฉีกทำลายใบหน้าทั้งหลายอย่างกระวีกระวาดร้อนใจ สติสัมปชัญญะในหัวหายไปนานแล้ว สูญเสียการควบคุมเหมือนกับทำเพื่อสนองความต้องการการฆ่าของตนเอง

 

 

ดูจากตอนนี้แล้วความรู้สึกที่น่ามหัศจรรย์ที่สุดบนโลกใบนี้คือความสุขที่สามารถใช้สองมือของตนฆ่าทำลายทุกสิ่งอย่าง เวลาหัวค่ำคืบคลานมาถึงทอดสายตามองไปไกลไม่อาจแบ่งแยกได้ว่านั่นเป็นพระอาทิตย์ที่ลับขอบฟ้าหรือเลือดสดที่ไหลอาบแผ่นดิน…

 

 

สุดท้ายบนแผ่นดินนี้ก็ไม่เหลือสิ่งมีชีวิตใด เหลือเพียงแค่ชายหนุ่มที่ตาแดงก่ำ คนที่ไร้เรี่ยวแรงและคนที่ตายไป

 

 

“พวกเราชนะแล้ว ศัตรูล่มสลายทั้งกองทัพ พวกเราชนะแล้ว”

 

 

แต่ไม่มีใครตอบเขา ทหารพลังที่อยู่ด้านหลังไร้ซึ่งเรี่ยวแรงไปนานแล้ว แต่ละคนมองไปยังผู้ชายที่ใกล้จะบ้าเบื้องหน้าตนด้วยท่าทีแน่นิ่งเหมือนตุ๊กตาไม้

 

 

“พวกเราชนะแล้ว ทำไมพวกเจ้าถึงไม่ดีใจ พวกเจ้าน่าจะต้องโห่ร้องด้วยความยินดีซิ ควรจะร่าเริง ตระกูลเยี่ยอย่างไรก็ต้องเป็นของข้าชิวจือเว่ยอยู่วันยังค่ำ”

 

 

ผู้ชายที่เรียกตนเองว่าชิวจือเว่ยกู่ก้องร้องตะโกนออกมาด้วยความตื่นเต้น แต่ทหารพลังที่อยู่ข้างหลังนั้นถ้าไม่ได้กำลังปรับสมดุลพลังของตนเอง ไม่ก็กำลังโศกเศร้าไปกับพี่น้องของตนที่เพิ่งตายไป ทุกคนนอกจากผู้ชายคนนั้นล้วนไร้ซึ่งท่าทีเมื่อตอนเริ่ม

 

 

สงครามเพิ่งจะเริ่มก็ใกล้จะบ้าคลั่งแล้ว

 

 

“หลานเซียวเจ้ารอก่อนเถิด ต่อให้ต้องกำราบทั้งแผ่นดินข้าก็ต้องแต่งเจ้ากลับบ้านให้ได้” ชิวจือเว่ยตะโกนเสียงดังไปทางตระกูลเยี่ย

 

 

บนต้นซากุระในภูเขาที่ห่างไกลไปร้อยลี้มีชายผู้หนึ่งนอนอยู่บนนั้นกำลังเป่าขลุ่ยอย่างสำราญใจ กิ่งทองใบหยกก็น่าจะหมายถึงคนงามระดับนี้กระมัง

 

 

‘วันนี้เป็นวันที่อากาศดีอีกวันหนึ่ง อยากจะครอบครองใต้หล้าก็พูดมา จะมาหาข้ออ้างว่าอยากแต่งข้าทำไม’

 

 

“ท่านประมุข ซีเชวียเสียการคุ้มครองแล้ว ทัพทหารของพวกเราถูกกำจัดจนหมด” จู่ๆ ก็มีคนคนหนึ่งปรากฏขึ้นมาในครรลองสายตา ทำลายเสียงขลุ่ยแสนไพเราะ

 

 

“รู้แล้ว ออกไปเถิด” เขาอยากได้ ก็ให้ไปเถิด

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด