ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตาบทที่ 559 กลับสู่แดนมัชฌิม

Now you are reading ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา Chapter บทที่ 559 กลับสู่แดนมัชฌิม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 559 กลับสู่แดนมัชฌิม

บทที่ 559 กลับสู่แดนมัชฌิม

แม้เสียงของเหยาจีไม่ดังมากนัก แต่จิตสังหารที่แผ่ออกมาแทบจะกลืนกินพวกนางเข้าไป!

ทั้งสองคุกเข่ากับพื้นด้วยสภาพสั่นเทาราวกับร่อนแกลบ ไม่กล้าตอบแต่อย่างใด

แน่นอนว่าพวกนางทราบถึงความผิดพลาดครั้งใหญ่ที่ได้ทำลงไป!

ตอนจักรพรรดินีเหยาจีถ่ายทอดคำสั่ง สองคนนี้ก็รีบตกปากรับคำ!

พวกนางคิดว่าเรื่องนี้จะง่ายดายราวกับปอกกล้วยเข้าปาก

ดังนั้นนอกจากร่างหลักจะไม่ได้เข้าร่วมแล้วก็ยังไม่ได้นำของวิเศษใดติดตัวไปด้วย

ร่างจำแลงทั้งสองลงไปพร้อมศิลาทะลวงดินแดนกับกล่องกระบี่ไท่อี

พวกนางคิดว่ามันคงจะราบรื่น ถึงอย่างไรในสายตาของทั้งสอง แผ่นดินหยวนหงเป็นเพียงหนึ่งในแดนมนุษย์ทั้งหลายที่อยู่ใต้อาณัติแดนเซียน

แต่คาดไม่ถึงว่าพอเอากระบี่ไท่อีไปแล้วจะมาถูกชายหนุ่มจากแดนมนุษย์ทุบตีเสียได้!

ท้ายที่สุด ร่างจำแลงตาย ภารกิจไม่สำเร็จ แถมยังเสียกล่องกระบี่ไท่อีกับศิลาทะลวงดินแดนไปอีก!

สำหรับคนที่เรียกตัวเองว่าทวยเทพในแดนเซียน นี่คือบาปที่ไม่อาจอภัยให้ได้!

ตอนนี้จักรพรรดินีเหยาจีได้ทำการซักถาม ซึ่งพวกนางไม่สามารถหาข้อแก้ต่างได้ เพราะงั้นจึงทำได้เพียงคุกเข่าร้องขอความเมตตา

ทั้งสองอาจจะทราบดีว่าคงไม่รอดพ้นจากความตายเป็นแน่ ดังนั้นจึงทำได้เพียงหวังว่าจักรพรรดินีเหยาจีจะไม่บันดาลโทสะใส่ตระกูลของพวกนางเนื่องจากทำงานล้มเหลว

“พวกเจ้าทำได้ดีมาก”

จักรพรรดินีพลันยิ้มหยัน ดวงตาเต็มไปด้วยขี้เล่นซุกซนเล็กน้อย!

แต่สองคนนี้กลับยิ่งหวาดกลัว

ในตอนนี้ บริเวณด้านนอกวังอันกว้างใหญ่มีสาวใช้ทะยานเข้ามาก่อนจะลงมาอยู่ข้างกายจักรพรรดินีเหยาจี นางคำนับด้วยความเคารพก่อนจะยื่นยันต์หยกให้ “ท่านจักรพรรดินี นี่คือยันต์หยกที่มหาจักรพรรดิจิ่วเทียนแจ้งแก่มหาจักรพรรดิซื่อฟาง!”

คิ้วงดงามของเหยาจีขมวดเล็กน้อย “จิ่วเทียนหรือ? เขาเพิ่งออกจากการเก็บตัว คิดจะทำอะไรกันแน่?”

สิ้นคำ จักรพรรดินีเหยาจีก็ชูนิ้วสีขาวหยกเล็กน้อย แล้วยันต์หยกก็เคลื่อนลงมาอยู่ในมือของนาง

ยันต์หยกคลี่ออก แล้วแถวตัวอักษรจำนวนมากก็ปรากฏขึ้น

จักรพรรดินีเหยาจีเหลือบมองอย่างรวดเร็วก่อนจะเข้าใจเนื้อหาสำคัญ

“ลู่หยวนหรือ?”

จักรพรรดินีเหยาจีเพียงจดจ้องชื่อของคนจากแดนมนุษย์

ยันต์หยกใบนี้บอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นหลังจากจิตเทวะของร่างจำแลงมหาจักรพรรดิจิ่วเทียนถูกวิถีสวรรค์ลากตัวไปที่แผ่นดินหยวนหง

มันบอกว่ามีคนจากแดนมนุษย์สังหารจิตเทวะของร่างจำแลงมหาจักรพรรดิจิ่วเทียน!

ทั่วทั้งแดนเซียน ผู้ที่สามารถครองตำแหน่งจักรพรรดิได้ล้วนเป็นผู้ทรงพลังแทบทั้งสิ้น!

ร่างจำแลงมหาจักรพรรดิเหล่านี้คือความภาคภูมิใจของตัวตนทั่วทั้งแดนเซียน แม้จะไม่ได้เก่งกาจเท่าร่างจริงของมหาจักรพรรดิ แต่ก็มากพอที่จะเป็นราชาในแดนเซียน!

แม้เป็นเพียงเศษเสี้ยวจิตเทวะที่ถ่ายทอดเข้าไปในร่างจำแลงเหล่านี้ แต่สำหรับแผ่นดินหยวนหงและแดนมนุษย์อื่น มันคือตัวตนที่บดขยี้โลกได้!

แต่เมื่อพลังระดับนั้นปรากฏในแผ่นดินหยวนหง มันดันถูกกำราบและสังหารโดยชายหนุ่มผู้อายุไม่เกินยี่สิบปี!

จักรพรรดินีเหยาจีเคลื่อนสายตามาจับจ้องชื่อของลู่หยวน

คำสี่คำที่ไม่ได้ปรากฏมาเป็นเวลานานปรากฏในดวงตาของนาง

“วิถีโบราณ?”

“เด็กคนนี้ถึงกับเป็นคนจากโลกโบราณงั้นหรือ? สิ่งที่จิ่วเทียนพูดมาค่อนข้างน่าเชื่อถือไม่น้อย…”

จักรพรรดินีเหยาจีหรี่ตาเล็กน้อยราวกับกำลังครุ่นคิดบางสิ่ง

เมื่อคนทั้งสองที่กำลังคุกเข่าได้ยินเช่นนี้ ความคิดของพวกนางก็เริ่มตื่นตัวทันใด

ทั้งสองต่างเป็นตัวตนระดับสูงในดินแดนเหยาเช่นกัน อีกทั้งยังรับใช้จักรพรรดินีเหยาจีมาหลายปี ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่จะเข้าใจว่า “วิถีโบราณ” นี้มีความหมายว่าอย่างไร!

หากลู่หยวนเป็นคนที่มาจาก “วิถีโบราณ” จริง เช่นนั้นความพ่ายแพ้อย่างเวทนาในวันนี้ก็เริ่มดูสมเหตุสมผลขึ้นมา!

ทันใดนั้นนางก็ตระหนักได้ว่ายังมีโอกาสรอดชีวิตก่อนจะเอ่ยคำเสียงดัง “ท่านจักรพรรดินี เจ้าเด็กสารเลวที่ปกป้องไท่อีเอาไว้ก็คือลู่หยวน!”

“เด็กคนนี้มีกลอุบายค่อนข้างมาก แถมยังสามารถใช้กล่องกระบี่ไท่อีได้ด้วย!”

จักรพรรดินีเหยาจีหันมาทางผู้พูดด้วยแววตาสนใจเล็กน้อย “เจ้ากำลังจะบอกว่าคนที่ฆ่าร่างจำแลงพวกเจ้าทั้งสองคือลู่หยวนงั้นหรือ?”

อีกฝ่ายพยักหน้าทันที “ใช่แล้ว!”

สาวใช้คนเข้าใจเช่นกันว่านี่คือโอกาสที่จะมีชีวิตรอดก่อนจะพยักหน้าตาม “ใช่แล้วใช่แล้ว!”

“โห?”

จักรพรรดินีเหยาจีหัวเราะแผ่วเบา “เขาผู้มีร่างมนุษย์จะสามารถใช้กล่องกระบี่ไท่อีได้อย่างนั้นหรือ?”

ทั้งสองเอ่ยคำอย่างเด็ดขาด “ใช่!”

จักรพรรดินีเหยาจียิ้มบาง ดวงตาของนางหรี่ลงราวกับกำลังขบคิดบางอย่าง

คนทั้งสองซึ่งอยู่ด้านล่างไม่กล้าแสดงโทสะขณะหัวใจเต้นแรง วันนี้พวกนางจะรอดหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับความคิดของจักรพรรดินีเหยาจี!

“ดูเหมือนสิ่งที่จิ่วเทียนพูดมาจะพอมีน้ำหนักอยู่บ้าง…”

“น่าสนใจ น่าสนใจยิ่งนัก…”

จักรพรรดินีเหยาจีพลันเอ่ยประโยคดังกล่าวออกมาก่อนจะลุกขึ้นยืน ดวงตาของนางหมองหม่นไม่แจ่มชัด ห้วงอากาศรอบข้างผันผวนเล็กน้อยขณะร่างค่อยหายไปจากที่ที่เคยอยู่!

สาวใช้ผู้นำยันต์หยกมาให้ก็หายไปเช่นกัน

คนทั้งสองที่คุกเข่าถอนหายใจด้วยความโล่งอก จักรพรรดินีเหยาจีจากไปโดยที่ไม่บอกว่าจะลงโทษอย่างไร หมายความว่าพวกนางรอดแล้ว

ทั้งคู่ต่างมองหน้ากันและกำลังจะลุกขึ้น

“ชิ้ง!”

ทั่วทั้งวังจักรพรรดิเกิดการสั่นสะเทือนเป็นระลอกคลื่นระหว่างทั้งสอง!

คลื่นดังกล่าวกระจายออกไปทุกทิศทาง แล้วร่างของทั้งสองก็กลายเป็นผุยผงเพราะความผันผวนดังกล่าว

จิตเทวะของพวกนางล้วนถูกบดขยี้เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย!

องครักษ์ที่คุ้มกันวังเหลือบมองสักพักก่อนจะไม่เหลียวแลอีกต่อไป

แผ่นดินหยวนหง

ลู่หยวนพากู้ชิงหรันกับซวี่รั่วหลิงมุ่งหน้าสู่แดนมัชฌิม

ด้วยความช่วยเหลือของเมล็ดพันธุ์เทพโกลาหล ทำให้แดนมัชฌิมในวันนี้เริ่มกลับไปเหมือนเมื่อวันวานซึ่งตระกูลส่วนใหญ่เริ่มก่อตั้งขึ้นมา

แม้จะไม่เจริญรุ่งเรืองเหมือนเมื่อก่อน แต่สำนักทั้งหลายต่างยืนหยัดเป็นกลุ่มก้อนประหนึ่งตระกูลใหญ่ที่เคยมีมา!

ลู่หยวนมุ่งหน้าไปทางตระกูลเสวียนซึ่งก่อตั้งโดยเสวียนเทียนชวน

เนื่องจากลู่หยวนแจ้งเอาไว้ล่วงหน้า ทำให้พวกเสวียนเทียนชวนออกมารอพร้อมกับตระกูลเสวียนแล้ว

เสวียนเทียนชวนรู้สึกตื่นเต้นทันทีที่เห็นลู่หยวน แม้ขาจะพิการจนทำได้เพียงนั่งบนรถเข็น แต่เขาก็ยังโค้งคำนับด้วยความเคารพ “นายท่าน!”

หลังจากนิ่งไป เสวียนเทียนชวนก็คำนับกู้ชิงหรันผู้อยู่ข้างกายลู่หยวน “นายหญิง!”

กู้ชิงหรันมีสีหน้าเฉยชาก่อนจะพยักหน้าอย่างเป็นธรรมชาติ

แม้เสวียนเทียนชวนจะไม่เคยพบกู้ชิงหรันมาก่อน แต่ด้วยการแลกเปลี่ยนข้อมูลกับพวกฉินอี่หาน ทำให้พวกเขาล่วงรู้เกี่ยวกับผู้หญิงที่หมั้นหมายกับลู่หยวน

คนที่เหลือต่างทำความเคารพเช่นกัน!

ลู่หยวนโบกมือ แล้วเสวียนเทียนชวนจึงลุกขึ้น

“สิ่งที่ข้าขอให้เจ้าทำไปถึงไหนแล้ว?”

ลู่หยวนเปิดปากถามเกี่ยวกับสิ่งที่มอบหมายไป

นับตั้งแต่การต่อสู้ระหว่างลู่หยวนกับซ่งชิง เขาพอจะคาดเดาได้ว่าจะเกิดปัญหาทั่วทั้งแผ่นดินหยวนหง

เมื่อนานมาแล้ว ลู่หยวนเคยอ่านเกี่ยวกับกองกำลังของซ่งชิงที่แผ่ขยายออกไปในดินแดนทั้งหลาย

กองกำลังเหล่านี้คล้ายกับมุ่งเป้าไปที่การขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยตระกูลเล็กพยายามกลายเป็นตระกูลใหญ่ จากนั้นรวมกับตระกูลอื่นก่อนจะเริ่มตั้งพันธมิตรขึ้นมา

จากนั้นสำนักเล็กกลายเป็นสำนักใหญ่ก่อนจะรวมเข้ากับสำนักอื่นโดยรอบ หากไม่สามารถทำได้ก็จะเริ่มสร้างพันธมิตรเช่นเดียวกับตระกูล

วิธีรวบรวมพละกำลังอย่างรวดเร็วเช่นนี้ทำให้ลู่หยวนคิดถึงความเป็นไปได้อย่างหนึ่ง

หากพละกำลังเหล่านี้ยิ่งแข็งแกร่ง พวกเขาก็จะกลายเป็นค่าโชคชะตาให้กับซ่งชิงโดยตรงใช่หรือไม่?!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด