ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตาบทที่ 188 อยากรับโทษหรืออย่างไร?!

Now you are reading ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา Chapter บทที่ 188 อยากรับโทษหรืออย่างไร?! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 188 อยากรับโทษหรืออย่างไร?!

บทที่ 188 อยากรับโทษหรืออย่างไร?!

สายฟ้าหนึ่งหมื่นจวิน*[1] ถูกดูดเข้าไปในท้องของมังกรเจินหลง ก่อนหางของมันจะโค้งขึ้น และส่งเสียงเรอออกมาอย่างพึงพอใจ

ตอนนี้ไม่เพียงแค่ซุนอวิ๋นถิงเท่านั้น แต่เฉิงไท่และอวี๋ฉู่ก็ตกตะลึงเช่นกัน

นี่… มันอะไรกัน?!

ทัณฑ์อัสนีกลายร่างเป็นมังกร แล้วถูกมังกรเจินหลง… กินงั้นหรือ?!

ซุนซิงเหอผู้เดิมถูกแผดเผาจากทัณฑ์อัสนีเพียงรู้สึกว่าพลังอัสนีรอบข้างหายไป สายฟ้ารอบข้างหายไปด้วยเหตุผลบางอย่าง ก่อนถูกแทนที่ด้วยมังกรขนาดเล็กที่บินวนเวียนไปมาด้วยความเกียจคร้าน

“มะ… มันเกิดอะไรขึ้น?”

ซุนซิงเหอสับสนยิ่ง

ในตอนนี้ ซุนอวิ๋นถิงถกแขนเสื้อ พลางเดินมาอยู่ข้างหลานชายด้วยสายตาเผยความยินดีระคนคาดหวัง ถามว่า “หลานชาย เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง? เจ้าเก็บเกี่ยวอะไรได้บ้างในช่วงทัณฑ์อัสนีเมื่อครู่?!”

บรรพชนดาบสามารถสัมผัสได้ชัดเจนว่าหลานชายมีพลังเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แม้กระทั่งกลิ่นอายทั่วร่างของเขาก็เปลี่ยนไปมาก มันมีสายฟ้าแฝงอยู่

หรือว่าหลานชายจะได้รับความสามารถอัสนี!

ทัณฑ์อัสนีหรือ?

ซุนซิงเหอตกตะลึงเมื่อได้ยินเช่นนี้ ทันใดนั้นเขานึกบางอย่างขึ้นมาได้ จากนั้นจึงก้มมองทันที เมื่อพบว่าไม่มีความผิดปกติที่เป้าของตัวเองก็ทำให้รู้สึกโล่งอกขึ้นมา

โชคยังดีที่ไม่มีอะไรผิดปกติ หาไม่แล้วต่อให้เป็นโอกาสจากสวรรค์และโลก มันก็ไม่ใช่เรื่องน่ายินดีแต่อย่างใด

ส่วนเรื่องการเก็บเกี่ยว…

ช่างหัวการเก็บเกี่ยวสิ!

แค่ไม่ถูกผ่าจนตายด้วยทัณฑ์อัสนีเมื่อครู่ก็โชคดีเท่าไหร่แล้ว เมื่อมองที่ขาทั้งสอง พบว่าพวกมันถูกสายฟ้าฟาดจนดำสนิท กลิ่นเนื้อย่างอบอวลในอากาศ!

หากเฉือนเนื้อตรงขาของเขาตอนนี้ อาจจะมองเห็นไปถึงกระดูก!

แต่เมื่อมองสายตาคาดหวังของซุนอวิ๋นถิง ซุนซิงเหออึกอักอยู่สักพัก แต่กลับไม่มีเสียงเล็ดลอดออกมา

“หรือว่าเจ้ายังไม่ได้อะไรเลยหรือ?”

ใบหน้าของซุนอวิ๋นถิงเริ่มมืดมน

ซุนซิงเหอทำได้เพียงก้มศีรษะต่ำ “หลาน… ต้องขออภัยท่านปู่แล้ว”

“เจ้า!”

ใบหน้าของซุนอวิ๋นถิงแดงก่ำด้วยโทสะ เขาพ่นลมขณะจ้องมองมา ตวาดเสียงต่ำว่า “เจ้ารู้หรือไม่ นี่คือมังกรเกล็ดทัณฑ์อัสนีสามหัว ปรากฏการณ์เช่นนั้นเกิดขึ้นกับเจ้า แต่กลับไม่ได้อะไรเลยงั้นหรือ?! ทำไมตระกูลซุนถึงให้กำเนิดขยะเช่นเจ้าออกมาด้วย?!”

บรรพชนดาบต่อว่าและสบถใส่หูของหลานชายจนอีกฝ่ายตึงเครียดขึ้นมา

เมื่อซุนอวิ๋นถิงเห็นท่าทีของซุนซิงเหอ ในใจก็รู้สึกโกรธเกรี้ยว เมื่อครู่เขาปล่อยข่าวลือออกไปว่า หลานชายจะต้องทะลวงขั้นบางอย่างแน่นอน หาไม่แล้ว คนรอบข้างจะคิดกับเขาอย่างไร?!

แต่ตอนนี้ สายตาของหลายคนจับจ้องพวกเขาทั้งสอง บทสนทนาระหว่างทั้งสองเมื่อครู่ อาจจะมีหลายคนที่ได้ยินเข้า

เมื่อคิดได้ดังนี้ บรรพชนดาบรู้สึกถึงความร้อนผ่าวบนใบหน้า

นี่เป็นการเสียหน้าครั้งใหญ่!

กลิ่นอายรอบข้างของบรรพชนดาบยังคงทะยาน สายตาคู่นั้นเต็มไปด้วยโทสะ จนซุนซิงเหอเกิดความหวาดกลัว ตอนเป็นเด็ก ท่านปู่เคยบันดาลโทสะทุบตีเขาเพราะเรื่องบางอย่างจนเกือบพิการ

ซุนอวิ๋นถิงในวันนี้เหมือนเมื่อตอนนั้น มันเต็มไปด้วยโทสะมากกว่าเดิมหลายเท่า หากถูกทุบตีขึ้นมา เกรงว่าต่อให้ไม่ตายก็น่าจะถูกถลกหนัง!

ซุนซิงเหอสั่นสะท้าน เขาหลุกหลิกตาไปมา เมื่อสายตาจับจ้องไปที่มังกรเจินหลง เขาจึงชี้ไปที่มันทันที กล่าวเสียงดังว่า “ท่านปู่ ดูนั่น!”

“ตอนที่ข้าเหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่าง สายฟ้ารอบข้างก็หายไป ดังนั้นข้าถึงไม่ได้อะไร!”

กลิ่นอายของซุนอวิ๋นถิงลดลงเล็กน้อย สายตาของเขาจับจ้องมังกรเจินหลงเช่นกัน ผ่านไปครู่หนึ่ง ในใจของเขาก็เต็มไปด้วยโทสะ

ตอนที่สายฟ้าเข้ามาพัวพันเมื่อครู่ เป็นมังกรเจินหลงที่อ้าปากแล้วดูดสายฟ้าทั้งหมดเข้าไปในท้อง ถ้าเป็นอย่างนั้น ก็ไม่สามารถกล่าวโทษซุนซิงเหอได้

บรรพชนดาบชำเลืองมองอาจารย์สำนักผู้กำลังมองพวกเขาทั้งสองอยู่ เขาไอเล็กน้อย แสร้งทำท่าทางจริงจังพลางกล่าวเสียงดังว่า “ในเมื่อเป็นแบบนี้ก็ไม่มีทางอื่นอีกแล้ว ทว่าได้อย่างก็ต้องเสียอย่าง มันเป็นเรื่องปกติของการบ่มเพาะ แม้เจ้าได้รับมังกรเจินหลงที่ยอมรับในฐานะเจ้านายแล้ว แต่สุดท้ายก็เสียโอกาสของทัณฑ์อัสนีไป แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องกังวลไปหรอก”

ซุนซิงเหอตอบรับครั้งแล้วครั้งเล่า

ซุนอวิ๋นถิงรู้สึกได้ว่าตนไม่เสียหน้าแล้ว ดังนั้นเขาจึงเดินมาอยู่หน้าเฉิงไท่ในพริบตา ยกมือขึ้นด้วยความสุภาพยิ่ง ยิ้มแล้วกล่าวว่า “เจ้าสำนัก ข้ามีเรื่องอยากจะขอให้เจ้าสำนักช่วยเสียหน่อย”

เฉิงไท่หลุบตาลงเล็กน้อย เมื่อเห็นท่านปู่ผู้ปั้นหน้ายิ้มเสแสร้งออกมา เขาพอจะคาดเดาได้ว่าอีกฝ่ายกำลังจะกล่าวอะไร แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังแสร้งทำเป็นไม่รู้ พลางกล่าวว่า “บรรพชนดาบมีเรื่องอะไร เชิญว่ามาได้เลย”

“วันนี้เจ้าสำนักก็ได้เห็นแล้วว่ามังกรเจินหลงตัวนี้ยอมรับหลานชายข้าเป็นเจ้านาย มันจะเป็นสัตว์วิญญาณของหลานชายข้าในอนาคต”

“มังกรเจินหลงตัวนี้ไม่ได้กินอาหารง่ายเหมือนสัตว์ตัวอื่น มังกรเจินหลงตัวนี้ดูเหมือนเพิ่งจะฟักออกมา จำเป็นต้องเจริญเติบโต…”

เฉิงไท่ย่อมเข้าใจว่าซุนอวิ๋นถิงหมายความว่าอย่างไร เขากำลังจะขอทรัพยากรจากเจ้าสำนักนั่นเอง

“ที่บรรพชนดาบพูดมามีเหตุผล เจ้าต้องการเท่าไหร่?”

อีกฝ่ายเผยรอยยิ้มเล็กน้อย “มังกรเจินหลงตัวนี้ยังเด็กนัก คงไม่ต้องการทรัพยากรมากเท่าไหร่ เจ้าสำนักแค่ต้องมอบของเท่ากับศิษย์จำนวนเก้าร้อยคนเท่านั้น”

เมื่อคนที่เหลือได้ยินดังนี้ พวกเขาต่างเผยสีหน้าประหลาดใจออกมา

ซุนอวิ๋นถิงผู้นี้ช่างกล้าพูด!

ทรัพยากรเท่ากับศิษย์จำนวนเก้าร้อยคนหรือ?!

ศิษย์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดในสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์ในความดูแลของอาจารย์สำนักสามคน รวมกันยังไม่เท่ากับเก้าร้อยคนด้วยซ้ำ!

หากเฉิงไท่ตอบตกลงจริง นับประสาอะไรกับทรัพยากรเหล่านี้ที่สามารถมอบให้ร่างมังกรเจินหลงได้

นั่นเป็นเพียงการโยนทรัพยากรทิ้งเท่านั้น ย่อมทำให้อาจารย์จากยอดเขาที่เหลือไม่พึงพอใจ เมื่อมีศิษย์ใหม่เข้ามาในอนาคต พวกเขาจะให้ความสำคัญกับการเข้ายอดเขาดาบก่อน

หากเรื่องแบบนี้ดำเนินไปสักพัก สายเลือดเชื้อไขที่ยอดเขาดาบฟูมฟักจะมีอำนาจเหนือกว่าสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมด!

สีหน้าของเฉิงไท่ไม่แปรเปลี่ยน ขณะตอบรับคำพูดของซุนอวิ๋นถิงว่า “ทรัพยากรเท่ากับศิษย์จำนวนเก้าร้อยคน บรรพชนดาบไม่ขอมากเกินไปหน่อยหรือ?”

ซุนอวิ๋นถิงกำลังจะโต้แย้ง เขาได้เตรียมร่างคร่าว ๆ ไว้ในใจแล้ว เขาจะต้องได้ทรัพยากรเท่ากับศิษย์หลายร้อยคน เพื่อทำการเลี้ยงมังกรเจินหลงให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้!

ตอนนี้เจ้าสำนักเงยหน้าขึ้น สายตาเผยแววขบขัน “อีกอย่าง… เท่าที่ข้าทราบมา มังกรเจินหลงตัวนี้ไม่ใช่สัตว์เลี้ยงวิญญาณของของซุนซิงเหอ ทำไมบรรพชนดาบถึงกระตือรือร้นจะขอทรัพยากรจากผู้อื่นด้วย?”

ซุนอวิ๋นถิงขมวดคิ้ว พลางกล่าวเย้ยหยันว่า “มังกรเจินหลงคือราชาในหมู่สัตว์เทพ หรือก็คือสัตว์เทวะ มีแต่ผู้มีพรสวรรค์ยอดเยี่ยมเท่านั้นถึงจะครอบครองได้ ที่นี่และตอนนี้ นอกจากหลานชายของข้าแล้ว ศิษย์คนไหนที่ควรค่ากับคำว่าพรสวรรค์ยอดเยี่ยมบ้างล่ะ?!”

เฉิงไท่ยืนเอามือไพล่หลัง มุมปากของเขาเผยรอยยิ้มเจื่อน ไม่ตอบคำถามดังกล่าว

มุมปากของอวี๋ฉู่โค้งลงเช่นกัน พยายามอย่างหนักที่จะไม่ยิ้มออกมา

สองคนนี้มีการบ่มเพาะสูงส่ง ไม่นานหลังจากมังกรเจินหลงออกมา พวกเขาต่างสัมผัสถึงกลิ่นอายคุ้นเคยรอบข้างได้

ใครเป็นเจ้าของมังกรเจินหลงตัวนี้ มองปราดเดียวก็รู้อยู่แล้ว

น่าเสียดายที่ซุนอวิ๋นถิงคิดว่าสัตว์เทวะตัวนี้ ยอมรับหลานชายไร้ค่าของเขาเป็นเจ้านาย?!

คนที่เหลือย่อมไม่มีระดับการบ่มเพาะที่จะพบว่ามังกรเจินหลงตัวนี้มาจากไหน ดังนั้นพวกเขาจึงยังคงเงียบงัน

เมื่อเห็นว่าไม่มีใครตอบ บรรพชนดาบจึงคลี่ยิ้มอีกครั้ง กล่าวอย่างพึงพอใจว่า “เฮ้อ… ความยอดเยี่ยมของหลานชายข้าหาได้ยากในโลก คนอย่างพวกเจ้าคงจะอิจฉาละสิท่า…”

ก่อนจะทันกล่าวจบ จากยอดเขาหอก น้ำเสียงเกียจคร้านพลันดังขึ้นว่า “ซุนอวิ๋นถิง เลิกพล่ามได้แล้ว เจ้าไม่อายบ้างหรือ?”

“ก่อนหน้านี้ข้าคิดว่าเจ้ามันไม่มีอะไรดีเลย! แต่พอได้เห็นในวันนี้ก็รู้ได้ว่าเจ้ามีดีแค่ความปากพล่อยที่ไม่เป็นสองรองใคร!”

“หินในโถส้วมก้อนนี้คงถูกเจ้าขัดถูมามากสินะ ถึงกลายเป็นอัญมณีหลากสีสันได้ แต่มันก็ยังเป็นหินในโถส้วมอยู่ดี!”

เมื่อได้ยินดังนี้ ซุนอวิ๋นถิงยังไม่ทันได้กล่าวอะไร ก็เห็นว่าซุนซิงเหอผู้อยู่ไม่ไกลนักหรี่ตาลงทันที ก่อนเปิดปากถามว่า “แล้วเจ้าเป็นใคร ถึงกล้ามาบอกว่าข้าเป็นหินในโถส้วม?!”

พรวด!

อวี๋ฉู่ทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาระเบิดเสียงหัวเราะทันทีที่จิบสุราเข้าปาก

รีบยอมรับว่าตัวเองเป็นหินในโถส้วมเช่นนี้ ขนาดเขามีชีวิตยืนยาว นี่ยังเป็นครั้งแรกที่ได้ยิน!

ซุนอวิ๋นถิงรู้สึกอับอายเช่นกัน ก่อนชำเลืองมองหลานชาย ซุนซิงเหอถึงเข้าใจว่าตนเองพูดบางอย่างผิดไป จึงก้มศีรษะ แล้วไม่กล้าพูดอะไรอีก

ที่ยอดเขาหอก ร่างในชุดสีชาดห่มดำเดินออกมา ใบหน้าของคนผู้นั้นราวกับมงกุฎหยก สีหน้าเกียจคร้าน มีรอยยิ้มปรากฏที่มุมปาก เป็นลู่หยวนนั่นเอง

“จุ๊ ๆๆ ดูท่าว่า ไม่ใช่แค่การบ่มเพาะของเจ้าเท่านั้นที่ไม่ดี แต่สมองของเจ้าก็ไม่ดีด้วยเหมือนกัน”

ลู่หยวนเดินทีละก้าว อวี๋ฉู่และเฉิงไท่มองตาม พบว่ากลิ่นอายของอีกฝ่ายถูกสะกดเอาไว้มาก พวกมันล้วนแผ่กระจายไปรอบข้าง แต่กลับไม่ทราบได้ว่าระดับการบ่มเพาะของเจ้าหนุ่มคนนี้อยู่ขั้นไหน แต่พวกเขาพอจะคาดเดาได้ว่าเด็กคนนี้ยังไม่เข้าสู่ขั้นเทียมเทพ

เมื่อซุนอวิ๋นถิงเห็นผู้มาเยือน สายตาของเขาหลุบต่ำ

เป็นเจ้าเด็กคนนี้ที่กระจายกลิ่นอายไปทั่วทั้งแดนมัชฌิม จนเกือบทำให้หลานชายของเขาทำการทะลวงได้ล่าช้า!

เฮ้อ…

เด็กคนนี้คิดว่าตัวเองมาจากตระกูลลู่ เลยคิดว่าบรรพชนดาบจะไม่กล้าทำอะไรอย่างนั้นหรือ?!

ใช่ หากเผชิญหน้ากับตระกูลลู่ในตำหนักธารสุญญะแดนเหนือ ซุนอวิ๋นถิงย่อมยอมถอยให้

ดังนั้นเขาจะฆ่าลู่หยวนไม่ได้… แต่ถึงจะฆ่าไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็สามารถมอบบทเรียนได้!

บุตรศักดิ์สิทธิ์เห็นโทสะลึกล้ำในดวงตาของอีกฝ่ายแล้ว แต่เขาเพียงยกยิ้มออกมา ตอนนี้ตนใช้พลังวิญญาณของไป๋ชิวเอ๋อร์เพื่อทำการทะลวงแล้ว จึงไม่ได้เหมือนเดิมอีกต่อไป!

หากบรรพชนดาบต่อสู้กับเขา เช่นนั้นเขาสามารถใช้อีกฝ่ายเป็นหินลับมีด เพื่อดูว่าตัวเองพัฒนามากแค่ไหนได้!

เดิมทีมังกรเจินหลงโคจรรอบกายซุนซิงเหอ แต่ไม่นานหลังจากบุตรศักดิ์สิทธิ์ปรากฏตัวขึ้น มันก็ม้วนร่างกายก่อนจะบินมาหา

เพียงพริบตามันก็มาอยู่ข้างลู่หยวน หดกายาเล็กลงแล้วพันเข้าที่รอบนิ้ว

ซุนอวิ๋นถิงหรี่ตา ตอนนี้เขารู้แล้วว่า มังกรเจินหลงตัวนี้คือผลงานของลู่หยวน!

ไม่ต้องสงสัยเลย ตอนที่มังกรเจินหลงปรากฏขึ้นเมื่อครู่ มันมาจากยอดเขาหอก!

แต่ว่า…

เขาสัมผัสได้ชัดเจนว่ามังกรเจินหลงยังไม่ได้ทำสัญญา หมายความว่า ต่อให้มังกรเจินหลงจะใกล้ชิดกับอีกฝ่าย แต่มันก็แค่ประทับใจในตัวบุตรศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น

ไม่ใช่อยู่ด้วยกันจนวันตาย!

หมายความว่า ขอเพียงมังกรเจินหลงถูกแย่งกลับมา ก็สามารถเอามาทำสัญญา เพื่อให้ยอมรับซุนซิงเหอในฐานะเจ้านายได้!

นี่คือสัตว์เทวะ!

ดวงตาของซุนอวิ๋นถิงเผยความปรารถนา เขาต้องการให้สัตว์เทวะเป็นสัตว์เลี้ยงวิญญาณ ต่อให้หลานชายจะไร้ความสามารถ แต่เขายังสามารถต่อสู้เพื่อเป็นเจ้าโลก เพื่อเป็นยักษ์ใหญ่ของรุ่นได้ในอนาคต!

ตระกูลหลานชายของเขา นับว่ายืนอยู่จุดสูงสุดของแผ่นดินหลักเช่นกัน แถมยังถึงขั้นนำทั้งตระกูลเข้าสู่ตระกูลชั้นสูงได้ในอึดใจเดียว!

จิตสังหารในดวงตาของซุนอวิ๋นถิงผันผวน เขาระเบิดโทสะออกมา ราวกับสายฟ้าที่เคลื่อนลงมาจากสวรรค์ทั้งเก้า “ลู่หยวน เจ้ากล้าขโมยมังกรเจินหลงของหลานชายข้างั้นหรือ เจ้าอยากรับโทษหรืออย่างไร?!”

[1] จวิน เป็นหน่วยชั่งน้ำหนักสมัยจีนโบราณ 1 จวิน เท่ากับประมาณ 30 จิน หรือประมาณ 15 กิโลกรัม

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *