ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตาบทที่ 222 ลูกแก้วส่องสวรรค์

Now you are reading ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา Chapter บทที่ 222 ลูกแก้วส่องสวรรค์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 222 ลูกแก้วส่องสวรรค์

บทที่ 222 ลูกแก้วส่องสวรรค์

บนอัฒจันทร์ ศิษย์นับไม่ถ้วนต่างพากันชมการต่อสู้อย่างลุ้นระทึก ทว่าสิ้นคำของบรรพชนเสวียน จิตใจทุกคนก็เต็มไปด้วยความสับสน

ปัจจุบันบรรพชนเสวียนอายุเกือบหนึ่งพันปีแล้ว!

อายุปูนนี้ พูดตามตรงแล้ว มันมากพอจะเป็นรุ่นย่าของบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่ได้หลายชั่วโคตรเสียด้วยซ้ำ!

เหตุใดนางถึงกล้าปริปากว่าจะเป็นข้ารับใช้ให้กับเขา?!

ข้ารับใช้ในที่นี้ก็คือสาวใช้ ทุกคนต่างนึกภาพตาม ยามบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่ออกเดินทางในภายภาคหน้า โดยมีบรรพชนเสวียนผู้เป็นหญิงชราเดินตามหลัง คอยเอื้อนเอ่ยนามเขา จนถึงขั้นเสแสร้งทำท่าทางเขินอาย ก่อนป้อนผลไม้ล้ำค่าให้ชายหนุ่ม

แหวะ!

บนอัฒจันทร์ ความคิดของศิษย์ผู้หนึ่งเต็มไปด้วยภาพดังกล่าว หลังจากใคร่ครวญอย่างละเอียดแล้ว เขาถึงกับสำรอกออกมา

ภาพเช่นนี้ มันช่างอุจาดตาสิ้นดี!

ใครที่ได้นึกภาพตามก็ต่างมีสีหน้าไม่สู้ดี ส่วนศิษย์บรรพชนเสวียนนั้นล้วนอยู่ในห้วงอารมณ์ต่างออกไป

อาจารย์สำนักของพวกเขา เต็มใจเป็นข้ารับใช้ให้กับผู้อยู่ในครึ่งก้าวสู่ขั้นเทียมเทพงั้นหรือ?!

เหตุใดจึงทำเรื่องน่าละอายเช่นนี้?!

หากลู่หยวนตกปากรับคำ แล้วพวกเขาศิษย์ของบรรพชนเสวียนจะเป็นอะไร?

แม้แต่ข้ารับใช้ก็ยังไม่ใช่!

เป็นแค่เศษฝุ่นหรืออย่างไร?

ภายในสำนักของบรรพชนเสวียน ศิษย์บางส่วนที่ไม่อาจทนการดูถูกได้ ต่างจับกลุ่มปรึกษากันว่าหลังจบการแข่งขันภายในครั้งนี้ จะออกจากสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์ไปฝึกฝน!

บนแท่นสูง ยามอาจารย์สำนักที่เหลือเห็นดังนี้ พวกเขาบางส่วนเผยรอยยิ้มหยันออกมา

บรรพชนเสวียนผู้นี้อาจจะหวาดกลัวลู่หยวนจนหมดปัญญา!

ก่อนคุณชายแห่งตำหนักธารสุญญะจะทันได้เคลื่อนไหว หญิงชราก็แสดงท่าทีนอบน้อม

การมีคนเช่นนี้เป็นอาจารย์แห่งสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์มันช่างน่าอัปยศอดสู!

“ดูจากสภาพแล้ว บรรพชนเสวียนไม่เหมาะจะเป็นอาจารย์แห่งสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์อีกต่อไป หลังจากสิ้นสุดการแข่งขันภายในครั้งนี้ พวกเรารวมตัวกัน แล้วไปหาเจ้าสำนักกับจักรพรรดินี เพื่อขอให้มีการคัดเลือกอาจารย์แห่งวิถีเร้นลับคนใหม่ดีกว่า”

“เห็นด้วย ดูสภาพของนางตอนนี้สิ สง่าราศีของนางหายไปไหน คนแบบนี้คู่ควรเป็นอาจารย์แห่งสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์รึ?!”

“หากข้าเป็นบรรพชนเสวียน ต่อให้ต้องตายในวันนี้ก็ไม่มีวันก้มหัวให้เด็ดขาด มันช่างน่าละอายเหลือเกิน!”

“นี่ พวกเราต้องคิดในมุมของบรรพชนเสวียนบ้าง ถึงอย่างไรนางก็เคยคุกเข่ามาแล้วครั้งหนึ่ง คงคุ้นเคยกับมันเป็นอย่างดี!”

คำพูดเหยียดหยันเหล่านี้ย่อมเข้าหูของบรรพชนเสวียน แต่หญิงชราหาได้เก็บมาใส่ใจไม่

นางบ่มเพาะจนมาถึงจุดนี้แล้ว เหนือรากฐานการบ่มเพาะดังกล่าว หากไม่พบเจอกับโอกาสอันยิ่งใหญ่เข้า ย่อมยากที่จะไต่เต้าขึ้นมาได้

ยามนี้ นางทำได้เพียงคิดหาทางที่จะมีชีวิตยืนยาว ถึงอย่างไรก็มีเพียงผู้รอดชีวิตเท่านั้นที่สามารถทะลวงขั้น และสอดส่องวิถีแห่งสวรรค์!

ยามอยู่ต่อหน้ามัจจุราช ศักดิ์ศรีย่อมไร้ค่า ตัวตนย่อมไร้ราคา พวกมันต่างไร้ความหมาย!

บรรพชนเสวียนเผยรอยยิ้มออกมา สายตาของนางจับจ้องลู่หยวนด้วยแววตาจริงใจ ก่อนกระซิบอย่างแผ่วเบา “บุตรศักดิ์สิทธิ์คิดเห็นเช่นไร?”

คุณชายจากตำหนักธารสุญญะมองหญิงชราตั้งแต่หัวจรดเท้า พลางเดาะลิ้นและส่ายหน้าไปมา “แม้การบ่มเพาะของเจ้าจะไม่แย่ แต่สภาพร่างกายแก่ชราเกินไป มันดูน่าอัปลักษณ์ ขืนเจ้าติดตามข้าขึ้นมา สภาพคงดูน่าสมเพชไม่น้อย”

บนอัฒจันทร์ เมื่อศิษย์ของบรรพชนเสวียนได้ยินคำพูดเหล่านี้เข้า พวกเขาแทบอยากเอาหน้ากลบฝังดินให้รู้แล้วรู้รอด

อาจารย์ของพวกเขาลดตัว แล้วฝืนใจตัวเองเพื่อเป็นข้ารับใช้ขนาดนี้ แต่กลับโดนอีกฝ่ายบอกว่าแก่ชราและอัปลักษณ์!

ศิษย์บางส่วนถึงขั้นถอดชุดที่เป็นสัญลักษณ์ของศิษย์บรรพชนเสวียนออก พวกเขาโยนมันทิ้งอย่างไม่ไยดี ก่อนจากไปด้วยใบหน้าขุ่นเคือง

รอยยิ้มของหญิงชราแข็งทื่อ “เช่นนั้นข้าควรทำอย่างไร นายท่านถึงจะยอมเห็นชอบ?”

ลู่หยวนยกมุมปากขึ้นเป็นรอยยิ้ม เขากดน้ำเสียงให้เรียบเฉย ก่อนเอ่ยข้างหูของนาง “การขอร้องไม่ให้ข้าฆ่าเจ้าเป็นเรื่องง่ายมาก ข้าเคยได้ยินมาว่า เหนือยอดเขาวิถีเร้นลับ เจ้ามีลูกแก้วส่องสวรรค์อยู่ลูกหนึ่ง มันสามารถใช้ได้ทุกสามร้อยปี เพื่อสอดส่องสวรรค์และตรวจดวงชะตา”

เมื่อบรรพชนเสวียนได้ยินเช่นนี้ ดวงตาของนางพลันหดลง นางหันมามองลู่หยวน สายตาเต็มไปด้วยความตกตะลึง “บุตรศักดิ์สิทธิ์อย่าทำแบบนี้! แผ่นดินหยวนหงสูญเสียพลังวิญญาณไปมากแล้ว ขืนใช้ลูกแก้วส่องสวรรค์เพื่อสอดส่องแดนเซียนขึ้นมา ข้าเกรงว่าพลังวิญญาณบนแผ่นดินหลักจะยิ่งแห้งเหือดจนไม่เหลืออีกต่อไป!”

“ไม่ต้องห่วง ข้าไม่ได้จะให้เจ้าสอดส่องแดนเซียนหรอก”

ดวงตาของบรรพชนเสวียนสงบลง “หากเป็นเช่นนั้น ก็เชิญบุตรศักดิ์สิทธิ์ว่ามา”

“ข้าอยากให้เจ้าใช้ลูกแก้วส่องสวรรค์เพื่อตามหาตำแหน่งที่แน่ชัดของตระกูลชิวแห่งวิถีคุณธรรม รวมถึงมีสมาชิกเหลืออยู่กี่คน มียอดฝีมือในอาณัติจำนวนเท่าไหร่ และรากฐานการบ่มเพาะของพวกเขาอยู่ขั้นไหน?!”

หัวใจของหญิงชราที่เพิ่งผ่อนคลายกลับบีบรัดขึ้นมา

ตระกูลชิวแห่งวิถีคุณธรรม?!

นั่นมันตระกูลของชิวชิงหลีไม่ใช่หรือ!

นางคือผู้สืบทอดของวิถีคุณธรรม หลังสิ้นสุดมหาสงครามเมื่อสามแสนปีก่อน ในฐานะที่ตระกูลชิวเป็นตระกูลสุดท้ายที่สืบทอดวิถีนี้ พวกเขาจึงหลบซ่อนจากโลกหล้า

แม้ผู้นำสูงสุดของกองกำลังทั้งหลายจะหาทางจัดการกับตระกูลชิวไม่มากก็น้อย ถึงกระนั้นพวกเขาก็ไม่พบตำแหน่งและพลังที่แท้จริงของตระกูลชิว!

ตอนบรรพชนเสวียนยังสาว นางเคยสำรวจเหตุการณ์เมื่อสามแสนปีก่อนด้วยความสงสัยใคร่รู้ แต่สิ่งที่นางได้รับกลับมาคือทัณฑ์สวรรค์นับหมื่นที่เคลื่อนลงมาจากท้องนภา ส่งผลให้อาจารย์ผู้เข้ามาปกป้องนางถึงแก่ความตาย

ชั่วชีวิตของบรรพชนเสวียนไม่เคยลืมเลือนเรื่องดังกล่าว ช่วงสุดท้ายในชีวิตท่านอาจารย์ของนาง เขาเอ่ยออกมาว่า ‘สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อสามแสนปีก่อน ข้องเกี่ยวกับตัวตนที่ยิ่งใหญ่มากเกินไป โชคชะตาเช่นนั้นมันเกินกว่าที่ใครจะรับได้! แม้แต่เจ้าก็ไม่สามารถแบกรับมัน ภายภาคหน้าอย่าได้คิดสำรวจเป็นอันขาด!’

“บรรพชนเสวียน เจ้าจะยอมให้ใช้หรือไม่?”

เสียงของลู่หยวนดึงหญิงชราออกมาจากความทรงจำ นางเปลี่ยนสีหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า ก่อนหันมามองนายท่านด้วยท่าทีระแวดระวัง “เหตุใดบุตรศักดิ์สิทธิ์จึงต้องการสำรวจสิ่งนี้หรือ?”

“แน่นอนว่าข้าจะใช้มันตรวจสอบบางอย่าง เจ้าแค่ตอบมาว่ายอมหรือไม่ยอม?”

“เชื่อฟังข้าเท่ากับรอด แต่ถ้าขัดขืน เท่ากับตาย!”

ลู่หยวนยื่นคำขาด!

ดวงตาของบรรพชนเสวียนเต็มไปด้วยความตกตะลึง พลางใคร่ครวญชั่งน้ำหนักระหว่างผลดีผลร้าย ภายในไม่กี่อึดใจ เรื่องราวในอดีตนับไม่ถ้วนก็แวบเข้ามาในจิตใจ

ฉากสุดท้ายคือวันที่อาจารย์ของนางถึงแก่ความตาย ทัณฑ์อัสนีนับหมื่นเคลื่อนลงมา พวกมันเกือบทำลายโลกหล้าจนสิ้น!

การที่ลู่หยวนต้องการสำรวจตระกูลชิวแห่งวิถีคุณธรรม เกรงว่าเขามีแรงจูงใจบางอย่างที่จะสำรวจการต่อสู้ในครานั้น

แม้วันนี้ลู่หยวนจะเพียงแค่ขอให้บรรพชนเสวียนตามหาตระกูลชิว แต่หลังจากนั้นเล่า?

หรือว่านางต้องสังเวยชีวิตเพื่อตามหาความลับของมหาสงครามเมื่อสามแสนปีก่อน?!

ไม่ต่างกับการรนหาที่ตาย!

ขืนบรรพชนเสวียนไปทำให้วิถีแห่งสวรรค์ขุ่นเคืองขึ้นมา เกรงว่านางจะต้องติดตามลู่หยวนไปจนวันตาย

ไม่เพียงแค่กายหยาบที่ตายเท่านั้น แม้กระทั่งจิตวิญญาณก็จะถูกวิถีแห่งสวรรค์นำกลับคืน นางต้องร่อนเร่อยู่ในวังวนแห่งทัณฑ์อัสนีชั่วนิรันดร์ ทนทุกข์กับความเจ็บปวดทั้งหลายจนไม่มีวันได้ไปเกิดใหม่!

บรรพชนเสวียนมองลู่หยวน พบว่าสายตาของอีกฝ่ายหนักแน่นและเป็นประกาย ราวกับไม่เกรงกลัวสิ่งใดในโลกหล้า!

“ลู่หยวน ด้วยภูมิหลังของท่าน หากไม่เป็นพวกสงสัยใคร่รู้ เกรงว่าท่านคงมีชีวิตยืนยาวกว่านี้! ต่อให้โชคชะตาของท่านจะไม่อยู่ภายใต้มหาวิถี แต่ท่านควรทราบไว้ก่อนว่า ท่านยังคงอาศัยอยู่ภายใต้สวรรค์แห่งนี้ ขืนไปแตะต้องในสิ่งที่ไม่ควรเข้า ต่อให้มีชะตาที่ขัดขืนสวรรค์ได้ สุดท้ายท่านก็ต้องตาย!”

“เรื่องเลวร้ายเช่นนี้ ข้าไม่อาจทำเพื่อท่านได้!”

“ต่อให้วันนี้ต้องตาย ข้าก็พร้อมที่จะสู้! อย่างน้อยก็ดีกว่าไปยั่วยุวิถีแห่งสวรรค์ร่วมกับคนบ้าเช่นท่านผู้ไม่รู้สึกรู้สาอะไร!”

สายตาของบรรพชนเสวียนเต็มไปด้วยจิตสังหาร เพียงชั่วอึดใจ แรงกดดันรอบข้างเพิ่มขึ้น พลังแห่งวิถีเร้นลับปกคลุมทั่วพื้นที่ในบัดดล

ท้องนภาที่เดิมสดใสพลันมืดครึ้ม หมู่ดาวปรากฏขึ้นเหนือฟากฟ้ามืดมิด แสงสว่างสีทองเรืองรองสาดส่องทั่วทั้งลานประลอง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด