ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตาบทที่ 70 เอาชนะเขาเพื่อแม่เสีย! (ต้น)

Now you are reading ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา Chapter บทที่ 70 เอาชนะเขาเพื่อแม่เสีย! (ต้น) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 70 เอาชนะเขาเพื่อแม่เสีย! (ต้น)

บทที่ 70 เอาชนะเขาเพื่อแม่เสีย! (ต้น)

ทุกคนที่ได้ฟังต่างตอบสนองด้วยความโกรธเกรี้ยว ลู่หยวนพูดแบบนี้หมายความว่าอย่างไร?

กำลังดูถูกพวกเขางั้นหรือ?!

ในบรรดาฝูงชน มียอดฝีมือผู้หนึ่งนำผู้ฝึกยุทธ์สิบกว่าคนขึ้นลานประลอง

ผู้นำสร้างค่ายกลทันที “ข้าขอประมือกับบุตรศักดิ์สิทธิ์ก่อน”

เมื่อกล่าวจบ ค่ายกลจำนวนมากในมือของผู้คนทั้งหลายรวมเข้าด้วยกัน พวกเขาประทับลงบนลานประลอง จนเกิดเกลียวแสงสว่างสีแดงส่องสว่างทั้งแนวนอนและแนวตั้งดังฝาครอบ กวาดผ่านไปมาเข้าหาลู่หยวน มันทำให้แรงกดดันจากกายชายหนุ่มหายไปชั่วขณะ

บุตรศักดิ์สิทธิ์ยกมุมปากขึ้น ก่อนกระทืบเท้า

ตูม!

จากท้องนภา แรงกดดันทรงพลังอันน่าสะพรึงราวกับจะพังทลายสวรรค์และโลก ปกคลุมทั่วทั้งยอดเขาหลักในพริบตา

ตูม! ตูม! ตูม!

สิ่งปลูกสร้างนับไม่ถ้วนแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยภายใต้แรงกดดันนี้ทันที

ศิษย์ส่วนใหญ่ที่ชมอยู่เจอแรงกดดันเช่นนี้เข้าไป พวกเขาต่างก็ล้มลงกับพื้นพร้อมกระอักโลหิตในเสี้ยวพริบตา คนที่มีรากฐานการบ่มเพาะสูงส่งกว่าตกตะลึงจนคุกเข่ากับพื้นเพราะแรงกดดันนั่น พยายามขัดขืนสุดกำลัง

มีเพียงยอดฝีมือบางส่วนที่อยู่ใจกลางแรงกดดันในลานประลอง เมื่อแรงกดดันเคลื่อนลงมา ค่ายกลในมือก็แตกสลายทันที! มันราวกับขุนเขาที่กดทับพวกเขาลงกับพื้น โลหิตหลั่งทั้งเจ็ดรูทวารจนแทบเจียนตาย

ต่อให้พวกเขาใช้การบ่มเพาะทั้งหมดอย่างสุดกำลัง แต่เมื่ออยู่ภายใต้แรงกดดันที่ราวกับจะพังทลายโลกใบนี้ มันก็ช่างไร้ประโยชน์!

สายตาของผู้อาวุโสจำนวนมากบนแท่นสูงแปลกไป เมื่อไม่กี่เดือนก่อนที่หลายคนได้พบกับลู่หยวน ตอนนั้นเขาไม่ได้มีรากฐานการบ่มเพาะที่ทรงพลังขนาดนี้

เพียงแค่ช่วงเวลาสั้น ๆ บุตรศักดิ์สิทธิ์เหมือนกับได้เกิดใหม่

หวังเหิงขมวดคิ้วเช่นกัน มีศิษย์อย่างต่ำนับพันที่รายล้อมลานประลอง บางส่วนก้าวเข้าสู่ขั้นจักรพรรดิยุทธ์แล้ว บางคนถึงขั้นมียันต์ค่ายกลอันทรงพลังอยู่กับตัว แต่เมื่ออยู่ภายใต้แรงกดดันนี้ พวกเขากลับไม่สามารถทานทนได้

แม้กระทั่งหวังเหิงก็ไม่อาจคาดเดาพลังของชายหนุ่ม

เขาหันมองกลับไปพบกู่หงเฟยยืนอยู่ด้านหลัง ถึงแม้จะไม่ล้มลงกับพื้นจนกระอักโลหิตเหมือนคนอื่น แต่ก็มีสีหน้าเปลี่ยนไป

เมื่ออู่หมิงเสวี่ยเห็นว่าบุตรชายทรงพลังมากแค่ไหน นางคล้ายกับยินดีขึ้นมา หยวนเอ๋อร์โตขึ้นแล้วจริง ๆ พละกำลังของเขาแก่กล้าถึงเพียงนี้เชียว

ลู่หยวนสลายแรงกดดัน ให้โอกาสยอดฝีมือบนลานประลองยันร่างขึ้นด้วยความสิ้นหวัง

สายตาของชายหนุ่มราวกับคมกระบี่กวาดมองทุกคน ในที่สุดก็หยุดลงที่แท่นสูง “ผู้อาวุโสอย่าได้ปกปิดไปเลย รีบส่งศิษย์กับลูกหลานของท่านออกมา ปลาซิวปลาสร้อยเหล่านี้ไม่ควรค่าให้รับชม”

เมื่อผู้อาวุโสจำนวนมากได้ยินประโยคนี้ก็แทบกระอักโลหิตออกจากปาก

ยอดฝีมือบางส่วนที่เพิ่งมาถึงลานประลองคือศิษย์ที่ได้รับการฝึกฝนจากผู้อาวุโสเป็นอย่างดี พวกเขาล้วนเป็นคนที่ได้รับความคาดหวังสูง

ตอนนี้ลู่หยวนกลับพูดออกมาว่า …เป็นเพียงปลาซิวปลาสร้อย

กู่หงเฟยผู้ยืนอยู่บนแท่นสูงพ่นลมออกจมูกอย่างเกรี้ยวกราด ยกมือขึ้นไปทางหวังเหิงทันที “ผู้อาวุโส ให้ข้าไปสั่งสอนบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่ที!”

ร่างของอัจฉริยะรุ่นเยาว์วูบไหว ก่อนมาถึงลานประลอง

“กู่หงเฟยขอรับคำชี้แนะจากบุตรศักดิ์สิทธิ์ด้วย!”

[ระบบแจ้งเตือน กู่หงเฟยคือผู้มีโชคชะตามหาศาล ค่าชะตาในตอนนี้คือ 10,000 แต้ม!]

[หลังจากท่านสืบทอดตำแหน่งนายน้อยของสำนักอักขระสวรรค์แล้ว ฆ่าเขาหรือทำให้ยอมจำนน จะทำให้แต้มชะตาทั้งหมดถูกปล้นชิง!]

ชายหนุ่มยกมุมปากขึ้น อย่างที่คิด… คนผู้นี้ได้รับความคาดหวังจากสำนักอักขระสวรรค์มาก ย่อมเป็นคนที่มีวาสนาไม่น้อย

ถึงแม้กู่หงเฟยผู้นี้จะไม่ใช่บุตรแห่งโชคชะตา แต่เขาถึงกับมีค่าชะตามากถึงหนึ่งหมื่น

รอยยิ้มสยายกว้างของคู่ต่อสู้สะท้อนอยู่ในดวงตาประชดประชันของกู่หงเฟย “บุตรศักดิ์สิทธิ์ยิ้มทำไมกัน? คิดว่าท่านจะเอาชนะได้งั้นหรือ?”

ลู่หยวนตอบด้วยความมั่นใจว่า “แน่นอนอยู่แล้ว”

สายตาของคู่สนทนามืดมน เขาร่ายค่ายกลในมือทันที พลันมีสายลมพัดกระโชกบนลานประลอง

“ข้าขอแนะนำบุตรศักดิ์สิทธิ์ว่าอย่ามั่นใจให้มากนัก!”

เมื่อกล่าวจบ ค่ายกลในมือของกู่หงเฟยพลันหายไป ผ่านไปสักพัก ที่ใต้เท้าของชายหนุ่มก็มีเส้นด้ายสีแดงจำนวนมากปรากฏขึ้นในทันที พันธนาการเท้าเอาไว้อย่างแน่นหนา

หยดของเหลวคล้ายโลหิตหยดลงมาจากเส้นด้ายสีแดง ก่อนตกลงสู่ค่ายกลบนพื้น

กลิ่นอายรอบข้างลู่หยวนถึงกับอ่อนกำลังลง ในตอนนี้ค่ายกลบนพื้นยิ่งแข็งแกร่ง เส้นด้ายสีแดงมีจำนวนมากยิ่งขึ้น

“ค่ายกลปรสิตสองขั้วหรือ?”

ผู้อาวุโสบนลานประลองอดที่จะกล่าวไม่ได้ “กู่หงเฟยฝีมือดีจริง ๆ สามารถทำความเข้าใจค่ายกลได้ตั้งแต่อายุยังน้อย”

ค่ายกลปรสิตสองขั้วคือค่ายกลระดับสูงของเคล็ดอักขระจักรพรรดิ อักขระของมันคลุมเครือและยากต่อการทำความเข้าใจ หลายคนต้องศึกษาหลายปี แต่กู่หงเฟยกลับสามารถใช้ได้ ทั่วทั้งประวัติศาสตร์ของสำนักอักขระสวรรค์มีคนที่ทำได้เพียงไม่กี่สิบคนเท่านั้น

ผู้อาวุโสที่เหลือกล่าวชมเชยอยู่สองสามคำเช่นกัน จากนั้นเริ่มชื่นชมหวังเหิง กล่าวว่าเลี้ยงดูศิษย์ได้ดี ย่อมมีอนาคตไร้ขีดจำกัด

หวังเหิงส่ายหน้าก่อนยิ้มออกมา “ทุกท่านชมเกินไปแล้ว นี่ไม่เท่าไหร่หรอก แค่เคล็ดอักขระจักรพรรดิระดับสูงทั่วไปเท่านั้น ข้าคิดว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์สามารถทำลายมันได้ในไม่ช้า!”

เมื่ออู่หมิงเสวี่ยได้ยินประโยคนี้ นางก็ชำเลืองมองอีกฝ่ายทันทีด้วยสายตาลุกโชน ราวกับกำลังจะระเบิดออกมาทุกเมื่อ

หัวใจของทุกคนแข็งทื่อ ไม่ว่าใครก็เข้าใจความหมายในคำพูดของผู้อาวุโสหวังเมื่อครู่ แม้จะเหมือนกำลังชื่นชมบุตรศักดิ์สิทธิ์ แต่แท้จริงกำลังชื่นชมตัวเองต่างหาก

ค่ายกลปรสิตสองขั้วขึ้นชื่อว่ารับมือได้ยากยิ่ง จะสามารถทำลายมันอย่างง่ายดายได้อย่างไร!

เมื่อหวังเหิงรู้สึกตัวว่าถูกอู่หมิงเสวี่ยมองจึงเริ่มหวั่นวิตก ผู้หญิงคนนี้บ้าคลั่งเป็นที่สุด ใครไม่เห็นด้วยขึ้นมาก็จะชวนทะเลาะทันที หากนางลงมือ เขาคงไม่สามารถตอบโต้ได้ หาไม่แล้ว วันรุ่งขึ้น… ลู่เทียนเหอจะนำกลุ่มคนมาล้อมสำนักอักขระสวรรค์เพื่อทุบตีเขา!

เจ้าสำนักอู่ถอนสายตากลับไป จากนั้นยืนขึ้นทันที ชูมือขึ้นพลางตะโกนว่า “หยวนเอ๋อร์ เอาชนะเขาเพื่อแม่เสีย!”

ลู่หยวนและกู่หงเฟยผู้ยืนอยู่ในลานประลองต่างตกตะลึง

ก่อนบุตรศักดิ์สิทธิ์จะพยักหน้าให้มารดา “ท่านแม่ไม่ต้องกังวล”

ใบหน้าของคู่ต่อสู้น่าเกลียดขึ้นมา ถึงแม้เขาจะไม่ใช่ศิษย์ของอู่หมิงเสวี่ย แต่ก็ยังนับว่าเป็นศิษย์ของสำนักอักขระสวรรค์ เจ้าสำนักไม่รักษาความยุติธรรมยังไม่เท่าไหร่ แต่นี่ถึงกับสนับสนุนลู่หยวนต่อหน้าทุกคน!

หัวใจของอัจฉริยะรุ่นเยาว์ดิ่งวูบ ไม่ว่าอย่างไร …วันนี้เขาก็ต้องเอาชนะให้ได้ เขาอยากแสดงให้เจ้าสำนักอักขระสวรรค์เห็นว่า กู่หงเฟยคืออนาคตของสำนักอักขระสวรรค์!

ยันต์ในมือจำนวนมากกระจายออกไปอย่างรวดเร็ว ร่างของเขาพลันเปลี่ยนไป ผ่านไปสักพัก ร่างของกู่หงเฟยจำนวนมากถึงกับปรากฏตัวขึ้นบนค่ายกล

หากมองใกล้ ๆ ก็จะเห็นภาพลู่หยวนและกู่หงเฟยอยู่ในเขตค่ายกล โดยมีร่างกู่หงเฟยมากมายยื่นมือซ้ายที่มีเส้นสีขาวปรากฏขึ้นออกไปเบื้องหน้า เส้นเหล่านี้เป็นสื่อกลางดูดพลังอันแข็งแกร่งมากมายเข้าสู่ร่าง

มันกำลังดูดกินพลังของลู่หยวนอย่างบ้าคลั่ง แม้จะสูญเสียพละกำลัง แต่ชายหนุ่มกลับไม่สนใจ เขาชำเลืองมองลานประลองราวกับกำลังสังเกตการณ์บางสิ่ง

กลิ่นอายของกู่หงเฟยยังคงแผ่ขยาย พลังอันแข็งแกร่งพลันก่อตัวขึ้น

“ขอบคุณพลังของบุตรศักดิ์สิทธิ์ที่ทำให้ข้าใช้ค่ายกลนี้ได้!”

สิ้นเสียงดังกล่าว กู่หงเฟยจำนวนมากร่ายค่ายกลพร้อมกัน

เมื่อค่ายกลเสร็จสิ้น ทุกสิ่งรอบข้างคล้ายกับหยุดนิ่ง แม้กระทั่งอากาศก็ไม่ไหลเวียน

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตาบทที่ 70 เอาชนะเขาเพื่อแม่เสีย! (ต้น)

Now you are reading ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา Chapter บทที่ 70 เอาชนะเขาเพื่อแม่เสีย! (ต้น) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 70 เอาชนะเขาเพื่อแม่เสีย! (ต้น)

บทที่ 70 เอาชนะเขาเพื่อแม่เสีย! (ต้น)

ทุกคนที่ได้ฟังต่างตอบสนองด้วยความโกรธเกรี้ยว ลู่หยวนพูดแบบนี้หมายความว่าอย่างไร?

กำลังดูถูกพวกเขางั้นหรือ?!

ในบรรดาฝูงชน มียอดฝีมือผู้หนึ่งนำผู้ฝึกยุทธ์สิบกว่าคนขึ้นลานประลอง

ผู้นำสร้างค่ายกลทันที “ข้าขอประมือกับบุตรศักดิ์สิทธิ์ก่อน”

เมื่อกล่าวจบ ค่ายกลจำนวนมากในมือของผู้คนทั้งหลายรวมเข้าด้วยกัน พวกเขาประทับลงบนลานประลอง จนเกิดเกลียวแสงสว่างสีแดงส่องสว่างทั้งแนวนอนและแนวตั้งดังฝาครอบ กวาดผ่านไปมาเข้าหาลู่หยวน มันทำให้แรงกดดันจากกายชายหนุ่มหายไปชั่วขณะ

บุตรศักดิ์สิทธิ์ยกมุมปากขึ้น ก่อนกระทืบเท้า

ตูม!

จากท้องนภา แรงกดดันทรงพลังอันน่าสะพรึงราวกับจะพังทลายสวรรค์และโลก ปกคลุมทั่วทั้งยอดเขาหลักในพริบตา

ตูม! ตูม! ตูม!

สิ่งปลูกสร้างนับไม่ถ้วนแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยภายใต้แรงกดดันนี้ทันที

ศิษย์ส่วนใหญ่ที่ชมอยู่เจอแรงกดดันเช่นนี้เข้าไป พวกเขาต่างก็ล้มลงกับพื้นพร้อมกระอักโลหิตในเสี้ยวพริบตา คนที่มีรากฐานการบ่มเพาะสูงส่งกว่าตกตะลึงจนคุกเข่ากับพื้นเพราะแรงกดดันนั่น พยายามขัดขืนสุดกำลัง

มีเพียงยอดฝีมือบางส่วนที่อยู่ใจกลางแรงกดดันในลานประลอง เมื่อแรงกดดันเคลื่อนลงมา ค่ายกลในมือก็แตกสลายทันที! มันราวกับขุนเขาที่กดทับพวกเขาลงกับพื้น โลหิตหลั่งทั้งเจ็ดรูทวารจนแทบเจียนตาย

ต่อให้พวกเขาใช้การบ่มเพาะทั้งหมดอย่างสุดกำลัง แต่เมื่ออยู่ภายใต้แรงกดดันที่ราวกับจะพังทลายโลกใบนี้ มันก็ช่างไร้ประโยชน์!

สายตาของผู้อาวุโสจำนวนมากบนแท่นสูงแปลกไป เมื่อไม่กี่เดือนก่อนที่หลายคนได้พบกับลู่หยวน ตอนนั้นเขาไม่ได้มีรากฐานการบ่มเพาะที่ทรงพลังขนาดนี้

เพียงแค่ช่วงเวลาสั้น ๆ บุตรศักดิ์สิทธิ์เหมือนกับได้เกิดใหม่

หวังเหิงขมวดคิ้วเช่นกัน มีศิษย์อย่างต่ำนับพันที่รายล้อมลานประลอง บางส่วนก้าวเข้าสู่ขั้นจักรพรรดิยุทธ์แล้ว บางคนถึงขั้นมียันต์ค่ายกลอันทรงพลังอยู่กับตัว แต่เมื่ออยู่ภายใต้แรงกดดันนี้ พวกเขากลับไม่สามารถทานทนได้

แม้กระทั่งหวังเหิงก็ไม่อาจคาดเดาพลังของชายหนุ่ม

เขาหันมองกลับไปพบกู่หงเฟยยืนอยู่ด้านหลัง ถึงแม้จะไม่ล้มลงกับพื้นจนกระอักโลหิตเหมือนคนอื่น แต่ก็มีสีหน้าเปลี่ยนไป

เมื่ออู่หมิงเสวี่ยเห็นว่าบุตรชายทรงพลังมากแค่ไหน นางคล้ายกับยินดีขึ้นมา หยวนเอ๋อร์โตขึ้นแล้วจริง ๆ พละกำลังของเขาแก่กล้าถึงเพียงนี้เชียว

ลู่หยวนสลายแรงกดดัน ให้โอกาสยอดฝีมือบนลานประลองยันร่างขึ้นด้วยความสิ้นหวัง

สายตาของชายหนุ่มราวกับคมกระบี่กวาดมองทุกคน ในที่สุดก็หยุดลงที่แท่นสูง “ผู้อาวุโสอย่าได้ปกปิดไปเลย รีบส่งศิษย์กับลูกหลานของท่านออกมา ปลาซิวปลาสร้อยเหล่านี้ไม่ควรค่าให้รับชม”

เมื่อผู้อาวุโสจำนวนมากได้ยินประโยคนี้ก็แทบกระอักโลหิตออกจากปาก

ยอดฝีมือบางส่วนที่เพิ่งมาถึงลานประลองคือศิษย์ที่ได้รับการฝึกฝนจากผู้อาวุโสเป็นอย่างดี พวกเขาล้วนเป็นคนที่ได้รับความคาดหวังสูง

ตอนนี้ลู่หยวนกลับพูดออกมาว่า …เป็นเพียงปลาซิวปลาสร้อย

กู่หงเฟยผู้ยืนอยู่บนแท่นสูงพ่นลมออกจมูกอย่างเกรี้ยวกราด ยกมือขึ้นไปทางหวังเหิงทันที “ผู้อาวุโส ให้ข้าไปสั่งสอนบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่ที!”

ร่างของอัจฉริยะรุ่นเยาว์วูบไหว ก่อนมาถึงลานประลอง

“กู่หงเฟยขอรับคำชี้แนะจากบุตรศักดิ์สิทธิ์ด้วย!”

[ระบบแจ้งเตือน กู่หงเฟยคือผู้มีโชคชะตามหาศาล ค่าชะตาในตอนนี้คือ 10,000 แต้ม!]

[หลังจากท่านสืบทอดตำแหน่งนายน้อยของสำนักอักขระสวรรค์แล้ว ฆ่าเขาหรือทำให้ยอมจำนน จะทำให้แต้มชะตาทั้งหมดถูกปล้นชิง!]

ชายหนุ่มยกมุมปากขึ้น อย่างที่คิด… คนผู้นี้ได้รับความคาดหวังจากสำนักอักขระสวรรค์มาก ย่อมเป็นคนที่มีวาสนาไม่น้อย

ถึงแม้กู่หงเฟยผู้นี้จะไม่ใช่บุตรแห่งโชคชะตา แต่เขาถึงกับมีค่าชะตามากถึงหนึ่งหมื่น

รอยยิ้มสยายกว้างของคู่ต่อสู้สะท้อนอยู่ในดวงตาประชดประชันของกู่หงเฟย “บุตรศักดิ์สิทธิ์ยิ้มทำไมกัน? คิดว่าท่านจะเอาชนะได้งั้นหรือ?”

ลู่หยวนตอบด้วยความมั่นใจว่า “แน่นอนอยู่แล้ว”

สายตาของคู่สนทนามืดมน เขาร่ายค่ายกลในมือทันที พลันมีสายลมพัดกระโชกบนลานประลอง

“ข้าขอแนะนำบุตรศักดิ์สิทธิ์ว่าอย่ามั่นใจให้มากนัก!”

เมื่อกล่าวจบ ค่ายกลในมือของกู่หงเฟยพลันหายไป ผ่านไปสักพัก ที่ใต้เท้าของชายหนุ่มก็มีเส้นด้ายสีแดงจำนวนมากปรากฏขึ้นในทันที พันธนาการเท้าเอาไว้อย่างแน่นหนา

หยดของเหลวคล้ายโลหิตหยดลงมาจากเส้นด้ายสีแดง ก่อนตกลงสู่ค่ายกลบนพื้น

กลิ่นอายรอบข้างลู่หยวนถึงกับอ่อนกำลังลง ในตอนนี้ค่ายกลบนพื้นยิ่งแข็งแกร่ง เส้นด้ายสีแดงมีจำนวนมากยิ่งขึ้น

“ค่ายกลปรสิตสองขั้วหรือ?”

ผู้อาวุโสบนลานประลองอดที่จะกล่าวไม่ได้ “กู่หงเฟยฝีมือดีจริง ๆ สามารถทำความเข้าใจค่ายกลได้ตั้งแต่อายุยังน้อย”

ค่ายกลปรสิตสองขั้วคือค่ายกลระดับสูงของเคล็ดอักขระจักรพรรดิ อักขระของมันคลุมเครือและยากต่อการทำความเข้าใจ หลายคนต้องศึกษาหลายปี แต่กู่หงเฟยกลับสามารถใช้ได้ ทั่วทั้งประวัติศาสตร์ของสำนักอักขระสวรรค์มีคนที่ทำได้เพียงไม่กี่สิบคนเท่านั้น

ผู้อาวุโสที่เหลือกล่าวชมเชยอยู่สองสามคำเช่นกัน จากนั้นเริ่มชื่นชมหวังเหิง กล่าวว่าเลี้ยงดูศิษย์ได้ดี ย่อมมีอนาคตไร้ขีดจำกัด

หวังเหิงส่ายหน้าก่อนยิ้มออกมา “ทุกท่านชมเกินไปแล้ว นี่ไม่เท่าไหร่หรอก แค่เคล็ดอักขระจักรพรรดิระดับสูงทั่วไปเท่านั้น ข้าคิดว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์สามารถทำลายมันได้ในไม่ช้า!”

เมื่ออู่หมิงเสวี่ยได้ยินประโยคนี้ นางก็ชำเลืองมองอีกฝ่ายทันทีด้วยสายตาลุกโชน ราวกับกำลังจะระเบิดออกมาทุกเมื่อ

หัวใจของทุกคนแข็งทื่อ ไม่ว่าใครก็เข้าใจความหมายในคำพูดของผู้อาวุโสหวังเมื่อครู่ แม้จะเหมือนกำลังชื่นชมบุตรศักดิ์สิทธิ์ แต่แท้จริงกำลังชื่นชมตัวเองต่างหาก

ค่ายกลปรสิตสองขั้วขึ้นชื่อว่ารับมือได้ยากยิ่ง จะสามารถทำลายมันอย่างง่ายดายได้อย่างไร!

เมื่อหวังเหิงรู้สึกตัวว่าถูกอู่หมิงเสวี่ยมองจึงเริ่มหวั่นวิตก ผู้หญิงคนนี้บ้าคลั่งเป็นที่สุด ใครไม่เห็นด้วยขึ้นมาก็จะชวนทะเลาะทันที หากนางลงมือ เขาคงไม่สามารถตอบโต้ได้ หาไม่แล้ว วันรุ่งขึ้น… ลู่เทียนเหอจะนำกลุ่มคนมาล้อมสำนักอักขระสวรรค์เพื่อทุบตีเขา!

เจ้าสำนักอู่ถอนสายตากลับไป จากนั้นยืนขึ้นทันที ชูมือขึ้นพลางตะโกนว่า “หยวนเอ๋อร์ เอาชนะเขาเพื่อแม่เสีย!”

ลู่หยวนและกู่หงเฟยผู้ยืนอยู่ในลานประลองต่างตกตะลึง

ก่อนบุตรศักดิ์สิทธิ์จะพยักหน้าให้มารดา “ท่านแม่ไม่ต้องกังวล”

ใบหน้าของคู่ต่อสู้น่าเกลียดขึ้นมา ถึงแม้เขาจะไม่ใช่ศิษย์ของอู่หมิงเสวี่ย แต่ก็ยังนับว่าเป็นศิษย์ของสำนักอักขระสวรรค์ เจ้าสำนักไม่รักษาความยุติธรรมยังไม่เท่าไหร่ แต่นี่ถึงกับสนับสนุนลู่หยวนต่อหน้าทุกคน!

หัวใจของอัจฉริยะรุ่นเยาว์ดิ่งวูบ ไม่ว่าอย่างไร …วันนี้เขาก็ต้องเอาชนะให้ได้ เขาอยากแสดงให้เจ้าสำนักอักขระสวรรค์เห็นว่า กู่หงเฟยคืออนาคตของสำนักอักขระสวรรค์!

ยันต์ในมือจำนวนมากกระจายออกไปอย่างรวดเร็ว ร่างของเขาพลันเปลี่ยนไป ผ่านไปสักพัก ร่างของกู่หงเฟยจำนวนมากถึงกับปรากฏตัวขึ้นบนค่ายกล

หากมองใกล้ ๆ ก็จะเห็นภาพลู่หยวนและกู่หงเฟยอยู่ในเขตค่ายกล โดยมีร่างกู่หงเฟยมากมายยื่นมือซ้ายที่มีเส้นสีขาวปรากฏขึ้นออกไปเบื้องหน้า เส้นเหล่านี้เป็นสื่อกลางดูดพลังอันแข็งแกร่งมากมายเข้าสู่ร่าง

มันกำลังดูดกินพลังของลู่หยวนอย่างบ้าคลั่ง แม้จะสูญเสียพละกำลัง แต่ชายหนุ่มกลับไม่สนใจ เขาชำเลืองมองลานประลองราวกับกำลังสังเกตการณ์บางสิ่ง

กลิ่นอายของกู่หงเฟยยังคงแผ่ขยาย พลังอันแข็งแกร่งพลันก่อตัวขึ้น

“ขอบคุณพลังของบุตรศักดิ์สิทธิ์ที่ทำให้ข้าใช้ค่ายกลนี้ได้!”

สิ้นเสียงดังกล่าว กู่หงเฟยจำนวนมากร่ายค่ายกลพร้อมกัน

เมื่อค่ายกลเสร็จสิ้น ทุกสิ่งรอบข้างคล้ายกับหยุดนิ่ง แม้กระทั่งอากาศก็ไม่ไหลเวียน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+