ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตาบทที่ 334 การเปลี่ยนแปลงในแดนมัชฌิม

Now you are reading ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา Chapter บทที่ 334 การเปลี่ยนแปลงในแดนมัชฌิม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 334 การเปลี่ยนแปลงในแดนมัชฌิม

บทที่ 334 การเปลี่ยนแปลงในแดนมัชฌิม

เมื่อเห็นเนี่ยอิ่งตรงเข้ามาหมายสังหาร กู่อี้เจี้ยนขมวดคิ้ว ผนึกที่อยู่ในมือพลันสำแดงเดช

แสงสีขาวเจิดจ้าวูบไหวบนหน้าผากของเขา

ตู้ม!

แรงระเบิดขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นตรงหว่างคิ้วของเนี่ยอิ่ง ทำให้เขานิ่งงัน

พรวด!

เนี่ยอิ่งกระอักโลหิตออกมา แล้วรูขนาดใหญ่ก็ปรากฏบนหน้าผาก สายโลหิตพลันทะลักออกมา ทำให้ใบหน้าของเขากลายเป็นสีแดง

ทะเลลมปราณและจิตสำนึกของเขาต่างปั่นป่วนเพราะแรงระเบิดนั้น ปราณวิญญาณไหลเวียนตามแขนขาและกระดูกของเขา

เนี่ยอิ่งคล้ายกับไม่สังเกตเห็น ดวงตาของเขายังคงจ้องเขม็งขณะสีแดงเข้าปกคลุมตาขาวจนหมด

เขากล้ำกลืนโลหิตที่ไหลออกจากปาก ก่อนจะสะบัดแขนแล้วโจมตีไปทางกู่อี้เจี้ยนอีกครั้ง

“รนหาที่ตาย!”

กู่อี้เจี้ยนยิ้มหยันและกำลังจะกระตุ้นผนึกเพื่อสังหารเนี่ยอิ่งอีกครั้ง

ทันใดนั้น!

สายตาของเนี่ยอิ่งก็เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น เขาออกแรงด้วยสองมือ ก่อนร่างจะหยุดนิ่ง ทั้งร่างยืนอยู่ในอากาศ

ตึกตัก ๆ!

เสียงหัวใจเต้นดังสนั่นขึ้นในใจของเนี่ยอิ่ง ผนึกซึ่งอยู่ในมือของกู่อี้เจี้ยนพลันหายไปตามสายลม!

กู่อี้เจี้ยนตกตะลึง หลังจากกลับมามีสติ นางจึงเงยหน้าแล้วเห็นเนี่ยอิ่งเข้าประชิดตัวพร้อมกับดาบยาวในมือ เครื่องหมายส่วนใหญ่บนหน้าผาก ซึ่งเป็นของข้ารับใช้ตระกูลกู่มาหลายชั่วอายุคนได้หายไป

เนี่ยอิ่งหน้าซีด เขายืนอยู่เบื้องหน้ากู่อี้เจี้ยนโดยที่ถือดาบยาวไว้มั่น

ฟ้าว!

ดาบยาวกระแทกพื้นจนเกิดฝุ่นธุลี

“ข้าเนี่ยอิ่ง ขอบังอาจรบกวนฝ่าบาท ออกจากการเก็บตัวเดี๋ยวนี้!”

เนี่ยอิ่งเอ่ยทุกคำซึ่งเปี่ยมด้วยความรู้สึกออกมา ลมหายใจของเขาคล้ายกับจะขาดห้วง

เพราะฝืนคลายผนึกที่ราชวงศ์แดนมัชฌิมเป็นผู้มอบให้ ทำให้ชีวิตของเขาเข้าสู่ประตูนรกไปแล้วครึ่งก้าว

ตอนนี้เขาไม่ใช่สุนัขของตระกูลกู่อีกต่อไป

แม้ตอนนี้จะต้านทางกู่อี้เจี้ยนและกระบี่ของนางด้วยดาบของตน เพื่อบังคับให้เปิดดินแดนลับ

แต่เนี่ยอิ่งปฏิเสธที่จะทำเช่นนั้น

เขาเป็นข้ารับใช้ของราชวงศ์แดนมัชฌิมมาตั้งแต่เกิด

แม้บอกว่าเป็นข้ารับใช้ แต่เขาก็เป็นเพียงสุนัขเฝ้าบ้าน

ทุกสิ่งที่เขามีในตอนนี้มาจากการสักการะราชวงศ์แดนมัชฌิม หาไม่แล้วย่อมมิอาจบรรลุระดับการบ่มเพาะนี้ได้ จนลูกหลานมีทรัพยากรไร้ที่สิ้นสุดให้ได้ใช้เมื่อเทียบกับชนชั้นสูงตระกูลอื่น!

สำหรับเขา ราชวงศ์คือผู้มีพระคุณอย่างไร้ที่สิ้นสุด!

เขาเคยเฝ้าดูกู่อี้เจี้ยนเติบใหญ่ จึงไม่เต็มใจที่จะใช้ดาบและหอกมากดดันอีกฝ่าย

ยิ่งกว่านั้น เขารู้จักกู่อี้เจี้ยนดีที่สุด หากต้องใช้กำลังเพื่อหันดาบใส่นางจริง ต่อให้อีกฝ่ายต้องตายในวันนี้ เขาก็ไม่สามารถย่างก้าวออกจากสุสานกระบี่ได้!

กู่อี้เจี้ยนหลุบตาลง พลันกล่าวเย้ยหยันว่า “เนี่ยอิ่ง เจ้าฝืนคลายผนึกออกและทำลายรากฐานการบ่มเพาะไปกว่าครึ่ง นี่ไม่ใช่แค่เรื่องความตายของเจ้าเพียงผู้เดียวอีกแล้ว! ในเมื่อตัดขาดผนึกของข้า ทุกคนในสายเลือดของเจ้าจะถูกขับไล่ออกจากแดนมัชฌิม!”

“ถ้าข้าจำไม่ผิด เจ้ายังมีหลานสายตรงสิบกว่าคนที่ดำรงตำแหน่งสำคัญในแดนมัชฌิม พวกเขาอยู่ในวัยหนุ่มสาวที่สวมเสื้อผ้าอาภรณ์หรูหรา แต่กลับต้องกลายเป็นขยะที่ไม่มีการบ่มเพาะก็เพราะเจ้า!”

“ยอมเดิมพันสูงเพียงเพื่อให้มีชีวิตครึ่งวัน มันคุ้มแล้วหรือ?”

เนี่ยอิ่งไม่ตอบ แต่มองกู่อี้เจี้ยนด้วยดวงตาแดงก่ำ เขาอ้าปากหายใจ พลังรอบตัวลดลงไปกว่าครึ่ง

เขาเพียงก้มมองนาง ไม่เอ่ยอันใดออกมา

เขากำลังเดิมพันว่ากู่อี้เจี้ยนจะออกจากการเก็บตัวหรือไม่!

“ช่างเถิด”

กู่อี้เจี้ยนยืนขึ้น แล้วหยิบกระบี่ยาวขึ้นสนิมมาเก็บเข้าฝัก

“ในเมื่อเจ้าเต็มใจสละชีวิตตัวเอง ข้าจะยอมไปกับเจ้าเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้นกับแดนมัชฌิมกันแน่!”

ร่างกายอันตึงเครียดของเนี่ยอิ่งเริ่มผ่อนคลาย พลังของเขาแทบจะสงบนิ่ง “ขอบพระทัย ฝ่าบาท”

“ไม่จำเป็น”

กู่อี้เจี้ยนยืนขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชา แม้ร่างกายของนางจะผอมบาง แต่กลับเปี่ยมด้วยมั่นคงและทรงพลัง นางมองไปยังจุดที่สุสานกระบี่พังทลาย ซึ่งอยู่ไกลออกไปแล้วเอ่ยอย่างแผ่วเบาว่า “หลังจากวันนี้ไป จะไม่มีคนชื่อเนี่ยอิ่งอยู่ในแดนมัชฌิมอีก”

ดวงตาของเนี่ยอิ่งหนักอึ้งแล้วหลับลง “น้อมรับบัญชา ฝ่าบาท!”

กู่อี้เจี้ยนชักกระบี่ยาวออกมาแล้วสะบัดเสื้อคลุม ก่อนจะโจมตีไปทางสุสานกระบี่

ชิ้ง!

กระบี่นับไม่ถ้วนในสุสานต่างส่งเสียงร้อง!

ทั่วทั้งแดนมัชฌิม ไม่ว่าจะเป็นท้องถนน โรงน้ำชา สำนักหรือตระกูลชั้นสูง กระบี่ยาวทั้งหมดต่างส่งเสียงขานรับ

กระบี่ยาวเหล่านี้ล้วนขยับฝักไปทางหนึ่งราวกับกำลังก้มหัวให้กับบางอย่าง!

สัตว์ประหลาดเฒ่าในตระกูลชั้นสูงต่างสัมผัสถึงการเปลี่ยนแปลงนี้ได้

พวกเขาบางส่วนเรียกคนรับใช้มาถามไถ่ว่าเกิดอะไรขึ้น

แดนมัชฌิม ตระกูลเจียง

เจียงเชียนชิวและผู้อาวุโสจำนวนมากกำลังรออยู่นอกห้องประชุม พวกเขาแต่ละคนต่างหลุบตา ไม่มีความตั้งใจจะสนทนาพาที

เจียงเชียนชิวย่อมทราบว่าวันนี้มีการเปลี่ยนแปลงมากมายเกิดขึ้น ทั้งไม่มีกว้าและเสียงร้องของกระบี่ สิ่งเหล่านี้ล้วนกำลังสื่อว่าจะมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้น!

หลังจากนั้น เขาก็ถูกเรียกให้มารอที่นี่

พวกเขารออยู่หลายชั่วยาม

เจียงเชียนชิวยืนอยู่กับผู้อาวุโสทั้งหลายด้วยความสงสัย แม้เค้นสมองเท่าไหร่ ก็ไม่อาจคาดเดาได้ว่า ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้มีความหมายอย่างไร

ส่วนหลี่เจียงหนานไม่อยู่ที่นี่ จึงไม่อาจให้คำตอบได้

หลังจากผ่านไปพักใหญ่ เจียงเชียนชิวก็ทนไม่ไหว กระซิบถามผู้อาวุโสสามซึ่งกำลังหลับตาพักผ่อนอยู่ “ผู้อาวุโสสาม ท่านรู้หรือไม่เหตุใดพวกเราต้องมารวมตัวในวันนี้ด้วย?”

ผู้อาวุโสสามลืมตาขึ้น เขามองเจียงเชียนชิวราวกับเห็นคนปัญญาอ่อนก็ไม่ปาน

วันนี้มีการเปลี่ยนแปลงตั้งมากมาย ยังจะหมายความเป็นอย่างอื่นได้อีกหรือ?!

มีเพียงสมบัติแปลกประหลาดและพลังอันยิ่งใหญ่ปรากฏขึ้น โลกถึงได้ตกอยู่ในความโกลาหลเพียงนี้!

จะเป็นอะไรไปได้อีก?!

ยังต้องถามอีกหรือ?!

ผู้อาวุโวสามจ้องมองเจียงเชียนชิว ในใจก็คิดไปว่าควรเปลี่ยนตัวประมุขน้อยได้แล้ว

ถึงอย่างไร การหมั้นหมายของเจียงเชียนชิวกับตระกูลหลิงก็ถูกยกเลิกไปแล้ว แม้ระดับการบ่มเพาะจะพอรับได้ แต่กลับปัญญานิ่ม ไม่เหมาะที่จะเป็นประมุขน้อย

ทว่าการบ่มเพาะก็ส่วนการบ่มเพาะ ภายภาคหน้าก็จะกลายเป็นผู้อาวุโสที่คอยทำหน้าที่ปกป้อง เมื่อไม่มีอะไรทำก็เป็นได้เพียงของตกแต่ง แต่หากมีเรื่องอันใดก็ต้องออกไปสู้

แม้ในใจจะนึกเหยียดหยัน แต่ก็ยังต้องทำงานร่วมกัน

ผู้อาวุโสสามประสานมือไปทางเจียงเชียนชิวแล้วก้มหัว ก่อนเอ่ยว่า “ข้าก็ไม่ทราบเช่นกัน แต่ในเมื่อประมุขเรียกพวกเรามาที่นี่ แสดงว่าจะต้องเป็นเรื่องสำคัญ ประมุขน้อยโปรดอดทนรออีกสักหน่อยเถิดขอรับ”

เมื่อเจียงเชียนชิวส่งเสียงอื้ม ผู้อาวุโสสามก็ประสานมืออีกครั้ง ก่อนจะสอดกลับเข้าไปในแขนเสื้อ แล้วหลับตาทำสมาธิต่อ

เจียงเชียนชิวยืนนิ่ง แต่ภายในใจกลับรู้สึกหงุดหงิด

เขาไม่เชื่อว่าผู้อาวุโสสามจะไม่ทราบเรื่อง อีกฝ่ายต้องไม่เต็มใจบอกเป็นแน่!

เจียงเชียนชิวซ่อนมือไว้ในแขนเสื้อ ก่อนจะเขียนลงบนยันต์แล้วออกแรงกำ จากนั้นยันต์ส่งสารก็หายไป มันส่งถึงมือหลี่เจียงหนานผู้อยู่ในเมืองหลวงของแดนมัชฌิม!

ผ่านไปราวครึ่งชั่วยาม เสียง ‘ปัง’ ก็ดังขึ้น ประตูของห้องประชุมพลันเปิดออก

“เข้ามา!”

เมื่อเสียงลุ่มลึกของชายวัยกลางคนดังขึ้น ผู้อาวุโสต่างก็ลืมตา สีหน้ามีแววจริงจัง ก่อนจะพากันเดินเข้าห้องทีละคน

เจียงเชียนชิวเดินตามเข้าห้องทันที

ปัง!

เมื่อทุกคนเข้าห้อง ประตูก็ปิดลงอีกครั้ง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด