ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตาบทที่ 109 สมคบคิด (ปลาย)

Now you are reading ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา Chapter บทที่ 109 สมคบคิด (ปลาย) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 109 สมคบคิด (ปลาย)

บทที่ 109 สมคบคิด (ปลาย)

“ท่านอาเสิ่น ท่านน่าจะรู้อยู่แก่ใจดีว่าบรรพชนของตระกูลจะไม่ปล่อยให้เสิ่นโตวลงจากตำแหน่งผู้นำตระกูล เพียงเพราะอาวุธระดับจักรพรรดิสองชิ้นอย่างแน่นอน”

“ตอนนี้เขาให้ท่านดูแลตระกูลเสิ่นแล้ว ท่านต้องมีความชัดเจนว่าจะทำอะไร”

“บรรพชนเสิ่นกำลังจับตาดูเหตุการณ์ในวันนี้อยู่ หาไม่แล้ว คงไม่ปรากฏตัวได้ทันเวลาหรอก เรื่องที่เสิ่นโตวมอบอาวุธระดับจักรพรรดิให้สองชิ้น เขาก็ทราบดี ท่านอาเสิ่น ท่านเป็นเพียงหินลับคม บรรพชนเพียงต้องการใช้ท่านเตือนเสิ่นโตวว่าอย่ากระทำการบุ่มบ่าม! บรรพชนเสิ่นต้องการให้สมาชิกตระกูลเสิ่นทุกคนรู้ว่า เสิ่นฉงคือเทพเจ้าของตระกูลเสิ่น!”

“เพียงแต่ว่าหากท่านอาไม่เชื่อ แล้วยังคงทำผลงานตลอดช่วงเวลานี้ เพื่อให้บรรพชนตระกูลเสิ่นรับรู้ว่าท่านคือผู้สืบทอดที่ดีที่สุดสำหรับตำแหน่งผู้นำตระกูลเสิ่น ท่านอาเสิ่นก็ไม่ต่างจากสุนัขที่ร้องขอความเมตตา นี่คือสิ่งที่ท่านคิดในตอนนี้ใช่หรือไม่?!”

ตูม!

สิ้นประโยคสุดท้ายของหลี่เจียงหนาน พลังทั้งหมดพลันกดทับลงมา พื้นหยกทั่วทั้งห้องโถงใหญ่ยุบลง พื้นใต้เท้าของเสิ่นหุนก็ทรุดลงไปเช่นกัน

หลี่เจียงหนานยืนตระหง่านอย่างเด็ดเดี่ยว ไม่ว่าอีกฝ่ายจะทรงพลังแค่ไหน เข่าของเขาก็ไม่แตะลงพื้น

เขาหรี่มองอีกฝ่ายด้วยเปลวเพลิงลุกโชนในดวงตา “ท่านอาเสิ่น ถ้าท่านไม่สู้ก็ช่าง แต่ถ้าลุกขึ้นสู้ ท่านจะสั่นสะเทือนทั้งตระกูล!”

เสิ่นหุนมองชายตรงหน้าด้วยสายตาเย็นชา หลังจากผ่านไปราวหนึ่งถ้วยชา พลังทั้งหมดก็ถูกดึงกลับไปทันที ค่ายกลกระบี่จำนวนมากปรากฏขึ้นนอกห้องโถง ปิดล้อมห้องเอาไว้อย่างแน่นหนา

แรงกดดันหายไป ขาของหลี่เจียงหนานพลันอ่อนยวบ เขาพยายามป้องกันไม่ให้ตัวเองล้มลงกับพื้น

เสิ่นหุนยื่นมือออกไป ก่อนเก้าอี้ตัวหนึ่งจะปรากฏขึ้นที่ด้านหลังหลี่เจียงหนาน

ผู้น้อยยกมือขึ้นคารวะขอบคุณ ก่อนนั่งลงอย่างสงบ รู้สึกโล่งอกขึ้นมาก

ใบหน้าของเสิ่นหุนปกปิดโฉมหน้าผู้ทรยศเหมือนอย่างทุกทีเอาไว้ ตอนนี้ใบหน้าสงบนิ่งของเขากำลังมองมาทางหลี่เจียงหนาน พลางเผยรอยยิ้ม “ตระกูลหลี่ตกต่ำมานานนับพันปี ตอนนี้กลับมีคนเช่นเจ้าปรากฏขึ้นมา ข้าเกรงว่าวันที่จะได้ผงาด คงอีกไม่นานแล้ว”

“ท่านอาเสิ่นชมเกินไปแล้ว”

“บอกข้าที แผนของเจ้าคืออะไร?”

เสิ่นหุนหยิบชาโสมที่อยู่ด้านข้างขึ้นมา พร้อมดวงตาทอประกายที่พยายามปกปิดจิตสังหารเอาไว้ “บอกจุดประสงค์ของเจ้ามาด้วย ข้าไม่ใช่คนดี ในเมื่อเจ้ามาที่นี่ในวันนี้ก็ย่อมรู้ดีว่า หากเราตกลงกันไม่ได้ ชีวิตของเจ้าจะต้องจบลงที่นี่”

สายตาของหลี่เจียงหนานไร้ความหวั่นเกรง “ข้ามีเป้าหมายเพียงหนึ่งเดียวคือฆ่าลู่หยวน! แต่เรื่องนี้เอาไว้ทีหลัง มันเป็นความแค้นส่วนตัวระหว่างข้ากับเขา!”

“ท่านอาเสิ่น ท่านรู้หรือไม่ว่าก่อนลู่หยวนจะมาที่ตระกูลไป๋ ประมุขตระกูลไป๋ได้แต่งตั้งชายผู้หนึ่งนามว่าไป๋อู๋อีขึ้นมา!”

เสิ่นหุนหยุดมือ เขาไม่รู้เรื่องดังกล่าว จึงชำเลืองสายตาเป็นสัญญาณให้หลี่เจียงหนานพูดต่อ

“ไป๋อู๋อีคนนั้นมีพรสวรรค์มาก ชื่อของนายน้อยไป๋แพร่กระจายออกไป หลานชายได้สอบถามใครบางคนเกี่ยวกับเรื่องนั้นแล้ว เพื่อวางแผนจะผูกมิตรกับเขา แต่ไม่นานหลังจากลู่หยวนไปที่ตระกูลไป๋ ไป๋อู๋อีคนนั้นก็ตายตก!”

“ถ้าเป็นอย่างนั้นก็แล้วไป ไป๋อู๋อีตาย ตำแหน่งผู้สืบทอดแห่งตระกูลไป๋ควรจะตกเป็นของไป๋ซีเจ๋อ” เสิ่นหุนออกความเห็น

“แต่ตอนนี้ ท่านอาเสิ่นก็เห็นแล้วว่าตำแหน่งผู้สืบทอดกลับตกเป็นของไป๋ชิวเอ๋อร์ คุณหนูผู้นี้เกิดมาพร้อมเส้นชีพจรวิญญาณที่บกพร่อง ทุกคนทราบดีว่าอย่างไรอีกฝ่ายก็ไม่มีทางเป็นผู้สืบทอดได้อย่างแน่นอน”

“หลังจากลู่หยวนมาที่ตระกูลไป๋ สองคนที่ได้รับตำแหน่งผู้สืบทอด คนหนึ่งตาย คนหนึ่งหายตัวไป แต่ไป๋ชิวเอ๋อร์กลับถูกเลือก ท่าทีของนางที่มีต่อลู่หยวนก็ผิดวิสัยมากเช่นกัน ท่านอาเสิ่นน่าจะเคยได้ยินมาบ้าง! สิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้ ท่านอาเสิ่นไม่สงสัยบ้างหรือ?”

เสิ่นหุนพลันตกอยู่ในความเงียบ

เรื่องของตระกูลไป๋ เขาเพียงทราบแค่ว่าไป๋ชิวเอ๋อร์กลายเป็นผู้สืบทอด ในตอนนั้นตนก็สงสัยเช่นกัน คนที่มีเส้นชีพจรบกพร่องจะกลายมาเป็นนายหญิงในอนาคตได้อย่างไร เขาถึงขั้นเย้ยหยันให้กับความตกต่ำของตระกูลไป๋เสียด้วยซ้ำ

เมื่อไป๋ชิวเอ๋อร์เข้ามา เสิ่นหุนก็ได้ขอให้ใครบางคนไปสืบข่าวคราวเช่นกัน สองสามวันถือเป็นเรื่องปกติ แต่พอลู่หยวนมาตระกูลเสิ่น นางก็ทิ้งตระกูลไป๋ไว้ข้างหลัง แล้วมาใช้ชีวิตกับชายหนุ่มในห้องพักทันที แถมถึงขั้นรินชารินน้ำให้ราวกับเป็นสาวใช้

ตอนแรกเขารู้สึกว่ามันแปลก ๆ แต่ตอนนี้ดูท่าว่าจุดเปลี่ยนของเรื่องทั้งหมดนี้เกิดขึ้นหลังจากลู่หยวนไปยังตระกูลไป๋!

แต่ทำไมบุตรศักดิ์สิทธิ์ถึงช่วยคนเช่นนี้เอาไว้?

หรือว่า…

เสิ่นหุนหรี่ตา ในใจครุ่นคิดทบทวน

ทว่าหลี่เจียงหนานพลันเปิดปากออก ตอบสิ่งที่อยู่ในใจของเขาว่า “ท่านอาเสิ่น ไป๋ชิวเอ๋อร์ได้รับการช่วยเหลือ ทำให้ตระกูลไป๋ทั้งตระกูลตกอยู่ในกำมือของลู่หยวน”

เสียงของหลี่เจียงหนานหยุดไป เมื่อดังขึ้นอีกครั้งมันก็ต่ำลง “ท่านอาเสิ่น หากเขาอยากช่วยคนในตระกูลเสิ่น มันจะเกิดอะไรขึ้น?”

ดวงตาของผู้ฟังพลันเบิกกว้าง จิตสังหารทอประกายขึ้นมา เขาสะบัดฝ่ามือฟาดลงไปจนโต๊ะตรงหน้าถูกบดขยี้เป็นผุยผง “เขากล้าหรือ! ในตระกูลเสิ่นของข้ามีใครบางคนที่เขาสามารถควบคุมได้งั้นหรือ?!”

เขาเดือดดาลยิ่งนัก ด้วยความที่ตนเองก็เป็นสมาชิกของตระกูลเสิ่นเช่นกัน ถึงแม้จะอยากเป็นตัวตนเลอเลิศของตระกูลเสิ่น แต่ก็ต้องต่อสู้กับเสิ่นโตวมาโดยตลอด แต่ทั้งหมดนี้เป็นเพียงการต่อสู้ภายในเท่านั้น

หากพวกเขาต่อสู้กันเองก็แล้วไป

แต่ถ้าคนนอกอยากผสมโรงด้วยก็ฝันไปเถอะ!

หากลู่หยวนคนนั้นกล้าแตะต้องตระกูลเสิ่นของเขา เท่ากับเป็นการรนหาที่ตาย!

เมื่อเห็นโทสะของเสิ่นหุน หลี่เจียงหนานก็ไม่เร่งรีบที่จะตีเหล็กตอนร้อน แต่รออยู่สักพัก ก่อนจะบอกเรื่องที่ลู่หยวนรู้จักกับเซียวเทียน และเรื่องที่เขาช่วยเหิงอีเจี้ยน ปิดท้ายด้วยการวิเคราะห์อย่างละเอียด ดูน่าเชื่อถือยิ่งนัก

ความจริงในวันนั้นเสิ่นหุนก็สงสัยเช่นกัน ถึงอย่างไรอักขระดังกล่าวก็ย่อมเป็นของตัวตนสูงสุดในแผ่นดินหยวนหง แม้กระทั่งตระกูลเสิ่นยังไม่เคยได้เห็นมาก่อน เป็นไปได้มากว่ามันจะถูกพัฒนาโดยสำนักอักขระสวรรค์

เช่นนั้นเรื่องนี้จะต้องข้องเกี่ยวกับลู่หยวนเป็นแน่!

จิตสังหารปรากฏขึ้นในดวงตามืดมิด

หลี่เจียงหนานรินชาให้ตัวเองเพื่อทำให้ชุ่มคอ จากนั้นกล่าวต่อว่า “ท่านอาเสิ่นขุ่นเคืองเช่นนี้ หากบรรพชนเสิ่นทราบเข้า เขาจะไม่ยิ่งเดือดดาลไปด้วยหรือ? ถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับลู่หยวน เสิ่นโตวก็จะข้องเกี่ยวด้วยเช่นกัน ท่านคิดว่าเขาจะยังมีชีวิตรอดอยู่อีกหรือ?”

จิตสังหารในดวงตาของผู้ฟังค่อย ๆ หายไป ความยินดีผุดขึ้นในใจ แต่ลมหายใจต่อมาเขาก็สะกดมันไว้ ทำไมเสิ่นโตวต้องหาเหตุผลช่วยลู่หยวนด้วย?

“เสิ่นโตวนั่งอยู่ตำแหน่งผู้นำตระกูล แต่เขาไม่สามารถพูดแบบเดียวกันได้ ในใจเขาก็เป็นคนหวั่นวิตกเช่นกัน เมื่อมีความวิตกก็สามารถทำอะไรได้ทุกอย่าง”

หลี่เจียงหนานรินชาให้ผู้ที่อาวุโสกว่า ยิ้มแล้วกล่าวว่า “บรรพชนตระกูลไป๋เป็นคนใจกว้าง แม้แต่เสิ่นโตวก็รู้เรื่องนี้ดี เป็นไปไม่ได้เลยหรือที่เขาจะตามหาลู่หยวน หากเป็นไปตามข้อสันนิษฐานนี้ พลังของเขาจะเพิ่มขึ้นอีกไม่ใช่หรือ?”

“หรือบางที มันไม่สำคัญหรอกว่าเสิ่นโตวจะทำอะไร มันไม่สำคัญหรอกว่าเขาจะทำหรือไม่ …ประเด็นก็คือสิ่งที่ท่านอาเสิ่นคิด ก็คือสิ่งที่ตระกูลเสิ่นคิด แถมเป็นสิ่งที่บรรพชนเสิ่นคิดเช่นกัน ตอนนี้เรื่องของลู่หยวนได้รับการตัดสินแล้ว ส่วนเรื่องนี้ข้องเกี่ยวกับเสิ่นโตวหรือไม่ มันก็อยู่ที่ท่านอาตัดสินใจไม่ใช่หรือ?”

เสิ่นหุนหลุบตา พลันสัมผัสได้ว่าค่ายกลกระบี่ข้างนอกสั่นไหวอยู่ครู่หนึ่ง ผู้รักษาการแทนผู้นำตระกูลจึงคลายมันทันที ก่อนจะพบว่ามีข้ารับใช้ผู้หนึ่งกำลังคุกเข่าอยู่ด้านนอก

เขาขมวดคิ้ว “มีอะไร?”

ข้ารับใช้ตอบด้วยความเคารพว่า “ผู้อาวุโสเพิ่งมารายงานว่า เขาตรวจพบกลิ่นอายของบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่มุ่งหน้าไปคุกใต้ดิน!”

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตาบทที่ 109 สมคบคิด (ปลาย)

Now you are reading ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา Chapter บทที่ 109 สมคบคิด (ปลาย) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 109 สมคบคิด (ปลาย)

บทที่ 109 สมคบคิด (ปลาย)

“ท่านอาเสิ่น ท่านน่าจะรู้อยู่แก่ใจดีว่าบรรพชนของตระกูลจะไม่ปล่อยให้เสิ่นโตวลงจากตำแหน่งผู้นำตระกูล เพียงเพราะอาวุธระดับจักรพรรดิสองชิ้นอย่างแน่นอน”

“ตอนนี้เขาให้ท่านดูแลตระกูลเสิ่นแล้ว ท่านต้องมีความชัดเจนว่าจะทำอะไร”

“บรรพชนเสิ่นกำลังจับตาดูเหตุการณ์ในวันนี้อยู่ หาไม่แล้ว คงไม่ปรากฏตัวได้ทันเวลาหรอก เรื่องที่เสิ่นโตวมอบอาวุธระดับจักรพรรดิให้สองชิ้น เขาก็ทราบดี ท่านอาเสิ่น ท่านเป็นเพียงหินลับคม บรรพชนเพียงต้องการใช้ท่านเตือนเสิ่นโตวว่าอย่ากระทำการบุ่มบ่าม! บรรพชนเสิ่นต้องการให้สมาชิกตระกูลเสิ่นทุกคนรู้ว่า เสิ่นฉงคือเทพเจ้าของตระกูลเสิ่น!”

“เพียงแต่ว่าหากท่านอาไม่เชื่อ แล้วยังคงทำผลงานตลอดช่วงเวลานี้ เพื่อให้บรรพชนตระกูลเสิ่นรับรู้ว่าท่านคือผู้สืบทอดที่ดีที่สุดสำหรับตำแหน่งผู้นำตระกูลเสิ่น ท่านอาเสิ่นก็ไม่ต่างจากสุนัขที่ร้องขอความเมตตา นี่คือสิ่งที่ท่านคิดในตอนนี้ใช่หรือไม่?!”

ตูม!

สิ้นประโยคสุดท้ายของหลี่เจียงหนาน พลังทั้งหมดพลันกดทับลงมา พื้นหยกทั่วทั้งห้องโถงใหญ่ยุบลง พื้นใต้เท้าของเสิ่นหุนก็ทรุดลงไปเช่นกัน

หลี่เจียงหนานยืนตระหง่านอย่างเด็ดเดี่ยว ไม่ว่าอีกฝ่ายจะทรงพลังแค่ไหน เข่าของเขาก็ไม่แตะลงพื้น

เขาหรี่มองอีกฝ่ายด้วยเปลวเพลิงลุกโชนในดวงตา “ท่านอาเสิ่น ถ้าท่านไม่สู้ก็ช่าง แต่ถ้าลุกขึ้นสู้ ท่านจะสั่นสะเทือนทั้งตระกูล!”

เสิ่นหุนมองชายตรงหน้าด้วยสายตาเย็นชา หลังจากผ่านไปราวหนึ่งถ้วยชา พลังทั้งหมดก็ถูกดึงกลับไปทันที ค่ายกลกระบี่จำนวนมากปรากฏขึ้นนอกห้องโถง ปิดล้อมห้องเอาไว้อย่างแน่นหนา

แรงกดดันหายไป ขาของหลี่เจียงหนานพลันอ่อนยวบ เขาพยายามป้องกันไม่ให้ตัวเองล้มลงกับพื้น

เสิ่นหุนยื่นมือออกไป ก่อนเก้าอี้ตัวหนึ่งจะปรากฏขึ้นที่ด้านหลังหลี่เจียงหนาน

ผู้น้อยยกมือขึ้นคารวะขอบคุณ ก่อนนั่งลงอย่างสงบ รู้สึกโล่งอกขึ้นมาก

ใบหน้าของเสิ่นหุนปกปิดโฉมหน้าผู้ทรยศเหมือนอย่างทุกทีเอาไว้ ตอนนี้ใบหน้าสงบนิ่งของเขากำลังมองมาทางหลี่เจียงหนาน พลางเผยรอยยิ้ม “ตระกูลหลี่ตกต่ำมานานนับพันปี ตอนนี้กลับมีคนเช่นเจ้าปรากฏขึ้นมา ข้าเกรงว่าวันที่จะได้ผงาด คงอีกไม่นานแล้ว”

“ท่านอาเสิ่นชมเกินไปแล้ว”

“บอกข้าที แผนของเจ้าคืออะไร?”

เสิ่นหุนหยิบชาโสมที่อยู่ด้านข้างขึ้นมา พร้อมดวงตาทอประกายที่พยายามปกปิดจิตสังหารเอาไว้ “บอกจุดประสงค์ของเจ้ามาด้วย ข้าไม่ใช่คนดี ในเมื่อเจ้ามาที่นี่ในวันนี้ก็ย่อมรู้ดีว่า หากเราตกลงกันไม่ได้ ชีวิตของเจ้าจะต้องจบลงที่นี่”

สายตาของหลี่เจียงหนานไร้ความหวั่นเกรง “ข้ามีเป้าหมายเพียงหนึ่งเดียวคือฆ่าลู่หยวน! แต่เรื่องนี้เอาไว้ทีหลัง มันเป็นความแค้นส่วนตัวระหว่างข้ากับเขา!”

“ท่านอาเสิ่น ท่านรู้หรือไม่ว่าก่อนลู่หยวนจะมาที่ตระกูลไป๋ ประมุขตระกูลไป๋ได้แต่งตั้งชายผู้หนึ่งนามว่าไป๋อู๋อีขึ้นมา!”

เสิ่นหุนหยุดมือ เขาไม่รู้เรื่องดังกล่าว จึงชำเลืองสายตาเป็นสัญญาณให้หลี่เจียงหนานพูดต่อ

“ไป๋อู๋อีคนนั้นมีพรสวรรค์มาก ชื่อของนายน้อยไป๋แพร่กระจายออกไป หลานชายได้สอบถามใครบางคนเกี่ยวกับเรื่องนั้นแล้ว เพื่อวางแผนจะผูกมิตรกับเขา แต่ไม่นานหลังจากลู่หยวนไปที่ตระกูลไป๋ ไป๋อู๋อีคนนั้นก็ตายตก!”

“ถ้าเป็นอย่างนั้นก็แล้วไป ไป๋อู๋อีตาย ตำแหน่งผู้สืบทอดแห่งตระกูลไป๋ควรจะตกเป็นของไป๋ซีเจ๋อ” เสิ่นหุนออกความเห็น

“แต่ตอนนี้ ท่านอาเสิ่นก็เห็นแล้วว่าตำแหน่งผู้สืบทอดกลับตกเป็นของไป๋ชิวเอ๋อร์ คุณหนูผู้นี้เกิดมาพร้อมเส้นชีพจรวิญญาณที่บกพร่อง ทุกคนทราบดีว่าอย่างไรอีกฝ่ายก็ไม่มีทางเป็นผู้สืบทอดได้อย่างแน่นอน”

“หลังจากลู่หยวนมาที่ตระกูลไป๋ สองคนที่ได้รับตำแหน่งผู้สืบทอด คนหนึ่งตาย คนหนึ่งหายตัวไป แต่ไป๋ชิวเอ๋อร์กลับถูกเลือก ท่าทีของนางที่มีต่อลู่หยวนก็ผิดวิสัยมากเช่นกัน ท่านอาเสิ่นน่าจะเคยได้ยินมาบ้าง! สิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้ ท่านอาเสิ่นไม่สงสัยบ้างหรือ?”

เสิ่นหุนพลันตกอยู่ในความเงียบ

เรื่องของตระกูลไป๋ เขาเพียงทราบแค่ว่าไป๋ชิวเอ๋อร์กลายเป็นผู้สืบทอด ในตอนนั้นตนก็สงสัยเช่นกัน คนที่มีเส้นชีพจรบกพร่องจะกลายมาเป็นนายหญิงในอนาคตได้อย่างไร เขาถึงขั้นเย้ยหยันให้กับความตกต่ำของตระกูลไป๋เสียด้วยซ้ำ

เมื่อไป๋ชิวเอ๋อร์เข้ามา เสิ่นหุนก็ได้ขอให้ใครบางคนไปสืบข่าวคราวเช่นกัน สองสามวันถือเป็นเรื่องปกติ แต่พอลู่หยวนมาตระกูลเสิ่น นางก็ทิ้งตระกูลไป๋ไว้ข้างหลัง แล้วมาใช้ชีวิตกับชายหนุ่มในห้องพักทันที แถมถึงขั้นรินชารินน้ำให้ราวกับเป็นสาวใช้

ตอนแรกเขารู้สึกว่ามันแปลก ๆ แต่ตอนนี้ดูท่าว่าจุดเปลี่ยนของเรื่องทั้งหมดนี้เกิดขึ้นหลังจากลู่หยวนไปยังตระกูลไป๋!

แต่ทำไมบุตรศักดิ์สิทธิ์ถึงช่วยคนเช่นนี้เอาไว้?

หรือว่า…

เสิ่นหุนหรี่ตา ในใจครุ่นคิดทบทวน

ทว่าหลี่เจียงหนานพลันเปิดปากออก ตอบสิ่งที่อยู่ในใจของเขาว่า “ท่านอาเสิ่น ไป๋ชิวเอ๋อร์ได้รับการช่วยเหลือ ทำให้ตระกูลไป๋ทั้งตระกูลตกอยู่ในกำมือของลู่หยวน”

เสียงของหลี่เจียงหนานหยุดไป เมื่อดังขึ้นอีกครั้งมันก็ต่ำลง “ท่านอาเสิ่น หากเขาอยากช่วยคนในตระกูลเสิ่น มันจะเกิดอะไรขึ้น?”

ดวงตาของผู้ฟังพลันเบิกกว้าง จิตสังหารทอประกายขึ้นมา เขาสะบัดฝ่ามือฟาดลงไปจนโต๊ะตรงหน้าถูกบดขยี้เป็นผุยผง “เขากล้าหรือ! ในตระกูลเสิ่นของข้ามีใครบางคนที่เขาสามารถควบคุมได้งั้นหรือ?!”

เขาเดือดดาลยิ่งนัก ด้วยความที่ตนเองก็เป็นสมาชิกของตระกูลเสิ่นเช่นกัน ถึงแม้จะอยากเป็นตัวตนเลอเลิศของตระกูลเสิ่น แต่ก็ต้องต่อสู้กับเสิ่นโตวมาโดยตลอด แต่ทั้งหมดนี้เป็นเพียงการต่อสู้ภายในเท่านั้น

หากพวกเขาต่อสู้กันเองก็แล้วไป

แต่ถ้าคนนอกอยากผสมโรงด้วยก็ฝันไปเถอะ!

หากลู่หยวนคนนั้นกล้าแตะต้องตระกูลเสิ่นของเขา เท่ากับเป็นการรนหาที่ตาย!

เมื่อเห็นโทสะของเสิ่นหุน หลี่เจียงหนานก็ไม่เร่งรีบที่จะตีเหล็กตอนร้อน แต่รออยู่สักพัก ก่อนจะบอกเรื่องที่ลู่หยวนรู้จักกับเซียวเทียน และเรื่องที่เขาช่วยเหิงอีเจี้ยน ปิดท้ายด้วยการวิเคราะห์อย่างละเอียด ดูน่าเชื่อถือยิ่งนัก

ความจริงในวันนั้นเสิ่นหุนก็สงสัยเช่นกัน ถึงอย่างไรอักขระดังกล่าวก็ย่อมเป็นของตัวตนสูงสุดในแผ่นดินหยวนหง แม้กระทั่งตระกูลเสิ่นยังไม่เคยได้เห็นมาก่อน เป็นไปได้มากว่ามันจะถูกพัฒนาโดยสำนักอักขระสวรรค์

เช่นนั้นเรื่องนี้จะต้องข้องเกี่ยวกับลู่หยวนเป็นแน่!

จิตสังหารปรากฏขึ้นในดวงตามืดมิด

หลี่เจียงหนานรินชาให้ตัวเองเพื่อทำให้ชุ่มคอ จากนั้นกล่าวต่อว่า “ท่านอาเสิ่นขุ่นเคืองเช่นนี้ หากบรรพชนเสิ่นทราบเข้า เขาจะไม่ยิ่งเดือดดาลไปด้วยหรือ? ถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับลู่หยวน เสิ่นโตวก็จะข้องเกี่ยวด้วยเช่นกัน ท่านคิดว่าเขาจะยังมีชีวิตรอดอยู่อีกหรือ?”

จิตสังหารในดวงตาของผู้ฟังค่อย ๆ หายไป ความยินดีผุดขึ้นในใจ แต่ลมหายใจต่อมาเขาก็สะกดมันไว้ ทำไมเสิ่นโตวต้องหาเหตุผลช่วยลู่หยวนด้วย?

“เสิ่นโตวนั่งอยู่ตำแหน่งผู้นำตระกูล แต่เขาไม่สามารถพูดแบบเดียวกันได้ ในใจเขาก็เป็นคนหวั่นวิตกเช่นกัน เมื่อมีความวิตกก็สามารถทำอะไรได้ทุกอย่าง”

หลี่เจียงหนานรินชาให้ผู้ที่อาวุโสกว่า ยิ้มแล้วกล่าวว่า “บรรพชนตระกูลไป๋เป็นคนใจกว้าง แม้แต่เสิ่นโตวก็รู้เรื่องนี้ดี เป็นไปไม่ได้เลยหรือที่เขาจะตามหาลู่หยวน หากเป็นไปตามข้อสันนิษฐานนี้ พลังของเขาจะเพิ่มขึ้นอีกไม่ใช่หรือ?”

“หรือบางที มันไม่สำคัญหรอกว่าเสิ่นโตวจะทำอะไร มันไม่สำคัญหรอกว่าเขาจะทำหรือไม่ …ประเด็นก็คือสิ่งที่ท่านอาเสิ่นคิด ก็คือสิ่งที่ตระกูลเสิ่นคิด แถมเป็นสิ่งที่บรรพชนเสิ่นคิดเช่นกัน ตอนนี้เรื่องของลู่หยวนได้รับการตัดสินแล้ว ส่วนเรื่องนี้ข้องเกี่ยวกับเสิ่นโตวหรือไม่ มันก็อยู่ที่ท่านอาตัดสินใจไม่ใช่หรือ?”

เสิ่นหุนหลุบตา พลันสัมผัสได้ว่าค่ายกลกระบี่ข้างนอกสั่นไหวอยู่ครู่หนึ่ง ผู้รักษาการแทนผู้นำตระกูลจึงคลายมันทันที ก่อนจะพบว่ามีข้ารับใช้ผู้หนึ่งกำลังคุกเข่าอยู่ด้านนอก

เขาขมวดคิ้ว “มีอะไร?”

ข้ารับใช้ตอบด้วยความเคารพว่า “ผู้อาวุโสเพิ่งมารายงานว่า เขาตรวจพบกลิ่นอายของบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่มุ่งหน้าไปคุกใต้ดิน!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+