ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตาบทที่ 279 แผ่นศิลา

Now you are reading ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา Chapter บทที่ 279 แผ่นศิลา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 279 แผ่นศิลา

บทที่ 279 แผ่นศิลา

“ซากปรักหักพังของมหาสงคราม?”

จักรพรรดินีพูดคำเหล่านี้ช้า ๆ ถึงแม้นางจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่ แต่เมื่อเห็นศพเหล่านี้และสถานการณ์โดยรอบ ก็รู้ทันทีว่าที่แห่งนี้คงมีการต่อสู้เกิดขึ้น

ในประวัติศาสตร์ของดินแดนหยวนหง มีสงครามไม่มากนักที่เผ่าพันธุ์มนุษย์ สัตว์อสูร เทพอสูรจะเข้าร่วม

ดูเหมือนว่าขนาดของการต่อสู้ที่นี่จะไม่ใหญ่นัก แต่กลับแฝงไปด้วยความคับข้องใจระหว่างสามเผ่าพันธุ์

ลู่หยวนเพียงเหลือบมองสองสามครั้ง แล้วมองไปทางอื่น เขาไม่สนใจคนตาย และคนตายที่ไร้ค่าเหล่านี้ก็ยิ่งไม่น่าสนใจแม้แต่น้อย

ทั้งสองคนยังคงก้าวต่อไปจนถึงส่วนลึก พบว่ามีกระดูกกระจายอยู่ตามก้อนหินมากขึ้นเรื่อย ๆ และมีศพของเผ่าพันธุ์ต่าง ๆ มากขึ้นเรื่อย ๆ

เมื่อเห็นเช่นนี้ จักรพรรดินีก็อดนึกในใจไม่ได้ว่า บนแผ่นดินใหญ่นี้ มีสงครามใดบ้างที่เผ่าพันธุ์เหล่านี้เข้าร่วม?

ก่อนที่นางจะคิดออก พลันได้ยินเสียงครางหลายเสียง

ใต้ฝ่าเท้าของทั้งสองคน กลุ่มควันสีดำลอยขึ้นจากกระดูกนับไม่ถ้วน และในที่สุดก็รวมตัวกัน

หลังจากอึดใจเดียว หมอกสีดำรวมตัวกันเป็นรูปร่างคล้ายมนุษย์ก็ไม่เชิงคล้ายสัตว์อสูรก็ไม่ใช่

ร่างนั้นแยกเขี้ยวกางกรงเล็บ ขณะที่เปล่งเสียงโหยหวน

“ถอย…ก่อน…”

อากาศสีดำหมุนวนรอบ ๆ ร่างเงานั้น รวมและกระจายตัวอย่างต่อเนื่องจนนับไม่ถ้วน มันค่อย ๆ ส่งเสียงร้องราวกับผีร้ายในนรก

ด้วยการเปล่งเสียงของร่างเงานี้ พื้นที่หินใต้ฝ่าเท้าของคนทั้งสองเริ่มสั่นไหวอย่างต่อเนื่อง จากหินแข็งกลายเป็นธารน้ำที่นุ่มนวล

แม้แต่อากาศรอบ ๆ ก็เริ่มเปลี่ยนแปลง และบนท้องฟ้าที่พวกเขาสองคนยืนอยู่ก็เริ่มกลายเป็นเหมือนสายน้ำ

ร่างของทั้งสองแกว่งไปตามกระแส

“ค่ายกล?”

ลู่หยวนเย้ยหยัน ตวัดกระบี่วิถีโลกาออกไปในทันทีจนเกิดเสียง ‘ชิ้ง’ กลางท้องฟ้า

พลังวิถีคุณธรรมหลั่งไหลออกมาจากกระบี่วิถีโลกาล้อมรอบพื้นที่ข้าง ๆ พวกเขา อากาศที่เหมือนสายน้ำเริ่มสลายหายไป และทุกอย่างก็กลับสู่ปกติ

จักรพรรดินีเดินเคียงข้างกับลู่หยวน ใช้อาวุธและพลังไปไม่น้อยเพื่อปกป้องตัวเอง

ร่างที่อยู่ตรงข้ามทั้งสองคนยังคงขยายใหญ่ ไอสีดำรอบตัวยังคงพุ่งออกมา และร่างนั้นก็ใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ ก่อตัวเป็นเนินเขาในชั่วพริบตา

ร่างสีดำปกคลุมท้องฟ้าครึ่งหนึ่งและบรรยากาศโดยรอบเริ่มเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด

อากาศเริ่มหนักอึ้ง กลิ่นเหม็นคลุ้งฟุ้งกระจายอยู่ในอากาศ

“ที่นี่คงเป็นสถานที่ที่คุนเผิงอาศัยอยู่ ซากเหล่านี้คงจะเหลือจากการต่อสู้ของราชาอสูรคุนเผิง!”

จู่ ๆ จักรพรรดินีก็พูดขึ้น

ลู่หยวนมองไปยังด้านข้าง ขมวดคิ้วเล็กน้อย

คุนเผิงถือเป็นสัตว์กึ่งเทพ ซึ่งปรากฏตัวพร้อมกับเผ่ามังกรและวิหคเพลิง

แต่เมื่อหลายล้านปีก่อน หลังจากการต่อสู้ครั้งใหญ่ที่เรียกว่าสงครามราชาอสูร คุนเผิงก็สูญพันธุ์ไป บนโลกนี้จึงไม่มีอสูรคุนเผิงหลงเหลืออยู่

ในบรรดาสัตว์เทพมากมาย เผ่าคุนเผิงเป็นกลุ่มแรกที่ถูกทำลาย

ตามตำนาน การต่อสู้ครั้งใหญ่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เป็นเพราะราชาอสูรของเผ่าคุนเผิงเข้าใจวิถีแห่งฟ้าดิน เกิดปรากฏการณ์สวรรค์ปฐพี บนสวรรค์มีบันไดเก้าพันเก้าร้อยเก้าสิบเก้าขั้นทอดลงมา สวรรค์ทั้งเก้าเปิดประตูสวรรค์ เหล่าเซียนเรียงราย

เพียงเพื่อต้อนรับราชาอสูรคุนเผิงให้ออกจากแผ่นดินใหญ่ ก้าวเข้าสู่แดนเซียน

การขึ้นเป็นเซียนคือสิ่งที่สิ่งมีชีวิตทั้งหมดในดินแดนหยวนหงปรารถนา ราชาอสูรคุนเผิงได้รับโอกาสเช่นนี้ จะไม่ทำให้คนอื่นอิจฉาได้อย่างไร?!

ในวันที่ราชาอสูรคุนเผิงขึ้นเป็นเซียน ทุกเผ่าพันธุ์จากทั่วทั้งดินแดนต่างมารวมตัวกัน

สิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วนเกือบจะมุ่งสู่บันไดสวรรค์อย่างตะเกียกตะกาย เพียงเพื่อจะเป็นคนแรกที่ก้าวขึ้นสู่บันไดสวรรค์เข้าสู่แดนเซียน และขึ้นเป็นเทพเซียน

สิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วนเริ่มทำสงครามในตอนนี้เอง ศึกในครั้งนี้แทบจะครอบคลุมพื้นที่กว่าครึ่งของดินแดนหยวนหง

การต่อสู้ครั้งนี้ดำเนินไปประมาณครึ่งปี จากจุดเริ่มต้นของสงครามระหว่างเผ่าพันธุ์ต่าง ๆ ก็พัฒนาเป็นสงครามระหว่างสิ่งมีชีวิต

ภายในดินแดนนี้ สิ่งมีชีวิตเกือบทั้งหมดจะขึ้นไปต่อสู้และสังหาร

เลือดเกือบปกคลุมทั่วทั้งดินแดน เมื่อสงครามยุติ เผ่าคุนเผิงก็ถูกกวาดล้าง บันไดที่เตรียมไว้เป็นพิเศษสำหรับราชาอสูรคุนเผิงก็หายไปในทันที

สิ่งมีชีวิตที่เสี่ยงชีวิตและอยู่รอดมาได้ มองดูแดนสวรรค์ที่พวกเขาปรารถนาถูกปิดลงอย่างไร้หนทาง

“เพื่ออันใดกัน?”

ลู่หยวนส่งเสียง

จักรพรรดินีชี้ไปยังร่างเงาประหลาด “ใช้พลังมังกรสัมผัสมันสิ”

เขาทำตาม พลังมังกรพุ่งขึ้นทั่วร่างกาย ทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้าก็เปลี่ยนไปเช่นกัน

จากมุมมองของลู่หยวน จู่ ๆ ร่างประหลาดนั้นก็สลายไป เงาภาพลวงตาประทับอยู่บนร่างกายของเขาอย่างต่อเนื่อง

เขาจดจ่ออยู่กับร่างที่โอนเอนไปมา

หลังจากพลังสีดำหายไป ร่างที่มีหัวเป็นปลาก็ปรากฏขึ้น และหัวของปลาที่น่าสะพรึงกลัวก็ปกคลุมไปด้วยขนสีแดง ซึ่งเป็นเรื่องที่แปลกมาก

รูปลักษณ์นี้ค่อนข้างคล้ายกับรูปลักษณ์ที่บันทึกไว้ของคุนเผิง!

“คุนเผิง…”

ลู่หยวนหรี่ตาของเขา พลังมังกรที่อยู่รอบ ๆ ก็ค่อย ๆ ลดลง มังกรเจินหลง ซึ่งโอบรอบแขนของเขาก็แทรกซึมเข้าไปในจิตสำนึก มาถึงกระเบื้องสีเข้มแผ่นหนึ่ง จากนั้นก็ม้วนปลายหางนำกระเบื้องสีดำออกมาแล้วยัดใส่มือของลู่หยวน

ลู่หยวนดูกระเบื้องที่มังกรเจินหลงดึงออกมา ก่อนจะผงะไป นี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาใช้อาวุธระดับราชันแลกเปลี่ยนมาตอนที่พาเซียวเทียนออกจากสำนักมายาหรอกหรือ!

มังกรเจินหลงใช้หางเคาะกระเบื้องอีกครั้ง

บนแผ่นศิลา อักขระยันต์สีเขียวลอยขึ้นมา และแตกสลายไปทันที กลายเป็นกลุ่มควัน จากนั้นจึงก่อตัวใหม่อีกครั้ง รอยเล็ก ๆ ที่มีรูปร่างเหมือนมังกรเขียวฉายวาบไปทั่วแผ่นศิลา

ลู่หยวนถือแผ่นศิลา ตกสู่ห้วงความคิด

จักรพรรดินีที่อยู่ด้านข้างเฝ้าดูการกระทำของมังกรเจินหลง พลางเกิดคลื่นความรู้สึกในใจ

เดิมเผ่าพันธุ์ของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์เกือบสูญพันธุ์ไปหมดแล้ว เผ่าคุนเผิงกลายเป็นฝุ่นควันนานแล้ว เผ่าวิหคเพลิงก็หลงเหลือเพียงซากปรักหักพัง

คิดไม่ถึงว่าในโลกนี้ยังมีมังกรเจินหลงอยู่ บุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่ผู้นี้ถือว่าโชคดีนัก!

และความโชคดีนี้ ทำให้นางมีโอกาสรอดจากความสูญเสียของเพลิงสวรรค์!

ก่อนที่นางจะคิดถึงเรื่องอื่น จู่ ๆ ลู่หยวนก็หันมามองนางด้วยนัยน์ตาลึกซึ้ง

จักรพรรดินีผงะไป “เจ้าจะทำอะไร?”

จู่ ๆ บุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่ก็เอื้อมไปจับข้อมือของจักรพรรดินีแล้วดึงไปข้างหน้า

ร่างของจักรพรรดินีไม่มั่นคงและล้มลงสู่อ้อมแขนของเขา

จักรพรรดินีแทบหยุดลมหายใจ “บุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่! เจ้ากล้าดีอย่างไร!”

ก่อนที่นางจะพูดอะไร ลู่หยวนก็จับมือนางแล้วกดลงบนกระเบื้อง

หึ่ง!

ทันใดนั้นแผ่นศิลาก็สั่น อักขระสีแดงลอยขึ้นและกระจายตัว ก่อตัวใหม่บนแผ่นศิลา ไม่นานนัก สัญลักษณ์รูปวิหคเพลิงก็ปรากฏขึ้นบนแผ่นศิลา ซึ่งอยู่ใต้สัญลักษณ์ของมังกร

รอยประทับทั้งสองหายไป ลู่หยวนพลันเข้าใจ

สิ่งนี้… คงจะเปิดออกด้วยการรวบรวมกลิ่นอายของเทพอสูร!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด