ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตาบทที่ 119 ค่ายกลสาปสายเลือด (ต้น)

Now you are reading ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา Chapter บทที่ 119 ค่ายกลสาปสายเลือด (ต้น) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 119 ค่ายกลสาปสายเลือด (ต้น)

บทที่ 119 ค่ายกลสาปสายเลือด (ต้น)

เสิ่นฉงเหวี่ยงกระบี่ลงมาหาลู่หยวนทันที ความว่างเปล่ารอบข้างถูกเจตจำนงกระบี่บดขยี้ พลังวิญญาณนับไม่ถ้วนผันผวนอย่างบ้าคลั่ง สายลมแรงกล้าพัดผ่าน ราวกับจุดจบของโลกมาเยือน

วิ้ง!

หลังจากสัมผัสถึงกลิ่นอายของเมล็ดพันธุ์มารได้ กระบี่ยาวในมือของเสิ่นฉงพลันเสียการควบคุม พลังสีดำทมิฬที่หลอมรวมเข้ากับกระบี่เริ่มไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง

ความเร็วในการฟาดฟันของกระบี่ชะลอลง

ลู่หยวนก้าวถอยพลางตะโกนว่า “ค่ายกลสามพิษ คลาย!”

สสารสีดำที่ปกคลุมท้องนภาแผ่กระจายออกไปพร้อมกัน พลังสีดำทมิฬนับไม่ถ้วนข้ามผ่านปราณกระบี่ของเสิ่นฉงไป พุ่งเข้าหาชายชราแล้วหมุนวนโคจรไปมา

ขณะที่ค่ายกลสามพิษเข้าใกล้ เสิ่นฉงรับรู้ถึงพลังอันแก่กล้าที่มาจากด้านหลัง จนไม่อาจดูถูกได้

เขาหันกระบี่และส่งปราณกระบี่โคจรออกไป

ฟู่!

ปราณกระบี่ผ่าสสารสีดำทั้งหมด พริบตาที่ปราณกระบี่ผ่านไป สสารสีดำพลันกลับมารวมตัวอย่างรวดเร็ว ก่อนจะพุ่งเข้าหาเสิ่นฉงในทันที

บรรพชนเสิ่นเพียงรู้สึกว่าเขาหงุดหงิดกับการพัวพันของสสารสีดำที่พุ่งเข้าหาอย่างไม่จบไม่สิ้น หากยังคงปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป อาจจะต้องถึงขั้นเค้นการบ่มเพาะออกมาใช้เกือบทั้งหมด

เสิ่นฉงยกกระบี่ขึ้น สายลมแรงกล้าพลันพัดพาออกไป

“ไป!”

บรรพชนตระกูลเสิ่นตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด เจตจำนงกระบี่ทรงพลังยังคงพวยพุ่งออกไปทั่วบริเวณ

ค่ายกลกระบี่ที่ปิดกั้นยอดเขามังกรเร้นเริ่มสั่นไหวอย่างต่อเนื่องเช่นกัน อักขระรอบค่ายกลเริ่มแตกสลาย ราวกับจะระเบิดได้ทุกเมื่อ

ปราณกระบี่นับไม่ถ้วนของบรรพชนเสิ่นคลุ้มคลั่ง พลังมหาศาลพลันระเบิดดังคลื่นพายุ ค่ายกลสามพิษถูกสายลมแรงกล้าพัดพาออกไปจนไม่สามารถรุกคืบได้อีก ส่วนยอดฝีมือตระกูลเสิ่นที่อยู่ไกลออกไปถูกปราณกระบี่กวาดต้อนไปด้านข้าง

เสิ่นฉงเลื่อนปลายนิ้วไล้คมกระบี่ ให้สายโลหิตอาบคมอาวุธจนส่องแสงประกาย

หลังดูดกลืนหยดเลือดของผู้ถือครอง พลังสีดำทมิฬที่รายล้อมกระบี่พลันทำงานขึ้นมาราวกับตื่นเต้นยิ่ง

พลังสีดำทมิฬเหล่านั้นปั่นป่วนราวกับสัตว์ประหลาดที่หิวกระหายมาหลายปี ที่พร้อมจะทลายกรงออกมาทุกเมื่อ

ลู่หยวนยืนอยู่ไม่ไกล เขาสามารถสัมผัสได้ถึงพลังปราณชั่วร้ายจากกระบี่เช่นกัน

กลิ่นอายนี้แตกต่างจากกลิ่นอายบนร่างของเสิ่นฉง โดยมีความชั่วร้ายเจือปนราวกับภูตผีจากนรก

บรรพชนตระกูลเสิ่นยืนอยู่ตรงกลางความโกลาหล พลังสีดำทมิฬผันผวนอย่างรุนแรงมุ่งหน้าไปที่ลู่หยวนทันที

พลังปราณชั่วร้ายปรากฏขึ้นจากด้านหลังลู่หยวน กลายเป็นโซ่จำนวนมากรัดเขาเอาไว้อย่างแน่นหนา และตรึงร่างไว้อยู่กับที

“คราวนี้แหละ ข้าขอดูหน่อยเถอะว่าเจ้าจะหนีได้อย่างไร?!”

เสิ่นฉงชูกระบี่ยาวขึ้น และกำลังจะเหวี่ยงลงไป

สสารสีดำเหล่านั้นที่เคยถูกสายลมแรงกล้าพัดพาออกไปนั้นคล้ายกับถูกบางอย่างเรียกหา พวกมันพุ่งเข้ามาด้วยความเร็วสูง กลายเป็นพายุหมุน เคลื่อนมาอยู่ด้านข้างบุตรศักดิ์สิทธิ์ทันที

หมู่เมฆพลังสีดำทมิฬพุ่งตรงเข้าสู่หัวใจของลู่หยวน มันผันผวนไปมา ก่อนถูกร่างของเขาดูดกลืนจนสิ้น

บุตรศักดิ์สิทธิ์เงยหน้าขึ้น ถึงแม้โซ่ตรวนเหล่านั้นจะยังพันธนาการเขาเอาไว้ แต่ในสายตาคมปลาบไม่มีร่องรอยความหวาดกลัวอยู่แม้แต่น้อย แต่มันเต็มไปด้วยความเย็นชา

“หนีหรือ? เจ้าคู่ควรที่จะให้ข้าหนีด้วยหรือ?”

“เสิ่นฉง ถ้าเจ้าไม่ใช้รากฐานการบ่มเพาะของตัวเองสร้างภาพมายาของภัยพิบัติอัสนีขึ้นมา เกรงว่าข้าคงมีเวลาเตรียมการมากกว่านี้ แต่ตอนนี้เจ้าใช้รากฐานการบ่มเพาะไปมาก ช่างเหมือนกับลูกแกะเดินมาหาที่ตายแท้ ๆ!”

ในตอนนี้ ผิวหนังส่วนที่มองเห็นได้ของลู่หยวนเริ่มเผยลวดลายอักขระสีดำ เหนือลวดลายเหล่านี้ มีลวดลายบางเส้นกำลังเคลื่อนเข้าหาอักขระสีดำบนหน้าผากของลู่หยวน

ลวดลายสีแดงปรากฏขึ้นจากลวดลายสีดำ และยิ่งเรืองแสงเจิดจ้าขึ้น

พลังสีดำทมิฬที่ไม่ถูกร่างของลู่หยวนดูดกลืนกลายเป็นลวดลายบนหน้าผาก แม้กระทั่งโซ่ตรวนที่พันรอบร่างก็กลายเป็นพลังสีดำทมิฬ ทั้งหมดถูกดูดเข้าสู่ลวดลายสีดำบนกายเขา

บุตรศักดิ์สิทธิ์ลืมตาขึ้น เผยแววเนตรสีแดงชาด เนื้อหนังบนหน้าผากแยกออก เผยร่องรอยโลหิตพร้อมดวงตาสีแดงก่ำปรากฏขึ้นอีกดวง

“เนตรเทวะหรือ?!”

เสิ่นฉงตกตะลึงสักพัก จากนั้นมองอย่างตั้งใจ พบว่าตาที่สามของลู่หยวนมีรูม่านตามากมายกำลังซ้อนทับกัน ดูน่าสะพรึงยิ่งนัก

เด็กคนนี้ถึงกับมีเนตรเทวะ?!

เนตรเทวะคือวิชาที่หาได้ยากยิ่ง หลายคนที่มีเนตรเทวะเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ของแผ่นดินหยวนหง ต่างอาศัยวิชาดังกล่าวเพื่อทิ้งชื่อเสียงเอาไว้ในแผ่นดินนี้

แต่มีเพียงจักรพรรดิเนตรเทวะเท่านั้น ที่จะกล่าวอ้างตัวเองว่าเป็นมหาจักรพรรดิผู้เบิกตาที่สามของเนตรเทวะได้

การบ่มเพาะของลู่หยวนผู้นี้อยู่ขั้นไหนกัน ถึงทำให้เขาเริ่มเบิกเนตรเทวะได้!

หากปล่อยให้คนแบบนี้เติบใหญ่ จะต้องเป็นผู้มีอำนาจในแผ่นดินเป็นแน่

แต่นี่คือสายเลือดมาร!

หากปล่อยให้เติบโตอย่างราบรื่น มันจะเป็นหายนะต่อแผ่นดิน!

ดวงตาของเสิ่นฉงเต็มไปด้วยจิตสังหาร หากสายเลือดมารที่ทรงพลังนั่นตายด้วยน้ำมือของเขาล่ะ

เช่นนั้นเขา เสิ่นฉง ก็คือวีรบุรุษของทั่วทั้งแผ่นดินหยวนหง!

เกียรติยศชั่วลูกชั่วหลาน มันช่างหอมหวานนัก!

ความกระตือรือร้นในดวงตาของบรรพชนเสิ่นเอ่อล้นขึ้นมา ขอเพียงเขาเด็ดหัวของลู่หยวนในวันนี้ได้ ก็จะได้รับชื่อเสียงมากมาย!

ไม่ว่าลู่เทียนเหอและอู่หมิงเสวี่ยจะทรงพลังแค่ไหน พวกเขาก็ไม่อาจปกปิดความจริงที่กำลังอุ้มชูดูแลสายเลือดมาร ถึงตอนนั้น ตระกูลลู่และสำนักอักขระสวรรค์จะต้องแบกรับความอับอายไปชั่วชีวิต กองกำลังและสำนักทั้งหมดจะเปิดฉากโจมตีตระกูลลู่และสำนักอักขระสวรรค์

ตอนนี้ตระกูลลู่ผู้ทรงพลังอยู่ในแดนเหนือจะต้องพังพินาศอย่างย่อยยับ!

ส่วนเขาผู้สังหารสายเลือดมารลงได้ จะนำพาตระกูลเสิ่นไปสู่จุดสูงสุดอีกครั้ง!

ผู้เหลือรอดของตระกูลลู่และสำนักอักขระสวรรค์พ่ายแพ้ ไม่เพียงแค่จะไม่เกลียดเขาเท่านั้น แต่ยังแซ่ซ้องสรรเสริญในตัวเขาอีกด้วย

เพราะเขาคือผู้เปิดเผยความลวงโลกของลู่เทียนเหอและอู่หมิงเสวี่ย …คือผู้สังหารสายเลือดมาร คือผู้คลี่คลายหายนะใหญ่หลวงให้กับโลก!

นับจากนั้น ขอเพียงสร้างชื่อให้ตัวเอง ทุกกองกำลังบนแผ่นดินจะให้ความเคารพยิ่งขึ้น!

ขอเพียงฆ่าลู่หยวนได้ …ขอเพียงฆ่าเจ้านั่นได้เท่านั้น!

ชื่อเสียงเกรียงไกร ทรัพยากร และทุกสิ่งที่เขาต้องการ!

ความปรารถนาในใจของเสิ่นฉงผุดขึ้นไร้ที่สิ้นสุด เขาเริ่มวาดหวังชีวิตในอนาคตขึ้นมา

พลังสีดำทมิฬพวยพุ่งออกจากร่างกายของบรรพชนตระกูลเสิ่นอีกครั้ง มันยังถูกดูดเข้าสู่เนตรดวงที่สามของลู่หยวน

มันกลอกไปมาพลางจับจ้องไปที่เสิ่นฉงจนเห็นจิตสังหารไร้ที่สิ้นสุดในแววตาของอีกฝ่าย

บุตรศักดิ์สิทธิ์ย่อมรู้ว่าตอนนี้ศัตรูกำลังคิดอะไร เขาจึงคลี่เรียวปากออกมา

“สุนัขเฒ่าเสิ่น เลิกฝันหวานเสียทีเถอะ เจ้าไม่อาจสังหารข้าได้หรอก”

เสิ่นฉงลูบกระบี่ โลหิตหลั่งรินอีกครั้ง เพื่อหล่อเลี้ยงกระบี่ยาวในมือ

“ลู่หยวน ตอนนี้เจ้าอยู่แค่ขั้นจักรพรรดิยุทธ์ ถึงแม้จะมีแนวโน้มทะลวงสู่ขั้นเทียมเซียนได้ แต่อย่าลืมสิว่า ช่องว่างระหว่างเจ้ากับข้ามันมากแค่ไหน”

“ระหว่างเจ้ากับข้าก็เหมือนกับเมฆากับโคลนตม ด้วยพลังของเจ้าในตอนนี้ หากคิดจะสังหารผู้อยู่ขั้นเทียมเซียนก็พอจะเป็นไปได้ แต่ข้าผู้นี้คือปรมาจารย์ยุทธ์!”

“ต่อให้เจ้ามีเคล็ดวิชาไร้ที่สิ้นสุด เพื่อกักขังข้าผู้นี้เอาไว้เนิ่นนาน แต่ผู้แข็งแกร่งก็คือผู้แข็งแกร่ง ต่อให้เจ้าจะพยายามมากแค่ไหน ก็ไม่สามารถทำอะไรได้หรอก!”

“จริงหรือ?”

ลู่หยวนขมวดคิ้ว “เจ้าคิดจริง ๆ หรือว่าข้าจะใช้เวลาทั้งหมดเพียงเพื่อกักขังเจ้าเอาไว้?”

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตาบทที่ 119 ค่ายกลสาปสายเลือด (ต้น)

Now you are reading ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา Chapter บทที่ 119 ค่ายกลสาปสายเลือด (ต้น) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 119 ค่ายกลสาปสายเลือด (ต้น)

บทที่ 119 ค่ายกลสาปสายเลือด (ต้น)

เสิ่นฉงเหวี่ยงกระบี่ลงมาหาลู่หยวนทันที ความว่างเปล่ารอบข้างถูกเจตจำนงกระบี่บดขยี้ พลังวิญญาณนับไม่ถ้วนผันผวนอย่างบ้าคลั่ง สายลมแรงกล้าพัดผ่าน ราวกับจุดจบของโลกมาเยือน

วิ้ง!

หลังจากสัมผัสถึงกลิ่นอายของเมล็ดพันธุ์มารได้ กระบี่ยาวในมือของเสิ่นฉงพลันเสียการควบคุม พลังสีดำทมิฬที่หลอมรวมเข้ากับกระบี่เริ่มไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง

ความเร็วในการฟาดฟันของกระบี่ชะลอลง

ลู่หยวนก้าวถอยพลางตะโกนว่า “ค่ายกลสามพิษ คลาย!”

สสารสีดำที่ปกคลุมท้องนภาแผ่กระจายออกไปพร้อมกัน พลังสีดำทมิฬนับไม่ถ้วนข้ามผ่านปราณกระบี่ของเสิ่นฉงไป พุ่งเข้าหาชายชราแล้วหมุนวนโคจรไปมา

ขณะที่ค่ายกลสามพิษเข้าใกล้ เสิ่นฉงรับรู้ถึงพลังอันแก่กล้าที่มาจากด้านหลัง จนไม่อาจดูถูกได้

เขาหันกระบี่และส่งปราณกระบี่โคจรออกไป

ฟู่!

ปราณกระบี่ผ่าสสารสีดำทั้งหมด พริบตาที่ปราณกระบี่ผ่านไป สสารสีดำพลันกลับมารวมตัวอย่างรวดเร็ว ก่อนจะพุ่งเข้าหาเสิ่นฉงในทันที

บรรพชนเสิ่นเพียงรู้สึกว่าเขาหงุดหงิดกับการพัวพันของสสารสีดำที่พุ่งเข้าหาอย่างไม่จบไม่สิ้น หากยังคงปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป อาจจะต้องถึงขั้นเค้นการบ่มเพาะออกมาใช้เกือบทั้งหมด

เสิ่นฉงยกกระบี่ขึ้น สายลมแรงกล้าพลันพัดพาออกไป

“ไป!”

บรรพชนตระกูลเสิ่นตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด เจตจำนงกระบี่ทรงพลังยังคงพวยพุ่งออกไปทั่วบริเวณ

ค่ายกลกระบี่ที่ปิดกั้นยอดเขามังกรเร้นเริ่มสั่นไหวอย่างต่อเนื่องเช่นกัน อักขระรอบค่ายกลเริ่มแตกสลาย ราวกับจะระเบิดได้ทุกเมื่อ

ปราณกระบี่นับไม่ถ้วนของบรรพชนเสิ่นคลุ้มคลั่ง พลังมหาศาลพลันระเบิดดังคลื่นพายุ ค่ายกลสามพิษถูกสายลมแรงกล้าพัดพาออกไปจนไม่สามารถรุกคืบได้อีก ส่วนยอดฝีมือตระกูลเสิ่นที่อยู่ไกลออกไปถูกปราณกระบี่กวาดต้อนไปด้านข้าง

เสิ่นฉงเลื่อนปลายนิ้วไล้คมกระบี่ ให้สายโลหิตอาบคมอาวุธจนส่องแสงประกาย

หลังดูดกลืนหยดเลือดของผู้ถือครอง พลังสีดำทมิฬที่รายล้อมกระบี่พลันทำงานขึ้นมาราวกับตื่นเต้นยิ่ง

พลังสีดำทมิฬเหล่านั้นปั่นป่วนราวกับสัตว์ประหลาดที่หิวกระหายมาหลายปี ที่พร้อมจะทลายกรงออกมาทุกเมื่อ

ลู่หยวนยืนอยู่ไม่ไกล เขาสามารถสัมผัสได้ถึงพลังปราณชั่วร้ายจากกระบี่เช่นกัน

กลิ่นอายนี้แตกต่างจากกลิ่นอายบนร่างของเสิ่นฉง โดยมีความชั่วร้ายเจือปนราวกับภูตผีจากนรก

บรรพชนตระกูลเสิ่นยืนอยู่ตรงกลางความโกลาหล พลังสีดำทมิฬผันผวนอย่างรุนแรงมุ่งหน้าไปที่ลู่หยวนทันที

พลังปราณชั่วร้ายปรากฏขึ้นจากด้านหลังลู่หยวน กลายเป็นโซ่จำนวนมากรัดเขาเอาไว้อย่างแน่นหนา และตรึงร่างไว้อยู่กับที

“คราวนี้แหละ ข้าขอดูหน่อยเถอะว่าเจ้าจะหนีได้อย่างไร?!”

เสิ่นฉงชูกระบี่ยาวขึ้น และกำลังจะเหวี่ยงลงไป

สสารสีดำเหล่านั้นที่เคยถูกสายลมแรงกล้าพัดพาออกไปนั้นคล้ายกับถูกบางอย่างเรียกหา พวกมันพุ่งเข้ามาด้วยความเร็วสูง กลายเป็นพายุหมุน เคลื่อนมาอยู่ด้านข้างบุตรศักดิ์สิทธิ์ทันที

หมู่เมฆพลังสีดำทมิฬพุ่งตรงเข้าสู่หัวใจของลู่หยวน มันผันผวนไปมา ก่อนถูกร่างของเขาดูดกลืนจนสิ้น

บุตรศักดิ์สิทธิ์เงยหน้าขึ้น ถึงแม้โซ่ตรวนเหล่านั้นจะยังพันธนาการเขาเอาไว้ แต่ในสายตาคมปลาบไม่มีร่องรอยความหวาดกลัวอยู่แม้แต่น้อย แต่มันเต็มไปด้วยความเย็นชา

“หนีหรือ? เจ้าคู่ควรที่จะให้ข้าหนีด้วยหรือ?”

“เสิ่นฉง ถ้าเจ้าไม่ใช้รากฐานการบ่มเพาะของตัวเองสร้างภาพมายาของภัยพิบัติอัสนีขึ้นมา เกรงว่าข้าคงมีเวลาเตรียมการมากกว่านี้ แต่ตอนนี้เจ้าใช้รากฐานการบ่มเพาะไปมาก ช่างเหมือนกับลูกแกะเดินมาหาที่ตายแท้ ๆ!”

ในตอนนี้ ผิวหนังส่วนที่มองเห็นได้ของลู่หยวนเริ่มเผยลวดลายอักขระสีดำ เหนือลวดลายเหล่านี้ มีลวดลายบางเส้นกำลังเคลื่อนเข้าหาอักขระสีดำบนหน้าผากของลู่หยวน

ลวดลายสีแดงปรากฏขึ้นจากลวดลายสีดำ และยิ่งเรืองแสงเจิดจ้าขึ้น

พลังสีดำทมิฬที่ไม่ถูกร่างของลู่หยวนดูดกลืนกลายเป็นลวดลายบนหน้าผาก แม้กระทั่งโซ่ตรวนที่พันรอบร่างก็กลายเป็นพลังสีดำทมิฬ ทั้งหมดถูกดูดเข้าสู่ลวดลายสีดำบนกายเขา

บุตรศักดิ์สิทธิ์ลืมตาขึ้น เผยแววเนตรสีแดงชาด เนื้อหนังบนหน้าผากแยกออก เผยร่องรอยโลหิตพร้อมดวงตาสีแดงก่ำปรากฏขึ้นอีกดวง

“เนตรเทวะหรือ?!”

เสิ่นฉงตกตะลึงสักพัก จากนั้นมองอย่างตั้งใจ พบว่าตาที่สามของลู่หยวนมีรูม่านตามากมายกำลังซ้อนทับกัน ดูน่าสะพรึงยิ่งนัก

เด็กคนนี้ถึงกับมีเนตรเทวะ?!

เนตรเทวะคือวิชาที่หาได้ยากยิ่ง หลายคนที่มีเนตรเทวะเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ของแผ่นดินหยวนหง ต่างอาศัยวิชาดังกล่าวเพื่อทิ้งชื่อเสียงเอาไว้ในแผ่นดินนี้

แต่มีเพียงจักรพรรดิเนตรเทวะเท่านั้น ที่จะกล่าวอ้างตัวเองว่าเป็นมหาจักรพรรดิผู้เบิกตาที่สามของเนตรเทวะได้

การบ่มเพาะของลู่หยวนผู้นี้อยู่ขั้นไหนกัน ถึงทำให้เขาเริ่มเบิกเนตรเทวะได้!

หากปล่อยให้คนแบบนี้เติบใหญ่ จะต้องเป็นผู้มีอำนาจในแผ่นดินเป็นแน่

แต่นี่คือสายเลือดมาร!

หากปล่อยให้เติบโตอย่างราบรื่น มันจะเป็นหายนะต่อแผ่นดิน!

ดวงตาของเสิ่นฉงเต็มไปด้วยจิตสังหาร หากสายเลือดมารที่ทรงพลังนั่นตายด้วยน้ำมือของเขาล่ะ

เช่นนั้นเขา เสิ่นฉง ก็คือวีรบุรุษของทั่วทั้งแผ่นดินหยวนหง!

เกียรติยศชั่วลูกชั่วหลาน มันช่างหอมหวานนัก!

ความกระตือรือร้นในดวงตาของบรรพชนเสิ่นเอ่อล้นขึ้นมา ขอเพียงเขาเด็ดหัวของลู่หยวนในวันนี้ได้ ก็จะได้รับชื่อเสียงมากมาย!

ไม่ว่าลู่เทียนเหอและอู่หมิงเสวี่ยจะทรงพลังแค่ไหน พวกเขาก็ไม่อาจปกปิดความจริงที่กำลังอุ้มชูดูแลสายเลือดมาร ถึงตอนนั้น ตระกูลลู่และสำนักอักขระสวรรค์จะต้องแบกรับความอับอายไปชั่วชีวิต กองกำลังและสำนักทั้งหมดจะเปิดฉากโจมตีตระกูลลู่และสำนักอักขระสวรรค์

ตอนนี้ตระกูลลู่ผู้ทรงพลังอยู่ในแดนเหนือจะต้องพังพินาศอย่างย่อยยับ!

ส่วนเขาผู้สังหารสายเลือดมารลงได้ จะนำพาตระกูลเสิ่นไปสู่จุดสูงสุดอีกครั้ง!

ผู้เหลือรอดของตระกูลลู่และสำนักอักขระสวรรค์พ่ายแพ้ ไม่เพียงแค่จะไม่เกลียดเขาเท่านั้น แต่ยังแซ่ซ้องสรรเสริญในตัวเขาอีกด้วย

เพราะเขาคือผู้เปิดเผยความลวงโลกของลู่เทียนเหอและอู่หมิงเสวี่ย …คือผู้สังหารสายเลือดมาร คือผู้คลี่คลายหายนะใหญ่หลวงให้กับโลก!

นับจากนั้น ขอเพียงสร้างชื่อให้ตัวเอง ทุกกองกำลังบนแผ่นดินจะให้ความเคารพยิ่งขึ้น!

ขอเพียงฆ่าลู่หยวนได้ …ขอเพียงฆ่าเจ้านั่นได้เท่านั้น!

ชื่อเสียงเกรียงไกร ทรัพยากร และทุกสิ่งที่เขาต้องการ!

ความปรารถนาในใจของเสิ่นฉงผุดขึ้นไร้ที่สิ้นสุด เขาเริ่มวาดหวังชีวิตในอนาคตขึ้นมา

พลังสีดำทมิฬพวยพุ่งออกจากร่างกายของบรรพชนตระกูลเสิ่นอีกครั้ง มันยังถูกดูดเข้าสู่เนตรดวงที่สามของลู่หยวน

มันกลอกไปมาพลางจับจ้องไปที่เสิ่นฉงจนเห็นจิตสังหารไร้ที่สิ้นสุดในแววตาของอีกฝ่าย

บุตรศักดิ์สิทธิ์ย่อมรู้ว่าตอนนี้ศัตรูกำลังคิดอะไร เขาจึงคลี่เรียวปากออกมา

“สุนัขเฒ่าเสิ่น เลิกฝันหวานเสียทีเถอะ เจ้าไม่อาจสังหารข้าได้หรอก”

เสิ่นฉงลูบกระบี่ โลหิตหลั่งรินอีกครั้ง เพื่อหล่อเลี้ยงกระบี่ยาวในมือ

“ลู่หยวน ตอนนี้เจ้าอยู่แค่ขั้นจักรพรรดิยุทธ์ ถึงแม้จะมีแนวโน้มทะลวงสู่ขั้นเทียมเซียนได้ แต่อย่าลืมสิว่า ช่องว่างระหว่างเจ้ากับข้ามันมากแค่ไหน”

“ระหว่างเจ้ากับข้าก็เหมือนกับเมฆากับโคลนตม ด้วยพลังของเจ้าในตอนนี้ หากคิดจะสังหารผู้อยู่ขั้นเทียมเซียนก็พอจะเป็นไปได้ แต่ข้าผู้นี้คือปรมาจารย์ยุทธ์!”

“ต่อให้เจ้ามีเคล็ดวิชาไร้ที่สิ้นสุด เพื่อกักขังข้าผู้นี้เอาไว้เนิ่นนาน แต่ผู้แข็งแกร่งก็คือผู้แข็งแกร่ง ต่อให้เจ้าจะพยายามมากแค่ไหน ก็ไม่สามารถทำอะไรได้หรอก!”

“จริงหรือ?”

ลู่หยวนขมวดคิ้ว “เจ้าคิดจริง ๆ หรือว่าข้าจะใช้เวลาทั้งหมดเพียงเพื่อกักขังเจ้าเอาไว้?”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+