บัลลังก์หมอยาเซียน 1044 อำนาจชั่วไม่อาจถูกกำจัดไปได้ง่ายๆ

Now you are reading บัลลังก์หมอยาเซียน Chapter 1044 อำนาจชั่วไม่อาจถูกกำจัดไปได้ง่ายๆ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

อ๋องซุนเอามือผลักนางออกไปทันที พูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า “เอะอะโวยวายอะไร ไม่ดูบ้างว่านี่มันงานอะไร”

เดิมทีเสี้ยนจู่โหรหมิ่นก็ไม่ได้คิดจะวิ่งมาหาเขา แต่วิ่งมาหาหยู่เหวินเห้าต่างหาก ไม่คิดว่าหยู่เหวินเห้าจะเบี่ยงตัวหลบ การกระทำนี้ทำให้นางรู้สึกเสียใจมาก และไม่สนใจในสิ่งอ๋องซุนตำหนิ มองหยู่เหวินเห้าด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยน้ำตาพร่ามัวพลางฟ้องว่า“ท่านพี่ ทำไมท่านจึงได้ใจร้ายเช่นนี้ ”

หยู่เหวินเห้ารังเกียจนาง ไม่อยากจะปฏิสัมพันธ์กับนางแม้แต่น้อย ด้วยเหตุนี้จึงไม่ได้ตอบคำถาม แต่ดึงตัวหยวนชิงหลิงเดินออกไปข้างนอกทันที

เสี้ยนจู่โหรหมิ่นร้องไห้ตะโกนคำว่าท่านพี่อยู่หลายครั้ง หยู่เหวินเห้าได้แต่รู้สึกโมโห เอียงหน้ามองหยวนชิงหลิงพูดว่า “ถ้าหากเสี้ยวหงเฉิงมีใจต่อลู่หยวนละก็ จะช่วยให้เรื่องนี้สำเร็จอย่างเต็มที่ จะไม่สามารถให้ลู่หยวนถูกนางทำลายอย่างเด็ดขาด ”

ลู่หยวนเป็นคนมีความสามารถในการทำงาน มีวรยุทธสูงส่งและยังเป็นคนฉลาด ที่สำคัญที่สุดเขามีความสามารถที่จะแยกแยะผิดชอบชั่วดีอย่างมาก ใต้เท้าลู่ให้การอบรมสั่งสอนได้ดี ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ล้วนมีการคาดคะเนไว้ในใจ เขารู้ว่าอะไรควรทำอะไรไม่ควรทำ อะไรสามารถทำได้ อะไรไม่สามารถทำได้

เขาต้องการผู้บัญชาการเช่นนี้เป็นอย่างมาก

หยวนชิงหลิงพูดยิ้มๆว่า “ขอบเขตที่ท่านควบคุมกว้างขวางมากเสียจริง เรื่องความรู้สึกของพวกเขาให้ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติเถอะ ข้าคิดดูแล้วลู่หยวนก็คงไม่ชอบโหรหมิ่น”

“เกรงว่าพ่อแม่ตระกูลลู่จะสับสนขึ้นมากะทันหัน พวกเขาเองก็ไม่ชอบเสี้ยวหงเฉิง ประเดี๋ยวเจ้าเชิญเสี้ยวหงเฉิงมาที่จวนเพื่อลองถามดู”

หยวนชิงหลิงส่ายหน้า “ไม่ ข้าไม่ถาม ข้ากับเสี้ยวหงเฉิงได้คุ้นเคยกันถึงขั้นนั้น ”

หยู่เหวินเห้าขมวดคิ้วขึ้นมา “ข้าเองก็ไม่สมควรถาม ช่างเถอะ เหมือนที่เจ้าบอก ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติเถอะ มีวาสนาต่อกันอย่างไรเสียก็ได้อยู่ด้วยกัน ”

วันที่สามหลังจากพิธีเคลื่อนศพของจวิ้นจู่องจิ้ง ก็รู้ที่อยู่ของหลินเซียวแล้ว ยังปรากฏตัวอยู่ที่จวนอ๋องผิงหนาน และครั้งนี้ยังเป็นลูกเลี้ยงของอ๋องผิงหนานหยู่เหวินฮุยเป็นคนส่งเขาออกไปด้วยตนเอง

ครั้งนี้องครักษ์ลับผีไล่ตามทันแล้ว และได้จับกุมตัวเขากลับเมืองหลวง แต่ที่น่าเสียดาย ตอนที่ใกล้จะถึงเมืองหลวงแล้ว เขากลับหนีรอดไปได้

แม่ทัพหลอได้วางกรอบดักศัตรูไว้ทั่วทุกด้าน ได้ทำการตรวจค้นในพื้นที่ใกล้เคียงเมืองหลวงทั้งหมด แต่ตรวจค้นอยู่สามวัน ก็ไม่พบว่าเขาเคยปรากฏตัวขึ้นอีก หลังจากกลับไปรายงานหยู่เหวินเห้า หยู่เหวินเห้าพูดว่า “คนในยุทธภพเหล่านี้มีความสามารถง่ายดาย แต่เกรงว่าคนจะเข้าสู่เมืองหลวงตั้งนานแล้ว เฝ้าสังเกตโรงเตี๊ยมใหญ่ๆที่มีชื่อเสียง ทำการตรวจสอบบ้านเรือนของประชาชนที่มีการให้เช่า ตรวจสอบใบผ่านทาง ใบหน้าสามารถเปลี่ยนแปลงได้ แต่รูปร่างเปลี่ยนไม่ได้ ติดประกาศล่าตัวคนร้าย เมื่อพบคนแปลกหน้าที่มีรูปร่างสูงเท่ากับเขา ให้รีบกลับมารายงานทันที ”

หยู่เหวินเห้าได้ให้เขาไปแจ้งให้เสี้ยวหงเฉิงทราบ ไม่ตัดประเด็นที่หลินเซียวกลับมาในเมืองหลวงแล้วจะไปหานางอีกครั้ง เสี้ยวหงเฉิงยิ้มเย็น “ทางที่ดีให้เขามา ”

หลินเซียวเคยเป็นสิ่งสวยงามที่สุดในการมีตัวตนอยู่ของเสี้ยวหงเฉิง แต่ว่า ตอนนี้ก็เหมือนราวกับหนอนตัวเหม็น กำลังเน่าเปื่อยอยู่ในใจนาง ถ้าหากนางไม่ได้มอบดาบให้ที่อกของเขา กลิ่นเน่าเหม็นนี้ก็คงจะไม่มีวันจางหายไปจากใจ

แต่หลินเซียวกลับไม่ได้ไปหาเสี้ยวหงเฉิง สำนักเหมยแดงได้เข้าร่วมการตรวจค้นในครั้งนี้ด้วย ไม่พบร่องรอยเบาะแสของหลินเซียว

เมื่อพูดถึงองค์ชายใหญ่หยู่เหวินจุนกับฉู่หมิงหยางช่วงนี้ใช้ชีวิตได้อย่างไม่เลว ก่อนหน้านี้เคยดวงซวยไปครั้งหนึ่ง แต่ก็ยังคงไม่ลืมชีวิตที่ร่ำรวยสุขสบาย ตอนนี้ยังมีคนส่งเงินทองมาให้พวกเขาใช้ ยังคงเป็นการร่วมทำการค้า ขายของเก่า

หลังจากมีบทเรียนจากครั้งที่แล้ว พวกเขาก็ระมัดระวังมากขึ้น การค้าที่ต้องควักเงินออกมานั้นไม่ทำทั้งสิ้น การค้าที่เสี่ยงอันตรายมาก็ไม่ทำ พูดให้ชัดคือ อยากจะใช้สถานะของเขาเองที่เป็นองค์ชายใหญ่เอาเปรียบคนอื่นเล็กน้อย เพื่อให้สามารถใช้ชีวิตอย่างอุดมสมบูรณ์ดังเช่นก่อนหน้านี้

ครั้งนี้ที่ร่วมทำการค้ากับเขา เป็นพ่อข้าคนหนึ่งของเจียงหนาน ชื่อซุนฉวนหวู่ตระกูลร่ำรวยมหาศาล แต่ว่าเส้นสายอยู่ในเมืองหลวง เพราะว่าทำการค้าเกี่ยวกับของเก่า ยังคงต้องพึ่งพาดูดินเจ้าที่เหล่านี้อยู่บ้าง หยู่เหวินจุนนั้นเหมาะสมที่สุด ไม่มีใครจะไปล่วงเกินเขาเป็นการเฉพาะ ไม่ว่าชนชั้นใดในเมืองหลวงก็ยังต้องไว้หน้าเขาอยู่บ้าง ที่สำคัญที่สุดคือเขาโลภมาก

คนคนหนึ่งถ้าเกิดความโลภ ก็ควบคุมได้ง่ายมาก

นักค้าของเก่าคนนี้ก็ได้แนะนำให้เขารู้จักกับคนทำการค้าต่างถิ่นอีกมากมาย คนเหล่านี้อยู่ในเมืองหลวงต่างก็มีใบผ่านทาง ใบผ่านทางจำเป็นต้องไปต่ออายุที่กรมการพระนครทุกๆสิบวัน หยู่เหวินจุนจึงช่วยดำเนินการในเรื่องนี้ เรื่องนี้ไม่ต้องขอร้องคนอื่นเลยแม้แต่น้อย เอาตรงไปที่อ๋องฉี ให้เขาประทับตราให้ก็พอ

อ๋องฉีรำคาญเขา และต้องการหลีกเลี่ยงเขา ฉะนั้นเรื่องเล็กๆเหล่านี้แม้ว่าเขาจะไม่ทำด้วยตนเอง เขาก็ยินดีจะช่วยให้หยู่เหวินจุนทำให้เสร็จ เพราะว่าในเมืองหลวงก็มีคนที่ช่วยยื่นคำร้องขอใบผ่านทางไม่น้อย เพื่อจะหาเงินเล็กๆน้อยๆเท่านั้น อ๋องฉีกระทั่งรู้สึกว่าเขายินดีจะทำงานที่ต่ำต้อยเช่นนี้ ก็นับว่าก้าวหน้าขึ้นแล้ว

เขาทำงานเหล่านี้ให้กับซุนฉวนหวู่สำเร็จแล้ว ก็แนะนำคนบางส่วนให้เขาได้รู้จัก เพราะว่าของเก่าไม่ใช่คนทั่วไปที่ไหนก็สามารถหาซื้อได้ ฉะนั้น ที่เขาแนะนำล้วนเป็นขุนนางที่เคยติดตามเขาในวันวาน คนเหล่านี้แม้ว่าตอนนี้จะไม่ติดตามเขาแล้ว แต่ก็ไม่กล้าล่วงเกินเขา นับว่าเป็นการถือโอกาสแสดงน้ำใจ ทำความรู้จักกับคนที่เขาแนะนำมาให้ ส่วนเรื่องจะคบหาสมาคมหรือไม่ นั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่เขาจะสามารถควบคุมได้

แต่ว่าซุนฉวนหวู่คนนี้ก็เป็นคนมีความสามารถคนหนึ่ง คนที่มีคุณสมบัติที่ดีทำอะไรก็ย่อมได้ เดิมขุนนางเหล่านั้นแค่จะต้องการจะตอบรับคำเชิญของหยู่เหวินจุนเท่านั้น แต่กลับถูกเขาคลุกคลีจนคุ้นเคยกันหลายคน นี่ย่อมเพราะเขาเป็นคนใจกว้าง เป็นคนได้อย่างใจ คนที่ไปมาหาสู่กับเขาก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น

ซุนฉวนหวู่ก็เป็นคนที่มีน้ำใจมากพอ และไม่ได้เย็นชาต่อหยู่เหวินจุนด้วยเหตุนี้ ยังคงไปมาหาสู่กับเขาเรื่อยๆ ให้ค่าแนะนำกับเขา รวมทั้งหมดทั้งสิ้นแล้ว ในหนึ่งเดือนหยู่เหวินจุนสามารถเอาเงินจากมือซุนฉวนหวู่ได้สามสี่ร้อยตำลึง นี่สำหรับเขา นับว่าเยอะมากแล้ว

ด้วยเหตุนี้ ชีวิตของหยู่เหวินจุนและฉู่หมิงหยางยังคงสุขสบายได้เช่นเดิม เทียบกับความสูงศักดิ์เมื่อวันวานมิได้ แต่ในด้านเงินทองนั้นไม่เคยขาดมือ ไม่ถึงกับต้องไปรบกวนฮูหยินเหยาถึงบ้านอีก

เพื่อนที่เคยคบหากันแต่เก่าก่อนของฉู่หมิงหยาง ด้วยเหตุที่นางร่ำรวยขึ้นก็ค่อยๆไปมาหาสู่กันมากขึ้น ซุนฉวนหวู่ยังช่วยออกความคิดเห็นให้กับฉู่หมิงหยาง ถ้าหากต้องการหาเงินให้มากกว่านี้ ก็ให้ฮูหยินเหล่านี้เอาเงินออกมาปล่อยกู้ ทำเช่นนี้จะสามารถได้เงินจากดอกเบี้ยเงินกู้ที่สูงขึ้น ฉู่หมิงหยางย่อมรู้ว่านั้นเป็นความเสี่ยงสูง แรกเริ่มไม่กล้า เพียงแค่เอาเงินที่เหลือใช้ของตนเองให้ซุนฉวนหวู่เอาไปปล่อยกู้ ปรากฏว่าเพียงไม่กี่วันก็สามารถได้รับการตอบแทนเป็นดอกเบี้ยที่สูงมาก ด้วยเหตุนี้นางเองก็เกิดความโลภขึ้นมา นำเรื่องนี้ไปบอกให้กับเหล่าฮูหยินที่ไปมาหาสู่กับนางฟัง

ฮูหยินเหล่านี้เดิมทีก็เป็นผู้ร่ำรวยอยู่แล้ว มีเงินและทรัพย์สินส่วนตัวอยู่ไม่น้อย ได้ยินว่าหาเงินได้ง่ายเช่นนี้ ก็ทดลองให้ฉู่หมิงหยางปล่อยกู้บ้าง ฉู่หมิงหยางได้หากำไรจากดอกเบี้ยส่วนหนึ่ง ที่เหลือก็คืนให้กับพวกนาง ในหนึ่งเดือนก็หาเงินมาได้ไม่น้อย

เช่นนี้เอง เหล่าฮูหยินก็ค่อยๆกล้าเอาเงินจำนวนมากออกมา แม้แต่ฮูหยินรองของตระกูลกู้ก็เอาเงินมาให้ฉู่หมิงหยางไม่น้อย ให้นางเอาออกไปปล่อยกู้ ฮูหยินรองคนนี้เป็นน้องสาวของมารดาฉู่หมิงหยาง ฉู่หมิงหยางต้องเรียกนางอย่างให้เกียรติว่าท่านน้า ฉู่หมิงหยางกับลูกสาวของฮูหยินรองกู้คางมั่นก็ไปมาหาสู่กันบ่อยมาก เดิมทีกู้คางมั่นจะถูกแม่สื่อทาบทามแล้ว แต่ว่านางหยิ่งทะนงเกินไป ถ้าไม่ใช่ตระกูลสูงศักดิ์ก็ไม่ยอมแต่ง จึงทำให้เสียเวลามาจนถึงตอนนี้

ตอนนี้คนที่กู้คางมั่นชื่นชอบก็คือเหลิ่งจิ้งเหยียนคุณชายใหญ่แห่งตระกูลเหลิ่ง เหลิ่งจิ้งเหยียนนั้นเป็นหัวหน้าของกั๋วจื่อเจียน มีการศึกษาสูง คนเรียนหนังสือก็ต้องเดินในทางแห่งจองหงวน ยังต้องประจบประแจงเขาไม่มากก็น้อย ด้วยเหตุนี้เหลิ่งจิ้งเหยียนในสายตาของคนเรียนหนังสือนั้น ได้รับความเคารพเป็นอย่างยิ่ง

ฮูหยินรู้ความในใจของลูกสาว เคยให้คนช่วยเดินเรื่อง ทางด้านนั้นก็ไม่ได้เอ่ยปฏิเสธอะไร นางจึงคิดว่าจะทำการปล่อยเงินกู้ผ่านฉู่หมิงหยาง เพื่อเพิ่มสินสอดติดตัวให้ลูกสาว ถ้าหากสามารถแต่งงานกับเหลิ่งจิ้งเหยียนได้จริง ก็นับว่าเป็นบุญวาสนาที่ดีเรื่องหนึ่ง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

บัลลังก์หมอยาเซียน 1044 อำนาจชั่วไม่อาจถูกกำจัดไปได้ง่ายๆ

Now you are reading บัลลังก์หมอยาเซียน Chapter 1044 อำนาจชั่วไม่อาจถูกกำจัดไปได้ง่ายๆ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

อ๋องซุนเอามือผลักนางออกไปทันที พูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า “เอะอะโวยวายอะไร ไม่ดูบ้างว่านี่มันงานอะไร”

เดิมทีเสี้ยนจู่โหรหมิ่นก็ไม่ได้คิดจะวิ่งมาหาเขา แต่วิ่งมาหาหยู่เหวินเห้าต่างหาก ไม่คิดว่าหยู่เหวินเห้าจะเบี่ยงตัวหลบ การกระทำนี้ทำให้นางรู้สึกเสียใจมาก และไม่สนใจในสิ่งอ๋องซุนตำหนิ มองหยู่เหวินเห้าด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยน้ำตาพร่ามัวพลางฟ้องว่า“ท่านพี่ ทำไมท่านจึงได้ใจร้ายเช่นนี้ ”

หยู่เหวินเห้ารังเกียจนาง ไม่อยากจะปฏิสัมพันธ์กับนางแม้แต่น้อย ด้วยเหตุนี้จึงไม่ได้ตอบคำถาม แต่ดึงตัวหยวนชิงหลิงเดินออกไปข้างนอกทันที

เสี้ยนจู่โหรหมิ่นร้องไห้ตะโกนคำว่าท่านพี่อยู่หลายครั้ง หยู่เหวินเห้าได้แต่รู้สึกโมโห เอียงหน้ามองหยวนชิงหลิงพูดว่า “ถ้าหากเสี้ยวหงเฉิงมีใจต่อลู่หยวนละก็ จะช่วยให้เรื่องนี้สำเร็จอย่างเต็มที่ จะไม่สามารถให้ลู่หยวนถูกนางทำลายอย่างเด็ดขาด ”

ลู่หยวนเป็นคนมีความสามารถในการทำงาน มีวรยุทธสูงส่งและยังเป็นคนฉลาด ที่สำคัญที่สุดเขามีความสามารถที่จะแยกแยะผิดชอบชั่วดีอย่างมาก ใต้เท้าลู่ให้การอบรมสั่งสอนได้ดี ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ล้วนมีการคาดคะเนไว้ในใจ เขารู้ว่าอะไรควรทำอะไรไม่ควรทำ อะไรสามารถทำได้ อะไรไม่สามารถทำได้

เขาต้องการผู้บัญชาการเช่นนี้เป็นอย่างมาก

หยวนชิงหลิงพูดยิ้มๆว่า “ขอบเขตที่ท่านควบคุมกว้างขวางมากเสียจริง เรื่องความรู้สึกของพวกเขาให้ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติเถอะ ข้าคิดดูแล้วลู่หยวนก็คงไม่ชอบโหรหมิ่น”

“เกรงว่าพ่อแม่ตระกูลลู่จะสับสนขึ้นมากะทันหัน พวกเขาเองก็ไม่ชอบเสี้ยวหงเฉิง ประเดี๋ยวเจ้าเชิญเสี้ยวหงเฉิงมาที่จวนเพื่อลองถามดู”

หยวนชิงหลิงส่ายหน้า “ไม่ ข้าไม่ถาม ข้ากับเสี้ยวหงเฉิงได้คุ้นเคยกันถึงขั้นนั้น ”

หยู่เหวินเห้าขมวดคิ้วขึ้นมา “ข้าเองก็ไม่สมควรถาม ช่างเถอะ เหมือนที่เจ้าบอก ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติเถอะ มีวาสนาต่อกันอย่างไรเสียก็ได้อยู่ด้วยกัน ”

วันที่สามหลังจากพิธีเคลื่อนศพของจวิ้นจู่องจิ้ง ก็รู้ที่อยู่ของหลินเซียวแล้ว ยังปรากฏตัวอยู่ที่จวนอ๋องผิงหนาน และครั้งนี้ยังเป็นลูกเลี้ยงของอ๋องผิงหนานหยู่เหวินฮุยเป็นคนส่งเขาออกไปด้วยตนเอง

ครั้งนี้องครักษ์ลับผีไล่ตามทันแล้ว และได้จับกุมตัวเขากลับเมืองหลวง แต่ที่น่าเสียดาย ตอนที่ใกล้จะถึงเมืองหลวงแล้ว เขากลับหนีรอดไปได้

แม่ทัพหลอได้วางกรอบดักศัตรูไว้ทั่วทุกด้าน ได้ทำการตรวจค้นในพื้นที่ใกล้เคียงเมืองหลวงทั้งหมด แต่ตรวจค้นอยู่สามวัน ก็ไม่พบว่าเขาเคยปรากฏตัวขึ้นอีก หลังจากกลับไปรายงานหยู่เหวินเห้า หยู่เหวินเห้าพูดว่า “คนในยุทธภพเหล่านี้มีความสามารถง่ายดาย แต่เกรงว่าคนจะเข้าสู่เมืองหลวงตั้งนานแล้ว เฝ้าสังเกตโรงเตี๊ยมใหญ่ๆที่มีชื่อเสียง ทำการตรวจสอบบ้านเรือนของประชาชนที่มีการให้เช่า ตรวจสอบใบผ่านทาง ใบหน้าสามารถเปลี่ยนแปลงได้ แต่รูปร่างเปลี่ยนไม่ได้ ติดประกาศล่าตัวคนร้าย เมื่อพบคนแปลกหน้าที่มีรูปร่างสูงเท่ากับเขา ให้รีบกลับมารายงานทันที ”

หยู่เหวินเห้าได้ให้เขาไปแจ้งให้เสี้ยวหงเฉิงทราบ ไม่ตัดประเด็นที่หลินเซียวกลับมาในเมืองหลวงแล้วจะไปหานางอีกครั้ง เสี้ยวหงเฉิงยิ้มเย็น “ทางที่ดีให้เขามา ”

หลินเซียวเคยเป็นสิ่งสวยงามที่สุดในการมีตัวตนอยู่ของเสี้ยวหงเฉิง แต่ว่า ตอนนี้ก็เหมือนราวกับหนอนตัวเหม็น กำลังเน่าเปื่อยอยู่ในใจนาง ถ้าหากนางไม่ได้มอบดาบให้ที่อกของเขา กลิ่นเน่าเหม็นนี้ก็คงจะไม่มีวันจางหายไปจากใจ

แต่หลินเซียวกลับไม่ได้ไปหาเสี้ยวหงเฉิง สำนักเหมยแดงได้เข้าร่วมการตรวจค้นในครั้งนี้ด้วย ไม่พบร่องรอยเบาะแสของหลินเซียว

เมื่อพูดถึงองค์ชายใหญ่หยู่เหวินจุนกับฉู่หมิงหยางช่วงนี้ใช้ชีวิตได้อย่างไม่เลว ก่อนหน้านี้เคยดวงซวยไปครั้งหนึ่ง แต่ก็ยังคงไม่ลืมชีวิตที่ร่ำรวยสุขสบาย ตอนนี้ยังมีคนส่งเงินทองมาให้พวกเขาใช้ ยังคงเป็นการร่วมทำการค้า ขายของเก่า

หลังจากมีบทเรียนจากครั้งที่แล้ว พวกเขาก็ระมัดระวังมากขึ้น การค้าที่ต้องควักเงินออกมานั้นไม่ทำทั้งสิ้น การค้าที่เสี่ยงอันตรายมาก็ไม่ทำ พูดให้ชัดคือ อยากจะใช้สถานะของเขาเองที่เป็นองค์ชายใหญ่เอาเปรียบคนอื่นเล็กน้อย เพื่อให้สามารถใช้ชีวิตอย่างอุดมสมบูรณ์ดังเช่นก่อนหน้านี้

ครั้งนี้ที่ร่วมทำการค้ากับเขา เป็นพ่อข้าคนหนึ่งของเจียงหนาน ชื่อซุนฉวนหวู่ตระกูลร่ำรวยมหาศาล แต่ว่าเส้นสายอยู่ในเมืองหลวง เพราะว่าทำการค้าเกี่ยวกับของเก่า ยังคงต้องพึ่งพาดูดินเจ้าที่เหล่านี้อยู่บ้าง หยู่เหวินจุนนั้นเหมาะสมที่สุด ไม่มีใครจะไปล่วงเกินเขาเป็นการเฉพาะ ไม่ว่าชนชั้นใดในเมืองหลวงก็ยังต้องไว้หน้าเขาอยู่บ้าง ที่สำคัญที่สุดคือเขาโลภมาก

คนคนหนึ่งถ้าเกิดความโลภ ก็ควบคุมได้ง่ายมาก

นักค้าของเก่าคนนี้ก็ได้แนะนำให้เขารู้จักกับคนทำการค้าต่างถิ่นอีกมากมาย คนเหล่านี้อยู่ในเมืองหลวงต่างก็มีใบผ่านทาง ใบผ่านทางจำเป็นต้องไปต่ออายุที่กรมการพระนครทุกๆสิบวัน หยู่เหวินจุนจึงช่วยดำเนินการในเรื่องนี้ เรื่องนี้ไม่ต้องขอร้องคนอื่นเลยแม้แต่น้อย เอาตรงไปที่อ๋องฉี ให้เขาประทับตราให้ก็พอ

อ๋องฉีรำคาญเขา และต้องการหลีกเลี่ยงเขา ฉะนั้นเรื่องเล็กๆเหล่านี้แม้ว่าเขาจะไม่ทำด้วยตนเอง เขาก็ยินดีจะช่วยให้หยู่เหวินจุนทำให้เสร็จ เพราะว่าในเมืองหลวงก็มีคนที่ช่วยยื่นคำร้องขอใบผ่านทางไม่น้อย เพื่อจะหาเงินเล็กๆน้อยๆเท่านั้น อ๋องฉีกระทั่งรู้สึกว่าเขายินดีจะทำงานที่ต่ำต้อยเช่นนี้ ก็นับว่าก้าวหน้าขึ้นแล้ว

เขาทำงานเหล่านี้ให้กับซุนฉวนหวู่สำเร็จแล้ว ก็แนะนำคนบางส่วนให้เขาได้รู้จัก เพราะว่าของเก่าไม่ใช่คนทั่วไปที่ไหนก็สามารถหาซื้อได้ ฉะนั้น ที่เขาแนะนำล้วนเป็นขุนนางที่เคยติดตามเขาในวันวาน คนเหล่านี้แม้ว่าตอนนี้จะไม่ติดตามเขาแล้ว แต่ก็ไม่กล้าล่วงเกินเขา นับว่าเป็นการถือโอกาสแสดงน้ำใจ ทำความรู้จักกับคนที่เขาแนะนำมาให้ ส่วนเรื่องจะคบหาสมาคมหรือไม่ นั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่เขาจะสามารถควบคุมได้

แต่ว่าซุนฉวนหวู่คนนี้ก็เป็นคนมีความสามารถคนหนึ่ง คนที่มีคุณสมบัติที่ดีทำอะไรก็ย่อมได้ เดิมขุนนางเหล่านั้นแค่จะต้องการจะตอบรับคำเชิญของหยู่เหวินจุนเท่านั้น แต่กลับถูกเขาคลุกคลีจนคุ้นเคยกันหลายคน นี่ย่อมเพราะเขาเป็นคนใจกว้าง เป็นคนได้อย่างใจ คนที่ไปมาหาสู่กับเขาก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น

ซุนฉวนหวู่ก็เป็นคนที่มีน้ำใจมากพอ และไม่ได้เย็นชาต่อหยู่เหวินจุนด้วยเหตุนี้ ยังคงไปมาหาสู่กับเขาเรื่อยๆ ให้ค่าแนะนำกับเขา รวมทั้งหมดทั้งสิ้นแล้ว ในหนึ่งเดือนหยู่เหวินจุนสามารถเอาเงินจากมือซุนฉวนหวู่ได้สามสี่ร้อยตำลึง นี่สำหรับเขา นับว่าเยอะมากแล้ว

ด้วยเหตุนี้ ชีวิตของหยู่เหวินจุนและฉู่หมิงหยางยังคงสุขสบายได้เช่นเดิม เทียบกับความสูงศักดิ์เมื่อวันวานมิได้ แต่ในด้านเงินทองนั้นไม่เคยขาดมือ ไม่ถึงกับต้องไปรบกวนฮูหยินเหยาถึงบ้านอีก

เพื่อนที่เคยคบหากันแต่เก่าก่อนของฉู่หมิงหยาง ด้วยเหตุที่นางร่ำรวยขึ้นก็ค่อยๆไปมาหาสู่กันมากขึ้น ซุนฉวนหวู่ยังช่วยออกความคิดเห็นให้กับฉู่หมิงหยาง ถ้าหากต้องการหาเงินให้มากกว่านี้ ก็ให้ฮูหยินเหล่านี้เอาเงินออกมาปล่อยกู้ ทำเช่นนี้จะสามารถได้เงินจากดอกเบี้ยเงินกู้ที่สูงขึ้น ฉู่หมิงหยางย่อมรู้ว่านั้นเป็นความเสี่ยงสูง แรกเริ่มไม่กล้า เพียงแค่เอาเงินที่เหลือใช้ของตนเองให้ซุนฉวนหวู่เอาไปปล่อยกู้ ปรากฏว่าเพียงไม่กี่วันก็สามารถได้รับการตอบแทนเป็นดอกเบี้ยที่สูงมาก ด้วยเหตุนี้นางเองก็เกิดความโลภขึ้นมา นำเรื่องนี้ไปบอกให้กับเหล่าฮูหยินที่ไปมาหาสู่กับนางฟัง

ฮูหยินเหล่านี้เดิมทีก็เป็นผู้ร่ำรวยอยู่แล้ว มีเงินและทรัพย์สินส่วนตัวอยู่ไม่น้อย ได้ยินว่าหาเงินได้ง่ายเช่นนี้ ก็ทดลองให้ฉู่หมิงหยางปล่อยกู้บ้าง ฉู่หมิงหยางได้หากำไรจากดอกเบี้ยส่วนหนึ่ง ที่เหลือก็คืนให้กับพวกนาง ในหนึ่งเดือนก็หาเงินมาได้ไม่น้อย

เช่นนี้เอง เหล่าฮูหยินก็ค่อยๆกล้าเอาเงินจำนวนมากออกมา แม้แต่ฮูหยินรองของตระกูลกู้ก็เอาเงินมาให้ฉู่หมิงหยางไม่น้อย ให้นางเอาออกไปปล่อยกู้ ฮูหยินรองคนนี้เป็นน้องสาวของมารดาฉู่หมิงหยาง ฉู่หมิงหยางต้องเรียกนางอย่างให้เกียรติว่าท่านน้า ฉู่หมิงหยางกับลูกสาวของฮูหยินรองกู้คางมั่นก็ไปมาหาสู่กันบ่อยมาก เดิมทีกู้คางมั่นจะถูกแม่สื่อทาบทามแล้ว แต่ว่านางหยิ่งทะนงเกินไป ถ้าไม่ใช่ตระกูลสูงศักดิ์ก็ไม่ยอมแต่ง จึงทำให้เสียเวลามาจนถึงตอนนี้

ตอนนี้คนที่กู้คางมั่นชื่นชอบก็คือเหลิ่งจิ้งเหยียนคุณชายใหญ่แห่งตระกูลเหลิ่ง เหลิ่งจิ้งเหยียนนั้นเป็นหัวหน้าของกั๋วจื่อเจียน มีการศึกษาสูง คนเรียนหนังสือก็ต้องเดินในทางแห่งจองหงวน ยังต้องประจบประแจงเขาไม่มากก็น้อย ด้วยเหตุนี้เหลิ่งจิ้งเหยียนในสายตาของคนเรียนหนังสือนั้น ได้รับความเคารพเป็นอย่างยิ่ง

ฮูหยินรู้ความในใจของลูกสาว เคยให้คนช่วยเดินเรื่อง ทางด้านนั้นก็ไม่ได้เอ่ยปฏิเสธอะไร นางจึงคิดว่าจะทำการปล่อยเงินกู้ผ่านฉู่หมิงหยาง เพื่อเพิ่มสินสอดติดตัวให้ลูกสาว ถ้าหากสามารถแต่งงานกับเหลิ่งจิ้งเหยียนได้จริง ก็นับว่าเป็นบุญวาสนาที่ดีเรื่องหนึ่ง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+