บัลลังก์หมอยาเซียน 715 จุดประสงค์

Now you are reading บัลลังก์หมอยาเซียน Chapter 715 จุดประสงค์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ขณะที่เขาพูด เหลือบมองเสือที่ท่าทางน่าเกรงกลัวขนสีทองที่คุมอยู่ที่ประตูตำหนักตัวนั้นแวบหนึ่ง เมื่อครู่เขาเห็นขณะอ๋องชินเฟิงอันเดินเข้ามา เสือตัวนั้นเดินเปิดทางให้อยู่ด้านหน้า ท่าทางเช่นนั้นยอดเยี่ยมเป็นที่สุด

อ๋องชินเฟิงอันมองดูฮ่องเต้หมิงหยวน: “เมื่อจากลาก็เป็นเวลาหลายปี หลานก็ทำให้ข้ามองด้วยความชื่นชม ตอนนี้เป่ยถังอยู่ในการปกครองของเจ้า เจริญรุ่งเรือง ทำได้ดีเป็นอย่างมาก!”

อ๋องชินเฟิงอันกล่าวด้วยท่าทีจริงจัง ขณะที่กล่าวล้วนเป็นท่าทีที่เคร่งขรึม แม้ว่าในตาจะแฝงด้วยความอ่อนโยน แต่ในมุมมองของฮ่องเต้หมิงหยวน กลับยังคงเป็นความน่าเกรงขามไปทั่วทุกทาง

หลังจากที่อ๋องชินเฟิงอันพูดจบ หันศีรษะไปมองไท่ซ่างหวง สีหน้ายิ่งอ่อนโยนลงมาก “เห็นได้ว่า เจ้าเลือกคนสืบทอดที่ดีได้ผู้หนึ่ง”

นึกไม่ถึงว่าไท่ซ่างหวงก็หัวเราะแล้ว “ใช่แล้ว ข้าพอใจเป็นอย่างมาก”

เพียงประโยคเดียว บอกกล่าวการชื่นชมของไท่ซ่างหวงที่มีต่อฮ่องเต้ทั้งหมดแล้ว

อ๋องชินเฟิงอันมองดูหยู่เหวินเห้าอีก พยักหน้าเล็กน้อยเป็นการทักทายเขา

หยู่เหวินเห้าทำมือคำนับแล้วทำความเคารพ

ด้านข้างทางนั้น ชายาเฟิงอันนั่งอยู่ด้านข้างของพระชายาอาน เดิมทีนางและพระชายาอานคือเชื้อสายเดียวกัน เพียงแต่พระชายาอานกลับไม่เคยไปมาหาสู่กับนางมาก่อน เห็นได้ว่าระมัดระวังและไม่อิสระเป็นที่สุด

ไทเฮามองดูชายาเฟิงอัน ทอดถอนใจเป็นอย่างมาก “ดูเหมือนว่า ข้ากับพระชายาจะไม่ได้พบกันนานยี่สิบกว่าปีแล้ว สวรรค์มีความเมตตาต่อท่าน อายุของท่านและข้าต่างกันไม่มาก แต่กลับดูอ่อนวัยกว่าข้าเป็นอย่างมาก”

ชายาเฟิงอันหัวเราะแล้ว “ไม่มีเรื่องค้างในใจให้เป็นห่วง ชีวิตความเป็นอยู่สบายอกสบายใจ เป็นธรรมชาติที่จะดูเหมือนอ่อนวัยเล็กน้อย ไม่เหมือนไทเฮาอยู่ในพระราชวังดูแลจัดการเรื่องใหญ่โตของวังหลัง คิดเป็นกังวลทุกเรื่อง”

ไทเฮาหัวเราะเล็กน้อย “ใช่แล้วล่ะ ดังนั้นข้าถึงบอกว่าชายาเฟิงอันมีบุญวาสนา”

งานเลี้ยงฉลองเริ่มแล้ว เหล่านางข้าหลวงถืออาหารเลิศรสทยอยออกมาตามๆกัน ภัตตาหารที่ประณีตเช่นนี้ดูแล้วน่ามองเป็นที่สุด แต่เพราะอากาศหนาวเย็น จากห้องจัดเตรียมภัตตาหารส่งมาถึงตำหนักกวงหมิงก็เย็นแล้ว เข้าปากก็ไม่อร่อยแม้สักนิด

ดีที่ ตอนแรกเริ่มมีน้ำซุปอย่างหนึ่ง ขณะที่น้ำซุปมายังมีไอร้อนระอุ สำหรับอาหารอย่างอื่นที่เย็นแล้ว ทุกคนล้วนคุ้นชินแล้ว อาหารอย่างหนึ่งกินหนึ่งคำ ก็บอกคนให้ยกออกไป แล้วจัดอย่างที่สอง

ชายาเฟิงอันมีความเป็นกันเองมากกับพระชายาอาน เห็นนางกินซุปไม่กี่คำ จึงกล่าว: “สุขภาพของเจ้าอ่อนแอ ดื่มซุปให้มากๆหน่อย อาหารเย็นแล้ว ก็กินให้น้อยลงหน่อย”

พระชายาอานได้รับความรักจนตกตะลึง กล่าวด้วยความรีบร้อน: “เพคะ!”

“สุขภาพดีขึ้นมากแล้วหรือไม่?” ชายาเฟิงอันวางตะเกียบลงโดยตรง เห็นนางระมัดระวังไม่เป็นตัวเองจนปากสั่น จึงกล่าวอย่างจนปัญญา: “เพราะข้านั่งข้างๆเจ้าทำให้เจ้าประหม่าใช่หรือไม่? เจ้าก็ทำเหมือนข้าเป็นผู้อาวุโสทั่วๆไปก็พอ”

“ได้ ได้เพคะ!” พระชายาอานตอบรับติดต่อกันอีก กลับยังตื่นเต้นมากกว่าเมื่อครู่เล็กน้อยอีกด้วย

ชายาเฟิงอันจึงกล่าวกับหรงเยว่ที่นั่งอยู่ข้างกายของหยวนชิงหลิงว่า: “พระชายาหวย เจ้ามานี่ข้าเปลี่ยนที่นั่งกับเจ้า”

พระชายาอานได้ยินดังนั้น รีบกล่าว: “หม่อมฉัน……หม่อมฉันไปเพคะ ไม่สามารถให้ท่านเคลื่อนที่ได้เพคะ”

นางพูดจบ ก็รู้สึกว่าไม่เหมาะสม หากว่านางไป ก็ไม่ใช่ว่าบอกให้พระชายารัชทายาทย้ายที่หรือ?

แต่ว่า หยวนชิงหลิงก็กลับไม่ได้ถือสา ได้ยินนางพูดเช่นนี้ จึงลุกขึ้นเข้ามาแล้ว

พระชายาอานมองหยวนชิงหลิงด้วยความซาบซึ้งแวบหนึ่ง หยวนชิงหลิงพยักหน้าแล้วยิ้มเล็กน้อย

หลังจากเปลี่ยนที่แล้ว บรรยากาศผ่อนคลายเล็กน้อย เพราะพระชายาซุนยกแก้วขึ้น กล่าวว่าต้องการจะดื่มให้ไทเฮาและชายาเฟิงอัน

ไทเฮาตอบรับแล้ว ยกแก้วขึ้นมา นอกจากหยวนชิงหลิง ทุกคนล้วนยกแก้วขึ้นหมด หยวนชิงหลิงรู้ว่าความสามารถในการดื่มเหล้าของตัวเองไม่ได้ ดื่มแล้วจะปล่อยไก่ แต่หากไม่ดื่ม ก็ไม่ไว้หน้าจริงๆ ทำได้เพียงยกแก้วขึ้น ดื่มคำเล็กๆ

ดีที่ การแสดงร้องเพลงเต้นรำก็เริ่มแล้ว จึงไม่มีผู้ใดยกเหล้าชั่วคราว ทุกคนล้วนตั้งใจดูท่าทางการเต้นระบำที่งดงามของเหล่านางระบำด้านนอก

เสียงเครื่องดนตรีประเภทสายและปี่เข้าหู บางครั้งมีเสียงตีกลอง ทำให้ในใจของคนรู้สึกสงบลงอย่างไม่มีเหตุผล

ในใจของหยวนชิงหลิงปรารถนาให้งานเลี้ยงฉลองนี้สิ้นสุดลงเร็วๆหน่อย เพราะคุณย่ายังรออยู่พร้อมหน้าพร้อมตาในวันขึ้นปีใหม่กับนางในจวน

มาที่นี่สองปีแล้ว ตอนขึ้นปีใหม่เมื่อปีก่อน ในใจยังรู้สึกโดดเดี่ยวมาก หลังจากที่คุณย่ามาแล้ว จึงรู้สึกว่าการใช้ชีวิตที่นี่มีหลักปักฐานได้ ราวกับว่าการดำรงชีวิตก็มีที่มาแล้ว

และการเฝ้ารอให้งานเลี้ยงสิ้นสุดเร็วขึ้นหน่อย ความจริงก็เป็นความฝังใจ เพราะว่าปีสองปีมานี้ ทุกครั้งที่จัดงานเลี้ยงในพระราชวัง สุดท้ายมักจะเกิดความวุ่นวายใหญ่บ้างเล็กบ้างเสมอ เล่นซะทำให้ไม่มีความสุขเป็นอย่างมาก

หลังจากที่ชายาเฟิงอันออกจากที่นั่งไป ก็ไม่รู้ว่าไปที่ไหน อาหารก็จัดขึ้นโต๊ะแล้วสิบหกอย่าง นางก็ยังไม่กลับมา

กระทั่งงานเลี้ยงใกล้จะจบแล้ว จึงเห็นนางเข้ามาจากด้านนอก แต่บนใบหน้าเหมือนมีความไม่พอใจเล็กน้อย

มีผู้คนอยู่มากมาย หยวนชิงหลิงถามก็ไม่ดี เห็นเพียงแต่หลังจากที่นางนั่งลงแล้ว ดื่มติดต่อกันสองแก้ว ราวกับว่าโกรธเป็นอย่างมากจริงๆ

ทุกคนมองดูการกระทำของนางล้วนรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก พระชายาที่มีอายุท่านนี้เกิดอะไรขึ้นกันแน่?

ระบำจบไปแล้วอีกหนึ่งเพลง ชายาเฟิงอันกล่าวต่อนาง: “ด้านนอกบรรยากาศไม่เลว เจ้าออกไปเดินเล่นเป็นเพื่อนข้าเถอะ กินอิ่มแล้ว”

หยวนชิงหลิงปรารถนาให้ได้มา “ได้เพคะ!”

ทั้งสองออกจากไปที่นั่งไป อันที่จริงลมยามค่ำเย็นมาก บรรยากาศก็มี แขวนด้วยโคมไฟสีสันเต็มทั้งสวน หิมะบนพื้นล้วนถูกเปลือกประทัดปกคลุม แดงไปทั้งพื้น

หยวนชิงหลิงไม่ได้สวมชุดขนสัตว์ ดังนั้นห่อด้วยเสื้อคลุมอย่างหนาแน่นก็ยังรู้สึกหนาวเล็กน้อย

ตลอดทางที่เดินออกจากลานของตำหนักกวงหมิง ล้วนไม่ได้พูดจา เดินถึงศาลาจันทร์เสี้ยวของอุทยานอวี้ฮัว ในนี้ก็คือสถานที่ที่พระชายาอานเกิดเรื่อง

หลังจากที่ทั้งสองคนเข้าไป ชายาเฟิงอันจึงปล่อยม่านลง กำบังลมหนาว

หลังจากนั่งลง ชายาเฟิงอันจึงได้มองนางแล้วกล่าว: “ข้ากลับมาครั้งนี้ เพราะมีเรื่องเรื่องหนึ่ง”

หยวนชิงหลิงก็รู้สึกว่าค่อนข้างแปลกประหลาดเล็กน้อยที่พวกเขากลับมาอย่างกะทันหัน ในเมื่อนางยอมพูด จึงได้เอ่ยถาม: “เรื่องอะไรเพคะ?”

“เพราะเรื่องการแต่งงานของเหลิ่งซี่ ก่อนหน้านี้ไม่กี่วันไทเฮาส่งจดหมายมา บอกว่าเสียนเฟยไม่ค่อยเห็นด้วยกับการแต่งงานครั้งนี้ เกรงว่านางจะก่อเรื่องขึ้นมา จึงได้เรียกข้ากลับมา พูดโน้มน้าวเสียนเฟยสักหน่อย”

หยวนชิงหลิงรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย เรื่องนี้ไทเฮายังโน้มน้าวไม่ได้ ทำไมต้องให้ชายาเฟิงอันมาพูดโน้มน้าว? อีกอย่าง ทำไมชายาเฟิงอันถึงได้ถึงกับกลับมาเพราะเรื่องเล็กๆเช่นนี้? อย่างไรเสียตามหลักแล้วเสียนเฟยก็ก่อเรื่องวุ่นวายอะไรขึ้นมาไม่ได้นี่ ไม่ใช่ว่ากักบริเวณหรือ?

แม้ว่าไม่ได้กักบริเวณ เรื่องนี้ไทเฮาและฮ่องเต้ก็เห็นด้วยหมดแล้ว อย่างมากเสียนเฟยก็ก่อความวุ่นวายในตำหนักเล็กน้อย ก่อเรื่องใหญ่อะไรออกมาไม่ได้

เหมือนกับว่าชายาเฟิงอันมองความสงสัยของนางออก กล่าวอธิบายว่า: “ไทเฮาเรียกข้ากลับมา แน่นอนว่าเพราะอยากรักษาชีวิตของเสียนเฟยไว้ ท้ายที่สุดเสียนเฟยก็คือคนในตระกูลซูของนาง แต่นางไม่สามารถฝืนช่วยเสียนเฟยโดยไม่มีเหตุผลได้ งานแต่งนี้เป็นฮ่องเต้ที่ส่งเสริมให้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี ไทเฮาต้องการเคารพพระประสงค์ของฮ่องเต้ สำหรับที่ไทเฮาเรียกข้ามา คือให้ข้าไปบอกเสียนเฟยว่า สามารถฝากฝังทั้งชีวิตกับเหลิ่งซี่ได้ ทำให้นางวางใจ โดยประมาณแล้วไทเฮารู้สึกว่าเสียนเฟยจะไว้หน้าข้า เพียงแค่นางไม่ก่อเรื่อง ฮ่องเต้ก็จะไม่เอาชีวิตของนาง”

หยวนชิงหลิงกล่าว: “เช่นนั้นเสียน……เสด็จแม่ยังจะสามารถก่อเรื่องอะไรออกมาได้อีกเพคะ? คงไม่ได้จะหยุดยั้งงานแต่งนี้ได้หรอกนะเพคะ?”

ชายาเฟิงอันมองดูนาง “คนตระกูลซู บอกกล่าวสังคมภายนอกว่าเหลิ่งซี่เป็นผู้มักมากบ้าตัณหา วางแผนไม่ซื่อต่อเจ้าหญิง นี่สร้างความเสียหายต่อชื่อเสียงของเหลิ่งซี่มากเพียงไร? เหลิ่งซี่เขาไม่ได้สนใจ แต่ว่า ทำไมฮ่องเต้ถึงต้องการยกหยู่เหวินหลิงให้แต่งงานกับเหลิ่งซี่? เป็นเพราะให้ความสำคัญกับการพัฒนาเศรษฐกิจ ยกระดับของคนทำการค้า ทำให้คนทำการค้ารู้สึกว่าสามารถเบียดตัวเข้ามาในสังคมชั้นสูงได้ ใช้การส่งเสริมการค้าเพิ่มภาษีทุกชนิดของประเทศ หากว่าราชสำนักยอมยกเจ้าหญิงพระองค์หนึ่งให้กับเหลิ่งซี่แต่สุดท้ายต้องแบกรับคำด่าทุกอย่าง เจ้าคิดว่า คนทำการค้าจะเชื่อมั่นราชสำนักหรือ? คนทำการค้าไม่เชื่อมั่นราชสำนัก แต่ราชสำนักกลับจำเป็นต้องพัฒนาเศรษฐกิจ ถึงสุดท้าย ทุกคนล้วนเปลี่ยนวิธีหลีกเลี่ยงภาษีทุกชนิด นี่ไม่ได้ขัดกับเจตนารมณ์เดิมของฮ่องเต้หรอกหรือ?”

หยวนชิงหลิงตะลึงงัน นางคิดไกลถึงเพียงนี้จริงๆ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

บัลลังก์หมอยาเซียน 715 จุดประสงค์

Now you are reading บัลลังก์หมอยาเซียน Chapter 715 จุดประสงค์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ขณะที่เขาพูด เหลือบมองเสือที่ท่าทางน่าเกรงกลัวขนสีทองที่คุมอยู่ที่ประตูตำหนักตัวนั้นแวบหนึ่ง เมื่อครู่เขาเห็นขณะอ๋องชินเฟิงอันเดินเข้ามา เสือตัวนั้นเดินเปิดทางให้อยู่ด้านหน้า ท่าทางเช่นนั้นยอดเยี่ยมเป็นที่สุด

อ๋องชินเฟิงอันมองดูฮ่องเต้หมิงหยวน: “เมื่อจากลาก็เป็นเวลาหลายปี หลานก็ทำให้ข้ามองด้วยความชื่นชม ตอนนี้เป่ยถังอยู่ในการปกครองของเจ้า เจริญรุ่งเรือง ทำได้ดีเป็นอย่างมาก!”

อ๋องชินเฟิงอันกล่าวด้วยท่าทีจริงจัง ขณะที่กล่าวล้วนเป็นท่าทีที่เคร่งขรึม แม้ว่าในตาจะแฝงด้วยความอ่อนโยน แต่ในมุมมองของฮ่องเต้หมิงหยวน กลับยังคงเป็นความน่าเกรงขามไปทั่วทุกทาง

หลังจากที่อ๋องชินเฟิงอันพูดจบ หันศีรษะไปมองไท่ซ่างหวง สีหน้ายิ่งอ่อนโยนลงมาก “เห็นได้ว่า เจ้าเลือกคนสืบทอดที่ดีได้ผู้หนึ่ง”

นึกไม่ถึงว่าไท่ซ่างหวงก็หัวเราะแล้ว “ใช่แล้ว ข้าพอใจเป็นอย่างมาก”

เพียงประโยคเดียว บอกกล่าวการชื่นชมของไท่ซ่างหวงที่มีต่อฮ่องเต้ทั้งหมดแล้ว

อ๋องชินเฟิงอันมองดูหยู่เหวินเห้าอีก พยักหน้าเล็กน้อยเป็นการทักทายเขา

หยู่เหวินเห้าทำมือคำนับแล้วทำความเคารพ

ด้านข้างทางนั้น ชายาเฟิงอันนั่งอยู่ด้านข้างของพระชายาอาน เดิมทีนางและพระชายาอานคือเชื้อสายเดียวกัน เพียงแต่พระชายาอานกลับไม่เคยไปมาหาสู่กับนางมาก่อน เห็นได้ว่าระมัดระวังและไม่อิสระเป็นที่สุด

ไทเฮามองดูชายาเฟิงอัน ทอดถอนใจเป็นอย่างมาก “ดูเหมือนว่า ข้ากับพระชายาจะไม่ได้พบกันนานยี่สิบกว่าปีแล้ว สวรรค์มีความเมตตาต่อท่าน อายุของท่านและข้าต่างกันไม่มาก แต่กลับดูอ่อนวัยกว่าข้าเป็นอย่างมาก”

ชายาเฟิงอันหัวเราะแล้ว “ไม่มีเรื่องค้างในใจให้เป็นห่วง ชีวิตความเป็นอยู่สบายอกสบายใจ เป็นธรรมชาติที่จะดูเหมือนอ่อนวัยเล็กน้อย ไม่เหมือนไทเฮาอยู่ในพระราชวังดูแลจัดการเรื่องใหญ่โตของวังหลัง คิดเป็นกังวลทุกเรื่อง”

ไทเฮาหัวเราะเล็กน้อย “ใช่แล้วล่ะ ดังนั้นข้าถึงบอกว่าชายาเฟิงอันมีบุญวาสนา”

งานเลี้ยงฉลองเริ่มแล้ว เหล่านางข้าหลวงถืออาหารเลิศรสทยอยออกมาตามๆกัน ภัตตาหารที่ประณีตเช่นนี้ดูแล้วน่ามองเป็นที่สุด แต่เพราะอากาศหนาวเย็น จากห้องจัดเตรียมภัตตาหารส่งมาถึงตำหนักกวงหมิงก็เย็นแล้ว เข้าปากก็ไม่อร่อยแม้สักนิด

ดีที่ ตอนแรกเริ่มมีน้ำซุปอย่างหนึ่ง ขณะที่น้ำซุปมายังมีไอร้อนระอุ สำหรับอาหารอย่างอื่นที่เย็นแล้ว ทุกคนล้วนคุ้นชินแล้ว อาหารอย่างหนึ่งกินหนึ่งคำ ก็บอกคนให้ยกออกไป แล้วจัดอย่างที่สอง

ชายาเฟิงอันมีความเป็นกันเองมากกับพระชายาอาน เห็นนางกินซุปไม่กี่คำ จึงกล่าว: “สุขภาพของเจ้าอ่อนแอ ดื่มซุปให้มากๆหน่อย อาหารเย็นแล้ว ก็กินให้น้อยลงหน่อย”

พระชายาอานได้รับความรักจนตกตะลึง กล่าวด้วยความรีบร้อน: “เพคะ!”

“สุขภาพดีขึ้นมากแล้วหรือไม่?” ชายาเฟิงอันวางตะเกียบลงโดยตรง เห็นนางระมัดระวังไม่เป็นตัวเองจนปากสั่น จึงกล่าวอย่างจนปัญญา: “เพราะข้านั่งข้างๆเจ้าทำให้เจ้าประหม่าใช่หรือไม่? เจ้าก็ทำเหมือนข้าเป็นผู้อาวุโสทั่วๆไปก็พอ”

“ได้ ได้เพคะ!” พระชายาอานตอบรับติดต่อกันอีก กลับยังตื่นเต้นมากกว่าเมื่อครู่เล็กน้อยอีกด้วย

ชายาเฟิงอันจึงกล่าวกับหรงเยว่ที่นั่งอยู่ข้างกายของหยวนชิงหลิงว่า: “พระชายาหวย เจ้ามานี่ข้าเปลี่ยนที่นั่งกับเจ้า”

พระชายาอานได้ยินดังนั้น รีบกล่าว: “หม่อมฉัน……หม่อมฉันไปเพคะ ไม่สามารถให้ท่านเคลื่อนที่ได้เพคะ”

นางพูดจบ ก็รู้สึกว่าไม่เหมาะสม หากว่านางไป ก็ไม่ใช่ว่าบอกให้พระชายารัชทายาทย้ายที่หรือ?

แต่ว่า หยวนชิงหลิงก็กลับไม่ได้ถือสา ได้ยินนางพูดเช่นนี้ จึงลุกขึ้นเข้ามาแล้ว

พระชายาอานมองหยวนชิงหลิงด้วยความซาบซึ้งแวบหนึ่ง หยวนชิงหลิงพยักหน้าแล้วยิ้มเล็กน้อย

หลังจากเปลี่ยนที่แล้ว บรรยากาศผ่อนคลายเล็กน้อย เพราะพระชายาซุนยกแก้วขึ้น กล่าวว่าต้องการจะดื่มให้ไทเฮาและชายาเฟิงอัน

ไทเฮาตอบรับแล้ว ยกแก้วขึ้นมา นอกจากหยวนชิงหลิง ทุกคนล้วนยกแก้วขึ้นหมด หยวนชิงหลิงรู้ว่าความสามารถในการดื่มเหล้าของตัวเองไม่ได้ ดื่มแล้วจะปล่อยไก่ แต่หากไม่ดื่ม ก็ไม่ไว้หน้าจริงๆ ทำได้เพียงยกแก้วขึ้น ดื่มคำเล็กๆ

ดีที่ การแสดงร้องเพลงเต้นรำก็เริ่มแล้ว จึงไม่มีผู้ใดยกเหล้าชั่วคราว ทุกคนล้วนตั้งใจดูท่าทางการเต้นระบำที่งดงามของเหล่านางระบำด้านนอก

เสียงเครื่องดนตรีประเภทสายและปี่เข้าหู บางครั้งมีเสียงตีกลอง ทำให้ในใจของคนรู้สึกสงบลงอย่างไม่มีเหตุผล

ในใจของหยวนชิงหลิงปรารถนาให้งานเลี้ยงฉลองนี้สิ้นสุดลงเร็วๆหน่อย เพราะคุณย่ายังรออยู่พร้อมหน้าพร้อมตาในวันขึ้นปีใหม่กับนางในจวน

มาที่นี่สองปีแล้ว ตอนขึ้นปีใหม่เมื่อปีก่อน ในใจยังรู้สึกโดดเดี่ยวมาก หลังจากที่คุณย่ามาแล้ว จึงรู้สึกว่าการใช้ชีวิตที่นี่มีหลักปักฐานได้ ราวกับว่าการดำรงชีวิตก็มีที่มาแล้ว

และการเฝ้ารอให้งานเลี้ยงสิ้นสุดเร็วขึ้นหน่อย ความจริงก็เป็นความฝังใจ เพราะว่าปีสองปีมานี้ ทุกครั้งที่จัดงานเลี้ยงในพระราชวัง สุดท้ายมักจะเกิดความวุ่นวายใหญ่บ้างเล็กบ้างเสมอ เล่นซะทำให้ไม่มีความสุขเป็นอย่างมาก

หลังจากที่ชายาเฟิงอันออกจากที่นั่งไป ก็ไม่รู้ว่าไปที่ไหน อาหารก็จัดขึ้นโต๊ะแล้วสิบหกอย่าง นางก็ยังไม่กลับมา

กระทั่งงานเลี้ยงใกล้จะจบแล้ว จึงเห็นนางเข้ามาจากด้านนอก แต่บนใบหน้าเหมือนมีความไม่พอใจเล็กน้อย

มีผู้คนอยู่มากมาย หยวนชิงหลิงถามก็ไม่ดี เห็นเพียงแต่หลังจากที่นางนั่งลงแล้ว ดื่มติดต่อกันสองแก้ว ราวกับว่าโกรธเป็นอย่างมากจริงๆ

ทุกคนมองดูการกระทำของนางล้วนรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก พระชายาที่มีอายุท่านนี้เกิดอะไรขึ้นกันแน่?

ระบำจบไปแล้วอีกหนึ่งเพลง ชายาเฟิงอันกล่าวต่อนาง: “ด้านนอกบรรยากาศไม่เลว เจ้าออกไปเดินเล่นเป็นเพื่อนข้าเถอะ กินอิ่มแล้ว”

หยวนชิงหลิงปรารถนาให้ได้มา “ได้เพคะ!”

ทั้งสองออกจากไปที่นั่งไป อันที่จริงลมยามค่ำเย็นมาก บรรยากาศก็มี แขวนด้วยโคมไฟสีสันเต็มทั้งสวน หิมะบนพื้นล้วนถูกเปลือกประทัดปกคลุม แดงไปทั้งพื้น

หยวนชิงหลิงไม่ได้สวมชุดขนสัตว์ ดังนั้นห่อด้วยเสื้อคลุมอย่างหนาแน่นก็ยังรู้สึกหนาวเล็กน้อย

ตลอดทางที่เดินออกจากลานของตำหนักกวงหมิง ล้วนไม่ได้พูดจา เดินถึงศาลาจันทร์เสี้ยวของอุทยานอวี้ฮัว ในนี้ก็คือสถานที่ที่พระชายาอานเกิดเรื่อง

หลังจากที่ทั้งสองคนเข้าไป ชายาเฟิงอันจึงปล่อยม่านลง กำบังลมหนาว

หลังจากนั่งลง ชายาเฟิงอันจึงได้มองนางแล้วกล่าว: “ข้ากลับมาครั้งนี้ เพราะมีเรื่องเรื่องหนึ่ง”

หยวนชิงหลิงก็รู้สึกว่าค่อนข้างแปลกประหลาดเล็กน้อยที่พวกเขากลับมาอย่างกะทันหัน ในเมื่อนางยอมพูด จึงได้เอ่ยถาม: “เรื่องอะไรเพคะ?”

“เพราะเรื่องการแต่งงานของเหลิ่งซี่ ก่อนหน้านี้ไม่กี่วันไทเฮาส่งจดหมายมา บอกว่าเสียนเฟยไม่ค่อยเห็นด้วยกับการแต่งงานครั้งนี้ เกรงว่านางจะก่อเรื่องขึ้นมา จึงได้เรียกข้ากลับมา พูดโน้มน้าวเสียนเฟยสักหน่อย”

หยวนชิงหลิงรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย เรื่องนี้ไทเฮายังโน้มน้าวไม่ได้ ทำไมต้องให้ชายาเฟิงอันมาพูดโน้มน้าว? อีกอย่าง ทำไมชายาเฟิงอันถึงได้ถึงกับกลับมาเพราะเรื่องเล็กๆเช่นนี้? อย่างไรเสียตามหลักแล้วเสียนเฟยก็ก่อเรื่องวุ่นวายอะไรขึ้นมาไม่ได้นี่ ไม่ใช่ว่ากักบริเวณหรือ?

แม้ว่าไม่ได้กักบริเวณ เรื่องนี้ไทเฮาและฮ่องเต้ก็เห็นด้วยหมดแล้ว อย่างมากเสียนเฟยก็ก่อความวุ่นวายในตำหนักเล็กน้อย ก่อเรื่องใหญ่อะไรออกมาไม่ได้

เหมือนกับว่าชายาเฟิงอันมองความสงสัยของนางออก กล่าวอธิบายว่า: “ไทเฮาเรียกข้ากลับมา แน่นอนว่าเพราะอยากรักษาชีวิตของเสียนเฟยไว้ ท้ายที่สุดเสียนเฟยก็คือคนในตระกูลซูของนาง แต่นางไม่สามารถฝืนช่วยเสียนเฟยโดยไม่มีเหตุผลได้ งานแต่งนี้เป็นฮ่องเต้ที่ส่งเสริมให้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี ไทเฮาต้องการเคารพพระประสงค์ของฮ่องเต้ สำหรับที่ไทเฮาเรียกข้ามา คือให้ข้าไปบอกเสียนเฟยว่า สามารถฝากฝังทั้งชีวิตกับเหลิ่งซี่ได้ ทำให้นางวางใจ โดยประมาณแล้วไทเฮารู้สึกว่าเสียนเฟยจะไว้หน้าข้า เพียงแค่นางไม่ก่อเรื่อง ฮ่องเต้ก็จะไม่เอาชีวิตของนาง”

หยวนชิงหลิงกล่าว: “เช่นนั้นเสียน……เสด็จแม่ยังจะสามารถก่อเรื่องอะไรออกมาได้อีกเพคะ? คงไม่ได้จะหยุดยั้งงานแต่งนี้ได้หรอกนะเพคะ?”

ชายาเฟิงอันมองดูนาง “คนตระกูลซู บอกกล่าวสังคมภายนอกว่าเหลิ่งซี่เป็นผู้มักมากบ้าตัณหา วางแผนไม่ซื่อต่อเจ้าหญิง นี่สร้างความเสียหายต่อชื่อเสียงของเหลิ่งซี่มากเพียงไร? เหลิ่งซี่เขาไม่ได้สนใจ แต่ว่า ทำไมฮ่องเต้ถึงต้องการยกหยู่เหวินหลิงให้แต่งงานกับเหลิ่งซี่? เป็นเพราะให้ความสำคัญกับการพัฒนาเศรษฐกิจ ยกระดับของคนทำการค้า ทำให้คนทำการค้ารู้สึกว่าสามารถเบียดตัวเข้ามาในสังคมชั้นสูงได้ ใช้การส่งเสริมการค้าเพิ่มภาษีทุกชนิดของประเทศ หากว่าราชสำนักยอมยกเจ้าหญิงพระองค์หนึ่งให้กับเหลิ่งซี่แต่สุดท้ายต้องแบกรับคำด่าทุกอย่าง เจ้าคิดว่า คนทำการค้าจะเชื่อมั่นราชสำนักหรือ? คนทำการค้าไม่เชื่อมั่นราชสำนัก แต่ราชสำนักกลับจำเป็นต้องพัฒนาเศรษฐกิจ ถึงสุดท้าย ทุกคนล้วนเปลี่ยนวิธีหลีกเลี่ยงภาษีทุกชนิด นี่ไม่ได้ขัดกับเจตนารมณ์เดิมของฮ่องเต้หรอกหรือ?”

หยวนชิงหลิงตะลึงงัน นางคิดไกลถึงเพียงนี้จริงๆ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+