บัลลังก์หมอยาเซียน 671 ฮู่เฟยให้กำเนิดพระโอรส

Now you are reading บัลลังก์หมอยาเซียน Chapter 671 ฮู่เฟยให้กำเนิดพระโอรส at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เดิมทีจวิ้นจู่องจิ้งต้องอยู่กับไทเฮา เมื่อถูกไทเฮาประณาม ทั้งได้เห็นว่าไทเฮาทรงประชวรพระวาโย ในใจก็หวาดกลัว จึงฉวยโอกาสระหว่างที่กำลังวุ่นวายโกลาหลหนีออกมา เมื่อมาถึงสวนว่าง ย่อมจะต้องมีคนมาล้อมถามว่าเกิดอะไรขึ้นอยากขาดไปไม่ได้ นางแผดเสียงร้องตะโกนออกมาโดยไม่รู้ตัว ว่าพระชายารัชทายาทคิดจะฆ่าฮู่เฟย ยังบอกด้วยว่าพระชายารัชทายาทเคยขึ้นเขาโรคเรื้อนมาก่อน ติดไออัปมงคลกลับมาด้วย

บวกกับท่าทางของเสี้ยนจู่โหรหมิ่น ที่เหมือนจะตกใจมากเช่นกัน เอาแต่พูดว่า: "ช่างน่ากลัวเหลือเกิน ไม่รู้ว่าทำไมพระชายารัชทายาทถึงพุ่งเข้าไปชนฮู่เฟยอย่างนั้น ชนจนฮู่เฟยไปกระแทกกับโต๊ะ ส่งผลกระทบกับครรภ์ของนาง ทั้งเนื้อทั้งตัวของพระชายารัชทายาทเหมือนว่าถูกครอบงำด้วยมนต์ดำเลย ทั้งยังตีข้าด้วย”

ทุกคนไม่รู้ว่าข้างในวุ่นวายจนมีสภาพเป็นอย่างไรบ้างแล้ว รู้แค่ว่านับตั้งแต่ที่ฮ่องเต้เสด็จเข้าไป ก็ยังไม่ออกมาอีกเลย แม้กระทั่งรัชทายาทกับอ๋องชินลุ่ยก็หายตัวไป เหลือเพียงอ๋องหวย อ๋องซุน และอ๋องจี้ดูสถานการณ์อยู่ที่นี่

หลังจากฟังคำพูดของจวิ้นจู่องจิ้งกับเสี้ยนจู่โหรหมิ่น มีหลายคนที่เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง หากเป็นเมื่อก่อน ทุกคนคงให้น้ำหนักต่อคำพูดที่เป็นลางอัปมงคลของเสี้ยนจู่โหรหมิ่น แต่วันนี้ ทุกคนต่างก็ไม่เต็มใจจะยอมรับคำพูดที่เป็นลางอัปมงคลเช่นนี้ เนื่องจากวันนี้เป็นวันเฉลิมฉลองของพสกนิกรทั่วหล้า พระชายารัชทายาทได้กลายเป็นวีรสตรีของเป่ยถัง ผู้มีผลงานในการเอาชนะโรคเรื้อนของเป่ยถังลงได้สำเร็จไปแล้ว

เวลานั้นกู้ซือได้พากองทหารรักษาพระองค์มาถึงพอดี แล้วประกาศรับสั่งจากฮ่องเต้หยวนหมิงว่าจวิ้นจู่องจิ้ง กับเสี้ยนจู่โหรหมิ่นได้ก่อความผิดด้วยการชนใส่ฮู่เฟย ส่งผลให้ฮู่เฟยล้มลงจนครรภ์กระทบกระเทือน จึงมีคำสั่งให้เข้าควบคุมตัวและนำไปขังไว้ก่อน รอให้ฮู่เฟยมีพระประสูติการแล้วจึงค่อยสั่งลงโทษ

จวิ้นจู่องจิ้งได้ยินคำสั่งที่กู้ซือประกาศ ก็ตกใจจนเข่าอ่อนทรุดลงไปกับพื้น พูดแก้ตัวด้วยสีหน้าซีดเผือดว่า: "ไม่ใช่ข้า ไม่ใช่ข้านะ เป็นพระชายารัชทายาทต่างหาก เป็นนางที่ผลักฮู่เฟยจนล้ม"

เสี้ยนจู่โหรหมิ่นเดินโซซัดโซเซขึ้นไปข้างหน้า พยุงจวิ้นจู่องจิ้งให้ลุกขึ้น กำหมัดแน่นแล้วหันไปพูดใส่กู้ซือด้วยสีหน้าโศกเศร้าว่า "ไม่ใช่นะ ไม่ใช่ท่านแม่ของข้าที่ทำ เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าเป็นพระชายารัชทายาท"

กู้ซือต้องทำให้เรื่องเงียบลงโดยเร็ว เขามาพร้อมกับรับสั่งของฝ่าบาท ไฉนเลยจะยอมปล่อยให้พวกนางพูดพล่ามให้เรื่องวุ่นวายต่อไปได้ ? จึงยกมือขึ้น เรียกทหารขึ้นมาลากตัวพวกนางสองคนแม่ลูกลงไปทันที

จวิ้นจู่องจิ้งเป็นธิดาคนโปรดขององค์หญิงพระองค์ใหญ่ เสี้ยนจู่โหรหมิ่นยิ่งเป็นที่รักขององค์หญิงพระองค์ใหญ่ แต่ฮ่องเต้หมิงหยวนกลับมีรับสั่งให้กักขังพวกนาง ย่อมแสดงให้เห็นว่าพวกนางไม่อาจปัดความเกี่ยวข้องในเรื่องที่เกิดกับฮู่เฟยได้นั่นเอง

แต่กลับคิดจะใส่ร้ายพระชายารัชทายาทอย่างสุ่มสี่สุ่มห้า ช่างน่ารังเกียจเสียจริง

เมื่อกู้ซือได้ยินสิ่งที่ทุกคนแอบกระซิบกระซาบกันอย่างลับ ๆ ก็คิดว่าหัวใจของคนเรานี้ช่างแปลกนัก หลายวันก่อนหน้านี้ ไม่ว่าข้อกล่าวหาอะไรที่เกี่ยวกับพระชายารัชทายาท พวกเขายังพร้อมจะเชื่อได้อย่างไม่มีข้อสงสัยแท้ ๆ

แต่เมื่อพระชายารัชทายาทกลายเป็นวีรสตรีผู้สร้างความดีความชอบ ไม่ว่าคำพูดร้าย ๆ อะไรแม้เพียงประโยคเดียว ก็เป็นเหมือนกับน้ำสกปรกที่สาดใส่นางไปเสียหมด

เขาค่อย ๆ ถอยกลับไปช้า ๆ โสวฝู่ฉู่รับฟังอยู่ข้าง ๆ ด้วยความพึงพอใจ กู้ซือรู้สึกงุนงงมาก จึงเอ่ยถามเบา ๆ ว่า: "โสวฝู่ พวกเขาถึงกับเต็มใจเชื่อพระชายารัชทายาทแบบไม่มีข้อสงสัยเลย พระอาทิตย์คงจะขึ้นทางทิศตะวันตกจริง ๆ เสียแล้วกระมัง?"

มุมปากของโสวฝู่ยกโค้งเป็นรอยยิ้ม ดวงตาเล็ก ๆ ของเขาหรี่ลงจนเหลือเพียงรอยต่อ "ใครจะไปคิดสงสัยต่อผู้มีอำนาจกันล่ะ? พระชายารัชทายาทรักษาโรคเรื้อนได้สำเร็จ ในอาณาเขตของนาง นางคือผู้มีอำนาจ ตราบใดที่มีรัศมีอำนาจนี้ล้อมรอบ อย่างน้อยก็ในช่วงเวลาสั้น ๆ นี้ เมื่อความรู้สึกของผู้คนที่พากันเทิดทูนบูชานางยังไม่จางหายไป จะไม่มีใครยอมให้นางถูกใส่ร้ายป้ายสีได้เด็ดขาด นี่ล่ะที่เรียกว่าใจคน”

กู้ซือพยักหน้าราวกับว่าเข้าใจแต่ก็ไม่เข้าใจ

ในห้องคลอดของตำหนักสู้ซิน ด้วยความช่วยเหลือของอาซี่ หยวนชิงหลิงได้ผ่าคลอดให้กับฮู่เฟย ทำให้นางผดุงครรภ์ตกใจจนแทบจะเป็นลม หมอหลวงที่อยู่ด้านนอกก็พากันค้นคว้าพลิกหาข้อมูลทางการแพทย์เป็นพัลวัน มีบันทึกที่เกี่ยวกับการผ่าเปิดท้องเพื่อนำเด็กออกมาจริง แต่อัตราการเสียชีวิตสูงมาก จึงไม่มีใครกล้าลงมือปฏิบัติจริง

แม้ว่าย่าหยวนจะเป็นศาสตราจารย์ด้านการแพทย์แผนจีน แต่นางก็คุ้นเคยกับการแพทย์แผนตะวันตกด้วย ดังนั้น นางจึงไม่รู้สึกผิดแปลกอะไรกับการผ่าตัดคลอด

ตอนที่นางมาถึง เด็กกำลังจะถูกนำออกมาพอดี นางรีบฆ่าเชื้อทั้งตัวแล้วก้าวเข้าไปช่วยทันที

มีเลือดออก ย่าหยวนจึงออกใบสั่งยาชุดหนึ่ง แล้วสั่งให้คนไปเคี่ยวยาทันที รีบใช้ยานั้นเพื่อจับการแข็งตัวของเลือด ตรวจสอบสภาวะเลือดออกอย่างระมัดระวัง ยังไม่เย็บปิดปากแผลก่อน

แต่เด็กกลับไม่ค่อยดีนัก พอนำออกมาได้ ก็แทบไม่มีจังหวะการเต้นของหัวใจเลย หยวนชิงหลิงรีบเข้าไปช่วยกดนวดที่หัวใจ นางผดุงครรภ์ก็วุ่นวายจนมือเท้าสับสน นางวิ่งออกไปด้วยความตื่นตระหนก แล้วบอกว่าฮู่เฟยได้มีพระประสูติการพระโอรส แต่พระโอรสไม่ร้องไห้ ทั้งไม่มีการเต้นของหัวใจด้วย

ฮ่องเต้หมิงหยวนหลับตาลง รู้สึกโศกเศร้าในใจ แต่ยังคงควบคุมจิตใจในสถานการณ์อันสิ้นหวังได้อย่างเป็นปกติ

ฮู่เฟยถูกวางยาชาเฉพาะที่ จึงมีสติตื่นอยู่ตลอด เพียงแต่ขยับไม่ได้ เมื่อได้ยินว่าเด็กไม่มีการเต้นของหัวใจก็ร้องไห้ออกมา ฮ่องเต้หมิงหยวนได้ฟังอยู่ด้านนอก ดวงตาก็แดงเรื่อขึ้นมาเช่นกัน

บรรดาท่านหญิงในวังต่างก็ส่งคนของตนเองไปรอฟังข่าวคราวที่ตำหนักสู้ซิน ตอนที่เหล่าคนรับใช้ได้ยินว่าเด็กที่คลอดออกมาตายแล้ว ต่างก็กลับไปรายงานเรื่องนี้ที่ตำหนักใครตำหนักมัน แน่นอนว่าข่าวนี้ย่อมแพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว แม้แต่คนที่อยู่ด้านนอกสวนว่างต่างก็รู้กันทั้งหมด

พระโอรสทันทีประสูติออกมาก็สิ้นพระชนม์ นี่นับเป็นโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ของเป่ยถังอย่างแท้จริง

เจ้าพระยาเจิ้งเป่ยได้ยินดังนั้น ก็รีบตรงไปที่ตำหนักสู้ซินทันที แต่ครั้งนี้เขาไม่ได้พุ่งเข้าไปข้างในอย่างบุ่มบ่ามอีก แต่รออยู่ด้านนอก แล้วขอให้มู่หรูกงกงประกาศให้ก่อน

ในเวลานี้ ฮ่องเต้หมิงหยวนกำลังรู้สึกเศร้าพระทัยอย่างมาก ไม่ต้องการพบหน้าเขา จึงปล่อยให้เขารออยู่ด้านนอกต่อไป

ในห้องคลอด หลังจากที่หยวนชิงหลิงยื้อช่วยชีวิตเอาไว้ ในที่สุดหัวใจของเด็กน้อยก็ฟื้นคืนมาเต้นเป็นปกติ สามารถหายใจได้ แต่ก็ยังคงไม่ร้องไห้ออกมา เพียงแค่เปิดเปลือกตาขึ้นเล็กน้อยแล้วมองดูแวบหนึ่ง จากนั้นหลับตาลงราวกับว่านอนหลับไปเสียเฉย ๆ

หยวนชิงหลิงแทบจะเข่าอ่อนจนทรุดลงไปอยู่แล้ว เจ้าเด็กนี่!

เด็กน้อยมีน้ำหนักมากทีเดียว หยวนชิงหลิงอุ้มขึ้นมา น่าจะหนักราว ๆ แปดชั่งได้ ที่ขาและมือทั้งสองข้างมีส่วนของเส้นรากบัว หลังจากเช็ดคราบเลือดออกแล้ว ก็ขาวเนียนอ่อนนุ่มมาก ไม่มีรอยย่นเลย ในเวลานี้พอจะมองเห็นเค้าโครงหน้าได้ชัดเจนขึ้นแล้ว

เด็กคนนี้หน้าเหมือนพ่อเป็นที่สุด

เพียงแต่มีเส้นผมและขนจำนวนมากบนใบหน้าและลำตัว ทำให้ดูเหมือนลิงอยู่บ้าง

เพราะเด็กน้อยไม่ร้องไห้ นางผดุงครรภ์ที่ทำความสะอาดรกอยู่ที่นั่น ก็ไม่รู้ว่าเด็กน้อยได้ฟื้นคืนชีพมาแล้ว หยวนชิงหลิงอุ้มเด็กแล้วห่อด้วยผ้าห่อทารก นำไปวางลงข้าง ๆ ฮู่เฟย ยื่นมือออกไปทัดปอยผมเปียกชื้นของนาง ให้นางได้มองเห็นชัดๆ "ท่านหญิง เป็นเด็กผู้ชาย"

เดิมทีฮู่เฟยคิดว่าเด็กน้อยได้จากไปแล้ว จึงกำลังร้องไห้ เมื่อได้ยินคำพูดของหยวนชิงหลิง นางก็หันหน้าเหลียวมองไปอย่างลำบาก จนเห็นว่าจมูกของเด็กน้อยขยับไปมาเล็กน้อย นางก็ยิ่งร้องไห้หนักขึ้น ร้องไห้ไปพลางพูดไปพลางว่า “ทำไมถึงได้ดูดีเช่นนี้นะ เป็นลูกของข้าอย่างนั้นรึ? ดูดีเหมือนกับลิงเลย"

ทุกคนถึงกับหัวเราะออกมาพร้อมกัน

มีคนเดินขาขวิดเป็นพัลวันออกมารายงานอีกครั้งว่า "พระโอรสปลอดภัยดี ทรงปลอดภัยดี พระชายารัชทายาทช่วยชีวิตพระโอรสไว้ได้แล้ว"

ฮ่องเต้หมิงหยวนถึงกับกระโดดโหยงเหยง เหมือนได้กลับไปเด็กหนุ่มอายุน้อยเลยทีเดียว

เจ้าพระยาเจิ้งเป่ยที่รออยู่ด้านนอก เอนตัวไปแนบติดกับกำแพง จากนั้นก็ค่อยๆ เลื่อนไถลลงมาช้า ๆ พ่อแก้วแม่แก้ว แข้งขาอ่อนไปหมดแล้ว!

เนื่องจากเป็นเรื่องมงคลอันยิ่งใหญ่ เหล่าข้ารับใช้ในวังจึงวิ่งรายงานกันจนวุ่นวาย มีทั้งไปทูลรายงานต่อไท่ซ่างหวง จากนั้นก็ไปทูลรายงานต่อไทเฮา ในที่สุด ก็รู้ไปถึงบรรดาคนที่อยู่ในสวนว่างทั้งหมดด้วยเช่นกัน

ปาฏิหาริย์ นี่คือปาฏิหาริย์ชัด ๆ ! กระทั่งเด็กที่ตายไปแล้วก็ยังช่วยให้กลับมามีชีวิตได้ นี่คือปาฏิหาริย์อันยิ่งใหญ่อย่างแท้จริง!

หลังจากยืนยันได้ว่าอาการเลือดออกกลับสู่สภาวะปกติ ย่าหยวนก็เริ่มเย็บปิดปากแผลหนึ่งถึงสองชั้น หยวนชิงหลิงก็สลับไปเป็นลูกมือคอยช่วยนางแทน

ตอนที่ย่าหยวนตั้งใจช่วยเหลือคน นางจะดูงดงามมีเสน่ห์เป็นพิเศษ หยวนชิงหลิงชอบดูย่าหยวนในเวลานี้ที่สุด ราวกับว่าชีวิตของนางในตอนนี้ ไม่มีเรื่องอะไรที่สำคัญไปกว่านี้อีกแล้ว

ย่าหยวนเขียนใบสั่งยา รอจนยาชาหมดฤทธิ์จนสามารถดื่มยาชุดนี้ได้ จึงให้ยากู้เปิ่นเผยหยวน ซึ่งเป็นยาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับผู้หญิงหลังคลอด

หลังจากประมวลผลทุกอย่างแล้ว หยวนชิงหลิงจึงทูลเชิญฮ่องเต้หมิงหยวนเข้ามา

เดิมทีคิดว่าฮ่องเต้หมิงหยวนจะไปดูลูกก่อน แต่คิดไม่ถึงว่า หลังจากที่พระองค์ก้าวพระบาทยาว ๆ เข้ามาถึง กลับตรงดิ่งไปหาฮู่เฟยทันที แล้วประทับนั่งลงที่หน้าเตียงของฮู่เฟย เอื้อมพระหัตถ์ออกไปสัมผัสใบหน้าของนางเบา ๆ โดยไม่ตรัสอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว มีเพียงขอบดวงเนตรที่แดงก่ำ

ดวงตาของฮู่เฟย เต็มไปด้วยน้ำตาแห่งความซาบซึ้งในพระกรุณาธิคุณ มองไปฮ่องเต้หมิงหยวนที่เกือบจะกรรแสงให้กับนางอยู่แล้ว ยิ้มทั้งน้ำตา ถามว่า "ฝ่าบาท ไปดูลูกมาแล้วหรือไม่เพคะ?"

ฮ่องเต้หมิงหยวนตรัสด้วยสุรเสียงอันแหบพร่าว่า "ดูเจ้าก่อน"

ปลายนิ้วที่หยาบกร้าน ลูบไล้ที่หว่างคิ้วกับหน้าผากของนาง “ลำบากเจ้าแล้ว”

ฮู่เฟยหลับตาลง มุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้มอ่อนหวานนุ่มนวล เด็กสาวที่มักมีอารมณ์เหมือนเด็กน้อยคนนี้ ได้กลายเป็นแม่คน และเปลี่ยนแปลงชีวิตของตัวเองไปอย่างสมบูรณ์แล้ว

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

บัลลังก์หมอยาเซียน 671 ฮู่เฟยให้กำเนิดพระโอรส

Now you are reading บัลลังก์หมอยาเซียน Chapter 671 ฮู่เฟยให้กำเนิดพระโอรส at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เดิมทีจวิ้นจู่องจิ้งต้องอยู่กับไทเฮา เมื่อถูกไทเฮาประณาม ทั้งได้เห็นว่าไทเฮาทรงประชวรพระวาโย ในใจก็หวาดกลัว จึงฉวยโอกาสระหว่างที่กำลังวุ่นวายโกลาหลหนีออกมา เมื่อมาถึงสวนว่าง ย่อมจะต้องมีคนมาล้อมถามว่าเกิดอะไรขึ้นอยากขาดไปไม่ได้ นางแผดเสียงร้องตะโกนออกมาโดยไม่รู้ตัว ว่าพระชายารัชทายาทคิดจะฆ่าฮู่เฟย ยังบอกด้วยว่าพระชายารัชทายาทเคยขึ้นเขาโรคเรื้อนมาก่อน ติดไออัปมงคลกลับมาด้วย

บวกกับท่าทางของเสี้ยนจู่โหรหมิ่น ที่เหมือนจะตกใจมากเช่นกัน เอาแต่พูดว่า: "ช่างน่ากลัวเหลือเกิน ไม่รู้ว่าทำไมพระชายารัชทายาทถึงพุ่งเข้าไปชนฮู่เฟยอย่างนั้น ชนจนฮู่เฟยไปกระแทกกับโต๊ะ ส่งผลกระทบกับครรภ์ของนาง ทั้งเนื้อทั้งตัวของพระชายารัชทายาทเหมือนว่าถูกครอบงำด้วยมนต์ดำเลย ทั้งยังตีข้าด้วย”

ทุกคนไม่รู้ว่าข้างในวุ่นวายจนมีสภาพเป็นอย่างไรบ้างแล้ว รู้แค่ว่านับตั้งแต่ที่ฮ่องเต้เสด็จเข้าไป ก็ยังไม่ออกมาอีกเลย แม้กระทั่งรัชทายาทกับอ๋องชินลุ่ยก็หายตัวไป เหลือเพียงอ๋องหวย อ๋องซุน และอ๋องจี้ดูสถานการณ์อยู่ที่นี่

หลังจากฟังคำพูดของจวิ้นจู่องจิ้งกับเสี้ยนจู่โหรหมิ่น มีหลายคนที่เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง หากเป็นเมื่อก่อน ทุกคนคงให้น้ำหนักต่อคำพูดที่เป็นลางอัปมงคลของเสี้ยนจู่โหรหมิ่น แต่วันนี้ ทุกคนต่างก็ไม่เต็มใจจะยอมรับคำพูดที่เป็นลางอัปมงคลเช่นนี้ เนื่องจากวันนี้เป็นวันเฉลิมฉลองของพสกนิกรทั่วหล้า พระชายารัชทายาทได้กลายเป็นวีรสตรีของเป่ยถัง ผู้มีผลงานในการเอาชนะโรคเรื้อนของเป่ยถังลงได้สำเร็จไปแล้ว

เวลานั้นกู้ซือได้พากองทหารรักษาพระองค์มาถึงพอดี แล้วประกาศรับสั่งจากฮ่องเต้หยวนหมิงว่าจวิ้นจู่องจิ้ง กับเสี้ยนจู่โหรหมิ่นได้ก่อความผิดด้วยการชนใส่ฮู่เฟย ส่งผลให้ฮู่เฟยล้มลงจนครรภ์กระทบกระเทือน จึงมีคำสั่งให้เข้าควบคุมตัวและนำไปขังไว้ก่อน รอให้ฮู่เฟยมีพระประสูติการแล้วจึงค่อยสั่งลงโทษ

จวิ้นจู่องจิ้งได้ยินคำสั่งที่กู้ซือประกาศ ก็ตกใจจนเข่าอ่อนทรุดลงไปกับพื้น พูดแก้ตัวด้วยสีหน้าซีดเผือดว่า: "ไม่ใช่ข้า ไม่ใช่ข้านะ เป็นพระชายารัชทายาทต่างหาก เป็นนางที่ผลักฮู่เฟยจนล้ม"

เสี้ยนจู่โหรหมิ่นเดินโซซัดโซเซขึ้นไปข้างหน้า พยุงจวิ้นจู่องจิ้งให้ลุกขึ้น กำหมัดแน่นแล้วหันไปพูดใส่กู้ซือด้วยสีหน้าโศกเศร้าว่า "ไม่ใช่นะ ไม่ใช่ท่านแม่ของข้าที่ทำ เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าเป็นพระชายารัชทายาท"

กู้ซือต้องทำให้เรื่องเงียบลงโดยเร็ว เขามาพร้อมกับรับสั่งของฝ่าบาท ไฉนเลยจะยอมปล่อยให้พวกนางพูดพล่ามให้เรื่องวุ่นวายต่อไปได้ ? จึงยกมือขึ้น เรียกทหารขึ้นมาลากตัวพวกนางสองคนแม่ลูกลงไปทันที

จวิ้นจู่องจิ้งเป็นธิดาคนโปรดขององค์หญิงพระองค์ใหญ่ เสี้ยนจู่โหรหมิ่นยิ่งเป็นที่รักขององค์หญิงพระองค์ใหญ่ แต่ฮ่องเต้หมิงหยวนกลับมีรับสั่งให้กักขังพวกนาง ย่อมแสดงให้เห็นว่าพวกนางไม่อาจปัดความเกี่ยวข้องในเรื่องที่เกิดกับฮู่เฟยได้นั่นเอง

แต่กลับคิดจะใส่ร้ายพระชายารัชทายาทอย่างสุ่มสี่สุ่มห้า ช่างน่ารังเกียจเสียจริง

เมื่อกู้ซือได้ยินสิ่งที่ทุกคนแอบกระซิบกระซาบกันอย่างลับ ๆ ก็คิดว่าหัวใจของคนเรานี้ช่างแปลกนัก หลายวันก่อนหน้านี้ ไม่ว่าข้อกล่าวหาอะไรที่เกี่ยวกับพระชายารัชทายาท พวกเขายังพร้อมจะเชื่อได้อย่างไม่มีข้อสงสัยแท้ ๆ

แต่เมื่อพระชายารัชทายาทกลายเป็นวีรสตรีผู้สร้างความดีความชอบ ไม่ว่าคำพูดร้าย ๆ อะไรแม้เพียงประโยคเดียว ก็เป็นเหมือนกับน้ำสกปรกที่สาดใส่นางไปเสียหมด

เขาค่อย ๆ ถอยกลับไปช้า ๆ โสวฝู่ฉู่รับฟังอยู่ข้าง ๆ ด้วยความพึงพอใจ กู้ซือรู้สึกงุนงงมาก จึงเอ่ยถามเบา ๆ ว่า: "โสวฝู่ พวกเขาถึงกับเต็มใจเชื่อพระชายารัชทายาทแบบไม่มีข้อสงสัยเลย พระอาทิตย์คงจะขึ้นทางทิศตะวันตกจริง ๆ เสียแล้วกระมัง?"

มุมปากของโสวฝู่ยกโค้งเป็นรอยยิ้ม ดวงตาเล็ก ๆ ของเขาหรี่ลงจนเหลือเพียงรอยต่อ "ใครจะไปคิดสงสัยต่อผู้มีอำนาจกันล่ะ? พระชายารัชทายาทรักษาโรคเรื้อนได้สำเร็จ ในอาณาเขตของนาง นางคือผู้มีอำนาจ ตราบใดที่มีรัศมีอำนาจนี้ล้อมรอบ อย่างน้อยก็ในช่วงเวลาสั้น ๆ นี้ เมื่อความรู้สึกของผู้คนที่พากันเทิดทูนบูชานางยังไม่จางหายไป จะไม่มีใครยอมให้นางถูกใส่ร้ายป้ายสีได้เด็ดขาด นี่ล่ะที่เรียกว่าใจคน”

กู้ซือพยักหน้าราวกับว่าเข้าใจแต่ก็ไม่เข้าใจ

ในห้องคลอดของตำหนักสู้ซิน ด้วยความช่วยเหลือของอาซี่ หยวนชิงหลิงได้ผ่าคลอดให้กับฮู่เฟย ทำให้นางผดุงครรภ์ตกใจจนแทบจะเป็นลม หมอหลวงที่อยู่ด้านนอกก็พากันค้นคว้าพลิกหาข้อมูลทางการแพทย์เป็นพัลวัน มีบันทึกที่เกี่ยวกับการผ่าเปิดท้องเพื่อนำเด็กออกมาจริง แต่อัตราการเสียชีวิตสูงมาก จึงไม่มีใครกล้าลงมือปฏิบัติจริง

แม้ว่าย่าหยวนจะเป็นศาสตราจารย์ด้านการแพทย์แผนจีน แต่นางก็คุ้นเคยกับการแพทย์แผนตะวันตกด้วย ดังนั้น นางจึงไม่รู้สึกผิดแปลกอะไรกับการผ่าตัดคลอด

ตอนที่นางมาถึง เด็กกำลังจะถูกนำออกมาพอดี นางรีบฆ่าเชื้อทั้งตัวแล้วก้าวเข้าไปช่วยทันที

มีเลือดออก ย่าหยวนจึงออกใบสั่งยาชุดหนึ่ง แล้วสั่งให้คนไปเคี่ยวยาทันที รีบใช้ยานั้นเพื่อจับการแข็งตัวของเลือด ตรวจสอบสภาวะเลือดออกอย่างระมัดระวัง ยังไม่เย็บปิดปากแผลก่อน

แต่เด็กกลับไม่ค่อยดีนัก พอนำออกมาได้ ก็แทบไม่มีจังหวะการเต้นของหัวใจเลย หยวนชิงหลิงรีบเข้าไปช่วยกดนวดที่หัวใจ นางผดุงครรภ์ก็วุ่นวายจนมือเท้าสับสน นางวิ่งออกไปด้วยความตื่นตระหนก แล้วบอกว่าฮู่เฟยได้มีพระประสูติการพระโอรส แต่พระโอรสไม่ร้องไห้ ทั้งไม่มีการเต้นของหัวใจด้วย

ฮ่องเต้หมิงหยวนหลับตาลง รู้สึกโศกเศร้าในใจ แต่ยังคงควบคุมจิตใจในสถานการณ์อันสิ้นหวังได้อย่างเป็นปกติ

ฮู่เฟยถูกวางยาชาเฉพาะที่ จึงมีสติตื่นอยู่ตลอด เพียงแต่ขยับไม่ได้ เมื่อได้ยินว่าเด็กไม่มีการเต้นของหัวใจก็ร้องไห้ออกมา ฮ่องเต้หมิงหยวนได้ฟังอยู่ด้านนอก ดวงตาก็แดงเรื่อขึ้นมาเช่นกัน

บรรดาท่านหญิงในวังต่างก็ส่งคนของตนเองไปรอฟังข่าวคราวที่ตำหนักสู้ซิน ตอนที่เหล่าคนรับใช้ได้ยินว่าเด็กที่คลอดออกมาตายแล้ว ต่างก็กลับไปรายงานเรื่องนี้ที่ตำหนักใครตำหนักมัน แน่นอนว่าข่าวนี้ย่อมแพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว แม้แต่คนที่อยู่ด้านนอกสวนว่างต่างก็รู้กันทั้งหมด

พระโอรสทันทีประสูติออกมาก็สิ้นพระชนม์ นี่นับเป็นโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ของเป่ยถังอย่างแท้จริง

เจ้าพระยาเจิ้งเป่ยได้ยินดังนั้น ก็รีบตรงไปที่ตำหนักสู้ซินทันที แต่ครั้งนี้เขาไม่ได้พุ่งเข้าไปข้างในอย่างบุ่มบ่ามอีก แต่รออยู่ด้านนอก แล้วขอให้มู่หรูกงกงประกาศให้ก่อน

ในเวลานี้ ฮ่องเต้หมิงหยวนกำลังรู้สึกเศร้าพระทัยอย่างมาก ไม่ต้องการพบหน้าเขา จึงปล่อยให้เขารออยู่ด้านนอกต่อไป

ในห้องคลอด หลังจากที่หยวนชิงหลิงยื้อช่วยชีวิตเอาไว้ ในที่สุดหัวใจของเด็กน้อยก็ฟื้นคืนมาเต้นเป็นปกติ สามารถหายใจได้ แต่ก็ยังคงไม่ร้องไห้ออกมา เพียงแค่เปิดเปลือกตาขึ้นเล็กน้อยแล้วมองดูแวบหนึ่ง จากนั้นหลับตาลงราวกับว่านอนหลับไปเสียเฉย ๆ

หยวนชิงหลิงแทบจะเข่าอ่อนจนทรุดลงไปอยู่แล้ว เจ้าเด็กนี่!

เด็กน้อยมีน้ำหนักมากทีเดียว หยวนชิงหลิงอุ้มขึ้นมา น่าจะหนักราว ๆ แปดชั่งได้ ที่ขาและมือทั้งสองข้างมีส่วนของเส้นรากบัว หลังจากเช็ดคราบเลือดออกแล้ว ก็ขาวเนียนอ่อนนุ่มมาก ไม่มีรอยย่นเลย ในเวลานี้พอจะมองเห็นเค้าโครงหน้าได้ชัดเจนขึ้นแล้ว

เด็กคนนี้หน้าเหมือนพ่อเป็นที่สุด

เพียงแต่มีเส้นผมและขนจำนวนมากบนใบหน้าและลำตัว ทำให้ดูเหมือนลิงอยู่บ้าง

เพราะเด็กน้อยไม่ร้องไห้ นางผดุงครรภ์ที่ทำความสะอาดรกอยู่ที่นั่น ก็ไม่รู้ว่าเด็กน้อยได้ฟื้นคืนชีพมาแล้ว หยวนชิงหลิงอุ้มเด็กแล้วห่อด้วยผ้าห่อทารก นำไปวางลงข้าง ๆ ฮู่เฟย ยื่นมือออกไปทัดปอยผมเปียกชื้นของนาง ให้นางได้มองเห็นชัดๆ "ท่านหญิง เป็นเด็กผู้ชาย"

เดิมทีฮู่เฟยคิดว่าเด็กน้อยได้จากไปแล้ว จึงกำลังร้องไห้ เมื่อได้ยินคำพูดของหยวนชิงหลิง นางก็หันหน้าเหลียวมองไปอย่างลำบาก จนเห็นว่าจมูกของเด็กน้อยขยับไปมาเล็กน้อย นางก็ยิ่งร้องไห้หนักขึ้น ร้องไห้ไปพลางพูดไปพลางว่า “ทำไมถึงได้ดูดีเช่นนี้นะ เป็นลูกของข้าอย่างนั้นรึ? ดูดีเหมือนกับลิงเลย"

ทุกคนถึงกับหัวเราะออกมาพร้อมกัน

มีคนเดินขาขวิดเป็นพัลวันออกมารายงานอีกครั้งว่า "พระโอรสปลอดภัยดี ทรงปลอดภัยดี พระชายารัชทายาทช่วยชีวิตพระโอรสไว้ได้แล้ว"

ฮ่องเต้หมิงหยวนถึงกับกระโดดโหยงเหยง เหมือนได้กลับไปเด็กหนุ่มอายุน้อยเลยทีเดียว

เจ้าพระยาเจิ้งเป่ยที่รออยู่ด้านนอก เอนตัวไปแนบติดกับกำแพง จากนั้นก็ค่อยๆ เลื่อนไถลลงมาช้า ๆ พ่อแก้วแม่แก้ว แข้งขาอ่อนไปหมดแล้ว!

เนื่องจากเป็นเรื่องมงคลอันยิ่งใหญ่ เหล่าข้ารับใช้ในวังจึงวิ่งรายงานกันจนวุ่นวาย มีทั้งไปทูลรายงานต่อไท่ซ่างหวง จากนั้นก็ไปทูลรายงานต่อไทเฮา ในที่สุด ก็รู้ไปถึงบรรดาคนที่อยู่ในสวนว่างทั้งหมดด้วยเช่นกัน

ปาฏิหาริย์ นี่คือปาฏิหาริย์ชัด ๆ ! กระทั่งเด็กที่ตายไปแล้วก็ยังช่วยให้กลับมามีชีวิตได้ นี่คือปาฏิหาริย์อันยิ่งใหญ่อย่างแท้จริง!

หลังจากยืนยันได้ว่าอาการเลือดออกกลับสู่สภาวะปกติ ย่าหยวนก็เริ่มเย็บปิดปากแผลหนึ่งถึงสองชั้น หยวนชิงหลิงก็สลับไปเป็นลูกมือคอยช่วยนางแทน

ตอนที่ย่าหยวนตั้งใจช่วยเหลือคน นางจะดูงดงามมีเสน่ห์เป็นพิเศษ หยวนชิงหลิงชอบดูย่าหยวนในเวลานี้ที่สุด ราวกับว่าชีวิตของนางในตอนนี้ ไม่มีเรื่องอะไรที่สำคัญไปกว่านี้อีกแล้ว

ย่าหยวนเขียนใบสั่งยา รอจนยาชาหมดฤทธิ์จนสามารถดื่มยาชุดนี้ได้ จึงให้ยากู้เปิ่นเผยหยวน ซึ่งเป็นยาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับผู้หญิงหลังคลอด

หลังจากประมวลผลทุกอย่างแล้ว หยวนชิงหลิงจึงทูลเชิญฮ่องเต้หมิงหยวนเข้ามา

เดิมทีคิดว่าฮ่องเต้หมิงหยวนจะไปดูลูกก่อน แต่คิดไม่ถึงว่า หลังจากที่พระองค์ก้าวพระบาทยาว ๆ เข้ามาถึง กลับตรงดิ่งไปหาฮู่เฟยทันที แล้วประทับนั่งลงที่หน้าเตียงของฮู่เฟย เอื้อมพระหัตถ์ออกไปสัมผัสใบหน้าของนางเบา ๆ โดยไม่ตรัสอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว มีเพียงขอบดวงเนตรที่แดงก่ำ

ดวงตาของฮู่เฟย เต็มไปด้วยน้ำตาแห่งความซาบซึ้งในพระกรุณาธิคุณ มองไปฮ่องเต้หมิงหยวนที่เกือบจะกรรแสงให้กับนางอยู่แล้ว ยิ้มทั้งน้ำตา ถามว่า "ฝ่าบาท ไปดูลูกมาแล้วหรือไม่เพคะ?"

ฮ่องเต้หมิงหยวนตรัสด้วยสุรเสียงอันแหบพร่าว่า "ดูเจ้าก่อน"

ปลายนิ้วที่หยาบกร้าน ลูบไล้ที่หว่างคิ้วกับหน้าผากของนาง “ลำบากเจ้าแล้ว”

ฮู่เฟยหลับตาลง มุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้มอ่อนหวานนุ่มนวล เด็กสาวที่มักมีอารมณ์เหมือนเด็กน้อยคนนี้ ได้กลายเป็นแม่คน และเปลี่ยนแปลงชีวิตของตัวเองไปอย่างสมบูรณ์แล้ว

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+