บัลลังก์หมอยาเซียน 679 อ๋องอานไปที่กรมการพระนคร

Now you are reading บัลลังก์หมอยาเซียน Chapter 679 อ๋องอานไปที่กรมการพระนคร at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ในวันที่สาม อาการของฮู่เฟยก็เริ่มคงที่ แม้ว่าจะไม่ได้ทำการผ่าตัดในสภาพแวดล้อมที่ปลอดเชื้อ แต่ก็ไม่ปรากฏการติดเชื้อ

สำหรับเจ้าอ้วนตัวน้อย ตอนที่เกิดเขาไม่ร้องไห้เลยซักแอะ แต่มาตอนนี้กลับร้องไห้ไม่หยุด เวลาที่ร้องไห้ขึ้นมา น้ำเสียงมีพลังทำลายล้างพอ ๆ กับเจ้าข้าวเหนียวน้อยเลยทีเดียว

อีกทั้งเจ้าหนูน้อยก็กินเก่งอย่างยิ่ง แต่นับว่าโชคดีที่ในวังได้เตรียมแม่นมไว้ถึงสองคน

เมื่อไทเฮาได้ทอดพระเนตรเห็นเขา ก็ทรงสบายพระทัย อาการประชวรจึงหายเป็นปลิดทิ้ง

ส่วนทางจวิ้นจู่องจิ้ง เพราะองค์หญิงพระองค์ใหญ่เสด็จเข้าวังไปขอร้อง จึงไม่ได้ทำให้พวกนางแม่ลูกลำบากมากนัก แค่ให้บทเรียนพวกนางไปยกหนึ่ง กับลงโทษไม่ให้เข้าวังเป็นเวลาสองปี ก็ถือว่าจบเรื่องนี้ไป

หยวนชิงหลิงยังไม่ได้ออกจากวัง ยังคงพักอยู่ที่ตำหนักสู้ซิน คาดว่าวันนี้ก็คงจะกลับไปได้แล้ว เพราะฮู่เฟยสามารถกลับไปที่ห้องนอนของตัวเองไหวแล้ว ไม่จำเป็นต้องอยู่ในตำหนักสู้ซินอีกต่อไป

หยวนชิงหลิง ได้ขอร้องให้เต๋อเฟยไปไถ่ถามเรื่องอาการบาดเจ็บของพระชายาอาน เต๋อเฟยจึงบอกไปว่านางเองก็ไม่รู้เรื่องนี้เช่นกัน ยังบอกด้วยว่าอ๋องอานไม่อนุญาตให้พระสนมทั้งหลายไปเยี่ยม

แต่เต๋อเฟยเล่าว่า นางได้พบกับอ๋องอานที่ด้านนอกครั้งหนึ่ง รูปร่างหน้าตาของเขาเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง จอนผมที่อยู่ตรงขมับดูราวกับถูกย้อมด้วยสีขาวเลยทีเดียว

หยวนชิงหลิงรู้ว่าอ๋องอานชั่วร้ายเลวทรามขนาดไหน แต่เขาดีกับพระชายาอานเป็นที่สุด ตอนนี้ชีวิตนางถูกแขวนไว้บนเส้นด้ายอย่างนั้น เขาก็คงทรมานใจมากเช่นกัน

หยู่เหวินเห้ามารับหยวนชิงหลิงออกจากวัง เขายังเข้าวังไปสอบปากคำอีกรอบ ไม่เพียงซักถามแค่คนที่อยู่ในอุทยานในวันนั้นเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงข้าหลวงที่อยู่ในสวนว่างด้วย จะอย่างไรเขาก็ยังต้องถามคนอื่น ๆ ที่อยู่ที่นั่นให้ครบถ้วนเสียก่อน

คดีนี้ดำเนินมาจนถึงวันนี้แล้ว เขาก็ยังคงคุมตัวเจ้าพระยาเจิ้งเป่ยไว้ในฐานะผู้ต้องสงสัยอยู่ ซึ่งกระตุ้นความไม่พอใจของอ๋องอานอย่างยิ่ง อ๋องอานเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ว่า หากภายในสามวันยังไม่อาจตัดสินคดีความได้ เขาจะไปฆ่าเจ้าพระยาเจิ้งเป่ยด้วยตัวเอง

ตอนที่เขาพูดประโยคนี้ คือวันที่สองหลังจากเกิดเรื่อง ดังนั้นหากวันพรุ่งนี้ยังไม่มีการตัดสินคดี คาดได้ว่าอ๋องอานคงจะไม่ยอมนั่งอยู่เฉย ๆ แน่

ระหว่างทางกลับจวน สองสามีภรรยานั่งอยู่ในรถม้า ไม่พูดอะไรกันสักคำ แค่เอนมาพิงไหล่กันและกัน ทุกคนต่างเหน็ดเหนื่อยเหลือเกินแล้วจริง ๆ

เมื่อกำลังจะกลับถึงจวน หยู่เหวินเห้าให้หยวนชิงหลิงกลับไปอาบน้ำเข้านอนก่อน ส่วนเขายังต้องไปจัดการงานที่ค้างคาต่อ

เมื่อเห็นหยวนชิงหลิงหมดเรี่ยวหมดแรง เขารู้ดีว่านางเป็นห่วงพระชายาอาน จึงใช้หน้าผากตัวเองแตะที่หน้าผากของนาง จุมพิตเบา ๆ "เอาเถอะ อย่าคิดมากอีกเลยนะ รีบเข้าไปพักผ่อนเถอะ"

หยวนชิงหลิงใช้มือโอบพันรอบคอของเขา แล้วพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็อย่าให้ดึกเกินไป รีบกลับมาเร็วหน่อยล่ะ”

“รับทราบ!” หยู่เหวินเห้าตอบรับ

หลังจากที่หยวนชิงหลิงกลับมาถึงจวน กินข้าวเสร็จก็ไปหาพวกเด็ก ๆ คุยกับย่าครู่หนึ่งก็ไปนอน หลับฝันเห็นพื้นที่เจิ่งนองไปด้วยเลือด เมื่อสะดุ้งตื่นขึ้นมาก็รู้สึกกลัดกลุ้มไม่สบายใจ

ท้องฟ้ามืดแล้ว พอถามหมันเอ๋อถึงได้รู้ว่าใกล้เข้าสู่ยามจื่อแล้ว (ประมาณห้าทุ่มถึงตีหนึ่ง) ที่แท้นางหลับไปนานมากเลยทีเดียว

ข้างนอกลมหนาวพัดรุนแรง ท่าทีคล้ายว่าจะเกิดหิมะตกหนัก บรรดากิ่งไม้ในสวนต่างปลิวกระจัดกระจายไปตามสายลมอันหนาวเหน็บ

“เจ้าไม่ต้องเฝ้ารอแล้วล่ะ รีบไปนอนเถอะ” หยวนชิงหลิงพูดกับอะหมัน

หมันเอ๋อกลับมีความรู้สึกไม่วางใจอยู่เล็กน้อย "อย่างไรก็ให้ข้าน้อยเฝ้าอยู่ที่นี่เถอะเพคะ พระชายาอานอยู่ในวังแท้ ๆ ยังเกิดเรื่องได้ มันไม่ปลอดภัยจริง ๆ ข้าน้อยควรเฝ้าระวังป้องกันให้ดี"

หยวนชิงหลิงขมวดคิ้ว ดวงตาทอประกายอ่อนโยน “เด็กโง่ หากมีคนคิดจะฆ่าข้าจริงๆ เจ้าเองก็ต้านทานไม่อยู่หรอก ไปเถอะ พรุ่งนี้ข้ายังต้องไปที่วังอีกครั้ง ถึงตอนนั้นเจ้าก็ต้องไปกับข้าด้วย คืนนี้ควรนอนเอาแรงให้เต็มที่ดีกว่า"

หลังจากสั่งซ้ำแล้วซ้ำเล่า หมันเอ๋อถึงยอมกลับไปนอนแต่โดยดี

นางเห็นว่าดึกขนาดนี้แล้วหยู่เหวินเห้ายังไม่กลับมา ก็คิดว่าคืนนี้นางคงนอนไม่หลับเช่นกัน กำลังจะไปปิดประตู กลับเห็นตอเป่าเดินส่ายหางระรัวเข้ามา

“เป็นอะไรไป?” หยวนชิงหลิงคุกเข่าลงแล้วลูบหัวของตอเป่า ตอเป่าถูไถที่เข่าของนาง นางจึงนึกขึ้นได้ว่า ตัวเองไม่ได้พาเจ้าตอเป่าไปเดินเล่นนานมากแล้วจริง ๆ

เจ้าตอเป่าเดินส่ายอาด ๆ ขึ้นไปนอนบนเตียงหลัวฮั่น หยวนชิงหลิงหลุดหัวเราะ เจ้าตัวแสบนี่นะ ยิ่งนับวันก็ยิ่งไม่เห็นตัวเองเป็นหมาเข้าไปทุกที ๆ แล้ว

หยวนชิงหลิงก็นอนไม่หลับเช่นกัน เมื่อนึกถึงอาการบาดเจ็บของพระชายาอาน จึงเปิดกล่องยามองสำรวจยาที่อยู่ด้านใน เมื่อเห็นว่ามียาประเภทที่ใช้ปฐมพยาบาลจำพวกอะดรีนาลีนวางอยู่ที่ชั้นหนึ่ง รวมถึงชุดผ่าตัดก็ล้วนหยิบออกมาทั้งหมด

หมายความว่าอาการของพระชายาอานไม่ดีมากแล้วจริง ๆ

หยวนชิงหลิงเป็นกังวล รู้สึกใจไม่สงบเมื่อนึกถึงผู้หญิงที่แสนอ่อนโยนเรียบร้อยคนหนึ่ง ต้องมาตายจากไปทั้งอย่างนี้ ช่างน่าเสียดายเหลือเกิน

นางนั่งลงข้างๆ ตอเปา ลูบหัวของมันเบา ๆ ทำอย่างไรก็ไม่สามารถสงบจิตสงบใจลงได้ เอาแต่รู้สึกอยู่ตลอดเวลาว่า กำลังจะมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้น

ผลคือผ่านไปไม่นาน ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากข้างนอก ตอเป่ากระโจนพรวดลงมาจากเตียง แล้วเห่าใส่เสียงเอะอะข้างนอก จากนั้นก็ได้ยินเสียงหมันเอ๋อ กับอาซี่ทุบประตูอย่างรีบร้อน "พี่หยวน ท่านหลับแล้วหรือไม่? รีบตื่นเร็วเข้า!"

หยวนชิงหลิงรีบเดินไปเปิดประตูทันที อาซี่ยังคงสวมชุดนอนอยู่ เข้ามาดึงนางเดินออกไปข้างนอกอย่างรวดเร็ว "รีบไปเร็วเข้า ท่านอ๋องได้รับบาดเจ็บแล้ว"

หยวนชิงหลิงตกใจจนผงะ นึกขึ้นได้ว่ากล่องยายังอยู่ข้างใน จึงรีบกลับไปยกกล่องยาออกมาทันที ถามอย่างร้อนรนว่า "มันเกิดอะไรขึ้น?"

สวีอีรออยู่นอกตำหนักเซี่ยวเยว่ ได้ยินที่หยวนชิงหลิงถามก็ตอบว่า "เมื่อคืนนี้อ๋องอานพาคนบุกไปที่กรมการพระนคร แล้วสั่งให้รัชทายาทส่งตัวเจ้าพระยาเจิ้งเป่ยออกมา แน่นอนว่ารัชทายาทย่อมไม่ยินยอม อ๋องอานเลยเหมือนบ้าคลั่งเสียสติจนจุดไฟเผา ทั้งยังทำร้ายทั้งรัชทายาทกับเจ้าพระยาเจิ้งเป่ยจนบาดเจ็บไปตาม ๆ กันพ่ะย่ะค่ะ "

หยวนชิงหลิงตกใจจนทำอะไรไม่ถูก "อาการบาดเจ็บหนักมากหรือไม่?"

“หนักพ่ะย่ะค่ะ ถูกอ๋องอานแทงไปดาบหนึ่ง เลือดยังไหลไม่หยุด หม่อมฉันจึงรีบกลับมาเชิญพระชายาพ่ะย่ะค่ะ” สวีอีตอบ

หยวนชิงหลิงตกใจกลัวจนเหมือนหัวใจจะหยุดเต้นอยู่แล้ว ไม่ถามอะไรอีก รีบตามสวีอีออกไปทันที

อาซี่ช่วยพยุงหยวนชิงหลิงที่แข้งขาอ่อนแรงไปแล้วขึ้นไปบนรถม้า สวีอีก็กระโดดตามขึ้นไปขับรถทันที ระหว่างทางค่อยเล่าเรื่องที่เกิดให้หยวนชิงหลิงฟัง

ปรากฏว่าแท้ที่จริง อาการของพระชายาอานเข้าขั้นวิกฤตแล้ว ฤทธิ์ของยาเม็ดจื่อจินใกล้จะหมดลง หมอหลวงบอกว่าเขาจนปัญญาจะช่วยอะไรได้อีก เขาจึงไปรวบรวมกลุ่มคนในยุทธภพบุกไปที่กรมการพระนคร คิดจะฆ่าเจ้าพระยาเจิ้งเป่ย อ๋องอานดูบ้าคลั่งเสียสติไปแล้ว ใครเข้ามาขวางก็ฟันคนนั้น พวกชาวยุทธ์นั่นก็เลวทรามชั่วช้ามากเช่นกัน กรมการพระนครจะมีทหารอารักขาไม่มากนักในตอนกลางคืน มีเพียงรัชทายาทกับใต้เท้าซือเย๋เท่านั้นที่กำลังวินิจฉัยคำให้การของแต่ละคนอยู่ เจ้าพระยาเจิ้งเป่ยเห็นว่าทหารยามหน้าประตูถูกฟันได้รับบาดเจ็บ จึงวิ่งออกมาแล้วถูกพวกอ๋องอานปิดล้อม รัชทายาทจึงทำได้เพียงออกไปปกป้องเขาด้วยตัวเอง ในช่วงชุลมุนนั้น ดาบไร้ดวงตา จึงฟันโดนหยู่เหวินเห้าไปถึงสองดาบ ดาบหนึ่งที่หน้าท้อง อีกดาบคือที่ขา

“แล้วอ๋องอานตอนนี้ถูกควบคุมตัวไปได้แล้วหรือยัง?” หยวนชิงหลิงถามอย่างร้อนใจ ถ้าไม่ควบคุมตัวไว้ เกรงว่าอาจก่อการปฏิวัติขึ้นได้

สวีอีฟาดแส้เร่งความเร็ว มีความกลัวแฝงอยู่ในน้ำเสียงหลายส่วน "เขากลับไปที่จวนตัวเองแล้ว พ่ะย่ะค่ะ ยังบอกด้วยว่าพระชายาอานใกล้จะไม่ไหวแล้ว ก่อนจากไปยังพูดทิ้งท้ายอีกว่า หากพระชายาอานต้องมีอันเป็นไปจริง ๆ เจ้าพระยาเจิ้งเป่ยก็จะต้องตายด้วย เสียสติไปแล้วจริง ๆ หม่อมฉันไม่เคยเห็นอ๋องอานที่บ้าคลั่งเกินควบคุมขนาดนี้มาก่อนเลย เหมือนสัตว์ร้ายที่กระหายเลือดจนเข่นฆ่าไม่เลือกหน้า”

หยวนชิงหลิงกดที่หน้าอกตัวเอง รู้สึกแค่ว่าหัวใจมันหนักอึ้งจนจมหายลงไปทุกที ๆ ทำไมมันถึงเป็นอย่างนี้ไปได้? งานเลี้ยงดี ๆ งานหนึ่ง ทำไมมันถึงเกิดหายนะอันใหญ่หลวงขนาดนี้ขึ้นมาได้?

คนที่ลงมือทำร้ายพระชายาอาน สมควรตายเป็นหมื่น ๆ ครั้งจริง ๆ

เมื่อมาถึงกรมการพระนคร นางก็ถือกล่องยาแล้ววิ่งเข้าไปด้านใน ธรณีประตูของกรมการพระนครสูงมาก นางมือหนึ่งถือกล่องยา อีกมือก็ยกชายกระโปรง แล้วกระโดดข้ามจนตัวลอยไปอย่างง่ายดาย

ตอนนี้นางไม่ได้มีทักษะใดๆ แต่กลับวิ่งได้เร็วมากอย่างน่าเหลือเชื่อ

หยู่เหวินเห้าถูกนำตัวไปพักที่ห้องปีกด้านหลังกรม ยังไม่ทันที่หยวนชิงหลิงจะก้าวเท้าเข้าไป ก็ได้ยินเสียงคำรามอย่างไม่พอใจของเจ้าพระยาเจิ้งเป่ยดังลั่นมาเข้าหู “พวกเจ้าเป็นหมอประสาอะไรกัน ? จนนานขนาดนี้แล้วยังห้ามเลือดไม่ได้อีก เชื่อหรือไม่ว่าข้าจะเด็ดหัวของพวกเจ้ามาเตะเป็นลูกหนังให้หมด?"

หยวนชิงหลิงได้ยินว่าเลือดยังไหลไม่หยุด จึงวิ่งเข้าไปอย่างแตกตื่น ทันทีที่เจ้าพระยาเจิ้งเป่ยเห็นหน้านาง สีหน้าก็เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด: "พระชายารัชทายาทมาแล้ว ดีเหลือเกิน"

หยวนชิงหลิงเพียงพยักหน้าให้เขาเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าทั้งร่างของหยู่เหวินเห้าเต็มไปด้วยเลือด หัวใจของนางก็เจ็บปวด ขอบตาร้อนผ่าว น้ำตาก็ไหลออกมาอย่างไม่อาจควบคุมได้

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

บัลลังก์หมอยาเซียน 679 อ๋องอานไปที่กรมการพระนคร

Now you are reading บัลลังก์หมอยาเซียน Chapter 679 อ๋องอานไปที่กรมการพระนคร at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ในวันที่สาม อาการของฮู่เฟยก็เริ่มคงที่ แม้ว่าจะไม่ได้ทำการผ่าตัดในสภาพแวดล้อมที่ปลอดเชื้อ แต่ก็ไม่ปรากฏการติดเชื้อ

สำหรับเจ้าอ้วนตัวน้อย ตอนที่เกิดเขาไม่ร้องไห้เลยซักแอะ แต่มาตอนนี้กลับร้องไห้ไม่หยุด เวลาที่ร้องไห้ขึ้นมา น้ำเสียงมีพลังทำลายล้างพอ ๆ กับเจ้าข้าวเหนียวน้อยเลยทีเดียว

อีกทั้งเจ้าหนูน้อยก็กินเก่งอย่างยิ่ง แต่นับว่าโชคดีที่ในวังได้เตรียมแม่นมไว้ถึงสองคน

เมื่อไทเฮาได้ทอดพระเนตรเห็นเขา ก็ทรงสบายพระทัย อาการประชวรจึงหายเป็นปลิดทิ้ง

ส่วนทางจวิ้นจู่องจิ้ง เพราะองค์หญิงพระองค์ใหญ่เสด็จเข้าวังไปขอร้อง จึงไม่ได้ทำให้พวกนางแม่ลูกลำบากมากนัก แค่ให้บทเรียนพวกนางไปยกหนึ่ง กับลงโทษไม่ให้เข้าวังเป็นเวลาสองปี ก็ถือว่าจบเรื่องนี้ไป

หยวนชิงหลิงยังไม่ได้ออกจากวัง ยังคงพักอยู่ที่ตำหนักสู้ซิน คาดว่าวันนี้ก็คงจะกลับไปได้แล้ว เพราะฮู่เฟยสามารถกลับไปที่ห้องนอนของตัวเองไหวแล้ว ไม่จำเป็นต้องอยู่ในตำหนักสู้ซินอีกต่อไป

หยวนชิงหลิง ได้ขอร้องให้เต๋อเฟยไปไถ่ถามเรื่องอาการบาดเจ็บของพระชายาอาน เต๋อเฟยจึงบอกไปว่านางเองก็ไม่รู้เรื่องนี้เช่นกัน ยังบอกด้วยว่าอ๋องอานไม่อนุญาตให้พระสนมทั้งหลายไปเยี่ยม

แต่เต๋อเฟยเล่าว่า นางได้พบกับอ๋องอานที่ด้านนอกครั้งหนึ่ง รูปร่างหน้าตาของเขาเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง จอนผมที่อยู่ตรงขมับดูราวกับถูกย้อมด้วยสีขาวเลยทีเดียว

หยวนชิงหลิงรู้ว่าอ๋องอานชั่วร้ายเลวทรามขนาดไหน แต่เขาดีกับพระชายาอานเป็นที่สุด ตอนนี้ชีวิตนางถูกแขวนไว้บนเส้นด้ายอย่างนั้น เขาก็คงทรมานใจมากเช่นกัน

หยู่เหวินเห้ามารับหยวนชิงหลิงออกจากวัง เขายังเข้าวังไปสอบปากคำอีกรอบ ไม่เพียงซักถามแค่คนที่อยู่ในอุทยานในวันนั้นเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงข้าหลวงที่อยู่ในสวนว่างด้วย จะอย่างไรเขาก็ยังต้องถามคนอื่น ๆ ที่อยู่ที่นั่นให้ครบถ้วนเสียก่อน

คดีนี้ดำเนินมาจนถึงวันนี้แล้ว เขาก็ยังคงคุมตัวเจ้าพระยาเจิ้งเป่ยไว้ในฐานะผู้ต้องสงสัยอยู่ ซึ่งกระตุ้นความไม่พอใจของอ๋องอานอย่างยิ่ง อ๋องอานเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ว่า หากภายในสามวันยังไม่อาจตัดสินคดีความได้ เขาจะไปฆ่าเจ้าพระยาเจิ้งเป่ยด้วยตัวเอง

ตอนที่เขาพูดประโยคนี้ คือวันที่สองหลังจากเกิดเรื่อง ดังนั้นหากวันพรุ่งนี้ยังไม่มีการตัดสินคดี คาดได้ว่าอ๋องอานคงจะไม่ยอมนั่งอยู่เฉย ๆ แน่

ระหว่างทางกลับจวน สองสามีภรรยานั่งอยู่ในรถม้า ไม่พูดอะไรกันสักคำ แค่เอนมาพิงไหล่กันและกัน ทุกคนต่างเหน็ดเหนื่อยเหลือเกินแล้วจริง ๆ

เมื่อกำลังจะกลับถึงจวน หยู่เหวินเห้าให้หยวนชิงหลิงกลับไปอาบน้ำเข้านอนก่อน ส่วนเขายังต้องไปจัดการงานที่ค้างคาต่อ

เมื่อเห็นหยวนชิงหลิงหมดเรี่ยวหมดแรง เขารู้ดีว่านางเป็นห่วงพระชายาอาน จึงใช้หน้าผากตัวเองแตะที่หน้าผากของนาง จุมพิตเบา ๆ "เอาเถอะ อย่าคิดมากอีกเลยนะ รีบเข้าไปพักผ่อนเถอะ"

หยวนชิงหลิงใช้มือโอบพันรอบคอของเขา แล้วพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็อย่าให้ดึกเกินไป รีบกลับมาเร็วหน่อยล่ะ”

“รับทราบ!” หยู่เหวินเห้าตอบรับ

หลังจากที่หยวนชิงหลิงกลับมาถึงจวน กินข้าวเสร็จก็ไปหาพวกเด็ก ๆ คุยกับย่าครู่หนึ่งก็ไปนอน หลับฝันเห็นพื้นที่เจิ่งนองไปด้วยเลือด เมื่อสะดุ้งตื่นขึ้นมาก็รู้สึกกลัดกลุ้มไม่สบายใจ

ท้องฟ้ามืดแล้ว พอถามหมันเอ๋อถึงได้รู้ว่าใกล้เข้าสู่ยามจื่อแล้ว (ประมาณห้าทุ่มถึงตีหนึ่ง) ที่แท้นางหลับไปนานมากเลยทีเดียว

ข้างนอกลมหนาวพัดรุนแรง ท่าทีคล้ายว่าจะเกิดหิมะตกหนัก บรรดากิ่งไม้ในสวนต่างปลิวกระจัดกระจายไปตามสายลมอันหนาวเหน็บ

“เจ้าไม่ต้องเฝ้ารอแล้วล่ะ รีบไปนอนเถอะ” หยวนชิงหลิงพูดกับอะหมัน

หมันเอ๋อกลับมีความรู้สึกไม่วางใจอยู่เล็กน้อย "อย่างไรก็ให้ข้าน้อยเฝ้าอยู่ที่นี่เถอะเพคะ พระชายาอานอยู่ในวังแท้ ๆ ยังเกิดเรื่องได้ มันไม่ปลอดภัยจริง ๆ ข้าน้อยควรเฝ้าระวังป้องกันให้ดี"

หยวนชิงหลิงขมวดคิ้ว ดวงตาทอประกายอ่อนโยน “เด็กโง่ หากมีคนคิดจะฆ่าข้าจริงๆ เจ้าเองก็ต้านทานไม่อยู่หรอก ไปเถอะ พรุ่งนี้ข้ายังต้องไปที่วังอีกครั้ง ถึงตอนนั้นเจ้าก็ต้องไปกับข้าด้วย คืนนี้ควรนอนเอาแรงให้เต็มที่ดีกว่า"

หลังจากสั่งซ้ำแล้วซ้ำเล่า หมันเอ๋อถึงยอมกลับไปนอนแต่โดยดี

นางเห็นว่าดึกขนาดนี้แล้วหยู่เหวินเห้ายังไม่กลับมา ก็คิดว่าคืนนี้นางคงนอนไม่หลับเช่นกัน กำลังจะไปปิดประตู กลับเห็นตอเป่าเดินส่ายหางระรัวเข้ามา

“เป็นอะไรไป?” หยวนชิงหลิงคุกเข่าลงแล้วลูบหัวของตอเป่า ตอเป่าถูไถที่เข่าของนาง นางจึงนึกขึ้นได้ว่า ตัวเองไม่ได้พาเจ้าตอเป่าไปเดินเล่นนานมากแล้วจริง ๆ

เจ้าตอเป่าเดินส่ายอาด ๆ ขึ้นไปนอนบนเตียงหลัวฮั่น หยวนชิงหลิงหลุดหัวเราะ เจ้าตัวแสบนี่นะ ยิ่งนับวันก็ยิ่งไม่เห็นตัวเองเป็นหมาเข้าไปทุกที ๆ แล้ว

หยวนชิงหลิงก็นอนไม่หลับเช่นกัน เมื่อนึกถึงอาการบาดเจ็บของพระชายาอาน จึงเปิดกล่องยามองสำรวจยาที่อยู่ด้านใน เมื่อเห็นว่ามียาประเภทที่ใช้ปฐมพยาบาลจำพวกอะดรีนาลีนวางอยู่ที่ชั้นหนึ่ง รวมถึงชุดผ่าตัดก็ล้วนหยิบออกมาทั้งหมด

หมายความว่าอาการของพระชายาอานไม่ดีมากแล้วจริง ๆ

หยวนชิงหลิงเป็นกังวล รู้สึกใจไม่สงบเมื่อนึกถึงผู้หญิงที่แสนอ่อนโยนเรียบร้อยคนหนึ่ง ต้องมาตายจากไปทั้งอย่างนี้ ช่างน่าเสียดายเหลือเกิน

นางนั่งลงข้างๆ ตอเปา ลูบหัวของมันเบา ๆ ทำอย่างไรก็ไม่สามารถสงบจิตสงบใจลงได้ เอาแต่รู้สึกอยู่ตลอดเวลาว่า กำลังจะมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้น

ผลคือผ่านไปไม่นาน ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากข้างนอก ตอเป่ากระโจนพรวดลงมาจากเตียง แล้วเห่าใส่เสียงเอะอะข้างนอก จากนั้นก็ได้ยินเสียงหมันเอ๋อ กับอาซี่ทุบประตูอย่างรีบร้อน "พี่หยวน ท่านหลับแล้วหรือไม่? รีบตื่นเร็วเข้า!"

หยวนชิงหลิงรีบเดินไปเปิดประตูทันที อาซี่ยังคงสวมชุดนอนอยู่ เข้ามาดึงนางเดินออกไปข้างนอกอย่างรวดเร็ว "รีบไปเร็วเข้า ท่านอ๋องได้รับบาดเจ็บแล้ว"

หยวนชิงหลิงตกใจจนผงะ นึกขึ้นได้ว่ากล่องยายังอยู่ข้างใน จึงรีบกลับไปยกกล่องยาออกมาทันที ถามอย่างร้อนรนว่า "มันเกิดอะไรขึ้น?"

สวีอีรออยู่นอกตำหนักเซี่ยวเยว่ ได้ยินที่หยวนชิงหลิงถามก็ตอบว่า "เมื่อคืนนี้อ๋องอานพาคนบุกไปที่กรมการพระนคร แล้วสั่งให้รัชทายาทส่งตัวเจ้าพระยาเจิ้งเป่ยออกมา แน่นอนว่ารัชทายาทย่อมไม่ยินยอม อ๋องอานเลยเหมือนบ้าคลั่งเสียสติจนจุดไฟเผา ทั้งยังทำร้ายทั้งรัชทายาทกับเจ้าพระยาเจิ้งเป่ยจนบาดเจ็บไปตาม ๆ กันพ่ะย่ะค่ะ "

หยวนชิงหลิงตกใจจนทำอะไรไม่ถูก "อาการบาดเจ็บหนักมากหรือไม่?"

“หนักพ่ะย่ะค่ะ ถูกอ๋องอานแทงไปดาบหนึ่ง เลือดยังไหลไม่หยุด หม่อมฉันจึงรีบกลับมาเชิญพระชายาพ่ะย่ะค่ะ” สวีอีตอบ

หยวนชิงหลิงตกใจกลัวจนเหมือนหัวใจจะหยุดเต้นอยู่แล้ว ไม่ถามอะไรอีก รีบตามสวีอีออกไปทันที

อาซี่ช่วยพยุงหยวนชิงหลิงที่แข้งขาอ่อนแรงไปแล้วขึ้นไปบนรถม้า สวีอีก็กระโดดตามขึ้นไปขับรถทันที ระหว่างทางค่อยเล่าเรื่องที่เกิดให้หยวนชิงหลิงฟัง

ปรากฏว่าแท้ที่จริง อาการของพระชายาอานเข้าขั้นวิกฤตแล้ว ฤทธิ์ของยาเม็ดจื่อจินใกล้จะหมดลง หมอหลวงบอกว่าเขาจนปัญญาจะช่วยอะไรได้อีก เขาจึงไปรวบรวมกลุ่มคนในยุทธภพบุกไปที่กรมการพระนคร คิดจะฆ่าเจ้าพระยาเจิ้งเป่ย อ๋องอานดูบ้าคลั่งเสียสติไปแล้ว ใครเข้ามาขวางก็ฟันคนนั้น พวกชาวยุทธ์นั่นก็เลวทรามชั่วช้ามากเช่นกัน กรมการพระนครจะมีทหารอารักขาไม่มากนักในตอนกลางคืน มีเพียงรัชทายาทกับใต้เท้าซือเย๋เท่านั้นที่กำลังวินิจฉัยคำให้การของแต่ละคนอยู่ เจ้าพระยาเจิ้งเป่ยเห็นว่าทหารยามหน้าประตูถูกฟันได้รับบาดเจ็บ จึงวิ่งออกมาแล้วถูกพวกอ๋องอานปิดล้อม รัชทายาทจึงทำได้เพียงออกไปปกป้องเขาด้วยตัวเอง ในช่วงชุลมุนนั้น ดาบไร้ดวงตา จึงฟันโดนหยู่เหวินเห้าไปถึงสองดาบ ดาบหนึ่งที่หน้าท้อง อีกดาบคือที่ขา

“แล้วอ๋องอานตอนนี้ถูกควบคุมตัวไปได้แล้วหรือยัง?” หยวนชิงหลิงถามอย่างร้อนใจ ถ้าไม่ควบคุมตัวไว้ เกรงว่าอาจก่อการปฏิวัติขึ้นได้

สวีอีฟาดแส้เร่งความเร็ว มีความกลัวแฝงอยู่ในน้ำเสียงหลายส่วน "เขากลับไปที่จวนตัวเองแล้ว พ่ะย่ะค่ะ ยังบอกด้วยว่าพระชายาอานใกล้จะไม่ไหวแล้ว ก่อนจากไปยังพูดทิ้งท้ายอีกว่า หากพระชายาอานต้องมีอันเป็นไปจริง ๆ เจ้าพระยาเจิ้งเป่ยก็จะต้องตายด้วย เสียสติไปแล้วจริง ๆ หม่อมฉันไม่เคยเห็นอ๋องอานที่บ้าคลั่งเกินควบคุมขนาดนี้มาก่อนเลย เหมือนสัตว์ร้ายที่กระหายเลือดจนเข่นฆ่าไม่เลือกหน้า”

หยวนชิงหลิงกดที่หน้าอกตัวเอง รู้สึกแค่ว่าหัวใจมันหนักอึ้งจนจมหายลงไปทุกที ๆ ทำไมมันถึงเป็นอย่างนี้ไปได้? งานเลี้ยงดี ๆ งานหนึ่ง ทำไมมันถึงเกิดหายนะอันใหญ่หลวงขนาดนี้ขึ้นมาได้?

คนที่ลงมือทำร้ายพระชายาอาน สมควรตายเป็นหมื่น ๆ ครั้งจริง ๆ

เมื่อมาถึงกรมการพระนคร นางก็ถือกล่องยาแล้ววิ่งเข้าไปด้านใน ธรณีประตูของกรมการพระนครสูงมาก นางมือหนึ่งถือกล่องยา อีกมือก็ยกชายกระโปรง แล้วกระโดดข้ามจนตัวลอยไปอย่างง่ายดาย

ตอนนี้นางไม่ได้มีทักษะใดๆ แต่กลับวิ่งได้เร็วมากอย่างน่าเหลือเชื่อ

หยู่เหวินเห้าถูกนำตัวไปพักที่ห้องปีกด้านหลังกรม ยังไม่ทันที่หยวนชิงหลิงจะก้าวเท้าเข้าไป ก็ได้ยินเสียงคำรามอย่างไม่พอใจของเจ้าพระยาเจิ้งเป่ยดังลั่นมาเข้าหู “พวกเจ้าเป็นหมอประสาอะไรกัน ? จนนานขนาดนี้แล้วยังห้ามเลือดไม่ได้อีก เชื่อหรือไม่ว่าข้าจะเด็ดหัวของพวกเจ้ามาเตะเป็นลูกหนังให้หมด?"

หยวนชิงหลิงได้ยินว่าเลือดยังไหลไม่หยุด จึงวิ่งเข้าไปอย่างแตกตื่น ทันทีที่เจ้าพระยาเจิ้งเป่ยเห็นหน้านาง สีหน้าก็เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด: "พระชายารัชทายาทมาแล้ว ดีเหลือเกิน"

หยวนชิงหลิงเพียงพยักหน้าให้เขาเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าทั้งร่างของหยู่เหวินเห้าเต็มไปด้วยเลือด หัวใจของนางก็เจ็บปวด ขอบตาร้อนผ่าว น้ำตาก็ไหลออกมาอย่างไม่อาจควบคุมได้

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+