บัลลังก์หมอยาเซียน 714 แขกพิเศษที่มา

Now you are reading บัลลังก์หมอยาเซียน Chapter 714 แขกพิเศษที่มา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

อ๋องหวยสามีภรรยาดึกมากแล้วถึงได้เข้าวัง ไม่ได้มีปัญหาอะไรทำให้เสียเวลา เพียงเพราะก่อนหน้านี้หรงเยว่คิดว่าตัวเองตั้งครรภ์ ป่าวประกาศไปทั่ว ผลสุดท้ายเป็นตัวเองที่มั่วไปเอง นางเองก็รู้สึกอายฉวยโอกาสขณะที่ทุกคนกำลังสนทนากันเข้าวังมา

นางไม่มีหน้าพบเจอผู้คน

ในพระราชวังคึกคักมาก ในงานเลี้ยงฉลองช่วงค่ำ ฮ่องเต้หมิงหยวนก็กลับมาจากการเซ่นไหว้แล้ว สนทนาพร้อมกับเหล่าพระญาติ อ๋องชินทุกคนต้องติดตามอยู่ด้านข้าง คืนนี้รัชทายาทหยู่เหวินเห้าก็คือผู้ช่วยของฮ่องเต้หมิงหยวน เขาไปที่ไหน รัชทายาทก็ต้องติดตามไปที่นั่น เขาพูดอะไร รัชทายาทก็รับผิดชอบเป็นเครื่องพูดซ้ำอีกครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้คนมากมายเกินไป เสียงประทัดก็ไม่ขาดสาย ฐานะที่เป็นฮ่องเต้ก็ไม่สามารถตะโกนเสียงดังได้

หลังจากได้รับการแต่งตั้งเป็นรัชทายาทเป็นต้นมา ตำแหน่งในราชสำนักของหยู่เหวินเห้าก็ค่อยๆขยับขึ้น งานเลี้ยงของราชนิกุลคืนนี้ เหล่าญาติพี่น้องมากมายก็รุมล้อมเขา ขาดไม่ได้ที่จะต้องปล่อยปละละเลยคนอื่น

อ๋องจี้เจ็บปวดใจมาก กล่าวต่ออ๋องอานอย่างแค้นใจว่า: “ดูคนกลุ่มนั้น เหมือนแมลงวันบินตอมของเหม็นเช่นนั้น ทำให้คนรังเกียจ”

ตอนนี้เขาอยู่ต่อหน้าฮ่องเต้หมิงหยวนได้เปลี่ยนท่าทางไป ไม่ดื้อรั้นหลงใหลในอำนาจอีก พยายามสุดความสามารถทำท่าทางเป็นผู้ชายถ่อมตัว แต่คืนนี้ได้เห็นเกียรติยศของตัวเองในอดีตถูกหยู่เหวินเห้าแย่งไปหมด ยังคงมีความสามารถไม่เพียงพอที่อดกลั้นไม่พูดประโยคนี้ออกมาได้

อ๋องอานกลับไม่ได้สนใจ หัวเราะเล็กน้อยแล้วกล่าว: “เขาเป็นรัชทายาท ฮ่องเต้ในอนาคต เป็นธรรมดาที่จะมีผู้คนรุมล้อม!”

อ๋องจี้ได้ยินคำพูดนี้ กรอกตาขาวโดยตรง “ในปากของพวกเจ้ายังมีคำพูดที่แท้จริงสักประโยคหรือไม่? พูดไม่ตรงกับใจ ตัวเองรู้สึกดีงั้นหรือ?”

อ๋องอานชู่วทีหนึ่ง ในดวงตาแฝงได้ด้วยประกายเล็กน้อย “พี่ใหญ่ คำพูดไหนควรพูด คำพูดไหนไม่ควรพูด ในใจของท่านประเมินไม่ได้หรือ? อีกทั้ง จากความฉลาดปราดเปรียวของท่าน ทำไมไม่แยกแยะให้ชัดเจนว่าวันนี้โอกาสนี้ พวกเราทั้งสองก็คือตัวประกอบ? เพียงแค่ทำหน้าที่ของตัวประกอบให้ดีก็ได้แล้ว ทำไมต้องอิจฉาใครด้วยล่ะ? วันนั้นที่ท่านได้รับอำนาจ ก็ไม่เห็นว่าคนอื่นเขาจะเคยอิจฉาท่าน”

อ๋องจี้เปล่งเสียงไม่พอใจคำหนึ่ง ปิดปากไปด้วยความอึดอัดใจ

ขณะที่เขาได้รับอำนาจ ในใจของผู้ใดที่ไม่เคยอิจฉาเขาบ้าง? ในใจของผู้ใดที่ไม่เคยริษยาเขาบ้าง?

น่าแค้นใจคือวันนี้เขาสูญเสียอำนาจแล้ว ทำตัวเป็นคนหางหดถ่อมตัว ยังสู้กับสุนัขตัวหนึ่งในพระตำหนักฉินคุนไม่ได้เลย

ในงานเลี้ยงตอนค่ำ หยู่เหวินเห้าก็ติดตามอยู่ข้างกายฮ่องเต้หมิงหยวน ถึงกระทั่งเป็นตัวแทนแถลงการณ์ต่อพระญาติพี่น้องแทนฮ่องเต้หมิงหยวน พูดวาจาที่ภาพลักษณ์ภายนอกดูสง่าน่าเกรงขามมากมาย ไม่ได้นอกเหนือจากขอบเขตการขอบคุณความร่วมมือของทุกคนในปีนี้ ปีหน้าพวกเรามาพยายามไปพร้อมกัน รักษาเขตแดนประเทศของตระกูลหยู่เหวินไว้ ทำให้ราษฎรสงบสุขปลอดภัยทำนองนั้น

งานเลี้ยงฉลองช่วงค่ำของพระราชวังในปีนี้ชายและหญิงแยกกัน แบ่งจัดขึ้นเป็นสองตำหนัก ไทเฮานำเหล่าสนมและบรรดาครอบครัวฝ่ายหญิงอยู่ที่ตำหนักด้านข้างตำหนักกวงหมิง

ฮ่องเต้หมิงหยวนและหยู่เหวินเห้าก็นำเหล่าท่านชายกลุ่มใหญ่อยู่ที่ตำหนักหลัก

แต่ว่า ประตูใหญ่ของทั้งสองตำหนักล้วนเปิดไว้ ดังนั้น แม้ว่าจะแยกกัน แต่กลับสามารถมองเห็นการแสดงเต้นรำทำเพลงด้านนอกตำหนักกวงหมิงพร้อมกันได้

ไท่ซ่างหวงบุคคลที่ถูกจับตามองเดินเยื้องย่างมาอย่างเชื่องช้า ภายใต้การร่วมเดินทางของเซียวเหยากงและโสวฝู่ฉู่ ทั้งสามผู้ยิ่งใหญ่อันน่าเกรงขามแห่งเป่ยถังก็ปรากฏตัวอย่างมาดเข้ม

ทุกคนยืนขึ้นน้อมต้อนรับอย่างรีบร้อน รอจนไท่ซ่างหวงเข้าที่นั่งแล้ว ก็คุกเข่าคารวะพร้อมกัน

ไท่ซ่างหวงคลุมเสื้อคลุมตัวหนึ่งสีแดงออกดำ ด้านข้างเป็นหนังสัตว์ที่มีขนสีดำ ปักรูปมังกรเหินฟ้า เพื่องานเลี้ยงฉลองที่ยิ่งใหญ่คืนนี้ เขาตั้งใจสร้างมงกุฎทองคำบริสุทธิ์ฝังหยก ช่วงเอวผูกก็ด้วยเข็มขัดทองหยกเส้นหนึ่ง ไม่ว่าราศีหรือว่าความมั่งคั่ง เขาล้วนบดบังราศีของบุรุษอื่นไปทั่ว

เขารอจนคุกเข่าต้อนรับเรียบร้อยแล้ว จึงเรียกให้คนเพิ่มที่นั่งมากขึ้นอีกที่หนึ่ง และที่นั่งที่เพิ่มก็อยู่ข้างกายของเขา

ทุกคนแปลกใจเป็นอย่างมาก ไท่ซ่างหวงต้องการจัดให้ผู้ใดนั่งร่วมกับเขา? รัชทายาทนั่งลงข้างกายของฮ่องเต้แล้ว หรือว่า ไท่ซ่างหวงยังทรงโปรดปรานอ๋องคนใดอีก?

ชั่วขณะหนึ่ง ทุกคนคาดเดา สายตาตรวจตราไปบนใบหน้าของอ๋องไม่กี่คน

แม้ว่าอ๋องจี้จะพยายามยับยั้งอย่างเต็มที่ แต่ว่าการแสดงออกก็ตื่นเต้นเป็นที่สุด

สถานการณ์ปกติเช่นนี้ นั่งอยู่ข้างการของไท่ซ่างหวง ควรจะเป็นหลานชายคนโต

ถ้าหากได้รับความไว้วางพระทัยอย่างสำคัญจากไท่ซ่างหวง น่าจะสามารถพลิกสถานการณ์ในวันนี้ของเขาได้ เขายังมีโอกาส

เขามองดูเก้าอี้ไม้แดงโบราณแกะสลักรูปดอกไม้ถูกย้ายเข้าไป จัดวางไว้ข้างกายของไท่ซ่างหวงเรียบร้อย ไท่ซ่างหวงเรียกนางข้าหลวงจัดเตรียมอุปกรณ์รับประทานอาหาร

แต่ว่า หลังจากที่ทำทุกอย่างเสร็จ ไท่ซ่างหวงกลับไม่ได้เรียกผู้ใดขึ้นมา และถึงกระทั่งไม่ได้บอกให้เปิดงาน

ฮ่องเต้หมิงหยวนตรัสถาม: “เสด็จพ่อ ยังมีผู้ใดมาอีกหรือพ่ะย่ะค่ะ?”

เขาเหลือบมองแวบหนึ่ง คืนนี้สามารถมาได้ ก็มาหมดแล้ว ยังมีผู้ใดสามารถนั่งที่นั่งนี้ได้อีกล่ะ?

“นายท่านใหญ่ของเจ้า!” ไท่ซ่างหวงกล่าวเบาๆ

“……” คืนสิ้นปีที่ดีๆ ด่าคนได้อย่างไรล่ะ? ตอนนี้เสด็จพ่อยิ่งไม่สนใจภาพลักษณ์ขึ้นเรื่อยๆแล้ว

ขณะที่ทุกคนกำลังมองหน้าสบตากันไม่รู้ว่าควรจะทำเช่นไร แต่ฉับพลันนั้นกลับได้ยินคำรามที่น่าตกใจกลัวเสียงหนึ่ง เสียงนั่นราวกับว่าดังมาจากสถานที่ไกลมากๆ แต่กลับเหมือนเสียงฟ้าร้องที่ดั่งสะเทือนมาถึงในตำหนักโดยตรงเช่นนั้น

เสียงมีแรงทะลุทะลวงเป็นที่สุด สะเทือนจนตำหนักกวงหมิงเหมือนจะสั่นไหวไปสามครั้ง

ได้ยินเสียงคำรามนี้ ผู้อาวุโสขึ้นอีกรุ่นในตระกูลที่นั่งอยู่ล้วนตื่นเต้นขึ้นมา เขามาแล้ว เป็นเขามาแล้ว เป็นเขาพาเสือตัวใหญ่ของเขากลับมาแล้ว

ฮ่องเต้หมิงหยวนมุมปากกระตุกเล็กน้อย พระเจ้าให้ตายสิ เป็นนายท่านของข้าจริงๆ

“เป็นอ๋องชินเฟิงอัน!” มีคนร้องออกมา

อ๋องชินเฟิงอันสี่คำนี้ แรงของการระเบิดออกในตำหนักกวงหมิงและเสียงคำรามเสียงนั้นแยกก่อนหลังไม่ออก สี่คำนี้ ภายในราชนิกุลที่อาวุโสขึ้นอีกรุ่นนั่นเรียกว่าชื่อเสียงโด่งดังกึกก้อง

อายุอ่อนกว่าอีกรุ่นก็เคยได้ยินถึงเขาเป็นธรรมดา เพียงแต่เมื่อหลายปีก่อนเขาได้ออกจากเมืองหลวงไปแล้ว เป่ยถังมีเพียงตำนานของเขา แต่ไม่เห็นตัวคนของเขา

เสียงคำรามของเสือทุกครั้งที่เว้นครู่หนึ่ง ก็ดังครั้งหนึ่ง ยิ่งเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ

เสือคำรามสั่นสะเทือนจนใจคนทั้งหมดตื่นเต้น

หยวนชิงหลิงฟังออก คิดถึงสามีภรรยาที่เป็นตำนานเช่นนั้น นึกไม่ถึงว่าพวกเขาจะกลับมาฉลองปีใหม่?

นางนึกถึงไท่ซ่างหวงมีความรักระหว่างหนุ่มสาวนั่นกับชายาเฟิงอัน อดไม่ได้ที่แอบชำเลืองมองผ่านประตูตำหนักเข้าไปแวบหนึ่ง เห็นเพียงไท่ซ่างหวงทำตัวดั่งปกติ ยิ่งใหญ่แข็งแกร่งไม่หวั่นไหว จิ้งจอกเฒ่าก็คือจิ้งจอกเฒ่า ความรู้สึกสักน้อยล้วนไม่ได้ปรากฏบนใบหน้า

ด้านนอกประตู ฉางกงกงเดินมาด้วยฝีเท้าที่รวดเร็ว โทนเสียงก็เปลี่ยนไปแล้ว “กราบทูลไท่ซ่างหวง กราบทูลฝ่าบาท อ๋องชินเฟิงอันทั้งสามีภรรยาเสด็จถึงแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”

เพิ่งจะสิ้นสุดเสียงของฉางกงกง ก็ได้ยินเสียงคำรามของเสือดังขึ้นอีกเสียง

เสียงคำรามของเสือนี้ ราวกับว่าหมอบและคำรามอยู่บนหูของทุกคน สะเทือนจนแก้วหูแทบจะทะลุแล้วเช่นนั้น

แล้วในขณะที่บรรดาผู้คนหูอื้อ ก็เห็นทั้งสองจูงมือกันเข้ามา

ผู้ชายสวมมงกุฎหยก คิ้วดั่งมีดคม ใบหน้าเย็นชามีความน่าเกรงขาม ดูเหมือนว่าอายุไม่น้อยแล้ว หางตาก็มีริ้วรอย แต่ริ้วรอยนั่นกลับเหมือนจะยิ่งแสดงถึงความน่าเกรงขาม

จูงมือเข้ามากับเขา ก็คือชายาเฟิงอันโล่หมัน

นางสวมชุดเสื้อคลุมสีแดง ทำผมเป็นมวยเมฆลอย หน้าตาองอาจผึ่งผาย บนใบหน้ามีแป้งบางๆ ปกปิดริ้วรอยเล็กๆอย่างพอดี เซียวเหยากงเป็นลูกศิษย์ของนาง แต่ว่าดูไปแล้วเซียวเหยากงดูแก่จนเป็นเหมือนพ่อของนาง

ทุกคนลุกขึ้นทั้งหมด ทำความเคารพต่ออ๋องชินเฟิงอันทั้งสามีภรรยา

ชายาเฟิงอันกลับไปทางตำหนักด้านข้าง อยู่กับพวกครอบครัวที่เป็นฝ่ายหญิง

อ๋องชินเฟิงอันกลับถูกต้อนรับไปข้างกายของไท่ซ่างหวง ไท่ซ่างหวงยืนขึ้น มองดูอ๋องชินเฟิงอัน สองพี่น้องสบตากัน ในตาล้วนสงบไม่มีคลื่นใดๆ ผู้ใดก็ไม่สามารถเชื่อได้ว่านี่คือพบปะกันอีกครั้งหลังจากห่างไปนานสิบกว่าปียี่สิบปี

เข้าที่นั่ง รินชา สายตาของอ๋องชินเฟิงอันตกอยู่บนใบหน้าของฮ่องเต้หมิงหยวน ฮ่องเต้หมิงหยวนหัวเราะเล็กน้อยแล้วกล่าว: “เสด็จลุง ไม่เจอกันนานมาก ท่านยังองอาจห้าวหาญเหมือนดั่งเมื่อก่อนเช่นนั้นนะพ่ะย่ะค่ะ”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

บัลลังก์หมอยาเซียน 714 แขกพิเศษที่มา

Now you are reading บัลลังก์หมอยาเซียน Chapter 714 แขกพิเศษที่มา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

อ๋องหวยสามีภรรยาดึกมากแล้วถึงได้เข้าวัง ไม่ได้มีปัญหาอะไรทำให้เสียเวลา เพียงเพราะก่อนหน้านี้หรงเยว่คิดว่าตัวเองตั้งครรภ์ ป่าวประกาศไปทั่ว ผลสุดท้ายเป็นตัวเองที่มั่วไปเอง นางเองก็รู้สึกอายฉวยโอกาสขณะที่ทุกคนกำลังสนทนากันเข้าวังมา

นางไม่มีหน้าพบเจอผู้คน

ในพระราชวังคึกคักมาก ในงานเลี้ยงฉลองช่วงค่ำ ฮ่องเต้หมิงหยวนก็กลับมาจากการเซ่นไหว้แล้ว สนทนาพร้อมกับเหล่าพระญาติ อ๋องชินทุกคนต้องติดตามอยู่ด้านข้าง คืนนี้รัชทายาทหยู่เหวินเห้าก็คือผู้ช่วยของฮ่องเต้หมิงหยวน เขาไปที่ไหน รัชทายาทก็ต้องติดตามไปที่นั่น เขาพูดอะไร รัชทายาทก็รับผิดชอบเป็นเครื่องพูดซ้ำอีกครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้คนมากมายเกินไป เสียงประทัดก็ไม่ขาดสาย ฐานะที่เป็นฮ่องเต้ก็ไม่สามารถตะโกนเสียงดังได้

หลังจากได้รับการแต่งตั้งเป็นรัชทายาทเป็นต้นมา ตำแหน่งในราชสำนักของหยู่เหวินเห้าก็ค่อยๆขยับขึ้น งานเลี้ยงของราชนิกุลคืนนี้ เหล่าญาติพี่น้องมากมายก็รุมล้อมเขา ขาดไม่ได้ที่จะต้องปล่อยปละละเลยคนอื่น

อ๋องจี้เจ็บปวดใจมาก กล่าวต่ออ๋องอานอย่างแค้นใจว่า: “ดูคนกลุ่มนั้น เหมือนแมลงวันบินตอมของเหม็นเช่นนั้น ทำให้คนรังเกียจ”

ตอนนี้เขาอยู่ต่อหน้าฮ่องเต้หมิงหยวนได้เปลี่ยนท่าทางไป ไม่ดื้อรั้นหลงใหลในอำนาจอีก พยายามสุดความสามารถทำท่าทางเป็นผู้ชายถ่อมตัว แต่คืนนี้ได้เห็นเกียรติยศของตัวเองในอดีตถูกหยู่เหวินเห้าแย่งไปหมด ยังคงมีความสามารถไม่เพียงพอที่อดกลั้นไม่พูดประโยคนี้ออกมาได้

อ๋องอานกลับไม่ได้สนใจ หัวเราะเล็กน้อยแล้วกล่าว: “เขาเป็นรัชทายาท ฮ่องเต้ในอนาคต เป็นธรรมดาที่จะมีผู้คนรุมล้อม!”

อ๋องจี้ได้ยินคำพูดนี้ กรอกตาขาวโดยตรง “ในปากของพวกเจ้ายังมีคำพูดที่แท้จริงสักประโยคหรือไม่? พูดไม่ตรงกับใจ ตัวเองรู้สึกดีงั้นหรือ?”

อ๋องอานชู่วทีหนึ่ง ในดวงตาแฝงได้ด้วยประกายเล็กน้อย “พี่ใหญ่ คำพูดไหนควรพูด คำพูดไหนไม่ควรพูด ในใจของท่านประเมินไม่ได้หรือ? อีกทั้ง จากความฉลาดปราดเปรียวของท่าน ทำไมไม่แยกแยะให้ชัดเจนว่าวันนี้โอกาสนี้ พวกเราทั้งสองก็คือตัวประกอบ? เพียงแค่ทำหน้าที่ของตัวประกอบให้ดีก็ได้แล้ว ทำไมต้องอิจฉาใครด้วยล่ะ? วันนั้นที่ท่านได้รับอำนาจ ก็ไม่เห็นว่าคนอื่นเขาจะเคยอิจฉาท่าน”

อ๋องจี้เปล่งเสียงไม่พอใจคำหนึ่ง ปิดปากไปด้วยความอึดอัดใจ

ขณะที่เขาได้รับอำนาจ ในใจของผู้ใดที่ไม่เคยอิจฉาเขาบ้าง? ในใจของผู้ใดที่ไม่เคยริษยาเขาบ้าง?

น่าแค้นใจคือวันนี้เขาสูญเสียอำนาจแล้ว ทำตัวเป็นคนหางหดถ่อมตัว ยังสู้กับสุนัขตัวหนึ่งในพระตำหนักฉินคุนไม่ได้เลย

ในงานเลี้ยงตอนค่ำ หยู่เหวินเห้าก็ติดตามอยู่ข้างกายฮ่องเต้หมิงหยวน ถึงกระทั่งเป็นตัวแทนแถลงการณ์ต่อพระญาติพี่น้องแทนฮ่องเต้หมิงหยวน พูดวาจาที่ภาพลักษณ์ภายนอกดูสง่าน่าเกรงขามมากมาย ไม่ได้นอกเหนือจากขอบเขตการขอบคุณความร่วมมือของทุกคนในปีนี้ ปีหน้าพวกเรามาพยายามไปพร้อมกัน รักษาเขตแดนประเทศของตระกูลหยู่เหวินไว้ ทำให้ราษฎรสงบสุขปลอดภัยทำนองนั้น

งานเลี้ยงฉลองช่วงค่ำของพระราชวังในปีนี้ชายและหญิงแยกกัน แบ่งจัดขึ้นเป็นสองตำหนัก ไทเฮานำเหล่าสนมและบรรดาครอบครัวฝ่ายหญิงอยู่ที่ตำหนักด้านข้างตำหนักกวงหมิง

ฮ่องเต้หมิงหยวนและหยู่เหวินเห้าก็นำเหล่าท่านชายกลุ่มใหญ่อยู่ที่ตำหนักหลัก

แต่ว่า ประตูใหญ่ของทั้งสองตำหนักล้วนเปิดไว้ ดังนั้น แม้ว่าจะแยกกัน แต่กลับสามารถมองเห็นการแสดงเต้นรำทำเพลงด้านนอกตำหนักกวงหมิงพร้อมกันได้

ไท่ซ่างหวงบุคคลที่ถูกจับตามองเดินเยื้องย่างมาอย่างเชื่องช้า ภายใต้การร่วมเดินทางของเซียวเหยากงและโสวฝู่ฉู่ ทั้งสามผู้ยิ่งใหญ่อันน่าเกรงขามแห่งเป่ยถังก็ปรากฏตัวอย่างมาดเข้ม

ทุกคนยืนขึ้นน้อมต้อนรับอย่างรีบร้อน รอจนไท่ซ่างหวงเข้าที่นั่งแล้ว ก็คุกเข่าคารวะพร้อมกัน

ไท่ซ่างหวงคลุมเสื้อคลุมตัวหนึ่งสีแดงออกดำ ด้านข้างเป็นหนังสัตว์ที่มีขนสีดำ ปักรูปมังกรเหินฟ้า เพื่องานเลี้ยงฉลองที่ยิ่งใหญ่คืนนี้ เขาตั้งใจสร้างมงกุฎทองคำบริสุทธิ์ฝังหยก ช่วงเอวผูกก็ด้วยเข็มขัดทองหยกเส้นหนึ่ง ไม่ว่าราศีหรือว่าความมั่งคั่ง เขาล้วนบดบังราศีของบุรุษอื่นไปทั่ว

เขารอจนคุกเข่าต้อนรับเรียบร้อยแล้ว จึงเรียกให้คนเพิ่มที่นั่งมากขึ้นอีกที่หนึ่ง และที่นั่งที่เพิ่มก็อยู่ข้างกายของเขา

ทุกคนแปลกใจเป็นอย่างมาก ไท่ซ่างหวงต้องการจัดให้ผู้ใดนั่งร่วมกับเขา? รัชทายาทนั่งลงข้างกายของฮ่องเต้แล้ว หรือว่า ไท่ซ่างหวงยังทรงโปรดปรานอ๋องคนใดอีก?

ชั่วขณะหนึ่ง ทุกคนคาดเดา สายตาตรวจตราไปบนใบหน้าของอ๋องไม่กี่คน

แม้ว่าอ๋องจี้จะพยายามยับยั้งอย่างเต็มที่ แต่ว่าการแสดงออกก็ตื่นเต้นเป็นที่สุด

สถานการณ์ปกติเช่นนี้ นั่งอยู่ข้างการของไท่ซ่างหวง ควรจะเป็นหลานชายคนโต

ถ้าหากได้รับความไว้วางพระทัยอย่างสำคัญจากไท่ซ่างหวง น่าจะสามารถพลิกสถานการณ์ในวันนี้ของเขาได้ เขายังมีโอกาส

เขามองดูเก้าอี้ไม้แดงโบราณแกะสลักรูปดอกไม้ถูกย้ายเข้าไป จัดวางไว้ข้างกายของไท่ซ่างหวงเรียบร้อย ไท่ซ่างหวงเรียกนางข้าหลวงจัดเตรียมอุปกรณ์รับประทานอาหาร

แต่ว่า หลังจากที่ทำทุกอย่างเสร็จ ไท่ซ่างหวงกลับไม่ได้เรียกผู้ใดขึ้นมา และถึงกระทั่งไม่ได้บอกให้เปิดงาน

ฮ่องเต้หมิงหยวนตรัสถาม: “เสด็จพ่อ ยังมีผู้ใดมาอีกหรือพ่ะย่ะค่ะ?”

เขาเหลือบมองแวบหนึ่ง คืนนี้สามารถมาได้ ก็มาหมดแล้ว ยังมีผู้ใดสามารถนั่งที่นั่งนี้ได้อีกล่ะ?

“นายท่านใหญ่ของเจ้า!” ไท่ซ่างหวงกล่าวเบาๆ

“……” คืนสิ้นปีที่ดีๆ ด่าคนได้อย่างไรล่ะ? ตอนนี้เสด็จพ่อยิ่งไม่สนใจภาพลักษณ์ขึ้นเรื่อยๆแล้ว

ขณะที่ทุกคนกำลังมองหน้าสบตากันไม่รู้ว่าควรจะทำเช่นไร แต่ฉับพลันนั้นกลับได้ยินคำรามที่น่าตกใจกลัวเสียงหนึ่ง เสียงนั่นราวกับว่าดังมาจากสถานที่ไกลมากๆ แต่กลับเหมือนเสียงฟ้าร้องที่ดั่งสะเทือนมาถึงในตำหนักโดยตรงเช่นนั้น

เสียงมีแรงทะลุทะลวงเป็นที่สุด สะเทือนจนตำหนักกวงหมิงเหมือนจะสั่นไหวไปสามครั้ง

ได้ยินเสียงคำรามนี้ ผู้อาวุโสขึ้นอีกรุ่นในตระกูลที่นั่งอยู่ล้วนตื่นเต้นขึ้นมา เขามาแล้ว เป็นเขามาแล้ว เป็นเขาพาเสือตัวใหญ่ของเขากลับมาแล้ว

ฮ่องเต้หมิงหยวนมุมปากกระตุกเล็กน้อย พระเจ้าให้ตายสิ เป็นนายท่านของข้าจริงๆ

“เป็นอ๋องชินเฟิงอัน!” มีคนร้องออกมา

อ๋องชินเฟิงอันสี่คำนี้ แรงของการระเบิดออกในตำหนักกวงหมิงและเสียงคำรามเสียงนั้นแยกก่อนหลังไม่ออก สี่คำนี้ ภายในราชนิกุลที่อาวุโสขึ้นอีกรุ่นนั่นเรียกว่าชื่อเสียงโด่งดังกึกก้อง

อายุอ่อนกว่าอีกรุ่นก็เคยได้ยินถึงเขาเป็นธรรมดา เพียงแต่เมื่อหลายปีก่อนเขาได้ออกจากเมืองหลวงไปแล้ว เป่ยถังมีเพียงตำนานของเขา แต่ไม่เห็นตัวคนของเขา

เสียงคำรามของเสือทุกครั้งที่เว้นครู่หนึ่ง ก็ดังครั้งหนึ่ง ยิ่งเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ

เสือคำรามสั่นสะเทือนจนใจคนทั้งหมดตื่นเต้น

หยวนชิงหลิงฟังออก คิดถึงสามีภรรยาที่เป็นตำนานเช่นนั้น นึกไม่ถึงว่าพวกเขาจะกลับมาฉลองปีใหม่?

นางนึกถึงไท่ซ่างหวงมีความรักระหว่างหนุ่มสาวนั่นกับชายาเฟิงอัน อดไม่ได้ที่แอบชำเลืองมองผ่านประตูตำหนักเข้าไปแวบหนึ่ง เห็นเพียงไท่ซ่างหวงทำตัวดั่งปกติ ยิ่งใหญ่แข็งแกร่งไม่หวั่นไหว จิ้งจอกเฒ่าก็คือจิ้งจอกเฒ่า ความรู้สึกสักน้อยล้วนไม่ได้ปรากฏบนใบหน้า

ด้านนอกประตู ฉางกงกงเดินมาด้วยฝีเท้าที่รวดเร็ว โทนเสียงก็เปลี่ยนไปแล้ว “กราบทูลไท่ซ่างหวง กราบทูลฝ่าบาท อ๋องชินเฟิงอันทั้งสามีภรรยาเสด็จถึงแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”

เพิ่งจะสิ้นสุดเสียงของฉางกงกง ก็ได้ยินเสียงคำรามของเสือดังขึ้นอีกเสียง

เสียงคำรามของเสือนี้ ราวกับว่าหมอบและคำรามอยู่บนหูของทุกคน สะเทือนจนแก้วหูแทบจะทะลุแล้วเช่นนั้น

แล้วในขณะที่บรรดาผู้คนหูอื้อ ก็เห็นทั้งสองจูงมือกันเข้ามา

ผู้ชายสวมมงกุฎหยก คิ้วดั่งมีดคม ใบหน้าเย็นชามีความน่าเกรงขาม ดูเหมือนว่าอายุไม่น้อยแล้ว หางตาก็มีริ้วรอย แต่ริ้วรอยนั่นกลับเหมือนจะยิ่งแสดงถึงความน่าเกรงขาม

จูงมือเข้ามากับเขา ก็คือชายาเฟิงอันโล่หมัน

นางสวมชุดเสื้อคลุมสีแดง ทำผมเป็นมวยเมฆลอย หน้าตาองอาจผึ่งผาย บนใบหน้ามีแป้งบางๆ ปกปิดริ้วรอยเล็กๆอย่างพอดี เซียวเหยากงเป็นลูกศิษย์ของนาง แต่ว่าดูไปแล้วเซียวเหยากงดูแก่จนเป็นเหมือนพ่อของนาง

ทุกคนลุกขึ้นทั้งหมด ทำความเคารพต่ออ๋องชินเฟิงอันทั้งสามีภรรยา

ชายาเฟิงอันกลับไปทางตำหนักด้านข้าง อยู่กับพวกครอบครัวที่เป็นฝ่ายหญิง

อ๋องชินเฟิงอันกลับถูกต้อนรับไปข้างกายของไท่ซ่างหวง ไท่ซ่างหวงยืนขึ้น มองดูอ๋องชินเฟิงอัน สองพี่น้องสบตากัน ในตาล้วนสงบไม่มีคลื่นใดๆ ผู้ใดก็ไม่สามารถเชื่อได้ว่านี่คือพบปะกันอีกครั้งหลังจากห่างไปนานสิบกว่าปียี่สิบปี

เข้าที่นั่ง รินชา สายตาของอ๋องชินเฟิงอันตกอยู่บนใบหน้าของฮ่องเต้หมิงหยวน ฮ่องเต้หมิงหยวนหัวเราะเล็กน้อยแล้วกล่าว: “เสด็จลุง ไม่เจอกันนานมาก ท่านยังองอาจห้าวหาญเหมือนดั่งเมื่อก่อนเช่นนั้นนะพ่ะย่ะค่ะ”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+