บัลลังก์หมอยาเซียน 587 เจ้าสำนักเหลิ่งหลัง

Now you are reading บัลลังก์หมอยาเซียน Chapter 587 เจ้าสำนักเหลิ่งหลัง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หางเสือหลักของสำนักเหลิ่งหลังจัดตั้งอยู่ที่จื๋อลี่ อยู่ในสถานที่ที่มีระยะห่างอยู่ใกล้กับเมืองที่ฮ่องเต้ประทับอยู่

แต่ว่า หางเสือหลักของสำนักเหลิ่งหลังแทบจะไม่มีผู้ใดรู้ว่าอยู่ที่ไหน แม้ว่าจะผ่าน หรือเข้าไปแล้วก็ไม่รู้ว่าที่แท้ที่นี่ก็คือสำนักเหลิ่งหลังที่ชื่อเสียงโด่งดัง

เพราะว่า หางเสือหลักของสำนัก อยู่ด้านในหอนางโลมแห่งหนึ่ง เป็นหอนางโลมที่ใหญ่ที่สุดของจื๋อลี่ ที่นี่เป็นสถานที่หาความสำราญยามค่ำคืนที่มีแสงสีเสียง คึกคักเจี๊ยวจ๊าว ทุกคืนล้วนมีคนสนิทของฮ่องเต้และพ่อค้าที่ร่ำรวยรวมถึงปัญญาชนนักประพันธ์ที่ร่ำรวยหน่อยมาใช้บริการที่นี่

หอนางโลมแห่งนี้เรียกว่าซาวโถ๋จุ้ย เถ้าแก่มีชื่อเรียกขานว่าท่านชายสี่เหลิ่ง สำหรับชื่ออะไร ไม่รู้ รู้เพียงแค่เขามีเงินมากมาย นอกเหนือจากซาวโถ๋จุ้ยแล้ว ทุกที่ล้วนเปิดเป็นซ่องร้านเต้นรำทำเพลง ร้านค้าขายข้าวน้ำมัน ร้านผ้าไหมแพรต่วน การค้าของเขากระจัดกระจายอยู่ทุกๆอุตสาหกรรม

ที่สำคัญที่สุดคือ ท่านชายสี่เหลิ่งยังหนุ่มมาก ปีนี้เพิ่งจะครบสามสิบปี ยังไม่ได้แต่งงาน เป็นหนุ่มโสดที่มีเงินอย่างแท้จริง

เขาคือชายรูปงามอันดับหนึ่งของจื๋อลี่ รูปงามถึงระดับไหนล่ะ? หากว่าเขายอมเปลี่ยนไปสวมชุดผู้หญิง หญิงงามที่สุดในซาวโถ๋จุ้ยก็ต้องจืดจาง

แต่ ทุกคนล้วนคิดว่า ผู้ชายน่ะ ไม่ควรรูปงามอ่อนโยนขนาดนี้ ขาดกลิ่นอายความแข็งแกร่งของผู้ชาย ไม่เพียงแค่งดงามอ่อนโยน กระทั่งยังรู้สึกว่าป่วยออดๆแอดๆ ทั้งวันเป็นท่าทางเหมือนหญิงงามที่เจ็บป่วยอ่อนแอน่าสงสาร

คนส่วนมากที่เคยพบเจอท่านชายสี่เหลิ่งล้วนรู้สึกว่า ท่านชายสี่เหลิ่งเป็นคนที่เป็นโรคที่รักษาไม่หายและมีชีวิตได้อีกไม่นาน แต่ว่า ตั้งแต่เขาอายุยี่สิบปีในปีนั้นจัดตั้งเปิดซาวโถ๋จุ้ยจนถึงวันนี้ ผ่านไปสิบปีแล้ว คนก็ยังมีชีวิตอยู่อย่างดี ท่าทางเหมือนเจ็บป่วยก็เรื่องของท่าทางที่เหมือนเจ็บป่วย ใช้ชีวิตอย่างอิสรเสรีเป็นอย่างมาก อยู่ในซาวโถ๋จุ้ย คิดต้องการหญิงงามอะไรที่ไม่มี? ดังนั้นคนอื่นเขาจึงไม่แต่งงานมีภรรยา ใช้ชีวิตเป็นดั่งที่ผู้ชายในโลกทุกคนนอนหลับก็ล้วนใฝ่ฝันถึง

ต้องการเงินมีเงิน ต้องการรูปร่างหน้าตามีรูปร่างหน้าตา ต้องการผู้หญิงมีผู้หญิง ชีวิตยังมีอะไรให้เสียใจอีก?

ความอิสรเสรีของท่านชายสี่เหลิ่ง เป็นสิ่งที่ผู้ชายของเป่ยถังแสวงหามาตลอดชีวิต

ท่านชายสี่เหลิ่งไม่มีจวน ก็อาศัยอยู่ในลานด้านหลังของซาวโถ๋จุ้ย

หางเสือหลักของสำนักเหลิ่งหลังจัดตั้งอยู่ที่จื๋อลี่ อยู่ในสถานที่ที่มีระยะห่างอยู่ใกล้กับเมืองที่ฮ่องเต้ประทับอยู่

แต่ว่า หางเสือหลักของสำนักเหลิ่งหลังแทบจะไม่มีผู้ใดรู้ว่าอยู่ที่ไหน แม้ว่าจะผ่าน หรือเข้าไปแล้วก็ไม่รู้ว่าที่แท้ที่นี่ก็คือสำนักเหลิ่งหลังที่ชื่อเสียงโด่งดัง

เพราะว่า หางเสือหลักของสำนัก อยู่ด้านในหอนางโลมแห่งหนึ่ง เป็นหอนางโลมที่ใหญ่ที่สุดของจื๋อลี่ ที่นี่เป็นสถานที่หาความสำราญยามค่ำคืนที่มีแสงสีเสียง คึกคักเจี๊ยวจ๊าว ทุกคืนล้วนมีคนสนิทของฮ่องเต้และพ่อค้าที่ร่ำรวยรวมถึงปัญญาชนนักประพันธ์ที่ร่ำรวยหน่อยมาใช้บริการที่นี่

หอนางโลมแห่งนี้เรียกว่าซาวโถ๋จุ้ย เถ้าแก่มีชื่อเรียกขานว่าท่านชายสี่เหลิ่ง สำหรับชื่ออะไร ไม่รู้ รู้เพียงแค่เขามีเงินมากมาย นอกเหนือจากซาวโถ๋จุ้ยแล้ว ทุกที่ล้วนเปิดเป็นซ่องร้านเต้นรำทำเพลง ร้านค้าขายข้าวน้ำมัน ร้านผ้าไหมแพรต่วน การค้าของเขากระจัดกระจายอยู่ทุกๆอุตสาหกรรม

ที่สำคัญที่สุดคือ ท่านชายสี่เหลิ่งยังหนุ่มมาก ปีนี้เพิ่งจะครบสามสิบปี ยังไม่ได้แต่งงาน เป็นหนุ่มโสดที่มีเงินอย่างแท้จริง

เขาคือชายรูปงามอันดับหนึ่งของจื๋อลี่ รูปงามถึงระดับไหนล่ะ? หากว่าเขายอมเปลี่ยนไปสวมชุดผู้หญิง หญิงงามที่สุดในซาวโถ๋จุ้ยก็ต้องจืดจาง

แต่ ทุกคนล้วนคิดว่า ผู้ชายน่ะ ไม่ควรรูปงามอ่อนโยนขนาดนี้ ขาดกลิ่นอายความแข็งแกร่งของผู้ชาย ไม่เพียงแค่งดงามอ่อนโยน กระทั่งยังรู้สึกว่าป่วยออดๆแอดๆ ทั้งวันเป็นท่าทางเหมือนหญิงงามที่เจ็บป่วยอ่อนแอน่าสงสาร

คนส่วนมากที่เคยพบเจอท่านชายสี่เหลิ่งล้วนรู้สึกว่า ท่านชายสี่เหลิ่งเป็นคนที่เป็นโรคที่รักษาไม่หายและมีชีวิตได้อีกไม่นาน แต่ว่า ตั้งแต่เขาอายุยี่สิบปีในปีนั้นจัดตั้งเปิดซาวโถ๋จุ้ยจนถึงวันนี้ ผ่านไปสิบปีแล้ว คนก็ยังมีชีวิตอยู่อย่างดี ท่าทางเหมือนเจ็บป่วยก็เรื่องของท่าทางที่เหมือนเจ็บป่วย ใช้ชีวิตอย่างอิสรเสรีเป็นอย่างมาก อยู่ในซาวโถ๋จุ้ย คิดต้องการหญิงงามอะไรที่ไม่มี? ดังนั้นคนอื่นเขาจึงไม่แต่งงานมีภรรยา ใช้ชีวิตเป็นดั่งที่ผู้ชายในโลกทุกคนนอนหลับก็ล้วนใฝ่ฝันถึง

ต้องการเงินมีเงิน ต้องการรูปร่างหน้าตามีรูปร่างหน้าตา ต้องการผู้หญิงมีผู้หญิง ชีวิตยังมีอะไรให้เสียใจอีก?

ความอิสรเสรีของท่านชายสี่เหลิ่ง เป็นสิ่งที่ผู้ชายของเป่ยถังแสวงหามาตลอดชีวิต

ท่านชายสี่เหลิ่งไม่มีจวน ก็อาศัยอยู่ในลานด้านหลังของซาวโถ๋จุ้ย

“ท่านชาย…….” ผู้ใต้บังคับบัญชาหน้าเหลี่ยมผู้หนึ่งฝืนขึ้นมาด้านหน้า “ไม่เช่นนั้น พวกเราตีคืนไปได้ไหมขอรับ?”

ท่านชายสี่ได้ยินประโยคนี้ แทบจะกระอักเลือด “ตีคืน? สำนักเหลิ่งหลังของข้าตั้งแต่ก่อตั้งจนถึงตอนนี้ เคยพลั้งมืองั้นหรือ? เคยตีรายการคืนหรือ?”

“เช่นนั้น……” ผู้ใต้บังคับบัญชาหน้าเหลี่ยมไม่รู้ว่ารับมืออย่างไรดี “ท่านชายท่านว่าควรจัดการอย่างไรขอรับ?”

ท่านชายสี่กล่าวอย่างเย็นชา “ในเมื่อรับรายการมาแล้ว ไม่สามารถคืนได้ แต่ กฎเกณฑ์ของสำนักเหลิ่งหลังก็ไม่สามารถทำลายได้”

เช่นนั้นก็ต้องลำบากแล้วจริงๆ พระชายารัชทายาทผู้นี้ก็ไม่รู้จักวิทยายุทธซะด้วย

คนด้านล่างสบตากันด้วยความหวาดหวั่นไม่พูดจา ล้วนไม่รู้ว่าจะจัดการอย่างไรแล้ว

“ซือเย๋!” ท่านชายสี่เหลิ่งตะโกนเสียงดังออกมาคำหนึ่ง เส้นเลือดที่คอล้วนปูดออกมาแล้ว สามารถเห็นได้ชัดว่าเดือดดาลจริงๆ

ซือเย๋ผู้หนึ่งไว้เคราแพะลักษณะท่าทางแบบซือเย๋วิ่งเหยาะๆเข้ามาจากประตู ในปากกล่าว “ท่านชาย ข้าน้อยอยู่ขอรับ”

หางเสือหลักของสำนักเหลิ่งหลังจัดตั้งอยู่ที่จื๋อลี่ อยู่ในสถานที่ที่มีระยะห่างอยู่ใกล้กับเมืองที่ฮ่องเต้ประทับอยู่

แต่ว่า หางเสือหลักของสำนักเหลิ่งหลังแทบจะไม่มีผู้ใดรู้ว่าอยู่ที่ไหน แม้ว่าจะผ่าน หรือเข้าไปแล้วก็ไม่รู้ว่าที่แท้ที่นี่ก็คือสำนักเหลิ่งหลังที่ชื่อเสียงโด่งดัง

เพราะว่า หางเสือหลักของสำนัก อยู่ด้านในหอนางโลมแห่งหนึ่ง เป็นหอนางโลมที่ใหญ่ที่สุดของจื๋อลี่ ที่นี่เป็นสถานที่หาความสำราญยามค่ำคืนที่มีแสงสีเสียง คึกคักเจี๊ยวจ๊าว ทุกคืนล้วนมีคนสนิทของฮ่องเต้และพ่อค้าที่ร่ำรวยรวมถึงปัญญาชนนักประพันธ์ที่ร่ำรวยหน่อยมาใช้บริการที่นี่

หอนางโลมแห่งนี้เรียกว่าซาวโถ๋จุ้ย เถ้าแก่มีชื่อเรียกขานว่าท่านชายสี่เหลิ่ง สำหรับชื่ออะไร ไม่รู้ รู้เพียงแค่เขามีเงินมากมาย นอกเหนือจากซาวโถ๋จุ้ยแล้ว ทุกที่ล้วนเปิดเป็นซ่องร้านเต้นรำทำเพลง ร้านค้าขายข้าวน้ำมัน ร้านผ้าไหมแพรต่วน การค้าของเขากระจัดกระจายอยู่ทุกๆอุตสาหกรรม

ที่สำคัญที่สุดคือ ท่านชายสี่เหลิ่งยังหนุ่มมาก ปีนี้เพิ่งจะครบสามสิบปี ยังไม่ได้แต่งงาน เป็นหนุ่มโสดที่มีเงินอย่างแท้จริง

เขาคือชายรูปงามอันดับหนึ่งของจื๋อลี่ รูปงามถึงระดับไหนล่ะ? หากว่าเขายอมเปลี่ยนไปสวมชุดผู้หญิง หญิงงามที่สุดในซาวโถ๋จุ้ยก็ต้องจืดจาง

แต่ ทุกคนล้วนคิดว่า ผู้ชายน่ะ ไม่ควรรูปงามอ่อนโยนขนาดนี้ ขาดกลิ่นอายความแข็งแกร่งของผู้ชาย ไม่เพียงแค่งดงามอ่อนโยน กระทั่งยังรู้สึกว่าป่วยออดๆแอดๆ ทั้งวันเป็นท่าทางเหมือนหญิงงามที่เจ็บป่วยอ่อนแอน่าสงสาร

คนส่วนมากที่เคยพบเจอท่านชายสี่เหลิ่งล้วนรู้สึกว่า ท่านชายสี่เหลิ่งเป็นคนที่เป็นโรคที่รักษาไม่หายและมีชีวิตได้อีกไม่นาน แต่ว่า ตั้งแต่เขาอายุยี่สิบปีในปีนั้นจัดตั้งเปิดซาวโถ๋จุ้ยจนถึงวันนี้ ผ่านไปสิบปีแล้ว คนก็ยังมีชีวิตอยู่อย่างดี ท่าทางเหมือนเจ็บป่วยก็เรื่องของท่าทางที่เหมือนเจ็บป่วย ใช้ชีวิตอย่างอิสรเสรีเป็นอย่างมาก อยู่ในซาวโถ๋จุ้ย คิดต้องการหญิงงามอะไรที่ไม่มี? ดังนั้นคนอื่นเขาจึงไม่แต่งงานมีภรรยา ใช้ชีวิตเป็นดั่งที่ผู้ชายในโลกทุกคนนอนหลับก็ล้วนใฝ่ฝันถึง

ต้องการเงินมีเงิน ต้องการรูปร่างหน้าตามีรูปร่างหน้าตา ต้องการผู้หญิงมีผู้หญิง ชีวิตยังมีอะไรให้เสียใจอีก?

ความอิสรเสรีของท่านชายสี่เหลิ่ง เป็นสิ่งที่ผู้ชายของเป่ยถังแสวงหามาตลอดชีวิต

ท่านชายสี่เหลิ่งไม่มีจวน ก็อาศัยอยู่ในลานด้านหลังของซาวโถ๋จุ้ย

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด