บัลลังก์หมอยาเซียน 49 ไม่จำเป็นต้องดูแล

Now you are reading บัลลังก์หมอยาเซียน Chapter 49 ไม่จำเป็นต้องดูแล at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 49 ไม่จำเป็นต้องดูแล

ในระหว่างที่เสวยนั้นไม่มีการพูดคุยใดๆ จนมาถึงกับข้าวจานสุดท้าย หยวนชิงหลิงลองนับดู ตั้งแต่ซุปมาก็สิบอย่างพอดี

ตอนแรกคิดว่าฮ่องเต้เป็นคนประหยัด แต่ไม่นึกเลยว่าจะฟุ่มเฟือยขนาดนี้ แค่สองคนก็กินไปกับข้าวเก้าอย่างกับซุป สุดยอดจริงๆ

มู่หรูกงกงยื่นผ้าเช็ดมืออุ่นๆ ให้ฝ่าบาทเช็ดปาก

และอาหารที่เหลือก็ถูกเก็บไปเรียบร้อย หวนชิงหลิงจึงครุ่นคิด เกรงว่าฮ่องเต้คงไม่ถามอะไรแล้วล่ะ เพราะฮองเฮาก็ไม่สบาย พระองค์ต้องรีบไปหาท่าน

นางจึงลุกขึ้น พลางคำนับ “หม่อมฉันไม่กล้ารบกวนเวลาฝ่าบาทในการเสด็จไปเยี่ยมเสด็จแม่ หม่อมฉันขอทูลลาเพคะ”

“นั่งลง!” ฮ่องเต้ทำมือบอกให้นั่ง และมองหน้านางด้วยสายตาข่มขู่ หลังจากนั้นก็ผายมือเพื่อให้มู่หรูกงกงและคนรับใช้ในตำหนักออกไปให้หมด

ฮ่องเต้หมิงหยวนนั่งตรงข้ามกับหยวนชิงหลิง และห่างกันเพียงแค่ข้อศอกหนึ่ง คนในตำหนักต่างก็ออกไปหมดแล้ว ความรู้สึกอึดอัดและกดดันจึงผุดขึ้นมาในหัวของนางอีกรอบ

แต่ว่า พอหลังจากที่เสวยอาหารไปแล้ว นางเองก็รู้สึกผ่อนคลายไปมาก

“ความสัมพันธ์เจ้ากับลูกห้าเป็นยังไงบ้าง?”

หยวนชิงหลิงมีสีหน้าจริงจังทันที ในที่สุดก็เข้าเรื่องสักที

คำถามนี้แม้ว่านางจะไม่ได้คิดมา แต่ถ้าให้ตอบก็ไม่ยากเท่าไหร่ และไม่เกินสี่คำ ที่สามารถตอบได้อย่างธรรมดามาก

นางยิ้มอ่อน “รักใคร่กันดีเพคะ!”

ฮ่องเต้หมิงหยวนหันไปมองนางด้วยสีหน้ากึ่งยิ้ม “แล้วคิดว่าลูกห้าเป็นอย่างไร?”

“ท่านอ๋องเป็นคนซื่อสัตย์และจิตใจดีเพคะ!” หยวนชิงหลิงพยายามข่มใจพูดออกมา พลางยิ้มๆ

นี่ไม่ใช่เรื่องที่ฝ่าบาทอยากรู้ ฝ่าบาทไม่ได้สนใจเรื่องความสัมพันธ์ของพวกเขาด้วยซ้ำ

ฮ่องเต้หมิงหยวนหัวเราะขึ้นมาทันที

ราวกับว่าได้ฟังเรื่องตลกจึงหัวเราะ

หยวนชิงหลิงจึงทำเป็นหัวเราะตาม

“อภิเษกกันมาปีหนึ่งแล้วใช่ไหม?ดูท้องเจ้ายังไม่โตเลยล่ะ รักใคร่กันดี คงไม่เป็นแบบนี้” ฮ่องเต้หมิงหยวนยิ้ม แล้วพูดขึ้นเสียงเรียบ

เห็นพระองค์ดูพูดตรงแบบนี้ หยวนชิงหลิงจึงพูดขึ้นต่อ “กำลังพยายามเพคะ เชื่อว่าอีกไม่นานต้องมีหลานที่น่ารักให้พระองค์แน่นอนเพคะ”

ฮ่องเต้มิงหยวนทำตาลุกวาวอย่างไม่อยากจะเชื่อ ถ้าหากว่าสะใภ้คนไหนที่ได้ยินผู้ใหญ่พูดให้แบบนี้ ควรจะกระอักกระอ่วนหรือก้มหน้าอย่างเหนียมอายไปแล้วไม่ใช่หรือ?

แต่นางกลับพูดขึ้นว่ากำลังพยายามอยู่?อย่างไม่อายเลยหรือ?

หยวนชิงหลิงกลับคิดว่าตัวเองนั้นพูดออกมาโดยไม่มีปัญหา แถมหน้าตายังดูยิ้มแย้มอีกด้วย

ฮ่องเต้หมิงหยวนจึงพูดขึ้นเสียงเรียบ “อย่างนั้นก็ดี งั้นข้าก็จะรออุ้มหลาน”

หยวนชิงหลิงยิ้มแล้วพูดขึ้น “เพคะ ฝ่าบาทจะไม่ผิดหวังอย่างแน่นอนเพคะ”

ช่างหน้าไม่อายจริงๆ !

ฮ่องเต้หมิงหยวนอึ้งไปชั่วขณะ “อาการบาดเจ็บของลูกห้าเป็นอย่างไรบ้าง?”

หยวนชิงหลิงยิ้มแล้วพูดต่อ “ตอนนี้ถือว่าคงที่เพคะ”

“กลับไปเถอะ กลับไปดูแลลูกห้า!” ฮ่องเต้หมิงหยวนผายมือบอก

หยวนชิงหลิงชะงักไปนิดหนึ่ง แค่นี้หรือ?ดูเหมือนพึ่งจะเริ่มเรื่องเอง

ฮ่องเต้หมิงหยวนลุกขึ้นแล้วเดินออกไปทันที มู่หรูกงกงได้เตรียมเกี้ยวรอที่ด้านนอกเรียบร้อยแล้ว แล้วตะโกนขึ้นครั้งหนึ่งเพื่อเป็นการบอกกล่าวการเสด็จของฮ่องเต้ จากนั้นก็จากไป

หยวนชิงหลิงยังคงงุนงงอยู่ ที่พระองค์ไม่ถามถึงเรื่องหยู่เหวินเห้าเลยสักนิด?อ้อ ดูเหมือนจะถามแค่เรื่องอาการบาดเจ็บ แต่ว่า นางได้เตรียมคำพูดไว้เป็นหน้ากระดาษเลย

ตำหนักจงคุน ฉู่หมิงชุ่ยนั้นเห็นแค่หมอหลวงที่มา

หลังจากที่หมอหลวงตรวจวินิจฉัยให้ฮองเฮาแล้ว ก็บอกเพียงว่าเป็นเพราะความเหนื่อยล้าของตับ ไม่ได้มีปัญหาอะไรมาก แค่จัดยาให้ก็กลับไปแล้ว

หลังจากที่หมอหลวงกลับไปแล้ว ถึงได้ยินคนรายงานจากด้านนอก “ฝ่าบาทเสด็จ!”

ฉู่หมิงชุ่ยจึงลุกขึ้น ตอนนี้ผ่านมาครึ่งชั่วยามแล้ว ฝ่าบาทพึ่งจะเสด็จ แสดงว่าคงจะเสวยอาหารเย็นเรียบร้อยแล้ว?

ฮ่องเต้หมิงหยวนเดินสาวเท้าเข้าไปในตำหนัก ฉู่หมิงชุ่ยรีบคำนับทันที “คารวะเสด็จพ่อ!”

ฮ่องเต้หมิงหยวนหันไปมองนางแล้วพูดขึ้น “พระชายาก็อยู่ด้วยหรือ?ช่างกตัญญูจริงๆ”

“หม่อมฉันสมควรทำเพคะ “ฉู่หมิงชุ่ยยิ้มอ่อน

ฮองเฮาพยายามลุกขึ้น พลางพูดขึ้นด้วยท่าทางอ่อนล้า “ฝ่าบาทมาด้วยหรือเพคะ?หม่อมฉันไม่มีอะไรน่าห่วงแล้วเพคะ”

ฮ่องเต้นั่งลงบนเตียง แล้วมองหน้าฮองเฮา “ไม่ใช่ว่าเจ้าสั่งคนไปเชิญข้ามาหรือ?”

ฮองเฮาดูหน้าเสียทันที พลันหันไปมองฉู่หมิงชุ่ย

ฉู่หมิงชุ่ยจึงรีบพูดขึ้น “เสด็จพ่อเพคะ ที่หม่อมฉันให้คนไปเชิญพระองค์ ก็เพราะหม่อมฉันเห็นว่าเสด็จแม่หมดสติไป จึงทำให้กังวลเกินไปหน่อย ท่านอ๋องเองก็ไม่ได้อยู่ด้วย…….”

ฮ่องเต้หมิงหยวนจึงพูดขึ้น “ทุกครั้งเจ้ามักจะมีหัวคิด ทำไมวันนี้ถึงไม่มีล่ะ?”

ฉู่หมิงชุ่ยอึ้งไปทันที คำพูดของฝ่าบาทวันนี้ ทำไมถึงดูเหมือนพูดเสียดสีนางแบบนี้?

ต้องเป็นเพราะหยวนชิงหลิงพูดเรื่องไม่ดีของนางกับพระองค์อย่างแน่นอน

นางเห็นว่าฮ่องเต้หมิงหยวนจ้องหน้านาง จึงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงน่าสงสาร “เป็นเพราะหม่อมฉันห่วงเสด็จแม่มากเกินไปเพคะ”

ฮ่องเต้หมิงหยวนจึงหันไปถามฮองเฮา “หมอหลวงว่าอย่างไรบ้าง?”

ฮองเฮาจึงพูดขึ้นเสียงเหนื่อยล้า “หมอหลวงบอกว่าร่างกายอ่อนเพลียบวกกับตับอ่อนล้าเพคะ ถึงได้เป็นลมหมดสติไป พักรักษาตัวสักสองสามวันอาการก็จะดีขึ้น”

ฮ่องเต้หมิงหยวนกดชายผ้าห่มนางลง แล้วพูดด้วยเสียงอ่อนโยน “ดีแล้ว อย่างนั้นเจ้าก็พักรักษาตัวนะ ไท่ซ่างหวง เจ้าก็ไม่จำเป็นต้องไปหาแล้ว”

ฮองเฮานิ่งไปชั่วขณะ แล้วรีบพูดขึ้น “หม่อมฉันไม่เป็นอะไรมากเพคะ”

“ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นห่วง “ฮ่องเต้หมิงหยวนยิ้มอ่อน พร้อมกับแววตาที่นุ่มนวล แล้วหันไปมองฉู่หมิงชุ่ย” พระชายาอ๋องฉีต้องดูแลฮองเอาให้ดีนะ ไท่ซ่างหวงมีพระชายาอ๋องฉู่ดูแลแล้ว”

ฉู่หมิงชุ่ยหน้าซีดทันที คำพูดของฮ่องเต้ครั้งนี้ เป็นการบอกว่าไม่ให้นางไปเหยียบที่ตำหนักไท่ซ่างหวงอีก

เพราะมีพระชายาอ๋องฉู่ดูแลแล้วงั้นหรือ?พระชายาอ๋องฉู่สำคัญขนาดนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?

ฮองเฮาจึงพูดขึ้น “ชายาอ๋องฉู่ไม่น่าไว้ใจนะเพคะ ฝ่าบาทให้นางไปดูแลที่ตำหนักฉินคุนไม่ได้นะ ที่นางรักษาโรคให้ไท่ซ่างหวงแบบนั้นก็ถือว่าผิดธรรมเนียมอันใหญ่หลวงแล้วนะเพคะ ฝ่าบาทสงสารอ่องฉู่จึงไม่กล้าลงโทษ แต่ว่าพระองค์ต้องคิดเผื่อไท่ซ่างหวงด้วยนะเพคะ”

ฉู่หมิงชุ่ยก็พูดขึ้น “เสด็จพ่อเพคะ หม่อมฉันคิดว่าเสด็จแม่พูดมีเหตุผล สุขภาพของไท่ซ่างหวงสำคัญที่สุด จะให้ชายาอ๋องฉู่มารักษาแบบงูๆ ปลาๆ ไม่ได้นะเพคะ?แบบนี้จะมีหมอหลวงไว้ทำไมล่ะเพคะ?”

ฮ่องเต้หยวนหมิงหันมามองนางทันที “ข้าคิดว่า งูๆ ปลาๆ หรือไม่นั้นก็ต้องลองดู เพราะตอนนี้อาการของไท่ซ่างหวงก็ดีขึ้นมาก และก็เป็นเพราะการรักษางูๆ ปลาๆ ของชายาอ๋องฉู่”

ฮ่องเต้หมิงหยวนที่เป็นคนเคร่งขรึมนั้น ตอนนี้กลับพูดกับฉู่หมิงชุ่ยอย่างอ่อนโยนและนุ่มนวล แต่ในใจของนางบอกนางว่าไม่ควรจะบุ่มบ่าม และสมองก็สั่งให้นางไม่พูดต่อ แต่ว่ากลับรู้สึกไม่พอใจ จึงพูดขึ้น “เสด็จพ่อ เรื่องที่ไท่ซ่างหวงโดนวางยาพิษนั้น ได้ตรวจสอบให้แน่ชัดหรือยังเพคะว่าไม่ใช่ฝีมือของชายาอ๋องฉู่?”

ฮ่องเต้หมิงหยวนหันไปมองฮองเฮาแล้วพูดเสียงเรียบ “เรื่องไท่ซ่างหวงโดนวางยา ข้าเก็บเป็นความลับ ทำไมชายาอ๋องฉีถึงรู้ล่ะ?”

ฮองเฮาพูดขึ้น “หม่อมฉันบอกนางเองเพคะ เรื่องนี้ค่อนข้างใหญ่ หม่อมฉันเลยปรึกษาหารือกับชุ่ยเอ๋อ พระองค์คิดว่าไม่สมควรหรือเพคะ?”

เดิมทีนางก็โมโหเรื่องที่ฝ่าบาทเสวยอาหารเพียงลำพังกับหยวนชิงหลิงอยู่แล้ว ตอนนี้ที่มานี่ กลับไม่ได้สนใจอาการป่วยนางเลย เอาแต่ยกยอความดีของหยวนชิงหลิง จึงทำให้ความฉุนเฉียวของนางเพิ่มมากขึ้น

“หารืองั้นหรือ?” ฮ่องเต้หมิงหยวนมีท่าทีดุดันขึ้นมา “ฮองเฮากับพระชายาสามารถเอาเรื่องไท่ซ่างหวงมาหารือกันได้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?ดูแล้ว ในตำหนักจงคุนคงจะมีคนมีความสามารถสินะ”

ฮองเฮาเริ่มหน้าแดงด้วยความโกรธ “ฝ่าบาทพูดแบบนี้หมายความว่าอย่างไรเพคะ?นี่เป็นการพูดว่าหม่อมฉันกับชุ่ยเอ๋อยุ่งไม่เข้าเรื่องหรือเพคะ?หม่อมฉันดูแลหกตำหนักมานานหลายปีอย่างไม่เคยบ่น เรื่องในวังหม่อมฉันก็ทำมาเยอะ และตั้งแต่ไท่ซ่างหวงป่วยมานี้ หม่อมฉันก็ทรมานใจมาก จนแทบจะเสียสติ ชายาอ๋องฉีเป็นคนฉลาด หม่อมฉันจึงชอบหารือกับนางมันจะเป็นอะไรเพคะ?แต่พระองค์ต่างหากล่ะที่ไม่ยอมจัดการชายาอ๋องฉู่ ทั้งที่มีความผิด พระองค์ทำแบบนี้ ต่อไปหม่อมฉันจะดูแลทั้งหกตำหนักอย่างไร?ต่อไปฮ่องเต้กับเชื้อพระวงศ์ยังจะน่าเชื่อถืออีกหรือเพคะ ไม่ใช่ว่าจะเป็นการทำลายสิ่งที่เคยมีมาหรือ?”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด