บัลลังก์หมอยาเซียน 196 เข้าวังรายงานตัว

Now you are reading บัลลังก์หมอยาเซียน Chapter 196 เข้าวังรายงานตัว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หยวนชิงหลิงหัวเราะอย่างไม่ใส่ใจ พลันนึกขึ้นได้ “จริงสิ พรุ่งนี้ท่านต้องเข้าวังไปรายงานตัวไหม?”

“ใช่ ต้องไปรายงานตัว” หยู่เหวินเห้าตอบ

“ไม่ใช่ว่ายังไม่ถึงสามเดือนก็ไม่ต้องรายงานหรือ?”

หยู่เหวินเห้าตอบ: “เรื่องในคืนนี้ค่อนข้างเอิกเกริก ถึงจะมีแต่คนของเรา แต่ก็มีการเรียกหมอมาในยามวิกาลทำให้มีคนจับตาดู เชื่อหรือไม่อย่างไรในวันรุ่งขึ้นหมอก็ต้องถูกเรียกไปซัก? ในเมื่อปิดไม่อยู่ สู้เราไปประกาศเองไม่ดีกว่าหรือ?

“พวกเราถูกจับตามองหรือ? หยวนชิงหลิงรู้สึกอึดอัดไปทั้งตัว

หยู่เหวินเห้ากอดนางไว้โดยระวังไม่ให้มือไปกดหน้าท้องของนางเข้า “ข้ายังคงเป็นอ๋องผู้ตกอับเหมือนเมื่อก่อน ยังมีคนรู้สึกว่าข้าขัดหูขวางตาต้องการที่จะลอบสังหารข้า ยิ่งไม่ต้องพูดถึงตอนนี้ข้ามีตำแหน่งเป็นเจ้ากรมการพระนคร อีกทั้งเจ้ายังทำการรักษาให้น้องหกจนไท่ซ่างหวงให้ความสำคัญ เราสองคนผัวเมียเรียกได้ว่ามีแต่คนเกลียดชัง”

หยวนชิงหลิงได้ฟังก็มองเขานิ่งๆ “เยี่ยงนั้นถ้าลูกของเราคลอดออกมาก็จะเป็นอันตรายมาก”

สู้อย่าให้เขาเกิดมารับความยากลำบาก……เยี่ยงนี้เลย หยวนชิงหลิงพิจารณาไตร่ตรองแต่ยังไม่กล้าพูดออกมา

หยู่เหวินเห้ากอดนางแน่นอย่างให้ความมั่นใจ: “ปกป้องลูกเมียเป็นหน้าที่ของลูกผู้ชาย เจ้าวางใจเถิด ข้าสัญญาจะไม่ให้เกิดอะไรกับเจ้าทั้งสอง” แผงอกแข็งแกร่งของบุรุษ คำพูดที่อ่อนโยนรับประกันอย่างหนักแน่น ทำให้สตรีซาบซึ้งใจอย่างบอกไม่ถูก

หยวนชิงหลิงก็ซึ้งใจ อันที่จริงหลังจากที่ทั้งสองอยู่ร่วมกันแล้วนางสามารถรู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของเขา

เขาไม่ได้เย่อหยิ่งเย็นชาเหมือนดังแต่ก่อน ตอนนี้เดี๋ยวซื่อบื้อ เดี๋ยวอ่อนโยน แถมยังรู้จักเอาใจใส่คนด้วย

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนนี้ยิ่งรู้ว่าเขามีความรับผิดชอบ เมื่อก่อนก็มีแต่ตอนนี้รู้สึกว่ามีมากขึ้น

ผู้ชายคนนี้แท้จริงสามารถฝากชีวิตไว้กับเขาได้

ในปัจจุบันนี้เหล่าขุนนางผู้ชายล้วนมีเมียสามเมียสี่ แต่เขาไม่มี

ถึงแม้เขาจะเคยมีรักเก่า แต่หลังจากที่อยู่ด้วยกันแล้วเขาก็ตัดความสัมพันธ์ลงอย่างเด็ดขาด ไม่ปล่อยค้างคา ไม่ยืดเยื้อ ถึงจะดูโหดร้ายไปสำหรับคนรักเก่า แต่เขาชัดเจนว่าไม่ต้องการดูแลยุ่งเกี่ยวกับคนรักเก่า ต้องการดูแลแค่ปัจจุบัน

เขาปฏิบัติต่อนางอย่างซื่อสัตย์ ไม่ถือตนว่าเป็นท่านอ๋อง ปรึกษาบอกกล่าวนางทุกเรื่องและรับฟังความคิดเห็นของนางด้วยความเต็มใจ

เขารักนางและรักสิ่งอื่นของนางด้วย จากที่ไม่ชอบตอเป่าเดี๋ยวนี้ก็เล่นกับตอเป่า จากที่ไม่ชอบตระกูลของนางจนตอนนี้จัดงานแต่งงานให้น้องสาว

นางคิดกับตัวเองในใจ: “หยวนชิงหลิง ชายผู้นี้ดีมากแล้ว ในยุคสมัยนี้เจ้าไม่มีทางพบใครที่ปฏิบัติต่อเจ้าเช่นเขาอีกแล้ว การที่เจ้ามีบุตรให้เขาเป็นเรื่องที่คุ้มค่า

ยุคที่นางอาศัยอยู่ยังเป็นยุคของคนขี้โกงอีกด้วย ดังนั้นต่อให้เป็นยุคปัจจุบันนางก็ไม่มีทางพบคนที่ดีกับนางขนาดนี้อีกแล้ว

เจ้านี่พอใจกันเถอะเจ้าหยวน!

“มือของท่านกำลังจะทำอะไร?” หยวนชิงหลิงดึงมือเขาที่แต่เดิมกำลังลูบท้องของนางอยู่ แล้วเลยลงไปในกางเกงของนางหมายความว่ายังไง?

ถ้าจะพูดข้อดีหนึ่งเดียวของเด็กน้อยผู้นี้คือเขาได้นำพาความสงบในยามค่ำคืนมาให้

หยู่เหวินเห้าถอนมือกลับอย่างจำใจ ก่อนจะถอนใจ หากพูดถึงความอึดอัดใจเดียวที่เด็กน้อยผู้นี้นำมาให้ก็คงเป็นค่ำคืนที่ว่างเปล่า

“อะไร? แค่นี้ก็ทนไม่ได้แล้วรึ? แล้วสิบเอ็ดเดือนต่อจากนี้จะทำอย่างไร?” หยวนชิงถามอย่างเย้ยหยัน

หยู่เหวินเห้าท่องอมิตาพุทธในใจ ตอบกลับอย่างใจเย็น: “นับประสาอะไรกับสิบเอ็ดเดือน ยี่สิบกว่าปีที่ผ่านมาข้าก็ไม่ได้อยู่มาเยี่ยงนี้หรือ? ข้ามีวิธีของข้า”

“วิธีอะไรหรือ?” หยวนชิงหลิงรอยยิ้มหายไป

เขามองเธออย่างลึกซึ้ง “มือของเจ้าว่างไหม?”

หยวนชิงหลิงยื่นฝ่ามือเข้าไปใกล้ “ว่าง จะให้ตีตรงไหนดี”

หยู่เหวินเห้าถอนหายใจ “พระภิกษุหากไม่กินเนื้อไม่เป็นไร แต่ถ้ากินแล้วก็เกรงว่าจะกินไปทุกมื้อ ตัวข้าเป็นพระภิกษุมายี่สิบกว่าปี พอเริ่มกินเนื้อ ไม่ทันจะได้อิ่มก็มาถูกห้ามไม่ให้กิน โหดร้ายเกินไปแล้ว”

“งั้นก็พอดีเลย ถ้าท่านคิดเช่นนั้น พรุ่งนี้นำยาทำแท้งมาให้ข้าสักถ้วยก็พอ” หยวนชิงหลิงเหลือบมองเขา

เขาลุกขึ้นมาปิดปากนางอย่างรวดเร็ว “เจ้าอย่าพูดเช่นนี้อีก เดี๋ยวลูกจะน้อยใจ จำใส่ใจไว้ให้ดีข้าจะจัดการเจ้าทีหลังโดยเฉพาะ

มองท่าทางจริงจังของเขา หยวนชิงหลิงเอามือเขาออกไปแล้วตอบอย่างจริงจัง: “แต่ครรภ์ของข้าไม่แข็งแรง ถ้าหาก……ข้าหมายถึงถ้าหากปกป้องไว้ไม่ได้จริงๆ จะทำอย่างไร? ท่านจะผิดหวังหรือเสียใจมากไหม?

“ไม่ผิดหวัง” หยู่เหวินเห้ากุมมือนางขึ้นมาจูบ แล้วลูบหน้าผากเธอเบาๆ แววตาอ่อนโยน “เพียงแต่สงสารเจ้า เพราะเจ้าคงเสียใจมากกว่าข้า”

หยวนชิงหลิงกะพริบตา ดวงตาคลอไปด้วยน้ำตา

พูดไม่ได้แล้ว ยิ่งพูด เธอยิ่งอดไม่ได้ที่จะร้องไห้

นอนในอ้อมแขนฟังเสียงหัวใจของเขา หยวนชิงหลิงค่อยๆ หลับตาลง

เรื่องที่หยู่เหวินเห้ารวมกลุ่มดื่มเหล้าเล่นการพนันและทะเลาะวิวาท ก็ถูกอวี้สื่อส่งขึ้นเบื้องบนในตอนเช้าตรู่ และผู้ที่เกี่ยวข้องยังมีกู้ซือ

เมื่อทั้งสองคนถูกส่งไปถึงและคุกเข่าลงที่หน้าห้องทรงพระอักษร ฮ่องเต้หมิงหยวนจะสั่งให้พวกเขาพิจารณาตัวเอง

เหล่าขุนนางที่เข้าออกห้องทรงพระอักษร เมื่อเห็นสองคนนี้ต่างก็อดส่ายหัวไม่ได้ เคยคิดว่าอ๋องฉู่ดูสุขุมไม่คิดว่าจะก่อเรื่องวุ่นวายแบบนี้

อ๋องจี้ก็มาถึงห้องทรงพระอักษรแล้ว เมื่อมองเห็นหยู่เหวินเห้าคุกเข่าอยู่ด้านนหน้าอกเขาก็พูดเหน็บ: “น้องห้า เจ้าลองบอกมาสิว่าเจ้าทำอะไรไม่ดีไว้? คาดไม่ถึงเจ้ากรมดูแลที่ทำการปกครองเมืองหลวงผู้สง่างามจะดื่มเหล้าเล่นการพนัน ยกพวกตีกันเช่นอะไร? ครั้งนี้พี่คงไม่ขอความเมตตาเจ้าแล้ว เจ้าจงคุกเข่าอย่างสงบเสงี่ยมไปเสียเถิด

หยู่เหวินเห้าก้มหน้ารู้สึกละอายใจ ไม่พูดอะไร

คนของชายารองที่เพิ่งตายไปเป็นลางร้าย

เมื่ออ๋องจี้เดินเข้าไปแล้ว กู้ซือกล่าว: “ต้องเป็นอวี้สื่อเป็นแน่ที่บอกเขา เพราะอวี้สื่อผู้อาวุโสเป็นคนของเขา”

หยู่เหวินเห้าที่กำลังสำนึกความผิดของตนเองคิดได้ว่าที่จริงแล้วเรื่องเมื่อคืนนั้นมันไม่จำเป็นเลย

ทำไมตอนนั้นเขาถึงทำอะไรบ้าบิ่นเช่นนั้น? ถึงชายแต่งตัวดีเหล่านั้นจะโกงเขาจริง เขาก็มีเงินจ่ายอยู่แล้ว ในตอนนั้นคงโมโหเกินไป เดิมที่ว่าจะหาสามีให้น้องสาวของชายาเสียหน่อย แต่ก็ต้องผิดหวัง พอผิดหวังก็เกิดอารมณ์ชั่ววูบ

และการดื่มเหล้าก็เหนื่อยด้วย

“ต่อไปนี่ข้าจะไม่แตะเหล้าสักหยด!” หยู่เหวินเห้าให้สัตย์ปฏิญาณ

กู้ซือมองเขา มันเกี่ยวกันอย่างไร?

“พูดอะไรคนละเรื่องเลย ข้าบอกว่าเรื่องเมื่อคืนต้องเป็นอ๋องจี้แจ้งให้ทราบแน่ๆ”

“กู้ซือ เป็นมนุษย์ต้องใจกว้างรู้จักให้อภัยผู้หญิงเหล่านั้น ให้ความเป็นธรรมกับลูกเมีย เจ้าจะไปใส่ใจอะไรกับผู้หญิงที่ไม่มีวันให้กำเนิดลูกของเจ้า? หยู่เหวินเห้าเกลี้ยกล่อม

กู้ซือตัวสั่น “ท่านปากเสียจริงๆ”

“เสีย? แล้วปากที่คู่นี้เรียกว่าอะไร เขาต้องการชีวิตของข้า” หยู่เหวินเห้ากล่าวอย่างเย็นชา

“งั้นท่านยกโทษให้เขาเสียเถิด อย่างไรเขาก็ไม่มีบุตร และท่านกำลังจะเป็นพ่อคนแล้ว” กู้ซือกล่าวอย่างมีเมตตา

“ชายารองของเขาเพิ่งตายไม่ใช่หรือ? ตอนที่ตายก็กำลังตั้งครรภ์อยู่ ทำไมไม่เห็นเขาเสียใจเลยสักนิด? กู้ซือกล่าวต่อทันที

หยู่เหวินเห้ากล่าวอย่างเย็นชา: “ทุกอย่างต้องมีสิ่งตอบแทน ถ้าเขาต้องการเขาก็ต้องเสียสละ เขารู้ข้อนี้ดีจึงยอมรับความสูญเสียได้โดยธรรมชาติ”

ที่จริงพระชายาจี้ก็เป็นคนขี้อิจฉาริษยา แต่ต้องแสร้งว่าใจกว้าง ในสิบปีที่มีสองชายารองเข้ามา สุดท้ายแล้วชายารองทั้งสองก็ต้องตาย

แม้กระทั่งสาวงามในจวนก็ไม่มีใครมีบุตรได้ ไม่เช่นนั้นจะถูกนางเขม่นเอาได้

ขณะที่คิดมู่หรูกงกงกล่าวขึ้น: “อ๋องฉู่มาเข้าตำหนักเพื่อเข้าเฝ้า!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด