บัลลังก์หมอยาเซียน 776 เหตุการณ์ที่ส่งผลร้ายแรงเมื่อหลายปีก่อน

Now you are reading บัลลังก์หมอยาเซียน Chapter 776 เหตุการณ์ที่ส่งผลร้ายแรงเมื่อหลายปีก่อน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หัวคิ้วของไทเฮาเหมือนมีบางสิ่งกำลังเต้นโครมครามอยู่ เต้นรัวจนตรงหน้านางเกิดเป็นความมืดขึ้นมาเป็นระลอก ยกมือที่สั่นเทาขึ้นมาชี้ไปที่หยวนชิงหลิงพูดด้วยน้ำเสียงที่ดุดันว่า“เจ้า เจ้าพูดมา เจ้าใหญ่ทำผิดเรื่องอะไรจึงต้องถูกยึดทรัพย์ทั้งยังจะถูกประหารด้วย เจ้าอย่าเอาเรื่องยุ่งการเมืองไม่ยุ่งการเมืองมาอ้างเพื่อเลี่ยงไป ด้วยความรักที่เจ้าห้ามีต่อเจ้า หากเจ้าถามเขา เข้าต้องบอกเจ้าแน่ เจ้าอย่าคิดจะปิดบัง พูดออกมาตามความจริง ”

หยวนชิงหลิงไม่ใช่ไม่อยากพูด แต่เรื่องนี้จะพูดออกไปจากปากนางไม่ได้ บอกออกไปแล้วนั้นหมายความว่านางรู้ทุกอย่าง นางไม่อยากจะเพิ่มความลำบากให้กับเจ้าห้า

อีกอย่าง หากพูดเรื่องนี้กับไทเฮา ไหนเลยจะพูดกันรู้เรื่อง

ไทเฮาเห็นนางไม่พูด ก็หันหน้าไปตำหนิฉินเฟย “เจ้าจะร้องไห้ทำไม พูด เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่”

ฉินเฟยคุกเข่าคลานไปตรงหน้าไทเฮา ใบหน้าเต็มไปด้วยน้ำตาและน้ำมูกพูดขึ้นว่า “หม่อมฉันก็ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น รู้แค่ว่าจวนอ๋องจี้ถูกตรวจค้นยึดทรัพย์แล้ว คนก็ถูกขังไว้ในคุกหลวง บอกว่ารอให้รัชทายาทกำหนดโทษว่าเขาเป็นกบฏก็จะทำการประหารทั้งชั่วโคตร ”

“ประหารทั้งชั่วโคตร”ไทเฮาได้ยินคำพูดนี้ ก็ตัวสั่นขึ้นมา “สวรรค์ สวรรค์ เรื่องนี้จะให้เกิดขึ้นซ้ำสองไม่ได้อีก ต้องถูกใส่ความแน่ๆ ตอนนั้นฮ่องเต้ฮุยจงได้ทำเรื่องผิดมหันต์ ฆ่าคนของตระกูลอ๋องชินยู่ด้วยความประมาท ถ้าหากไม่ใช่เพราะเจ้าสิบสองถูกคนอุ้มออกไป สายเลือดของอ๋องชินยู่ก็คงจะสิ้นสุดแล้ว ไม่สามารถทำผิดเช่นนี้ได้อีก เด็กๆ เด็กๆ เตรียมเกี้ยว ข้าจะไปพบฮ่องเต้”

ฮ่องเต้หมิงหยวนเกรงว่าไทเฮารู้เรื่องนี้เข้าแล้วจะเข้ามายุ่ง ตอนนี้เห็นไทเฮามาหาอย่างรีบร้อน ใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธ เขาก็รู้ทันทีว่าปิดไม่อยู่แล้ว

ฉินเฟยกับหยวนชิงหลิงก็มาด้วย เห็นทั้งสองคน สีหน้าของฮ่องเต้หมิงหยวนก็นิ่งขรึมไป จ้องมองหยวนชิงหลิงด้วยสายตาดุดันแวบหนึ่ง

“เจ้าออกไปก่อน”ฮ่องเต้หมิงหยวนพูดกับหยวนชิงหลิงด้วยน้ำเสียงเรียบๆ

หยวนชิงหลิงเองก็กลัวว่าหากอยู่ที่นี่จะเป็นการยุ่งไม่เข้าเรื่อง พอได้ยินฮ่องเต้หมิงหยวนพูดเช่นนี้ ก็รีบย่อตัวคำนับกล่าวลาออกไป และไม่กล้าจะอยู่รอข้างนอกห้องทรงพระอักษร ยิ่งไม่กล้าออกจากวังไปทันที คิดดูแล้วในสถานการณ์คับขันเช่นนี้มีเพียงทางด้านไท่ซ่างหวงเท่านั้นที่ปลอดภัย จึงได้รุดหน้าไปยังตำหนักฉินคุนทันที

ไท่ซ่างหวงนั้นรู้เรื่องนี้ ความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นข้างนอก ขอเพียงเขาอยากจะรู้ ก็ไม่สามารถปิดบังเอาไว้ได้

เห็นได้ชัดว่าไท่ซ่างหวงก็เสียใจ หยวนชิงหลิงไปนั่งที่ตำหนักอยู่ชั่วครู่ เขาก็สูบบุหรี่ไปหนึ่งถุงแล้ว ควันบุหรี่พวยพุ่ง ทั้งห้องอบอวลไปด้วยควันและกลิ่นบุหรี่ เขาพลางสูบพลางไอ ไอจนสีหน้าแดงก่ำขึ้นมา แม้แต่ฝูเป่ายังทนอยู่ไม่ได้ วิ่งออกไปหลังตำหนัก

หยวนชิงหลิงก็ทนไม่ไหวแล้วจริงๆจึงข้อร้องคำหนึ่ง “เสด็จปู่ ท่านสูบให้น้อยลงหน่อย”

ไท่ซ่างหวงมองนางอย่างเรียบเฉยแวบหนึ่ง “เจ้าอยู่ไม่ไหวก็ไสหัวออกไปข้างนอก”

“เกรงจะกระทบร่างกายของท่าน”หยวนชิงหลิงพูดอย่างระอาใจ

ไท่ซ่างหวงเคาะบุหรี่ พูดเสียงเรียบว่า “ตายไปก็ทั้งชีวิต ไม่ตายก็อยู่มามากกว่าครึ่งชีวิตแล้ว จะกระทบร่างกายหรือไม่ ใครจะสนใจ ”

หยวนชิงหลิงมองใบหน้าที่ดื้อรั้นภายใต้เส้นผมสีขาวของเขา ตาเฒ่าคนนี้จะแข็งแกร่งตลอดชีวิต แต่ที่จริงไม่ว่าเขาจะยังอยู่ในตำแหน่งหรือสละตำแหน่งแล้ว เรื่องที่เขาสามารถควบคุมได้นั้นมีไม่มาก โดยเฉพาะเรื่องการแก่งแย่งชิงดีกันในราชวงศ์ ยิ่งไร้กำลังมากพอที่จะช่วยได้

เหมือนเสด็จพ่อในตอนนี้

“ใครไม่สนใจกันเล่า ท่านอายุยืน จึงจะเป็นมิ่งขวัญแก่เป่ยถัง เป็นบุญวาสนาของลูกหลานราชวงศ์”หยวนชิงหลิงพูด

“วาสนาของคนอื่นเกี่ยวอะไรกับข้า แล้ววาสนาของข้าต้องไปขอกับใคร ”ตอนนี้ไท่ซ่างหวงอารมณ์หงุดหงิดอยู่บ้าง พูดไม่กี่คำ ก็หายใจแรงจ้องหยวนชิงหลิงเขม็ง

หยวนชิงหลิงเห็นเขาทำตัวราวกับประทัด แค่จุดก็ระเบิด ไม่กล้าพูดอะไรอีก หุบปากอย่างสนิทคอยนวดไหล่ทุบขา

นวดอยู่ชั่วครู่ เห็นเขาเหมือนจะผ่อนคลายลงแล้ว จึงค่อยๆอ้าปาก ถามขึ้นว่า“เสด็จปู่ เมื่อครู่ข้าได้ยินเสด็จย่าเอ่ยถึงอ๋องชินยู่ อ๋องชินยู่ท่านนี้เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ”

“ตระกูลเขาน่ะหรือ นอกจากเจ้าสิบสอง ทั้งครอบครัวต่างไปดีแล้ว”ไท่ซ่างหวงหลับตาลง

แม้จะเป็นเรื่องน่าอนาถใจของราชวงศ์ แต่ว่าตอนนั้นเขายังเด็ก ไม่ได้ผูกพันกับเสด็จอาอ๋องชินยู่คนนี้ บวกกับเรื่องราวผ่านมาหลายปี ทุกอย่างได้สิ้นสุดลงไปแล้ว ย่อมไม่มีความรู้สึกเสียใจอะไรอีก

“แล้วเจ้าสิบสองท่านนี้เล่า ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ ”หยวนชิงหลิงถามขึ้น

ไท่ซ่างหวงลืมตาขึ้นกลอกตาให้นางหนึ่งที “อยู่ซิ”

“อ๋อ เช่นนั้นก็โชคดีแล้ว”หยวนชิงหลิงพูด

ฉางกงกงพูดยิ้มๆอยู่ข้างๆว่า “พระชายารัชทายาท ท่านอ๋องสิบสองคนนี้ ท่านยังเคยพบเขาตั้งหลายครั้ง”

หยวนชิงหลิงตกใจ “ข้าเคยพบเขาหลายครั้งหรือ เขา เขาถูกแต่งตั้งเป็นอ๋องหรือ”

เด็กกำพร้าที่ทั้งตระกูลถูกประหาร สุดท้ายยังถูกแต่งตั้งเป็นอ๋อง เช่นนั้นที่ไทเฮาบอกว่าเป็นเรื่องถูกใส่ร้ายก็เป็นความจริง

“จะไม่ใช่ได้อย่างไร ก็อ๋องชินเป่าอย่างไรเล่า”ฉางกงกงพูดยิ้มๆ

หยวนชิงหลิงรู้สึกคาดไม่ถึง “ที่แท้ก็เป็นเขาหรอกหรือ”

อ๋องชินเป่า ตอนนี้เป็นถึงหัวหน้าตระกูลหยู่เหวิน ครั้งก่อนที่มีการแก้ไขแผนภูมิหยกประจำราชวงศ์ ก็มีเขาคอยจัดการ เป็นอ๋องชินจือหลี่ของราชวงศ์

หยวนชิงหลิงตกอยู่ในห้วงความคิด

“คิดอะไรอยู่”ไท่ซ่างหวงเห็นนางหยุดเคลื่อนไหว ก็ถามอย่างไม่สบอารมณ์

หยวนชิงหลิงรีบรวบรวมสติกลับมา “ไม่ แค่รู้สึกคาดไม่ถึง เห็นผู้อาวุโสเขา……”เรียกเขาว่าผู้อาวุโสก็ไม่เหมาะสามสักเท่าไหร่

เพราะว่าที่จริงอ๋องชินเป่าคนนี้ก็อายุไม่มากนัก อ่อนกว่าไท่ซ่างหวงสิบปีแปดปีกระมัง และยังดูแลรักษาตัวเองเป็นอย่างดี ดูแล้วคล้ายคลึงกับเสด็จพ่อราวกับเป็นพี่น้องกัน

“ตอนนี้เขาดูใจกว้างและฉลาด ไม่คิดว่าจะเคยผ่านเหตุการณ์เลวร้ายมาก่อน”หยวนชิงหลิงพูดยิ้มๆ

“ตอนที่เกิดเรื่องนี้ขึ้น เขาก็แค่เด็กน้อยที่ยังอยู่ในห่อผ้า หลังจากที่เขารับรู้เรื่องนี้แล้ว ก็ได้กลับคำพิพากษาให้คนทั้งตระกูลแล้ว เขายังสามารถแค้นใจใครได้อีก”

“ก็จริง”หยวนชิงหลิงรับคำโดยที่ปากไม่ตรงกับใจ

ทางด้านห้องทรงพระอักษร ก็ไม่รู้ว่าฮ่องเต้หมิงหยวนเกลี้ยกล่อมไทเฮาอย่างไร แต่เมื่อหยวนชิงหลิงกลับไปรับลูกๆที่ตำหนักหรงเยว่ แม้ไทเฮากำลังร้องไห้ ทว่ากลับไม่ได้พูดอะไร

แต่ว่า ตอนที่หยวนชิงหลิงมารับเด็กๆออกไปจากตำหนักหรงเหอ กลับถูกฉินเฟยขวางเอาไว้

เดิมทีฉินเฟยอยากจะคุยกับหยวนชิงหลิงเป็นการส่วนตัวมาตลอด แต่หยวนชิงหลิงไม่ยอมมาพบนาง นางจึงได้แต่ระบายอารมณ์ต่อหน้าไทเฮาเท่านั้น คิดว่าไทเฮาจะสามารถเพิ่มแรงกดดันให้กับหยวนชิงหลิงได้ ไหนเลยจะรู้ว่าหลังจากที่ฮ่องเต้พูดไม่กี่ประโยคกับไทเฮา จะฆ่าลูกตัวเอง ใครจะเจ็บปวดเท่าข้าแค่นั้น ก็ไม่ได้พูดอะไรอีกเลย ได้แต่ร้องไห้อย่างเดียว

นางไร้ซึ่งหนทาง ได้แต่วิงวอนขอร้องหยวนชิงหลิงต่อไป

หยวนชิงหลิงลากลูกทั้งสามคน ทนไม่ไหวแล้วจริงๆที่นางร้องไห้ใช้วิธีการต่างๆเพื่อรบเร้า ได้แต่สั่งการให้แม่นมพาเด็กๆออกไปรอก่อน

ฉินเฟยร้องไห้จนตาบวมแล้ว ดึงมือของหยวนชิงหลิงขอร้องอย่างน่าสงสารว่า“ข้ารู้ตัวดีว่าแต่ก่อนข้าปฏิบัติต่อเจ้าไม่ดีนัก แต่ก็ไม่เคยล่วงเกินเจ้ามาก่อน เรื่องในราชสำนัก หญิงวังหลังจะถามไถ่ไม่ได้ ข้าเองก็ไม่มีทางไปพบรัชทายาทได้ ขอพระชายารัชทายาทช่วยข้าส่งสารไม่กี่คำ บอกว่ารัชทายาทเลื่อมใสในตัวพี่ใหญ่มาตั้งแต่เด็ก พี่ใหญ่ก็พาเขาขี่ม้ายิงธนูฝึกยุทธมาไม่น้อย เป็นพี่น้องสายเลือดเดียวกัน รักใคร่แน่นแฟ้น ตีกระดูกหักยังมีเส้นเอ็นคอยเชื่อม แต่ไหนแต่ไรมาไม่ว่าพี่น้องจะมีการแย่งชิงอะไร ก็ไม่เคยเป็นภัยต่อเรื่องสำคัญ เมื่อถึงยามประสบกับเหตุการณ์เลวร้าย คนที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือก็มีแต่พี่น้องของตนเอง อย่างไรเสียก็ขอให้รัชทายาทได้โปรดคิดถึงความรักของพี่น้องส่วนนี้ด้วย ได้โปรดเอื้ออาทรต่อพี่ใหญ่ของเขาบ้าง ไม่ขอร้องสิ่งอื่นใด ขอแค่สามารถรักษาชีวิตของเขาเอาไว้ พระชายารัชทายาท เจ้าเองก็เป็นแม่คน น่าจะเข้าใจข้าดี ขอร้องเจ้าต้องช่วยไปบอกเขา เจ้าห้าเป็นคนที่มีคุณธรรมมาก ขอเพียงเขายินยอม เขาต้องคิดหาวิธีช่วยพี่ใหญ่ของเขาได้แน่”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

บัลลังก์หมอยาเซียน 776 เหตุการณ์ที่ส่งผลร้ายแรงเมื่อหลายปีก่อน

Now you are reading บัลลังก์หมอยาเซียน Chapter 776 เหตุการณ์ที่ส่งผลร้ายแรงเมื่อหลายปีก่อน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หัวคิ้วของไทเฮาเหมือนมีบางสิ่งกำลังเต้นโครมครามอยู่ เต้นรัวจนตรงหน้านางเกิดเป็นความมืดขึ้นมาเป็นระลอก ยกมือที่สั่นเทาขึ้นมาชี้ไปที่หยวนชิงหลิงพูดด้วยน้ำเสียงที่ดุดันว่า“เจ้า เจ้าพูดมา เจ้าใหญ่ทำผิดเรื่องอะไรจึงต้องถูกยึดทรัพย์ทั้งยังจะถูกประหารด้วย เจ้าอย่าเอาเรื่องยุ่งการเมืองไม่ยุ่งการเมืองมาอ้างเพื่อเลี่ยงไป ด้วยความรักที่เจ้าห้ามีต่อเจ้า หากเจ้าถามเขา เข้าต้องบอกเจ้าแน่ เจ้าอย่าคิดจะปิดบัง พูดออกมาตามความจริง ”

หยวนชิงหลิงไม่ใช่ไม่อยากพูด แต่เรื่องนี้จะพูดออกไปจากปากนางไม่ได้ บอกออกไปแล้วนั้นหมายความว่านางรู้ทุกอย่าง นางไม่อยากจะเพิ่มความลำบากให้กับเจ้าห้า

อีกอย่าง หากพูดเรื่องนี้กับไทเฮา ไหนเลยจะพูดกันรู้เรื่อง

ไทเฮาเห็นนางไม่พูด ก็หันหน้าไปตำหนิฉินเฟย “เจ้าจะร้องไห้ทำไม พูด เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่”

ฉินเฟยคุกเข่าคลานไปตรงหน้าไทเฮา ใบหน้าเต็มไปด้วยน้ำตาและน้ำมูกพูดขึ้นว่า “หม่อมฉันก็ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น รู้แค่ว่าจวนอ๋องจี้ถูกตรวจค้นยึดทรัพย์แล้ว คนก็ถูกขังไว้ในคุกหลวง บอกว่ารอให้รัชทายาทกำหนดโทษว่าเขาเป็นกบฏก็จะทำการประหารทั้งชั่วโคตร ”

“ประหารทั้งชั่วโคตร”ไทเฮาได้ยินคำพูดนี้ ก็ตัวสั่นขึ้นมา “สวรรค์ สวรรค์ เรื่องนี้จะให้เกิดขึ้นซ้ำสองไม่ได้อีก ต้องถูกใส่ความแน่ๆ ตอนนั้นฮ่องเต้ฮุยจงได้ทำเรื่องผิดมหันต์ ฆ่าคนของตระกูลอ๋องชินยู่ด้วยความประมาท ถ้าหากไม่ใช่เพราะเจ้าสิบสองถูกคนอุ้มออกไป สายเลือดของอ๋องชินยู่ก็คงจะสิ้นสุดแล้ว ไม่สามารถทำผิดเช่นนี้ได้อีก เด็กๆ เด็กๆ เตรียมเกี้ยว ข้าจะไปพบฮ่องเต้”

ฮ่องเต้หมิงหยวนเกรงว่าไทเฮารู้เรื่องนี้เข้าแล้วจะเข้ามายุ่ง ตอนนี้เห็นไทเฮามาหาอย่างรีบร้อน ใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธ เขาก็รู้ทันทีว่าปิดไม่อยู่แล้ว

ฉินเฟยกับหยวนชิงหลิงก็มาด้วย เห็นทั้งสองคน สีหน้าของฮ่องเต้หมิงหยวนก็นิ่งขรึมไป จ้องมองหยวนชิงหลิงด้วยสายตาดุดันแวบหนึ่ง

“เจ้าออกไปก่อน”ฮ่องเต้หมิงหยวนพูดกับหยวนชิงหลิงด้วยน้ำเสียงเรียบๆ

หยวนชิงหลิงเองก็กลัวว่าหากอยู่ที่นี่จะเป็นการยุ่งไม่เข้าเรื่อง พอได้ยินฮ่องเต้หมิงหยวนพูดเช่นนี้ ก็รีบย่อตัวคำนับกล่าวลาออกไป และไม่กล้าจะอยู่รอข้างนอกห้องทรงพระอักษร ยิ่งไม่กล้าออกจากวังไปทันที คิดดูแล้วในสถานการณ์คับขันเช่นนี้มีเพียงทางด้านไท่ซ่างหวงเท่านั้นที่ปลอดภัย จึงได้รุดหน้าไปยังตำหนักฉินคุนทันที

ไท่ซ่างหวงนั้นรู้เรื่องนี้ ความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นข้างนอก ขอเพียงเขาอยากจะรู้ ก็ไม่สามารถปิดบังเอาไว้ได้

เห็นได้ชัดว่าไท่ซ่างหวงก็เสียใจ หยวนชิงหลิงไปนั่งที่ตำหนักอยู่ชั่วครู่ เขาก็สูบบุหรี่ไปหนึ่งถุงแล้ว ควันบุหรี่พวยพุ่ง ทั้งห้องอบอวลไปด้วยควันและกลิ่นบุหรี่ เขาพลางสูบพลางไอ ไอจนสีหน้าแดงก่ำขึ้นมา แม้แต่ฝูเป่ายังทนอยู่ไม่ได้ วิ่งออกไปหลังตำหนัก

หยวนชิงหลิงก็ทนไม่ไหวแล้วจริงๆจึงข้อร้องคำหนึ่ง “เสด็จปู่ ท่านสูบให้น้อยลงหน่อย”

ไท่ซ่างหวงมองนางอย่างเรียบเฉยแวบหนึ่ง “เจ้าอยู่ไม่ไหวก็ไสหัวออกไปข้างนอก”

“เกรงจะกระทบร่างกายของท่าน”หยวนชิงหลิงพูดอย่างระอาใจ

ไท่ซ่างหวงเคาะบุหรี่ พูดเสียงเรียบว่า “ตายไปก็ทั้งชีวิต ไม่ตายก็อยู่มามากกว่าครึ่งชีวิตแล้ว จะกระทบร่างกายหรือไม่ ใครจะสนใจ ”

หยวนชิงหลิงมองใบหน้าที่ดื้อรั้นภายใต้เส้นผมสีขาวของเขา ตาเฒ่าคนนี้จะแข็งแกร่งตลอดชีวิต แต่ที่จริงไม่ว่าเขาจะยังอยู่ในตำแหน่งหรือสละตำแหน่งแล้ว เรื่องที่เขาสามารถควบคุมได้นั้นมีไม่มาก โดยเฉพาะเรื่องการแก่งแย่งชิงดีกันในราชวงศ์ ยิ่งไร้กำลังมากพอที่จะช่วยได้

เหมือนเสด็จพ่อในตอนนี้

“ใครไม่สนใจกันเล่า ท่านอายุยืน จึงจะเป็นมิ่งขวัญแก่เป่ยถัง เป็นบุญวาสนาของลูกหลานราชวงศ์”หยวนชิงหลิงพูด

“วาสนาของคนอื่นเกี่ยวอะไรกับข้า แล้ววาสนาของข้าต้องไปขอกับใคร ”ตอนนี้ไท่ซ่างหวงอารมณ์หงุดหงิดอยู่บ้าง พูดไม่กี่คำ ก็หายใจแรงจ้องหยวนชิงหลิงเขม็ง

หยวนชิงหลิงเห็นเขาทำตัวราวกับประทัด แค่จุดก็ระเบิด ไม่กล้าพูดอะไรอีก หุบปากอย่างสนิทคอยนวดไหล่ทุบขา

นวดอยู่ชั่วครู่ เห็นเขาเหมือนจะผ่อนคลายลงแล้ว จึงค่อยๆอ้าปาก ถามขึ้นว่า“เสด็จปู่ เมื่อครู่ข้าได้ยินเสด็จย่าเอ่ยถึงอ๋องชินยู่ อ๋องชินยู่ท่านนี้เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ”

“ตระกูลเขาน่ะหรือ นอกจากเจ้าสิบสอง ทั้งครอบครัวต่างไปดีแล้ว”ไท่ซ่างหวงหลับตาลง

แม้จะเป็นเรื่องน่าอนาถใจของราชวงศ์ แต่ว่าตอนนั้นเขายังเด็ก ไม่ได้ผูกพันกับเสด็จอาอ๋องชินยู่คนนี้ บวกกับเรื่องราวผ่านมาหลายปี ทุกอย่างได้สิ้นสุดลงไปแล้ว ย่อมไม่มีความรู้สึกเสียใจอะไรอีก

“แล้วเจ้าสิบสองท่านนี้เล่า ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ ”หยวนชิงหลิงถามขึ้น

ไท่ซ่างหวงลืมตาขึ้นกลอกตาให้นางหนึ่งที “อยู่ซิ”

“อ๋อ เช่นนั้นก็โชคดีแล้ว”หยวนชิงหลิงพูด

ฉางกงกงพูดยิ้มๆอยู่ข้างๆว่า “พระชายารัชทายาท ท่านอ๋องสิบสองคนนี้ ท่านยังเคยพบเขาตั้งหลายครั้ง”

หยวนชิงหลิงตกใจ “ข้าเคยพบเขาหลายครั้งหรือ เขา เขาถูกแต่งตั้งเป็นอ๋องหรือ”

เด็กกำพร้าที่ทั้งตระกูลถูกประหาร สุดท้ายยังถูกแต่งตั้งเป็นอ๋อง เช่นนั้นที่ไทเฮาบอกว่าเป็นเรื่องถูกใส่ร้ายก็เป็นความจริง

“จะไม่ใช่ได้อย่างไร ก็อ๋องชินเป่าอย่างไรเล่า”ฉางกงกงพูดยิ้มๆ

หยวนชิงหลิงรู้สึกคาดไม่ถึง “ที่แท้ก็เป็นเขาหรอกหรือ”

อ๋องชินเป่า ตอนนี้เป็นถึงหัวหน้าตระกูลหยู่เหวิน ครั้งก่อนที่มีการแก้ไขแผนภูมิหยกประจำราชวงศ์ ก็มีเขาคอยจัดการ เป็นอ๋องชินจือหลี่ของราชวงศ์

หยวนชิงหลิงตกอยู่ในห้วงความคิด

“คิดอะไรอยู่”ไท่ซ่างหวงเห็นนางหยุดเคลื่อนไหว ก็ถามอย่างไม่สบอารมณ์

หยวนชิงหลิงรีบรวบรวมสติกลับมา “ไม่ แค่รู้สึกคาดไม่ถึง เห็นผู้อาวุโสเขา……”เรียกเขาว่าผู้อาวุโสก็ไม่เหมาะสามสักเท่าไหร่

เพราะว่าที่จริงอ๋องชินเป่าคนนี้ก็อายุไม่มากนัก อ่อนกว่าไท่ซ่างหวงสิบปีแปดปีกระมัง และยังดูแลรักษาตัวเองเป็นอย่างดี ดูแล้วคล้ายคลึงกับเสด็จพ่อราวกับเป็นพี่น้องกัน

“ตอนนี้เขาดูใจกว้างและฉลาด ไม่คิดว่าจะเคยผ่านเหตุการณ์เลวร้ายมาก่อน”หยวนชิงหลิงพูดยิ้มๆ

“ตอนที่เกิดเรื่องนี้ขึ้น เขาก็แค่เด็กน้อยที่ยังอยู่ในห่อผ้า หลังจากที่เขารับรู้เรื่องนี้แล้ว ก็ได้กลับคำพิพากษาให้คนทั้งตระกูลแล้ว เขายังสามารถแค้นใจใครได้อีก”

“ก็จริง”หยวนชิงหลิงรับคำโดยที่ปากไม่ตรงกับใจ

ทางด้านห้องทรงพระอักษร ก็ไม่รู้ว่าฮ่องเต้หมิงหยวนเกลี้ยกล่อมไทเฮาอย่างไร แต่เมื่อหยวนชิงหลิงกลับไปรับลูกๆที่ตำหนักหรงเยว่ แม้ไทเฮากำลังร้องไห้ ทว่ากลับไม่ได้พูดอะไร

แต่ว่า ตอนที่หยวนชิงหลิงมารับเด็กๆออกไปจากตำหนักหรงเหอ กลับถูกฉินเฟยขวางเอาไว้

เดิมทีฉินเฟยอยากจะคุยกับหยวนชิงหลิงเป็นการส่วนตัวมาตลอด แต่หยวนชิงหลิงไม่ยอมมาพบนาง นางจึงได้แต่ระบายอารมณ์ต่อหน้าไทเฮาเท่านั้น คิดว่าไทเฮาจะสามารถเพิ่มแรงกดดันให้กับหยวนชิงหลิงได้ ไหนเลยจะรู้ว่าหลังจากที่ฮ่องเต้พูดไม่กี่ประโยคกับไทเฮา จะฆ่าลูกตัวเอง ใครจะเจ็บปวดเท่าข้าแค่นั้น ก็ไม่ได้พูดอะไรอีกเลย ได้แต่ร้องไห้อย่างเดียว

นางไร้ซึ่งหนทาง ได้แต่วิงวอนขอร้องหยวนชิงหลิงต่อไป

หยวนชิงหลิงลากลูกทั้งสามคน ทนไม่ไหวแล้วจริงๆที่นางร้องไห้ใช้วิธีการต่างๆเพื่อรบเร้า ได้แต่สั่งการให้แม่นมพาเด็กๆออกไปรอก่อน

ฉินเฟยร้องไห้จนตาบวมแล้ว ดึงมือของหยวนชิงหลิงขอร้องอย่างน่าสงสารว่า“ข้ารู้ตัวดีว่าแต่ก่อนข้าปฏิบัติต่อเจ้าไม่ดีนัก แต่ก็ไม่เคยล่วงเกินเจ้ามาก่อน เรื่องในราชสำนัก หญิงวังหลังจะถามไถ่ไม่ได้ ข้าเองก็ไม่มีทางไปพบรัชทายาทได้ ขอพระชายารัชทายาทช่วยข้าส่งสารไม่กี่คำ บอกว่ารัชทายาทเลื่อมใสในตัวพี่ใหญ่มาตั้งแต่เด็ก พี่ใหญ่ก็พาเขาขี่ม้ายิงธนูฝึกยุทธมาไม่น้อย เป็นพี่น้องสายเลือดเดียวกัน รักใคร่แน่นแฟ้น ตีกระดูกหักยังมีเส้นเอ็นคอยเชื่อม แต่ไหนแต่ไรมาไม่ว่าพี่น้องจะมีการแย่งชิงอะไร ก็ไม่เคยเป็นภัยต่อเรื่องสำคัญ เมื่อถึงยามประสบกับเหตุการณ์เลวร้าย คนที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือก็มีแต่พี่น้องของตนเอง อย่างไรเสียก็ขอให้รัชทายาทได้โปรดคิดถึงความรักของพี่น้องส่วนนี้ด้วย ได้โปรดเอื้ออาทรต่อพี่ใหญ่ของเขาบ้าง ไม่ขอร้องสิ่งอื่นใด ขอแค่สามารถรักษาชีวิตของเขาเอาไว้ พระชายารัชทายาท เจ้าเองก็เป็นแม่คน น่าจะเข้าใจข้าดี ขอร้องเจ้าต้องช่วยไปบอกเขา เจ้าห้าเป็นคนที่มีคุณธรรมมาก ขอเพียงเขายินยอม เขาต้องคิดหาวิธีช่วยพี่ใหญ่ของเขาได้แน่”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+