บัลลังก์หมอยาเซียน 161 หรือว่าเจ้าอยากเป็นพระชายาองค์รัชทายาท

Now you are reading บัลลังก์หมอยาเซียน Chapter 161 หรือว่าเจ้าอยากเป็นพระชายาองค์รัชทายาท at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หยวนชิงผิงยอมให้นางตบหน้าตัวเองให้เสียที่ไหน? เพียงแค่ตั้งใจให้นางตบถูกบนข้างไหล่ แล้วก็ตะคอกพูดขึ้นอย่างโกรธเคืองว่า “ดี เจ้ากล้าตบข้า? ดูสิว่าวันนี้ข้าจะฉีกเนื้อเจ้า”

พร้อมเสร็จ นางก็ยกมือข่วนบนใบหน้าฉู่หมิงเฟิ่ง ข่วนเสร็จแล้วยังข่วนซ้ำอีกหนึ่งฝ่ามือ

ฉู่หมิงเฟิ่งอึ้งตะลึงสิ้นเชิง กำลังคิดจะตอบโต้ ก็ได้ยินฉู่หมิงชุ่ยพูดขึ้นด้วยเสียงเข้มว่า “หยุด”

ฉู่หมิงเฟิ่งตกใจจนถอยหลัง กลับถลึงตาจ้องมองดูหยวนชิงผิงอย่างเกลียดชัง

แววตาเยือกเย็นของฉู่หมิงชุ่ยมองผ่านใบหน้าของหยวนชิงผิง แล้วก็มาหยุดตรงหน้าหยวนชิงหลิง พูดขึ้นอย่างอ่อนหวานว่า “พระชายาอ๋องฉู่ เจ้ากับข้าเป็นพี่สะใภ้กับน้องสะใภ้ ยังไงก็ถือว่าเป็นครอบครัวเดียวกัน จึงขอถือวิสาสะพูดว่าพระชายาอ๋องฉู่ หรือพูดไม่น่าฟัง เจ้าอย่าได้ถือสา น้องสาวเจ้าดื้อรั้น ในฐานะที่เป็นพี่คนโตจะนิ่งดูดายไม่ได้ จะต้องอบรมสั่งสอนให้ดีถึงจะถูก นี่ยังไม่ได้แต่งงานออกเรือนไปเลย เป็นที่เรื่องหรือออกไปจะทำให้คนอื่นหัวเราะเยาะ”

เรื่องทะเลาะวิวาทหยวนชิงหลิงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของใคร แต่พูดถึงหลักการนางถือว่าไม่แพ้ใคร

นางยิ้มพูดขึ้นว่า “พระชายาฉีช่างมีความชอบธรรมจริงๆ น้องสาวของเจ้าพูดจาดูถูกข้าก่อน และยังลงมือตบตีน้องสาวของข้า ทัศนคติแย่มาก นางยังเป็นน้องสาวของเจ้าที่เกิดจากสนม ข้าจะสั่งสอนก็คงไม่เหมาะสม ในเมื่อพระชายาฉีเข้าใจ งั้นก็ขอพระชายาฉีให้ความเป็นธรรมกับข้าและน้องสาวด้วย”

ฉู่หมิงชุ่ยอึ้ง แต่ก็ไม่โกรธ เพียงแค่ถอนหายใจเบาๆ พร้อมพูดขึ้นว่า “ได้ ข้าเข้าใจแล้ว พระชายาอ๋องฉู่ให้ท้ายน้องสาวของตนเองขนาดนี้ ถือเป็นความหวังดี แต่เกรงว่าจะเป็นการทำให้ชื่อเสียงน้องสาวของเจ้าเสื่อมเสีย หาคู่ครองได้ยาก”

หยวนชิงผิงกวาดสายตามองดูอย่างเยือกเย็น กำลังอยากที่จะตอบโต้ หยวนชิงหลิงกลับห้ามนางไว้ พร้อมยิ้มพูดขึ้นว่า “เรื่องนี้ไม่ต้องเป็นห่วง เพราะยังไง คนอย่างพระชายาฉี ก็ยังหาคู่ครองที่ดีได้ไม่ใช่หรือ? น้องสาวของข้าคิดว่าก็ไม่ได้ไปกว่าพระชายาฉีหรอก พระชายาฉีเป็นห่วงน้องสาวที่เกิดจากเมียรองคนนี้เถอะ”

แววตาฉู่หมิงชุ่ยกลับกลายเป็นเยือกเย็น และพูดขึ้นว่า “เห็นมีพระชายาอ๋องฉู่ จะเกลียดชังข้าจริงๆ”

หยวนชิงหลิงพูดขึ้นอย่างอ่อนโยนว่า “จะเป็นไปได้อย่างไร? เมื่อกี้พระชายาฉีก็พูดเองว่า ยังไงพวกเราก็ถือเป็นครอบครัวเดียวกัน ข้าก็แค่พูดแล้วพระชายาฉีไม่ชอบฟังก็เท่านั้นเอง พระชายาฉีเจ้าก็อย่าโกรธเลย”

ฉู่หมิงหยางที่อยู่ด้านข้างดึงแขนฉู่หมิงชุ่ย พร้อมพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “พี่ใหญ่ ไม่ใช่ว่าทุกคนที่คุ้มกับสีปาก ไม่ควรที่จะไปสนใจสุนัข ยิ่งไปสนใจ ก็จะยิ่งถูกกัดไม่ปล่อย”

พูดเสร็จ ไม่รอให้หยวนชิงหลิงได้พูดอะไร ก็ดึงแขนฉู่หมิงชุ่ยไปแล้ว

ฉู่หมิงเฟิ่งยังไม่ได้สติกลับมา ยังยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น

ฉู่หมิงหยางพูดขึ้นด้วยเสียงเข้มว่า “ยังไม่รีบตามาหรือ? จะอยู่ที่นี่ให้สุนัขบ้ากัดหรือ? พวกนางเป็นหมูตายไม่กลัวน้ำร้อนลวก เจ้าก็จะไม่เอาหน้าแล้วหรือ?”

“เจ้าสิเป็นหมูตาย”ความฮึกสู้ของหยวนชิงผิงสู้กับฉู่หมิงหยาง ดูลดลงอย่างกะทันหัน จนเกือบติดลบ

หยวนชิงหลิงหันไปมองดูเงาแผ่นหลังของฉู่หมิงหยาง

คนคนนี้ เฉียบจริงๆ ร้ายกาจกว่าฉู่หมิงชุ่ยหลายเท่า

คนหัวแหลมอย่างนาง จะยอมเป็นพระชายารองของหยู่เหวินเห้าหรือ?

ยอมสิ หากมั่นใจว่าจะสามารถทำให้นางที่เป็นพระชายาอยู่คนนี้ตายได้แน่

หยวนชิงผิงมองดูเถ้าแก่ร้านขายเครื่องสำอาง ด้วยแววตาเฉียบคม

เถ้าแก่ร้านรีบพูดขึ้นอย่างรู้ตัวว่า “แม่นางวางใจ เรื่องในวันนี้ ข้าน้อยจะไม่พูดกับคนอื่นแม้เพียงประโยคเดียว”

หยวนชิงผิงพูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า “ทำไมไม่พูด? ต้องพูด อย่าให้ตกแม้แต่คำเดียว ใช่ว่าพวกเราจะกลัวอับอาย ชื่อเสียงจวนเจ้าพระยาจิ้ง เสื่อมเสียจนถึงโคลนตมแล้ว ยังจะกลัวใครว่าอะไรอีก? วันนี้ถือว่าเป็นการเอากระเบื้องแตกของเรากระทบเครื่องลายครามของนาง จำไว้ว่าต้องพูด หากพูดได้ไม่ตื่นเต้นข้าจะกลับมาหาเจ้า”

“ขอรับ ขอรับ ข้าน้อยรับทราบ”เถ้าได้เห็นถึงอารมณ์ร้ายปากจัดของนางเมื่อกี้ แล้วจะกล้ามีเรื่องกับนางหรือ รีบตอบรับในทันที

หยวนชิงหลิงเองก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะขึ้นมา

“เชิญพระชายากับแม่นางตามสบาย”เถ้าแก่ร้านพูดขึ้น

“ไปไหน?” หยวนชิงผิงพูดขึ้นว่า “ข้ายังไม่ได้ซื้อเครื่องแป้งเลย พี่ใหญ่ ข้าจะซื้อสองตลับ”

“ข้าไม่มีเงิน”หยวนชิงหลิงลองลูบดู ปรากฏว่าไม่ได้เอากระเป๋าสตางค์มาด้วย

หยวนชิงผิงพูดขึ้นอย่างหงุดหงิดว่า “เจ้าจะออกมาเดินซื้อของ แม้แต่เงินก็ไม่เอามาหรือ?”

หยวนชิงหลิงมองดูเถ้าแก่ พร้อมพูดขึ้นว่า “ขอเครดิตได้ไหม?”

“ได้ ได้ ได้แน่นอน พระชายาอ๋องฉู่ใช่ไหม? เท่าไหร่ก็ได้”เถ้าแก่ร้านออกมาออกมาประจบสอพลอ ลูกค้าคือมหาจักรพรรดิหยก

หยวนชิงผิงเลือกเครื่องแป้งสองตลับอย่างมีความสุข ยังซื้อดินสอเขียนคิ้วที่สกัดจากหอยสังข์หนึ่งอัน

หยวนชิงหลิง ก็สูญเสียอีกครั้งกับการที่จะได้ไปถนนแออัดที่ไปมาเมื่อวาน

สำหรับชีวิตของประชาชนไม่มีปัญญาทำอะไรได้ แต่ด้านการรักษา ยังอยากที่จะดูว่าจะทำอย่างไรได้บ้าง

เกิดแก่เจ็บตาย ทุกคนล้วนต้องผ่าน การขาดแคลนการรักษา จะทำให้สังคมนี้ขาดความมั่นคง

หยู่เหวินเห้าพูดว่า คนที่เรียนจนเป็นหมอได้ล้วนไปเปิดโรงหมอกันเองแล้ว นี่ก็ไม่มีอะไรต้องพูดอีก ร่ำเรียนต้มยามาตั้งหลายปีขนาดนั้น เมื่อเรียนจนประสบความสำเร็จ ไม่ใช่เพื่อไปทำงานหนักเป็นคนงานที่ได้ค่าแรงน้อยในโรงหมอหุ้ยหมิงแบบนั้น

ไม่ว่าจะเป็นคนที่มีจิตใจดีแค่ไหน ยังไงก็ต้องคำนึงถึงชีวิตความเป็นอยู่ของตนเองกับคนรอบข้างเป็นหลัก ถึงจะสามารถไปดูแลคนอื่นได้

ราชสำนักจะสามารถมีสถานที่สอนอย่างเป็นทางการเหมือนกับในปัจจุบัน แล้วส่งออกไปเป็นหมอประจำตามสถานที่ต่างๆทุกปีได้ไหม? คาดว่าราชสำนักคงไม่ยอมที่จะลงทุนไปทำเรื่องพวกนี้ เพราะก่อนอื่นจะต้องหาโรงเรียนกับหมอ เวลาที่หมอตรวจคนไข้ล้วนเป็นเงินเป็นทอง นี่ก็หมายความว่า การเชื้อเชิญอาจารย์ผู้สอน จะต้องเป็นการเสียค่าใช้จ่ายอย่างมากมาย

อย่างแรก คือการสร้างอาคารเรียน จวนเรียนอย่างเป็นทางการ จะมุงหญ้าคาไม่กี่มัดแล้วก็สิ้นเรื่อง

อีกอย่าง เมื่อผู้เรียนจบหลักสูตรออกมา จะยอมไปที่โรงหมอหุ้ยหมิงไหม? หากไม่ยินยอม งั้นก่อนหน้านี้ก็จะเป็นการสูญเปล่า

แต่หากบังคับให้ไป คาดว่าก็คงไม่มีใครยอมไปเรียน

ไม่ ไม่ถูก ใช่ว่าจะไม่มีใครยอมไปเรียน

ตอนนี้คนที่เรียนหมอ ส่วนใหญ่เป็นลูกของครอบครัวที่มีฐานะดี เพราะการเรียนหมอมีค่าใช้จ่ายที่สูง ไม่ใช่คนที่มีฐานะธรรมดาจะมีปัญญาเรียนได้

หาก ลูกหลานของครอบครัวคนยากจนก็สามารถไปเรียนหมอได้ล่ะ?

แววตาของนางคิดถึงใบหน้าขอทานขาพิการที่เจอเมื่อวานคนนั้น สำหรับพวกเขาแล้ว นี่น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด

แต่แล้วหยวนชิงหลิง ก็คิดได้ถึงปัญหาอย่างหนึ่งขึ้นมาทันที

นั่นก็คือ ลูกหลานครอบครัวยากจนส่วนใหญ่ไม่เคยได้เรียนหนังสือ พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ เจ้าให้พวกเขาไปเรียนหมอ พวกเขายังต้องเรียนหนังสือก่อน

เรื่องเรียนหนังสือ ใช่ว่าจะสามารถเรียนได้ภายในหนึ่งปี

ครุ่นคิดอยู่อย่างมากมาย แล้วก็ไม่สามารถหาวิธีที่สามารถเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ตอนนี้ได้อย่างดีที่สุด ทำให้นางเป็นทุกข์อย่างมาก

หยวนชิงผิงเริ่มไม่รู้ว่านางมาที่นี่เพื่อทำอะไร หลังจากกลับไปยังรถม้า ถามอย่างละเอียดแล้วค่อยรู้ว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับโรงหมอ

นางมองหยวนชิงหลิงแวบหนึ่ง แล้วพูดขึ้นว่า “ทานเยอะจนอิ่มแล้วหรือ นี่เป็นเรื่องของผู้ชาย เจ้าจะไปยุ่งอะไรมากมายขนาดนั้น? เจ้าคงไม่ได้คิดที่จะช่วยอ๋องฉู่แย่งชิงตำแหน่งองค์ชายรัชทายาทใช่ไหม? เจ้าอยากเป็นพระชายาองค์รัชทายาทหรือ?”

หยวนชิงหลิงพูดขึ้นว่า “นี่เกี่ยวข้องอะไรกับการแย่งชิงตำแหน่งองค์ชายรัชทายาท?”

“แน่นอนสิ” ตอนนี้พระชายาจี้กับฉู่หมิงชุ่ยไม่เหมือนกันหรือ? ตั้งใจไปทำความดี เพื่อซื้อใจประชาชน ได้รับการเยินยอจากประชาชน ก็จะมีคนทำให้เรื่องรู้ไปถึงสวรรค์

หยวนชิงหลิงอึ้งพร้อมพูดว่า “พวกนางกำลังทำความดี? ทำความดีอะไร?”

หรือว่าการไปร้านเครื่องสำอางก็ถือว่าเป็นการทำความดี? เป็นการช่วยเหลือเถ้าแก่ร้านเครื่องสำอางหรือ?

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด