บัลลังก์หมอยาเซียน 591 เขามีแผนอะไร

Now you are reading บัลลังก์หมอยาเซียน Chapter 591 เขามีแผนอะไร at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

สุดท้าย หยวนชิงหลิงพูดจบไม่รอให้เขาออกความเห็นก็ได้ถามขึ้นว่าจะไปเขาโรคเรื้อนได้เมื่อไหร่

“หยู่เหวินเห้ากลืนข้าวลงคออย่างรวดเร็ว ใช้แขนเสื้อมาเช็ดปากอย่างเร่งรีบ องค์ชายผู้สูงศักดิ์ของราชวงศ์ ตอนนี้กลายเป็นคนหยาบกระด้างไปเสียอย่างนั้น “ตอนนี้แก้ไขเรื่องอาหารก่อน ค่อยๆแก้ไปทีละอย่าง ครั้งนี้ที่ข้าเป็นคนต้นคิดในการขนส่งอาหารขึ้นเขา ก็เพื่อจะดูว่าคนในราชสำนักมีปฏิกิริยาอย่างไรเราจะได้รับมือถูก”

หยวนชิงหลิงร้อนใจกับเรื่องนี้อย่างมาก มากกว่าเรื่องเปิดโรงเรียนแพทย์หลายหมื่นเท่า ลงจากเขามาจนถึงตอนนี้ก็เกือบสิบวันแล้ว ยังไม่ได้เริ่มดำเนินการอะไรเลย

หยู่เหวินเห้ากล่าว “เจ้าอย่าเพิ่งใจร้อน ใจร้อนไปก็รังแต่จะทำให้เสียเรื่อง นี่มันคือเรื่องใหญ่ ฐานะพระชายาขององค์รัชทายาทของเจ้ายังตั้งอยู่ตรงนี้ การที่เจ้าจะไปพื้นที่ที่เต็มไปด้วยโรคระบาด ก็ต้องหาเหตุผลที่ดีที่สุด”

หยวนชิงหลิงกล่าวอย่างจำใจ “ตอนนี้เรื่องอาหารก็ได้จัดการไปแล้ว ต่อจากนี้ก็ควรที่จะพูดถึงมันแล้ว ภายในสามวันหากไม่พูดถึง หรือว่าเสด็จพ่อไม่อนุญาต เราก็หาวิธีแอบไปกันอย่างลับๆ”

“ได้ ตามที่เจ้าพูด” หลังจากที่หยู่เหวินเห้าพิจารณาแล้ว ก็รู้สึกว่ายืดเยื้อต่อไปก็ไม่ใช่วิธีที่ดี จึงได้ตกลง

เขาสั่งให้คนเข้ามาเก็บถ้วยชาม จากนั้นดึงตัวหยวนชิงหลิงไปดูเด็กๆ เพิ่งจะคิดถึงเรื่องของท่านชายสี่เหลิ่ง แล้วกล่าว “ในเมื่อรถม้าของเราไปชนคนอื่น ยังไงก็ต้องช่วยเขารักษาอาการบาดเจ็บจนหาย ไม่รีบหรอก ”

หยวนชิงหลิงกล่าว “ฟังทังหยางเล่าท่านชายสี่เหลิ่งคนนี้รวยมาก มีโรงเตี๊ยมทั่วเมืองหลวง ทังหยางที่เคยพักที่โรงเตี๊ยมของเขา แล้วถูกขโมยถุงเงินจนไม่มีเงินจ่ายค่าโรงเตี๊ยม ท่านชายสี่เหลิ่งยังได้ยกหนี้ค่าที่พักให้กับทังหยาง”

หยู่เหวินเห้ารู้เรื่องนี้ ทังหยางกลับมาเคยเล่าให้เขาฟังอยู่ อย่างไรก็ตาม เขากลับหัวเราะ “โรงเตี๊ยม? ทังหยางไม่ได้พูดความจริงกับเจ้า นั่นไม่ใช่โรงเตี๊ยม ซาวโถ๋จุ้ยคือหอนางโลม สิ่งที่ท่านชายสี่เหลิ่งเปิดเยอะที่สุดก็คือหอนางโลม ในเมืองหลวงก็มีซาวโถ๋จุ้ยอยู่หนึ่งแห่ง”

“โอ้โอ้สวรรค์! คิดไม่ถึงเขาจะเป็นคนเช่นนี้” หยวนชิงหลิงตกใจ ท่านชายสี่เหลิ่งที่รูปร่างหน้าตาหล่อเหลากลับค้าประเวณี ทำไมช่างไม่เข้ากับหน้าตาของเขาเลย?

หยู่เหวินเห้าเหลือบมองนางไปหนึ่งที “ทำไม? เปิดหอนางโลมไม่ผิดกฎหมายสักหน่อย ตราบใดที่เขาไม่บังคับคนดีให้ขายตัว มันไม่เกี่ยวกับบุคลิกประจำตัวมากนักหรอก”

หยวนชิงหลิงไม่ออกความเห็น

สุดท้าย หยวนชิงหลิงพูดจบไม่รอให้เขาออกความเห็นก็ได้ถามขึ้นว่าจะไปเขาโรคเรื้อนได้เมื่อไหร่

“หยู่เหวินเห้ากลืนข้าวลงคออย่างรวดเร็ว ใช้แขนเสื้อมาเช็ดปากอย่างเร่งรีบ องค์ชายผู้สูงศักดิ์ของราชวงศ์ ตอนนี้กลายเป็นคนหยาบกระด้างไปเสียอย่างนั้น “ตอนนี้แก้ไขเรื่องอาหารก่อน ค่อยๆแก้ไปทีละอย่าง ครั้งนี้ที่ข้าเป็นคนต้นคิดในการขนส่งอาหารขึ้นเขา ก็เพื่อจะดูว่าคนในราชสำนักมีปฏิกิริยาอย่างไรเราจะได้รับมือถูก”

หยวนชิงหลิงร้อนใจกับเรื่องนี้อย่างมาก มากกว่าเรื่องเปิดโรงเรียนแพทย์หลายหมื่นเท่า ลงจากเขามาจนถึงตอนนี้ก็เกือบสิบวันแล้ว ยังไม่ได้เริ่มดำเนินการอะไรเลย

หยู่เหวินเห้ากล่าว “เจ้าอย่าเพิ่งใจร้อน ใจร้อนไปก็รังแต่จะทำให้เสียเรื่อง นี่มันคือเรื่องใหญ่ ฐานะพระชายาขององค์รัชทายาทของเจ้ายังตั้งอยู่ตรงนี้ การที่เจ้าจะไปพื้นที่ที่เต็มไปด้วยโรคระบาด ก็ต้องหาเหตุผลที่ดีที่สุด”

หยวนชิงหลิงกล่าวอย่างจำใจ “ตอนนี้เรื่องอาหารก็ได้จัดการไปแล้ว ต่อจากนี้ก็ควรที่จะพูดถึงมันแล้ว ภายในสามวันหากไม่พูดถึง หรือว่าเสด็จพ่อไม่อนุญาต เราก็หาวิธีแอบไปกันอย่างลับๆ”

“ได้ ตามที่เจ้าพูด” หลังจากที่หยู่เหวินเห้าพิจารณาแล้ว ก็รู้สึกว่ายืดเยื้อต่อไปก็ไม่ใช่วิธีที่ดี จึงได้ตกลง

เขาสั่งให้คนเข้ามาเก็บถ้วยชาม จากนั้นดึงตัวหยวนชิงหลิงไปดูเด็กๆ เพิ่งจะคิดถึงเรื่องของท่านชายสี่เหลิ่ง แล้วกล่าว “ในเมื่อรถม้าของเราไปชนคนอื่น ยังไงก็ต้องช่วยเขารักษาอาการบาดเจ็บจนหาย ไม่รีบหรอก ”

หยวนชิงหลิงกล่าว “ฟังทังหยางเล่าท่านชายสี่เหลิ่งคนนี้รวยมาก มีโรงเตี๊ยมทั่วเมืองหลวง ทังหยางที่เคยพักที่โรงเตี๊ยมของเขา แล้วถูกขโมยถุงเงินจนไม่มีเงินจ่ายค่าโรงเตี๊ยม ท่านชายสี่เหลิ่งยังได้ยกหนี้ค่าที่พักให้กับทังหยาง”

หยู่เหวินเห้ารู้เรื่องนี้ ทังหยางกลับมาเคยเล่าให้เขาฟังอยู่ อย่างไรก็ตาม เขากลับหัวเราะ “โรงเตี๊ยม? ทังหยางไม่ได้พูดความจริงกับเจ้า นั่นไม่ใช่โรงเตี๊ยม ซาวโถ๋จุ้ยคือหอนางโลม สิ่งที่ท่านชายสี่เหลิ่งเปิดเยอะที่สุดก็คือหอนางโลม ในเมืองหลวงก็มีซาวโถ๋จุ้ยอยู่หนึ่งแห่ง”

“โอ้โอ้สวรรค์! คิดไม่ถึงเขาจะเป็นคนเช่นนี้” หยวนชิงหลิงตกใจ ท่านชายสี่เหลิ่งที่รูปร่างหน้าตาหล่อเหลากลับค้าประเวณี ทำไมช่างไม่เข้ากับหน้าตาของเขาเลย?

หยู่เหวินเห้าเหลือบมองนางไปหนึ่งที “ทำไม? เปิดหอนางโลมไม่ผิดกฎหมายสักหน่อย ตราบใดที่เขาไม่บังคับคนดีให้ขายตัว มันไม่เกี่ยวกับบุคลิกประจำตัวมากนักหรอก”

หยวนชิงหลิงไม่ออกความเห็น

หยวนชิงหลิงคิดว่าอย่างน้อยหยู่เหวินเห้าต้องตกใจกับใบหน้าของทั้งสองคน อย่างไรเสียรูปลักษณ์เช่นนี้ในเมืองหลวงก็พบเห็นได้น้อยมา อย่างไรก็ตาม แววตาของหยู่เหวินเห้ากลับไม่มีความตกใจอะไรเลย แค่ถามหยวนชิงหลิงไปหนึ่งคำ “คนผู้นั้นก็คือท่านชายสี่เหลิ่งกับสาวใช้ของเขาใช่มั้ย?”

“ใช่ เราเข้าไปทักทายกันเถอะ

ทั้งสองจึงเดินเข้าไป เดินขึ้นไปบนระเบียง ไปยืนอยู่ตรงตรงหน้าของท่านชายเหลิ่งกับหรงเยว่

“กระหม่อมขอคำนับองค์รัชทายาท!” คุณชายสี่เหลิ่งที่กึ่งยืนกึ่งพิงเสา ได้ยกมือคารวะ สายตาจ้องมองมาที่หยู่เหวินเห้าโดยตลอด ช่างน่าเสียดายนัก ทำไมถึงได้จับคู่กับพระชายาที่ขี้เหร่เยี่ยงนี้

สายตาของเขาก็กวาดมองไปที่ใบหน้าของหยวนชิงหลิง วันนี้หยวนชิงหลิงยังไม่ได้แต่งหน้า ใบหน้าสด แววตาสดใส เพิ่งจะออกกำลังกายเสร็จ ใบหน้าแดงระรื่น เมื่อมองแบบนี้ ก็สบายตาดี

หยู่เหวินเห้ามองท่านชายสี่เหลิ่ง ถามอย่างอ่อนโยน “อาการบาดเจ็บของท่านชายสี่เหลิ่งคงไม่เป็นไรมากแล้วใช่มั้ย? เมื่อวานเป็นเพราะผู้ติดตามของข้าประมาท ทำให้ท่านชายสี่เหลิ่งได้รับบาดเจ็บ ต้องขออภัยด้วยจริงๆ”

ท่านชายสี่เหลิ่งกล่าว “พระองค์ไม่จำเป็นต้องขอโทษ คนที่ชนกระหม่อมไม่ใช่พระองค์ คนที่ควรขอโทษก็ไม่ใช่พระองค์ อีกอย่าง อาการบาดเจ็บของข้าก็ไม่ได้หนักหนาอะไร พักรักษาตัวไม่กี่วันก็หาย”

สวีอีกที่กำลังเดินอยู่ปลายระเบียงได้ยินการสนทนาของพวกเขา ในใจก็โกรธ คนผู้นี้ใจแคบเหลือเกิน ยังจะมาฟ้ององค์รัชทายาทอีก

สุดท้าย หยวนชิงหลิงพูดจบไม่รอให้เขาออกความเห็นก็ได้ถามขึ้นว่าจะไปเขาโรคเรื้อนได้เมื่อไหร่

“หยู่เหวินเห้ากลืนข้าวลงคออย่างรวดเร็ว ใช้แขนเสื้อมาเช็ดปากอย่างเร่งรีบ องค์ชายผู้สูงศักดิ์ของราชวงศ์ ตอนนี้กลายเป็นคนหยาบกระด้างไปเสียอย่างนั้น “ตอนนี้แก้ไขเรื่องอาหารก่อน ค่อยๆแก้ไปทีละอย่าง ครั้งนี้ที่ข้าเป็นคนต้นคิดในการขนส่งอาหารขึ้นเขา ก็เพื่อจะดูว่าคนในราชสำนักมีปฏิกิริยาอย่างไรเราจะได้รับมือถูก”

หยวนชิงหลิงร้อนใจกับเรื่องนี้อย่างมาก มากกว่าเรื่องเปิดโรงเรียนแพทย์หลายหมื่นเท่า ลงจากเขามาจนถึงตอนนี้ก็เกือบสิบวันแล้ว ยังไม่ได้เริ่มดำเนินการอะไรเลย

หยู่เหวินเห้ากล่าว “เจ้าอย่าเพิ่งใจร้อน ใจร้อนไปก็รังแต่จะทำให้เสียเรื่อง นี่มันคือเรื่องใหญ่ ฐานะพระชายาขององค์รัชทายาทของเจ้ายังตั้งอยู่ตรงนี้ การที่เจ้าจะไปพื้นที่ที่เต็มไปด้วยโรคระบาด ก็ต้องหาเหตุผลที่ดีที่สุด”

หยวนชิงหลิงกล่าวอย่างจำใจ “ตอนนี้เรื่องอาหารก็ได้จัดการไปแล้ว ต่อจากนี้ก็ควรที่จะพูดถึงมันแล้ว ภายในสามวันหากไม่พูดถึง หรือว่าเสด็จพ่อไม่อนุญาต เราก็หาวิธีแอบไปกันอย่างลับๆ”

“ได้ ตามที่เจ้าพูด” หลังจากที่หยู่เหวินเห้าพิจารณาแล้ว ก็รู้สึกว่ายืดเยื้อต่อไปก็ไม่ใช่วิธีที่ดี จึงได้ตกลง

เขาสั่งให้คนเข้ามาเก็บถ้วยชาม จากนั้นดึงตัวหยวนชิงหลิงไปดูเด็กๆ เพิ่งจะคิดถึงเรื่องของท่านชายสี่เหลิ่ง แล้วกล่าว “ในเมื่อรถม้าของเราไปชนคนอื่น ยังไงก็ต้องช่วยเขารักษาอาการบาดเจ็บจนหาย ไม่รีบหรอก ”

หยวนชิงหลิงกล่าว “ฟังทังหยางเล่าท่านชายสี่เหลิ่งคนนี้รวยมาก มีโรงเตี๊ยมทั่วเมืองหลวง ทังหยางที่เคยพักที่โรงเตี๊ยมของเขา แล้วถูกขโมยถุงเงินจนไม่มีเงินจ่ายค่าโรงเตี๊ยม ท่านชายสี่เหลิ่งยังได้ยกหนี้ค่าที่พักให้กับทังหยาง”

หยู่เหวินเห้ารู้เรื่องนี้ ทังหยางกลับมาเคยเล่าให้เขาฟังอยู่ อย่างไรก็ตาม เขากลับหัวเราะ “โรงเตี๊ยม? ทังหยางไม่ได้พูดความจริงกับเจ้า นั่นไม่ใช่โรงเตี๊ยม ซาวโถ๋จุ้ยคือหอนางโลม สิ่งที่ท่านชายสี่เหลิ่งเปิดเยอะที่สุดก็คือหอนางโลม ในเมืองหลวงก็มีซาวโถ๋จุ้ยอยู่หนึ่งแห่ง”

“โอ้โอ้สวรรค์! คิดไม่ถึงเขาจะเป็นคนเช่นนี้” หยวนชิงหลิงตกใจ ท่านชายสี่เหลิ่งที่รูปร่างหน้าตาหล่อเหลากลับค้าประเวณี ทำไมช่างไม่เข้ากับหน้าตาของเขาเลย?

หยู่เหวินเห้าเหลือบมองนางไปหนึ่งที “ทำไม? เปิดหอนางโลมไม่ผิดกฎหมายสักหน่อย ตราบใดที่เขาไม่บังคับคนดีให้ขายตัว มันไม่เกี่ยวกับบุคลิกประจำตัวมากนักหรอก”

หยวนชิงหลิงไม่ออกความเห็น

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด