บัลลังก์หมอยาเซียน 1088 การต่อสู้ที่เมืองหยุนฝู

Now you are reading บัลลังก์หมอยาเซียน Chapter 1088 การต่อสู้ที่เมืองหยุนฝู at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หยู่เหวินเห้าเดินทางมาทางทิศตะวันตก จนถึงวันนี้ ไม่มีการซุ่มโจมตีตลอดทาง คนที่น่าสงสัยก็ไม่ปรากฏ

สวีอีก็รู้สึกแปลกมาก คิดว่าบางทีฝ่ายตรงข้ามอาจจะกลัวพวกเขา ไม่กล้าลงมือ คิดว่าเดินทางย้อนกลับดีไหม

แต่เมื่อเข้าไปในเขตเมืองหยุนฝู หยู่เหวินเห้าเห็นว่าที่นี่เป็นสถานที่ควรลงมือที่สุด

เพราะเมืองหยุนฝูนี้ล้อมรอบไปด้วยภูเขาสามด้าน อีกด้านหนึ่งเป็นแม่น้ำ เข้าไปในเมืองหยุนฝู เท่ากับเข้าไปให้ถูกโจมตีอย่างผู้แพ้ หากฝ่ายตรงข้ามมีความตั้งใจที่จะลงมือ สามารถลงมือที่นี่ได้ หากผ่านเมืองหยุนฝูไปแล้วยังไม่ลงมือ การมาในครั้งนี้ก็ถือว่าสูญเปล่าแล้ว

และในเมืองหยุนฝูสำหรับนักฆ่า ยังมีข้อได้เปรียบอย่างที่สุดอย่างหนึ่ง นั่นก็คือภูเขาหินเหล่านี้ไม่มีหญ้า กลับกันคือ ล้วนเต็มไปด้วยป่าทึบ หรือแม้แต่เมื่อต้องการหิน ยังต้องตัดไม้เสียก่อนถึงจะเอาได้

ป่าทึบหนาแน่น นักฆ่าก็ง่ายต่อการซ่อนตัว ไม่สามารถที่จะพบเจอได้ง่าย หลังจากลงมือสำเร็จแล้วก็สามารถหลบหนีไปทางน้ำ หากสามารถคาดเดาได้ถึงเส้นทางของเขา ซุ่มโจมตีอยู่ในเมืองหยุนฝู เป็นตำแหน่งที่เหมาะสมอย่างที่สุด

เขาเดินทางเข้าที่พักคนเดินทางอย่างเอิกเกริก เจ้าเมืองของเมืองหยุนฝูออกมาต้อนรับ ถูกหยู่เหวินเห้าไล่กลับไป บอกว่าจะเที่ยวชมทิวทัศน์บนภูเขาเมืองหยุนฝู เขาไม่ต้องอยู่ด้วย

เจ้าเมืองได้ยินเช่นนี้ ก็รีบพูดเตือนขึ้นว่า “ฤดูกาลนี้ หากองค์ชายรัชทายาทจะเข้าไปในภูเขา จะต้องมีคนไปด้วย ในแถบภูเขาหินนี้มีงูเหลือมยักษ์กับสัตว์ดุร้ายเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะหลังจากที่อากาศเริ่มอุ่น งูเหลือมและสัตว์ร้ายที่จำศีลจะออกจากภูเขา อันตรายอย่างมาก”

หยู่เหวินเห้าพูดขึ้นว่า “รู้แล้ว เจ้ากลับไปเถอะ”

เขาไม่เข้าไปในภูเขา แต่ในเมื่อจะหลอกล่อให้ศัตรูออกมา ก็ต้องไปในสถานที่ค่อนข้างเปลี่ยว ดังนั้นหลังจากทานข้าวเสร็จแล้ว ก็พาคนจำนวนหนึ่งไปยังแถวๆภูเขา

ที่จริงหลังจากเข้ามาในเมืองหยุนฝู ในใจทุกคนต่างก็มีความรู้สึกอย่างหนึ่ง รู้สึกได้ถึงความอันตราย คนที่ฝึกศิลปะการต่อสู้ จะมีความอ่อนไหวต่อการรับรู้ถึงอันตรายอย่างมาก ในอากาศดูเหมือนจะเต็มไปด้วยลมหายใจของนักฆ่า

หลังจากที่หลายคนออกไปแล้ว ก็เดินไปรอบด้านข้างภูเขา ท้องฟ้าเริ่มมืดลงเรื่อยๆ ฟ้าแลบฟ้าร้อง ฝนตกหนักในช่วงต้นฤดูร้อน ดูเหมือนกำลังจะตกลงมาอย่างหนัก

“องค์ชาย อันตรายเกินไปไหม?” สวีอีรู้สึกว่าอากาศแบบนี้ผิดปกติ อาจจะเป็นเพราะฟ้าร้องทำให้ตกใจ เขารู้สึกว่ามีอันตรายล้อมรอบ

เสี้ยวหงเฉิงก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติ มองไปรอบๆด้วยสายตาเย็นชา มีคนเร่งรีบเดินบนท้องถนน รู้ว่าฝนจะตกหนักแล้ว ต้องหาสถานที่หลบฝน นางพูดขึ้นว่า “องค์ชายรัชทายาท เรากลับไปกันก่อนไหม ฝนกำลังจะตกหนักแล้ว”

ในขณะที่กำลังพูด ฝนเม็ดใหญ่ก็ตกลงมาจากฟ้าจริงๆ

หยู่เหวินเห้า ก็คิดว่าหากต่อสู้กันท่ามกลางฝนตกหนัก มีปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้มากเกินไป รอฝนหยุดตกก่อน หรือพรุ่งนี้ค่อยออกมา

เขาออกเดินทางมาในครั้งนี้ ตอนนี้เมื่อคิดดูแล้ว ที่จริงก็ค่อนข้างใจร้อนเกินไป เหมือนโดนบีบบังคับไปในมุมมืดที่ไม่รู้จัก โดนโจมตีเป็นบางครั้ง เขากลับไม่รู้ว่าศัตรูคือใคร

ถูกแต่งตั้งให้เป็นองค์ชายรัชทายาทมานานขนาดนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่จิตใจสับสนกระวนกระวายขนาดนี้ การเคลื่อนไหวของอีกฝ่าย เหมือนกำลังท้าทายเส้นตายของเขา ทำให้เขาหงุดหงิด ตอนนี้ถูกฝนตกกระหน่ำใส่ ค่อยรู้สึกได้ถึงความใจร้อนของตนเอง

ฝนกระหน่ำมาท่ามกลางเสียงฟ้าร้อง พวกเขาหลายคนหลบไม่ทัน จึงต้องเข้าไปหลบฝนอยู่ในร้านน้ำชาแห่งหนึ่ง

ภายในร้านน้ำชามีคนจำนวนหนึ่งหลบฝนอยู่ที่นี่ หลังจากเสี้ยวหงเฉิงเข้าไปดูสถานการณ์แล้ว มีแขกแปดคน บวกกับเถ้าแก่สองสามีภรรยาก็เป็น 10 คน ร้านน้ำชานี้ทำจากไม้ ยังมีกลิ่นหอมของไม้ไผ่ มองดูแขกที่กำลังดื่มชาไม่กี่คนนั่น มือของพวกเขาวางอยู่บนโต๊ะเพียงข้างเดียว อีกข้างหนึ่งอยู่ใต้โต๊ะ

พวกหยู่เหวินเห้ามองตากันแวบหนึ่ง ด้วยสายตาเงียบสงบ

เสียงเกือกม้าดังก้องอยู่ในหู มองผ่านม่านฝนเวิ้งว้าง เห็นคนกลุ่มหนึ่งขี่ม้ามาท่ามกลางสายฝน หันไปมองไม่รู้มีคนเท่าไหร่ แต่เสียงม้าเหล็ก อึกทึกกึกก้อง เหมือนดั่งฟ้าผ่า

และแทบจะภายในเวลาเดียวกัน แขกในร้านน้ำชาก็พลิกโต๊ะขึ้นมาก่อน แล้วชักดาบออกมาจากใต้โต๊ะ ดาบยาวแกว่งไหว ในขณะเดียวกันคมดาบยาวก็พุ่งไปหาหยู่เหวินเห้า

พวกหยู่เหวินเห้ากระโดดพุ่งลอยขึ้น จนทะลุหลังคา ดาบประสานงากันอยู่ภายใต้ แสงเย็นสั่นระยับไปทั่ว และทันใดนั้น ภายใต้ฝนที่ตกโปรยปรายลงมานี้ เมฆดำปกคลุม ปิดท้องฟ้าบังแสงอาทิตย์ ม้าเหล็กมาถึง แล้วก็เห็นคนจำนวนหนึ่งกระโดดลอยขึ้น ตรงไปโจมตีหยู่เหวินเห้า

การเผชิญหน้าปะทะกัน ยากที่จะหลีกเลี่ยงได้

คนขององครักษ์ลับผีกับสำนักเหลิ่งหลังที่แอบซุ่มไว้ก็พากันออกมา แต่ไม่รู้ทำไม กลับไม่เห็นกำลังหลักของสำนักเหมยแดง โดยเฉพาะฝ่ายตรงข้ามมีไม่ต่ำกว่า 100 คน สถานการณ์นี้ทำให้เหน็บหนาวใจยิ่งนัก เริ่มแรกหยู่เหวินเห้าคิดไม่ถึงว่าศัตรูจะใช้นักฆ่า ตอนนี้มีคนมากกว่า 100 คน ถือเป็นการใช้กลยุทธ์ทางทหาร

และใน 100 คนนี้ ล้วนเป็นยอดฝีมือ ไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป

การล้อมสู้โจมตีในครั้งนี้ สู้กันมากกว่าห้าสิบกระบวนท่า หยู่เหวินเห้าคิดว่าการต่อสู้ในครั้งนี้หากสามารถหนีออกไปได้ ก็ถือว่าชนะแล้ว เขามองดูรอบๆ ยังคงไม่เห็นคนของสำนักเหมยแดงมา หากคนของสำนักเหมยแดงมาทั้งหมด สถานการณ์ในครั้งนี้ก็จะสามารถกลับตาลปัตรได้อย่างรวดเร็ว จากแพ้กลายเป็นชนะ

ท่ามกลางสายฝนกระหน่ำ แทบจะแบ่งแยกไม่ออกระหว่างศัตรูกับคนของตนเอง แสงเงาดาบภายใต้ฟ้าร้องฟ้าผ่า เผยแสงเย็นแห่งความอาฆาต หยู่เหวินเห้ารู้ว่าสู้ศัตรูไม่ได้ มีคำสั่งให้ล่าถอย แต่จะล่าถอยก็ไม่ใช่เรื่องง่าย อีกฝ่ายมีจำนวนคนเยอะมาก แทบจะปิดทางล่าถอยไว้อย่างแน่นหนา เหมือนต้องการที่จะฆ่าพวกเขาให้ตายอยู่ที่นี่

ไม่มีคนของสำนักเหมยแดงมา มีเพียงลู่หยวน องครักษ์ลับผีกับนักฆ่าสำนักเหลิ่งหลัง ที่ยังต้านทานอยู่อย่างทรมาน

ค่อยๆรับมือไม่ไหวแล้ว แขนหยู่เหวินเห้าถูกฟัน สวีอีก็บาดเจ็บหลายแห่ง ถูกชะล้างด้วยฝนที่ตกกระหน่ำนี้ เลือดท่วมพื้นดิน

“ปกป้ององค์ชายรัชทายาทหนีไป” ลู่หยวนร้องตะโกนขึ้น ผลักเสี้ยวหงเฉิงหนึ่งที สู้ฆ่าจนดวงตาแดงก่ำ พร้อมพูดขึ้นว่า “พาองค์ชายรัชทายาทเลยไป มุ่งหน้าไปบนเขา”

เสี้ยวหงเฉิงมองดูเขาต่อต้านอยู่อย่างดื้อรั้น น้ำตาเกือบไหล แล้วก็มองไม่เห็นคนสำนักเหมยแดงของตน เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร? ภายใต้การซุ่มโจมตีทั้งหมด สำนักเหมยแดงของนางเป็นกำลังหลัก และนางก็เคยรับประกันกับองค์ชายรัชทายาท คนสำนักเหมยแดงหลายร้อยคนจะมาทั้งหมด แต่ตอนนี้นอกจากนางแล้ว ไม่มีใครมาสักคน

นางกัดฟัน หันไปมองหยู่เหวินเห้าแวบหนึ่ง เห็นตรงท้องของเขาก็ถูกแทง ยากที่จะต่อต้าน นักฆ่ายอดฝีมือทั้งหมด ล้วนพุ่งไปหาเขา

นางมองดูลู่หยวนแวบหนึ่ง พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าส่งองค์ชายรัชทายาทไปที่ปลอดภัย เจ้ามีโอกาสให้รีบหนี”

“รีบไป” ลู่หยวนมองดูนางอย่างลึกซึ่งแวบหนึ่ง สถานการณ์อันตราย เขาไม่มีทางรอดนี้ไปได้ จากกันครั้งนี้ เกรงว่าจะตลอดไป ตอนที่แกว่งดาบ หันไปตะโกนพูดกับนาง แต่ปากก็เต็มไปด้วยน้ำฝน จึงพูดขึ้นได้อย่างไม่ชัดเจนว่า “เสี้ยวหงเฉิง หากข้าลู่หยวน วันนี้ตายอยู่ที่นี่ ข้าก็จะไปรอเจ้าในภพหน้าก่อน”

เสี้ยวหงเฉิงได้กระโดดลอยไปดึงข้อมือของหยู่เหวินเห้าไว้แล้ว ได้ยินลู่หยวนพูดประโยคนี้ นางรีบหันกลับไป อดไม่ได้ที่จะเจ็บปวดใจจนแทบแตกสลาย โศกเศร้าอย่างที่สุด แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมานึกถึงความรัก ความปลอดภัยขององค์ชายรัชทายาทสำคัญที่สุด

หยู่เหวินเห้าเงยหน้าขึ้น กระบี่ยาวลอยไป จมลงตรงคอของนักฆ่าคนหนึ่ง ดาบในมือของเขาหล่นตกลงตรงหน้าอกของลู่หยวน ลู่หยวนรอดตาย แต่ศัตรูยังล้อมรอบมาอย่างหนาแน่น เห็นที ทุกคนต่างหนีไม่พ้นแล้ว

องครักษ์ลับผีกับเสี้ยวหงเฉิงลองที่จะพุ่งออกไปก่อน สวีอีคอยปกป้องหยู่เหวินเห้าที่บาดเจ็บสองสามแห่งอยู่ข้างหลัง แต่เพียงครู่เดียว ก็ถูกบีบกลับมา

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

บัลลังก์หมอยาเซียน 1088 การต่อสู้ที่เมืองหยุนฝู

Now you are reading บัลลังก์หมอยาเซียน Chapter 1088 การต่อสู้ที่เมืองหยุนฝู at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หยู่เหวินเห้าเดินทางมาทางทิศตะวันตก จนถึงวันนี้ ไม่มีการซุ่มโจมตีตลอดทาง คนที่น่าสงสัยก็ไม่ปรากฏ

สวีอีก็รู้สึกแปลกมาก คิดว่าบางทีฝ่ายตรงข้ามอาจจะกลัวพวกเขา ไม่กล้าลงมือ คิดว่าเดินทางย้อนกลับดีไหม

แต่เมื่อเข้าไปในเขตเมืองหยุนฝู หยู่เหวินเห้าเห็นว่าที่นี่เป็นสถานที่ควรลงมือที่สุด

เพราะเมืองหยุนฝูนี้ล้อมรอบไปด้วยภูเขาสามด้าน อีกด้านหนึ่งเป็นแม่น้ำ เข้าไปในเมืองหยุนฝู เท่ากับเข้าไปให้ถูกโจมตีอย่างผู้แพ้ หากฝ่ายตรงข้ามมีความตั้งใจที่จะลงมือ สามารถลงมือที่นี่ได้ หากผ่านเมืองหยุนฝูไปแล้วยังไม่ลงมือ การมาในครั้งนี้ก็ถือว่าสูญเปล่าแล้ว

และในเมืองหยุนฝูสำหรับนักฆ่า ยังมีข้อได้เปรียบอย่างที่สุดอย่างหนึ่ง นั่นก็คือภูเขาหินเหล่านี้ไม่มีหญ้า กลับกันคือ ล้วนเต็มไปด้วยป่าทึบ หรือแม้แต่เมื่อต้องการหิน ยังต้องตัดไม้เสียก่อนถึงจะเอาได้

ป่าทึบหนาแน่น นักฆ่าก็ง่ายต่อการซ่อนตัว ไม่สามารถที่จะพบเจอได้ง่าย หลังจากลงมือสำเร็จแล้วก็สามารถหลบหนีไปทางน้ำ หากสามารถคาดเดาได้ถึงเส้นทางของเขา ซุ่มโจมตีอยู่ในเมืองหยุนฝู เป็นตำแหน่งที่เหมาะสมอย่างที่สุด

เขาเดินทางเข้าที่พักคนเดินทางอย่างเอิกเกริก เจ้าเมืองของเมืองหยุนฝูออกมาต้อนรับ ถูกหยู่เหวินเห้าไล่กลับไป บอกว่าจะเที่ยวชมทิวทัศน์บนภูเขาเมืองหยุนฝู เขาไม่ต้องอยู่ด้วย

เจ้าเมืองได้ยินเช่นนี้ ก็รีบพูดเตือนขึ้นว่า “ฤดูกาลนี้ หากองค์ชายรัชทายาทจะเข้าไปในภูเขา จะต้องมีคนไปด้วย ในแถบภูเขาหินนี้มีงูเหลือมยักษ์กับสัตว์ดุร้ายเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะหลังจากที่อากาศเริ่มอุ่น งูเหลือมและสัตว์ร้ายที่จำศีลจะออกจากภูเขา อันตรายอย่างมาก”

หยู่เหวินเห้าพูดขึ้นว่า “รู้แล้ว เจ้ากลับไปเถอะ”

เขาไม่เข้าไปในภูเขา แต่ในเมื่อจะหลอกล่อให้ศัตรูออกมา ก็ต้องไปในสถานที่ค่อนข้างเปลี่ยว ดังนั้นหลังจากทานข้าวเสร็จแล้ว ก็พาคนจำนวนหนึ่งไปยังแถวๆภูเขา

ที่จริงหลังจากเข้ามาในเมืองหยุนฝู ในใจทุกคนต่างก็มีความรู้สึกอย่างหนึ่ง รู้สึกได้ถึงความอันตราย คนที่ฝึกศิลปะการต่อสู้ จะมีความอ่อนไหวต่อการรับรู้ถึงอันตรายอย่างมาก ในอากาศดูเหมือนจะเต็มไปด้วยลมหายใจของนักฆ่า

หลังจากที่หลายคนออกไปแล้ว ก็เดินไปรอบด้านข้างภูเขา ท้องฟ้าเริ่มมืดลงเรื่อยๆ ฟ้าแลบฟ้าร้อง ฝนตกหนักในช่วงต้นฤดูร้อน ดูเหมือนกำลังจะตกลงมาอย่างหนัก

“องค์ชาย อันตรายเกินไปไหม?” สวีอีรู้สึกว่าอากาศแบบนี้ผิดปกติ อาจจะเป็นเพราะฟ้าร้องทำให้ตกใจ เขารู้สึกว่ามีอันตรายล้อมรอบ

เสี้ยวหงเฉิงก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติ มองไปรอบๆด้วยสายตาเย็นชา มีคนเร่งรีบเดินบนท้องถนน รู้ว่าฝนจะตกหนักแล้ว ต้องหาสถานที่หลบฝน นางพูดขึ้นว่า “องค์ชายรัชทายาท เรากลับไปกันก่อนไหม ฝนกำลังจะตกหนักแล้ว”

ในขณะที่กำลังพูด ฝนเม็ดใหญ่ก็ตกลงมาจากฟ้าจริงๆ

หยู่เหวินเห้า ก็คิดว่าหากต่อสู้กันท่ามกลางฝนตกหนัก มีปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้มากเกินไป รอฝนหยุดตกก่อน หรือพรุ่งนี้ค่อยออกมา

เขาออกเดินทางมาในครั้งนี้ ตอนนี้เมื่อคิดดูแล้ว ที่จริงก็ค่อนข้างใจร้อนเกินไป เหมือนโดนบีบบังคับไปในมุมมืดที่ไม่รู้จัก โดนโจมตีเป็นบางครั้ง เขากลับไม่รู้ว่าศัตรูคือใคร

ถูกแต่งตั้งให้เป็นองค์ชายรัชทายาทมานานขนาดนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่จิตใจสับสนกระวนกระวายขนาดนี้ การเคลื่อนไหวของอีกฝ่าย เหมือนกำลังท้าทายเส้นตายของเขา ทำให้เขาหงุดหงิด ตอนนี้ถูกฝนตกกระหน่ำใส่ ค่อยรู้สึกได้ถึงความใจร้อนของตนเอง

ฝนกระหน่ำมาท่ามกลางเสียงฟ้าร้อง พวกเขาหลายคนหลบไม่ทัน จึงต้องเข้าไปหลบฝนอยู่ในร้านน้ำชาแห่งหนึ่ง

ภายในร้านน้ำชามีคนจำนวนหนึ่งหลบฝนอยู่ที่นี่ หลังจากเสี้ยวหงเฉิงเข้าไปดูสถานการณ์แล้ว มีแขกแปดคน บวกกับเถ้าแก่สองสามีภรรยาก็เป็น 10 คน ร้านน้ำชานี้ทำจากไม้ ยังมีกลิ่นหอมของไม้ไผ่ มองดูแขกที่กำลังดื่มชาไม่กี่คนนั่น มือของพวกเขาวางอยู่บนโต๊ะเพียงข้างเดียว อีกข้างหนึ่งอยู่ใต้โต๊ะ

พวกหยู่เหวินเห้ามองตากันแวบหนึ่ง ด้วยสายตาเงียบสงบ

เสียงเกือกม้าดังก้องอยู่ในหู มองผ่านม่านฝนเวิ้งว้าง เห็นคนกลุ่มหนึ่งขี่ม้ามาท่ามกลางสายฝน หันไปมองไม่รู้มีคนเท่าไหร่ แต่เสียงม้าเหล็ก อึกทึกกึกก้อง เหมือนดั่งฟ้าผ่า

และแทบจะภายในเวลาเดียวกัน แขกในร้านน้ำชาก็พลิกโต๊ะขึ้นมาก่อน แล้วชักดาบออกมาจากใต้โต๊ะ ดาบยาวแกว่งไหว ในขณะเดียวกันคมดาบยาวก็พุ่งไปหาหยู่เหวินเห้า

พวกหยู่เหวินเห้ากระโดดพุ่งลอยขึ้น จนทะลุหลังคา ดาบประสานงากันอยู่ภายใต้ แสงเย็นสั่นระยับไปทั่ว และทันใดนั้น ภายใต้ฝนที่ตกโปรยปรายลงมานี้ เมฆดำปกคลุม ปิดท้องฟ้าบังแสงอาทิตย์ ม้าเหล็กมาถึง แล้วก็เห็นคนจำนวนหนึ่งกระโดดลอยขึ้น ตรงไปโจมตีหยู่เหวินเห้า

การเผชิญหน้าปะทะกัน ยากที่จะหลีกเลี่ยงได้

คนขององครักษ์ลับผีกับสำนักเหลิ่งหลังที่แอบซุ่มไว้ก็พากันออกมา แต่ไม่รู้ทำไม กลับไม่เห็นกำลังหลักของสำนักเหมยแดง โดยเฉพาะฝ่ายตรงข้ามมีไม่ต่ำกว่า 100 คน สถานการณ์นี้ทำให้เหน็บหนาวใจยิ่งนัก เริ่มแรกหยู่เหวินเห้าคิดไม่ถึงว่าศัตรูจะใช้นักฆ่า ตอนนี้มีคนมากกว่า 100 คน ถือเป็นการใช้กลยุทธ์ทางทหาร

และใน 100 คนนี้ ล้วนเป็นยอดฝีมือ ไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป

การล้อมสู้โจมตีในครั้งนี้ สู้กันมากกว่าห้าสิบกระบวนท่า หยู่เหวินเห้าคิดว่าการต่อสู้ในครั้งนี้หากสามารถหนีออกไปได้ ก็ถือว่าชนะแล้ว เขามองดูรอบๆ ยังคงไม่เห็นคนของสำนักเหมยแดงมา หากคนของสำนักเหมยแดงมาทั้งหมด สถานการณ์ในครั้งนี้ก็จะสามารถกลับตาลปัตรได้อย่างรวดเร็ว จากแพ้กลายเป็นชนะ

ท่ามกลางสายฝนกระหน่ำ แทบจะแบ่งแยกไม่ออกระหว่างศัตรูกับคนของตนเอง แสงเงาดาบภายใต้ฟ้าร้องฟ้าผ่า เผยแสงเย็นแห่งความอาฆาต หยู่เหวินเห้ารู้ว่าสู้ศัตรูไม่ได้ มีคำสั่งให้ล่าถอย แต่จะล่าถอยก็ไม่ใช่เรื่องง่าย อีกฝ่ายมีจำนวนคนเยอะมาก แทบจะปิดทางล่าถอยไว้อย่างแน่นหนา เหมือนต้องการที่จะฆ่าพวกเขาให้ตายอยู่ที่นี่

ไม่มีคนของสำนักเหมยแดงมา มีเพียงลู่หยวน องครักษ์ลับผีกับนักฆ่าสำนักเหลิ่งหลัง ที่ยังต้านทานอยู่อย่างทรมาน

ค่อยๆรับมือไม่ไหวแล้ว แขนหยู่เหวินเห้าถูกฟัน สวีอีก็บาดเจ็บหลายแห่ง ถูกชะล้างด้วยฝนที่ตกกระหน่ำนี้ เลือดท่วมพื้นดิน

“ปกป้ององค์ชายรัชทายาทหนีไป” ลู่หยวนร้องตะโกนขึ้น ผลักเสี้ยวหงเฉิงหนึ่งที สู้ฆ่าจนดวงตาแดงก่ำ พร้อมพูดขึ้นว่า “พาองค์ชายรัชทายาทเลยไป มุ่งหน้าไปบนเขา”

เสี้ยวหงเฉิงมองดูเขาต่อต้านอยู่อย่างดื้อรั้น น้ำตาเกือบไหล แล้วก็มองไม่เห็นคนสำนักเหมยแดงของตน เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร? ภายใต้การซุ่มโจมตีทั้งหมด สำนักเหมยแดงของนางเป็นกำลังหลัก และนางก็เคยรับประกันกับองค์ชายรัชทายาท คนสำนักเหมยแดงหลายร้อยคนจะมาทั้งหมด แต่ตอนนี้นอกจากนางแล้ว ไม่มีใครมาสักคน

นางกัดฟัน หันไปมองหยู่เหวินเห้าแวบหนึ่ง เห็นตรงท้องของเขาก็ถูกแทง ยากที่จะต่อต้าน นักฆ่ายอดฝีมือทั้งหมด ล้วนพุ่งไปหาเขา

นางมองดูลู่หยวนแวบหนึ่ง พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าส่งองค์ชายรัชทายาทไปที่ปลอดภัย เจ้ามีโอกาสให้รีบหนี”

“รีบไป” ลู่หยวนมองดูนางอย่างลึกซึ่งแวบหนึ่ง สถานการณ์อันตราย เขาไม่มีทางรอดนี้ไปได้ จากกันครั้งนี้ เกรงว่าจะตลอดไป ตอนที่แกว่งดาบ หันไปตะโกนพูดกับนาง แต่ปากก็เต็มไปด้วยน้ำฝน จึงพูดขึ้นได้อย่างไม่ชัดเจนว่า “เสี้ยวหงเฉิง หากข้าลู่หยวน วันนี้ตายอยู่ที่นี่ ข้าก็จะไปรอเจ้าในภพหน้าก่อน”

เสี้ยวหงเฉิงได้กระโดดลอยไปดึงข้อมือของหยู่เหวินเห้าไว้แล้ว ได้ยินลู่หยวนพูดประโยคนี้ นางรีบหันกลับไป อดไม่ได้ที่จะเจ็บปวดใจจนแทบแตกสลาย โศกเศร้าอย่างที่สุด แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมานึกถึงความรัก ความปลอดภัยขององค์ชายรัชทายาทสำคัญที่สุด

หยู่เหวินเห้าเงยหน้าขึ้น กระบี่ยาวลอยไป จมลงตรงคอของนักฆ่าคนหนึ่ง ดาบในมือของเขาหล่นตกลงตรงหน้าอกของลู่หยวน ลู่หยวนรอดตาย แต่ศัตรูยังล้อมรอบมาอย่างหนาแน่น เห็นที ทุกคนต่างหนีไม่พ้นแล้ว

องครักษ์ลับผีกับเสี้ยวหงเฉิงลองที่จะพุ่งออกไปก่อน สวีอีคอยปกป้องหยู่เหวินเห้าที่บาดเจ็บสองสามแห่งอยู่ข้างหลัง แต่เพียงครู่เดียว ก็ถูกบีบกลับมา

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+