บัลลังก์หมอยาเซียน 1157 หงเล่

Now you are reading บัลลังก์หมอยาเซียน Chapter 1157 หงเล่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เมื่อท่านชายสี่เหลิ่งจากไป ทังหยางก็ค่อยๆเดินออกมา ค่อยๆนั่งลงแทนที่ของท่านชายสี่เหลิ่ง มองซื่อจื่อของอ๋องผิงหนาน

ซื่อจื่อของอ๋องผิงหนานมองเขาอย่างเย็นชา “การแสดงเส็งเคร็ง กลับใช้อุบายวางยาพิษ ข้านึกว่าเจ้าจะเฉลียวฉลาดแค่ไหน ก็แค่นี้เอง”

ทังหยางพูดว่า “ใช้ได้ก็พอ”

“นี่เป็นการสู้รบ ”ซื่อจื่อของอ๋องผิงหนานค่อยๆเอ่ยขึ้น “พวกเจ้าไร้การเตรียมการ คิดแค่ว่าพวกเรามุ่งหวังในท้องพระคลังและแผนที่ทางการทหารเท่านั้น พวกเจ้าต้องได้รับความพ่ายแพ้แน่”

ทังหยางเอ่ยว่า “เช่นนั้นก็รอดูเถอะ”

หยู่เหวินเห้ากับหงเย่อยู่บริเวณใกล้กับถนนชิงหลวน หลังจากท่านชายสี่เหลิ่งสืบข่าวมาได้แล้ว ก็แจ้งให้เขาทราบ จากนั้นก็พวกเขาก็นำคนมุ่งตรงไปยังท้องพระคลังทันที

ในขณะเดียวกัน กองทัพอู่หลินกลุ่มหนึ่งก็มุ่งตรงไปยังพระที่นั่งของราชวงศ์ ตามที่ได้รับข่าวจากการสืบอย่างลับๆ แผนที่ทางการทหารถูกไท่ซ่างหวงนำออกนอกวังแล้ว ฉะนั้น หงเล่จึงได้เตรียมยอดฝีมือกลุ่มหนึ่งเอาไว้ล่วงหน้าเพื่อแย่งชิงแผนที่ทางการทหาร

ทางด้านท้องพระคลัง หงเล่ไปเดินทางไปถึงก่อนแล้ว แต่ว่าเป็นเพราะตอนนี้อ๋องหวยเป็นผู้ควบคุมท้องพระคลังภายใน หรงเยว่จะปล่อยให้ความปลอดภัยของเขาต้องถูกคุกคามได้อย่างไร

ฉะนั้นได้ก่อนที่หงเล่จะเดินทางมาถึง นางก็ได้เตรียมกลุ่มคนที่มีวรยุทธสูงส่งที่สุดของสำนักเหลิ่งหลังแทรกซึมเข้าไปข้างในตั้งแต่ต้นแล้ว เมื่อกองทัพหน้าของหงเล่มาถึง ก็ต้องรับศึกทันที ชั่วขณะนั้น เมืองหลวงเกิดเสียงต่อสู้ฟาดฟันกันไปทั่วทุกทิศ

พระชายาอันถูกช่วยออกมาอย่างราบรื่น ข่าวถูกส่งออกไปอย่างรวดเร็ว ภายใต้ความยินดีอย่างยิ่งของอ๋องอัน ย่อมไม่มีทางโจมตีราชวังอีก แต่ก็เหมือนที่ซื่อจื่อของอ๋องผิงหนานพูด คนที่เขาได้นำมาด้วยมีเพียงสองส่วนเท่านั้นที่เป็นคนของตนเอง ฉะนั้น กองทัพใหญ่ที่ทรยศต่อค่ายทหารทางเหนือนี้ยังคงทำตามที่หงเล่ได้วางแผนการเอาไว้ โจมตีราชวัง ถ่วงเวลาทหารรักษาพระองค์ ไม่ให้ทหารรักษาพระองค์สามารถเดินทางไปช่วยเหลือทางท้องพระคลังได้

มีนายพลหลายนายของค่ายทหารทางเหนือถูกชักจูงให้ทรยศ คนเหล่านี้ล้วนเป็นนายทหารเก่าแก่ มีชื่อเสียงในกองทัพเป็นอย่างยิ่ง ทหารที่ติดตามพวกเขาก็มีจำนวนมาก แต่กลับมีการสมรู้ร่วมคิดกันในวันเวลาที่ผ่านมา การศึกครั้งนี้พวกเขาต้องช่วยให้หงเล่ชนะเท่านั้น ไม่เช่นนั้น ชีวิตของตนเองและวงศ์ตระกูลก็รักษาเอาไว้ไม่ได้

ที่ทำให้อ๋องอันตกอยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายมากเป็นอย่างยิ่ง อ๋องอันต้องสร้างคุณความดีเพื่อชดเชยความผิด จึงจำเป็นต้องพยายามสุดกำลังเพื่อยับยั้งไม่ให้พวกเขาเข้าโจมตีเข้าไปในวังหลวง ทำการประสานกับกู้ซือจากภายนอกไปยังภายใน บางทีกู้ซืออาจจะสามารถดึงคนไปช่วยเหลือทางด้านท้องพระคลังได้

ตอนนี้ท้องพระคลังเป็นจุดที่สำคัญอย่างยิ่งยวด เพราะว่าในหนึ่งปีมานี้ ไท่ซ่างหวงบริจาคทองคำเข้าสู่ท้องพระคลังไม่ได้ขาด เพื่อใช้ในการทหาร ไท่ซ่างหวงนั้นเป็นคนที่มองการณ์ไกล รู้สึกว่าเป่ยโม่มีนิสัยโฉดชั่วราวหมาป่า ต้องทำการหยิบยกเรื่องสงครามขึ้นมาอีกแน่ เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงสถานการณ์ขาดแคลนเงินในการเลี้ยงดูกองทัพ เขาได้นำทองคำที่ได้จากภูเขาทอง เข้าสู่ท้องพระคลังเป็นส่วนใหญ่

โจมตีประเทศของผู้อื่น ใช้ทหารของประเทศผู้อื่น ปล้นท้องพระคลังของประเทศอื่นกลางวันแสกๆ การวางแผนในการแทรกซึมเช่นนี้ใช้เวลาไม่นาน แต่กลับทำให้เป่ยถังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบากมาก ความแค้นนี้ ทำให้หยู่เหวินเห้ากลืนไม่เข้าจริงๆ พาท่านชายหงเย่มุ่งตรงไปยังท้องพระคลัง

ท้องพระคลังมีตำแหน่งที่ตั้งอยู่ข้างพระราชวังทางด้านตะวันออก อยู่ห่างจากที่ทำการกรมคลังร้อยกว่าจั้ง ตอนที่หยู่เหวินเห้าไปถึง สถานการณ์สงครามตึงเครียดมากและไม่สามารถทำให้สะทกสะท้านได้ในชั่วขณะ ลูกศรไฟถูกยิงออกไป แม้จะทำให้เกิดไฟไหม้ขึ้นเล็กน้อย ดีที่ไม่ได้ทำให้เกิดเพลิงลูกใหญ่

ในบรรดาคนเหล่านี้ มีคนผู้หนึ่งสวมชุดยาวสีดำทั้งตัวนั่งอยู่บนหลังม้า ในมือของเขาถือกระบี่ยาวที่ทำจากเหล็กนิล ใต้ดวงอาทิตย์ที่แรงกล้า แต่รอบกายเขากลับมีบรรยากาศของความมืดครึ้มแผ่กระจายไปทั่ว คนของเขา กรูกันเข้าไปอย่างต่อเนื่องไม่ขาดสาย เขานั่งอยู่บนหลังม้าไม่ได้ออกศึก ได้แต่สั่งการให้ยิงธนู

หัวลูกศรทั้งหมดถูกจุ่มในน้ำมัน ลูกศรที่ยิงออกไปราวกับดาวตกบินไปยังด้านในของท้องพระคลัง หยู่เหวินเห้ากับหงเย่สบตากันแวบหนึ่ง หงเย่เอ่ยเสียงขรึมว่า “เข้าไม่ได้ต้องการจะปล้นท้องพระคลัง แต่เขาต้องการจะเผาท้องพระคลัง”

หยู่เหวินเห้าควบม้าอย่างรวดเร็ว “ใช่แล้ว ปล้นเงินได้ เขาก็ขนออกไปไม่ได้ ทำลายท้องพระคลัง เป่ยถังก็จะไม่มีความสามารถในการทำศึกในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ”

ทั้งสองคนพาคนมุ่งไปข้างหน้า ก้าวข้ามไฟสงคราม ก่อนจะไปถึงประตูท้องพระคลัง ทันใดนั้นตัวดีดตัวบินขึ้นไป กระบี่ชี้ตรงไปยังหงเล่ หงเล่ได้ยินเสียงกระบี่ที่แหวกทะลุอากาศมาดังขึ้นข้างหู ไม่แม้กระทั่งจะหันหน้ากลับไป ยื่นกระบี่ยาวในมือออกไปปัดป้อง กระบี่สองเล่มปะทะกัน ดันจนง่ามมือระหว่างนิ้วโป้งกับนิ้วชี้ของหยู่เหวินเห้ารู้สึกเจ็บ ในอกก็มีกลิ่นคาวเลือดระลอกหนึ่งแล่นพล่านขึ้นมา รีบถอยลงไปอยู่บนพื้น

หงเล่นั่งอยู่บนหลังม้า เหลือบมองหยู่เหวินเห้าจากที่สูงลงที่ต่ำ เขาได้กลับสู่รูปลักษณ์เดิมแล้ว ไม่ใช่การปลอมตัวเป็นตี๋เว่ยหมิงอีกต่อไป ที่จริงรูปลักษณ์ของเขาคล้ายกับหงเย่เป็นอย่างยิ่ง คิ้วมีความยุ่งเหยิงอยู่บ้าง สายตามีแววเย็นยะเยือกแฝงอยู่ ราวกับถูกแช่เอาไว้ด้วยน้ำแข็งชั้นหนึ่ง ทำให้คนที่มองเห็น รู้สึกหัวใจหนาวสั่นขึ้นมา

หยู่เหวินเห้ากับหงเล่นับว่าเป็นครั้งแรกที่พบหน้ากัน มีการประสานสายตากัน ตอนนั้นที่ตั้งรับกองทัพของศัตรูที่บุกประชิดเมืองกับแคว้นต้าโจว คนคนนั้นไม่ใช่หงเล่ตัวจริง

เพียงแวบแรก หยู่เหวินเห้ากลับไม่กล้าจ้องมองดวงตาของเขาโดยตรง รู้สึกว่าดวงตาคู่นั้นราวกับน้ำวนอย่างไรอย่างนั้น ในน้ำวนนั้นมีแต่การต่อสู้ที่ดุเดือด

หงเย่ก็ควบม้ามาถึง แต่หงเย่ไม่ได้ลงมือ เพียงแค่นั่งอยู่บนหลังม้าใช้สายตาที่เกลียดชังจ้องมองเขา

หงเล่เห็นเขาแล้ว แต่เพียงแค่มองด้วยสายตาเรียบๆแวบหนึ่งเท่านั้น มองราวกับไม่ใส่ใจ ดูถูกยิ่งนัก แล้วก็เหลือบสายตาไปมองหยู่เหวินเห้า ขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย พูดว่า “เจ้าเดาถูกได้อย่างไรว่าข้าจะมาโจมตีท้องพระคลัง”

เห็นได้ชัดว่า เขาพาคนมาถึงท้องพระคลังนี้ เดิมคิดว่าจะยึดครองได้อย่างง่ายดาย ไม่คิดว่าจะมีการวางกำลังป้องกันไว้ ตามแผนการที่เขาได้สร้างฉากบังหน้าเอาไว้ หยู่เหวินเห้าสมควรจะพาคนไปปกป้องคลังอาวุธหรือไม่ก็พระราชวัง แผนการของเขา ก็คือให้พวกเขาฆ่ากันเอง ฆ่ากองทัพทหารแห่งค่ายทหารทางเหนือก็ดี คนที่ดึงตัวมาจากยุทธภพก็ดี ล้วนเป็นคนของเป่ยถัง เขาเพียงแต่นั่งรอเป็นฝ่ายได้ประโยชน์ “แผนการของท่านแม่ทัพแม้จะลึกล้ำแต่ก็เร่งรีบมาก วิเคราะห์อย่างละเอียดแล้วย่อมจะรู้เอง”หยู่เหวินเห้าถือกระบี่เอาไว้ มองไปยังประตูท้องพลังอย่างรวดเร็วแวบหนึ่ง ประตูยังคงปิดอยู่ ท้องพระคลังนี้ออกแบบได้แข็งแกร่งมากไม่ง่ายต่อการทำลาย แต่ว่าหากขุนนางของกรมคลังไม่เคยถูกสับเปลี่ยน เปิดประตูระหว่างภายในและภายนอก จะอันตรายเป็นอย่างยิ่ง

หงเล่เอ่ยอย่างเย็นชาว่า “เจ้ารู้แล้วก็ไร้ประโยชน์ ที่นี่แม้จะเป็นเมืองหลวงของเป่ยถัง แต่แผนการที่ข้าวางไว้ได้กักขังทหารที่สามารถใช้การได้ทั้งหมดของพวกเจ้าไว้แล้ว นอกจากทหารรักษาพระองค์เหล่านี้แล้ว พวกเจ้าก็ไร้ทหารให้ใช้งานได้อีก ข้าคำนวณจุดประสงค์ไว้แล้ว ขอเพียงสามารถได้มาหนึ่งอย่าง ก็สามารถสร้างผลงานแล้วถอนตัวจากไป”

หรือพูดอีกอย่างว่า คลังอาวุธ พระที่นั่งของราชวงศ์ การโจมตีมหาราชวัง เผาท้องพระคลัง ที่จริงล้วนเป็นสิ่งที่เขาต้องการทั้งหมด

เพียงแต่ว่า เพียงแต่การเผาทำลายท้องพระคลังเป็นจุดประสงค์สูงสุดของเขา

“เลิกพูดไร้สาระเสียที”หงเย่เกลียดการมองข้ามของเขาเต็มทีแล้ว ยกกระบี่ขึ้นพุ่งเข้าไป “บุญคุณความแค้นระหว่างเรา ถึงเวลาสะสางแล้ว”

หงเล่มองเขา แววตานิ่งสงบมาก ไอเย็นยะเยือกแข็งกระด้าง แต่ความเย้ยหยันดูถูกส่วนนั้นไม่จางหายไป“ตอนนั้นข้าไม่ควรเกิดความรู้สึกสงสารต่อเจ้า นำเจ้ากลับไปด้วย เจ้าสมควรตายไปพร้อมกับแม่ของเจ้า”

“เจ้าหุบปาก อย่าคิดจะเอ่ยถึงแม่ของข้า เจ้าไม่คู่ควร”หงเย่ที่แต่ไหนแต่ไรเป็นคนนิ่งสงบ สายตากลับแดงก่ำขึ้นมากะทันหัน ดีดตัวกระโจนเข้าหา สะบัดกระบี่พุ่งตรงไป พลังภายในของเขาล้ำลึก ทำให้เกิดคลื่นลมพัดฝุ่นปลิวว่อนขึ้นมา ฝุ่นผงถูกกระบี่ควบคุม หมุนวนม้วนตรงไปยังหงเล่

หยู่เหวินเห้าเห็นดังนั้น ก็ควบคุมกระบี่พุ่งเข้าไป สองกระบี่ออกตัวพร้อมกัน หยู่เหวินเห้าใช้วิชากระบี่ที่ยอดเยี่ยมและคล่องแคล่วเพื่อเอาชนะ บวกกับวิชากระบี่ที่แฝงไปด้วยพลังภายในอันล้ำลึกและหนักแน่นของหงเย่นับว่าสองกระบี่ได้ประสานพลังกัน แทงไปยังหงเล่พร้อมกัน

กระบี่รวดเร็วมาก ช่วงเวลาแค่พริบตาเท่านั้นก็ใกล้จะไปถึงบริเวณทรวงอกและลำคอของหงเล่ แต่ว่า ที่รวดเร็วกว่ากระบี่ของพวกเขาก็คือเงาร่างของหงเล่ ทันใดนั้นเขาก็ดีดตัวบินขึ้นไปบนฟ้า ราวกับอินทรีย์ดำที่โผบินขึ้นอย่างทรงพลัง หลังจากลอยตัวขึ้นไปบนฟ้าแล้วก็พุ่งตัวลงมาอย่างรวดเร็ว ประกายเย็นบนกระบี่แวววับ มุ่งตรงไปยังหงเย่ หงเย่หัวใจกระตุก รีบถอยหลังไปหนึ่งก้าว เส้นผมกระจุกหนึ่งหล่นลงบนพื้น

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

บัลลังก์หมอยาเซียน 1157 หงเล่

Now you are reading บัลลังก์หมอยาเซียน Chapter 1157 หงเล่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เมื่อท่านชายสี่เหลิ่งจากไป ทังหยางก็ค่อยๆเดินออกมา ค่อยๆนั่งลงแทนที่ของท่านชายสี่เหลิ่ง มองซื่อจื่อของอ๋องผิงหนาน

ซื่อจื่อของอ๋องผิงหนานมองเขาอย่างเย็นชา “การแสดงเส็งเคร็ง กลับใช้อุบายวางยาพิษ ข้านึกว่าเจ้าจะเฉลียวฉลาดแค่ไหน ก็แค่นี้เอง”

ทังหยางพูดว่า “ใช้ได้ก็พอ”

“นี่เป็นการสู้รบ ”ซื่อจื่อของอ๋องผิงหนานค่อยๆเอ่ยขึ้น “พวกเจ้าไร้การเตรียมการ คิดแค่ว่าพวกเรามุ่งหวังในท้องพระคลังและแผนที่ทางการทหารเท่านั้น พวกเจ้าต้องได้รับความพ่ายแพ้แน่”

ทังหยางเอ่ยว่า “เช่นนั้นก็รอดูเถอะ”

หยู่เหวินเห้ากับหงเย่อยู่บริเวณใกล้กับถนนชิงหลวน หลังจากท่านชายสี่เหลิ่งสืบข่าวมาได้แล้ว ก็แจ้งให้เขาทราบ จากนั้นก็พวกเขาก็นำคนมุ่งตรงไปยังท้องพระคลังทันที

ในขณะเดียวกัน กองทัพอู่หลินกลุ่มหนึ่งก็มุ่งตรงไปยังพระที่นั่งของราชวงศ์ ตามที่ได้รับข่าวจากการสืบอย่างลับๆ แผนที่ทางการทหารถูกไท่ซ่างหวงนำออกนอกวังแล้ว ฉะนั้น หงเล่จึงได้เตรียมยอดฝีมือกลุ่มหนึ่งเอาไว้ล่วงหน้าเพื่อแย่งชิงแผนที่ทางการทหาร

ทางด้านท้องพระคลัง หงเล่ไปเดินทางไปถึงก่อนแล้ว แต่ว่าเป็นเพราะตอนนี้อ๋องหวยเป็นผู้ควบคุมท้องพระคลังภายใน หรงเยว่จะปล่อยให้ความปลอดภัยของเขาต้องถูกคุกคามได้อย่างไร

ฉะนั้นได้ก่อนที่หงเล่จะเดินทางมาถึง นางก็ได้เตรียมกลุ่มคนที่มีวรยุทธสูงส่งที่สุดของสำนักเหลิ่งหลังแทรกซึมเข้าไปข้างในตั้งแต่ต้นแล้ว เมื่อกองทัพหน้าของหงเล่มาถึง ก็ต้องรับศึกทันที ชั่วขณะนั้น เมืองหลวงเกิดเสียงต่อสู้ฟาดฟันกันไปทั่วทุกทิศ

พระชายาอันถูกช่วยออกมาอย่างราบรื่น ข่าวถูกส่งออกไปอย่างรวดเร็ว ภายใต้ความยินดีอย่างยิ่งของอ๋องอัน ย่อมไม่มีทางโจมตีราชวังอีก แต่ก็เหมือนที่ซื่อจื่อของอ๋องผิงหนานพูด คนที่เขาได้นำมาด้วยมีเพียงสองส่วนเท่านั้นที่เป็นคนของตนเอง ฉะนั้น กองทัพใหญ่ที่ทรยศต่อค่ายทหารทางเหนือนี้ยังคงทำตามที่หงเล่ได้วางแผนการเอาไว้ โจมตีราชวัง ถ่วงเวลาทหารรักษาพระองค์ ไม่ให้ทหารรักษาพระองค์สามารถเดินทางไปช่วยเหลือทางท้องพระคลังได้

มีนายพลหลายนายของค่ายทหารทางเหนือถูกชักจูงให้ทรยศ คนเหล่านี้ล้วนเป็นนายทหารเก่าแก่ มีชื่อเสียงในกองทัพเป็นอย่างยิ่ง ทหารที่ติดตามพวกเขาก็มีจำนวนมาก แต่กลับมีการสมรู้ร่วมคิดกันในวันเวลาที่ผ่านมา การศึกครั้งนี้พวกเขาต้องช่วยให้หงเล่ชนะเท่านั้น ไม่เช่นนั้น ชีวิตของตนเองและวงศ์ตระกูลก็รักษาเอาไว้ไม่ได้

ที่ทำให้อ๋องอันตกอยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายมากเป็นอย่างยิ่ง อ๋องอันต้องสร้างคุณความดีเพื่อชดเชยความผิด จึงจำเป็นต้องพยายามสุดกำลังเพื่อยับยั้งไม่ให้พวกเขาเข้าโจมตีเข้าไปในวังหลวง ทำการประสานกับกู้ซือจากภายนอกไปยังภายใน บางทีกู้ซืออาจจะสามารถดึงคนไปช่วยเหลือทางด้านท้องพระคลังได้

ตอนนี้ท้องพระคลังเป็นจุดที่สำคัญอย่างยิ่งยวด เพราะว่าในหนึ่งปีมานี้ ไท่ซ่างหวงบริจาคทองคำเข้าสู่ท้องพระคลังไม่ได้ขาด เพื่อใช้ในการทหาร ไท่ซ่างหวงนั้นเป็นคนที่มองการณ์ไกล รู้สึกว่าเป่ยโม่มีนิสัยโฉดชั่วราวหมาป่า ต้องทำการหยิบยกเรื่องสงครามขึ้นมาอีกแน่ เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงสถานการณ์ขาดแคลนเงินในการเลี้ยงดูกองทัพ เขาได้นำทองคำที่ได้จากภูเขาทอง เข้าสู่ท้องพระคลังเป็นส่วนใหญ่

โจมตีประเทศของผู้อื่น ใช้ทหารของประเทศผู้อื่น ปล้นท้องพระคลังของประเทศอื่นกลางวันแสกๆ การวางแผนในการแทรกซึมเช่นนี้ใช้เวลาไม่นาน แต่กลับทำให้เป่ยถังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบากมาก ความแค้นนี้ ทำให้หยู่เหวินเห้ากลืนไม่เข้าจริงๆ พาท่านชายหงเย่มุ่งตรงไปยังท้องพระคลัง

ท้องพระคลังมีตำแหน่งที่ตั้งอยู่ข้างพระราชวังทางด้านตะวันออก อยู่ห่างจากที่ทำการกรมคลังร้อยกว่าจั้ง ตอนที่หยู่เหวินเห้าไปถึง สถานการณ์สงครามตึงเครียดมากและไม่สามารถทำให้สะทกสะท้านได้ในชั่วขณะ ลูกศรไฟถูกยิงออกไป แม้จะทำให้เกิดไฟไหม้ขึ้นเล็กน้อย ดีที่ไม่ได้ทำให้เกิดเพลิงลูกใหญ่

ในบรรดาคนเหล่านี้ มีคนผู้หนึ่งสวมชุดยาวสีดำทั้งตัวนั่งอยู่บนหลังม้า ในมือของเขาถือกระบี่ยาวที่ทำจากเหล็กนิล ใต้ดวงอาทิตย์ที่แรงกล้า แต่รอบกายเขากลับมีบรรยากาศของความมืดครึ้มแผ่กระจายไปทั่ว คนของเขา กรูกันเข้าไปอย่างต่อเนื่องไม่ขาดสาย เขานั่งอยู่บนหลังม้าไม่ได้ออกศึก ได้แต่สั่งการให้ยิงธนู

หัวลูกศรทั้งหมดถูกจุ่มในน้ำมัน ลูกศรที่ยิงออกไปราวกับดาวตกบินไปยังด้านในของท้องพระคลัง หยู่เหวินเห้ากับหงเย่สบตากันแวบหนึ่ง หงเย่เอ่ยเสียงขรึมว่า “เข้าไม่ได้ต้องการจะปล้นท้องพระคลัง แต่เขาต้องการจะเผาท้องพระคลัง”

หยู่เหวินเห้าควบม้าอย่างรวดเร็ว “ใช่แล้ว ปล้นเงินได้ เขาก็ขนออกไปไม่ได้ ทำลายท้องพระคลัง เป่ยถังก็จะไม่มีความสามารถในการทำศึกในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ”

ทั้งสองคนพาคนมุ่งไปข้างหน้า ก้าวข้ามไฟสงคราม ก่อนจะไปถึงประตูท้องพระคลัง ทันใดนั้นตัวดีดตัวบินขึ้นไป กระบี่ชี้ตรงไปยังหงเล่ หงเล่ได้ยินเสียงกระบี่ที่แหวกทะลุอากาศมาดังขึ้นข้างหู ไม่แม้กระทั่งจะหันหน้ากลับไป ยื่นกระบี่ยาวในมือออกไปปัดป้อง กระบี่สองเล่มปะทะกัน ดันจนง่ามมือระหว่างนิ้วโป้งกับนิ้วชี้ของหยู่เหวินเห้ารู้สึกเจ็บ ในอกก็มีกลิ่นคาวเลือดระลอกหนึ่งแล่นพล่านขึ้นมา รีบถอยลงไปอยู่บนพื้น

หงเล่นั่งอยู่บนหลังม้า เหลือบมองหยู่เหวินเห้าจากที่สูงลงที่ต่ำ เขาได้กลับสู่รูปลักษณ์เดิมแล้ว ไม่ใช่การปลอมตัวเป็นตี๋เว่ยหมิงอีกต่อไป ที่จริงรูปลักษณ์ของเขาคล้ายกับหงเย่เป็นอย่างยิ่ง คิ้วมีความยุ่งเหยิงอยู่บ้าง สายตามีแววเย็นยะเยือกแฝงอยู่ ราวกับถูกแช่เอาไว้ด้วยน้ำแข็งชั้นหนึ่ง ทำให้คนที่มองเห็น รู้สึกหัวใจหนาวสั่นขึ้นมา

หยู่เหวินเห้ากับหงเล่นับว่าเป็นครั้งแรกที่พบหน้ากัน มีการประสานสายตากัน ตอนนั้นที่ตั้งรับกองทัพของศัตรูที่บุกประชิดเมืองกับแคว้นต้าโจว คนคนนั้นไม่ใช่หงเล่ตัวจริง

เพียงแวบแรก หยู่เหวินเห้ากลับไม่กล้าจ้องมองดวงตาของเขาโดยตรง รู้สึกว่าดวงตาคู่นั้นราวกับน้ำวนอย่างไรอย่างนั้น ในน้ำวนนั้นมีแต่การต่อสู้ที่ดุเดือด

หงเย่ก็ควบม้ามาถึง แต่หงเย่ไม่ได้ลงมือ เพียงแค่นั่งอยู่บนหลังม้าใช้สายตาที่เกลียดชังจ้องมองเขา

หงเล่เห็นเขาแล้ว แต่เพียงแค่มองด้วยสายตาเรียบๆแวบหนึ่งเท่านั้น มองราวกับไม่ใส่ใจ ดูถูกยิ่งนัก แล้วก็เหลือบสายตาไปมองหยู่เหวินเห้า ขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย พูดว่า “เจ้าเดาถูกได้อย่างไรว่าข้าจะมาโจมตีท้องพระคลัง”

เห็นได้ชัดว่า เขาพาคนมาถึงท้องพระคลังนี้ เดิมคิดว่าจะยึดครองได้อย่างง่ายดาย ไม่คิดว่าจะมีการวางกำลังป้องกันไว้ ตามแผนการที่เขาได้สร้างฉากบังหน้าเอาไว้ หยู่เหวินเห้าสมควรจะพาคนไปปกป้องคลังอาวุธหรือไม่ก็พระราชวัง แผนการของเขา ก็คือให้พวกเขาฆ่ากันเอง ฆ่ากองทัพทหารแห่งค่ายทหารทางเหนือก็ดี คนที่ดึงตัวมาจากยุทธภพก็ดี ล้วนเป็นคนของเป่ยถัง เขาเพียงแต่นั่งรอเป็นฝ่ายได้ประโยชน์ “แผนการของท่านแม่ทัพแม้จะลึกล้ำแต่ก็เร่งรีบมาก วิเคราะห์อย่างละเอียดแล้วย่อมจะรู้เอง”หยู่เหวินเห้าถือกระบี่เอาไว้ มองไปยังประตูท้องพลังอย่างรวดเร็วแวบหนึ่ง ประตูยังคงปิดอยู่ ท้องพระคลังนี้ออกแบบได้แข็งแกร่งมากไม่ง่ายต่อการทำลาย แต่ว่าหากขุนนางของกรมคลังไม่เคยถูกสับเปลี่ยน เปิดประตูระหว่างภายในและภายนอก จะอันตรายเป็นอย่างยิ่ง

หงเล่เอ่ยอย่างเย็นชาว่า “เจ้ารู้แล้วก็ไร้ประโยชน์ ที่นี่แม้จะเป็นเมืองหลวงของเป่ยถัง แต่แผนการที่ข้าวางไว้ได้กักขังทหารที่สามารถใช้การได้ทั้งหมดของพวกเจ้าไว้แล้ว นอกจากทหารรักษาพระองค์เหล่านี้แล้ว พวกเจ้าก็ไร้ทหารให้ใช้งานได้อีก ข้าคำนวณจุดประสงค์ไว้แล้ว ขอเพียงสามารถได้มาหนึ่งอย่าง ก็สามารถสร้างผลงานแล้วถอนตัวจากไป”

หรือพูดอีกอย่างว่า คลังอาวุธ พระที่นั่งของราชวงศ์ การโจมตีมหาราชวัง เผาท้องพระคลัง ที่จริงล้วนเป็นสิ่งที่เขาต้องการทั้งหมด

เพียงแต่ว่า เพียงแต่การเผาทำลายท้องพระคลังเป็นจุดประสงค์สูงสุดของเขา

“เลิกพูดไร้สาระเสียที”หงเย่เกลียดการมองข้ามของเขาเต็มทีแล้ว ยกกระบี่ขึ้นพุ่งเข้าไป “บุญคุณความแค้นระหว่างเรา ถึงเวลาสะสางแล้ว”

หงเล่มองเขา แววตานิ่งสงบมาก ไอเย็นยะเยือกแข็งกระด้าง แต่ความเย้ยหยันดูถูกส่วนนั้นไม่จางหายไป“ตอนนั้นข้าไม่ควรเกิดความรู้สึกสงสารต่อเจ้า นำเจ้ากลับไปด้วย เจ้าสมควรตายไปพร้อมกับแม่ของเจ้า”

“เจ้าหุบปาก อย่าคิดจะเอ่ยถึงแม่ของข้า เจ้าไม่คู่ควร”หงเย่ที่แต่ไหนแต่ไรเป็นคนนิ่งสงบ สายตากลับแดงก่ำขึ้นมากะทันหัน ดีดตัวกระโจนเข้าหา สะบัดกระบี่พุ่งตรงไป พลังภายในของเขาล้ำลึก ทำให้เกิดคลื่นลมพัดฝุ่นปลิวว่อนขึ้นมา ฝุ่นผงถูกกระบี่ควบคุม หมุนวนม้วนตรงไปยังหงเล่

หยู่เหวินเห้าเห็นดังนั้น ก็ควบคุมกระบี่พุ่งเข้าไป สองกระบี่ออกตัวพร้อมกัน หยู่เหวินเห้าใช้วิชากระบี่ที่ยอดเยี่ยมและคล่องแคล่วเพื่อเอาชนะ บวกกับวิชากระบี่ที่แฝงไปด้วยพลังภายในอันล้ำลึกและหนักแน่นของหงเย่นับว่าสองกระบี่ได้ประสานพลังกัน แทงไปยังหงเล่พร้อมกัน

กระบี่รวดเร็วมาก ช่วงเวลาแค่พริบตาเท่านั้นก็ใกล้จะไปถึงบริเวณทรวงอกและลำคอของหงเล่ แต่ว่า ที่รวดเร็วกว่ากระบี่ของพวกเขาก็คือเงาร่างของหงเล่ ทันใดนั้นเขาก็ดีดตัวบินขึ้นไปบนฟ้า ราวกับอินทรีย์ดำที่โผบินขึ้นอย่างทรงพลัง หลังจากลอยตัวขึ้นไปบนฟ้าแล้วก็พุ่งตัวลงมาอย่างรวดเร็ว ประกายเย็นบนกระบี่แวววับ มุ่งตรงไปยังหงเย่ หงเย่หัวใจกระตุก รีบถอยหลังไปหนึ่งก้าว เส้นผมกระจุกหนึ่งหล่นลงบนพื้น

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+