บัลลังก์หมอยาเซียน 1203 ใช้วิธีการเดิมซ้ำอีกครั้ง

Now you are reading บัลลังก์หมอยาเซียน Chapter 1203 ใช้วิธีการเดิมซ้ำอีกครั้ง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หยู่เหวินเห้าไปหาฮ่องเต้หมิงหยวน ถามเรื่องอาวุธดินปืน แต่ฮ่องเต้หมิงหยวนไม่รู้เรื่อง แม้แต่ไท่ซ่างหวงก็ยังไม่เคยบอกกับเขามาก่อน

เรียกตัวราชครู่เหว่ยมา ถามว่าเคยบันทึกไว้หรือไม่ แต่ราชครู่เหว่ยบอกว่าไม่เคยบันทึกเกี่ยวกับอาวุธดินปืนว่าเคยใช้กับการสู้รบครั้งไหนมาก่อน ตอนที่ราชครูเหว่ยพูด อึกๆอักๆ เห็นได้ชัดว่ารู้ตื้นลึกหนาบางอยู่บ้าง

“แต่ว่า ไท่ซ่างหวงบอกว่าเคยใช้แค่ครั้งเดียว ภายหลังก็ถูกฮ่องเต้ฮุยจงห้าม เสด็จพ่อ อาวุธเหล่านี้แม้จะไม่สามารถเทียบกับรถรบที่แค้วนต้าโจวศึกษาค้นคว้าพัฒนาได้ แต่ก็มีประโยชน์มหาศาล ลูกขอเสนอแนะว่า สามารถให้กรมทหารทำการศึกษาพัฒนาต่อไป ”หยู่เหวินเห้าพูด

ฮ่องเต้หมิงหยวนลังเลใจอยู่บ้าง “ในเมื่อฮ่องเต้ฮุยจงมีราชโองการเด็ดขาดไม่ให้ใช้อาวุธเหล่านี้ ข้ารู้สึกว่าจะไม่เป็นการดีถ้าหากจะขัดราชโองการของพระองค์ท่าน”

หยู่เหวินเห้าร้อนใจขึ้นมา “เสด็จพ่อ ตอนนี้พวกเราซื้อรถรบจากแคว้นต้าโจว พลังทำลายล้างก็สูงเช่นกัน พวกเราต่างก็นำไปใช้ในสนามรบเหมือนกัน ทำไมซื้อของผู้อื่นได้ แต่ไม่สามารถศึกษาพัฒนาเองได้เล่า ตอนนี้กับตอนนั้นไม่เหมือนกัน ตอนฮ่องเต้ฮุยจง มีอ๋องชินเฟิงอันเฝ้ารักษาการณ์ชายแดน คนต่างแคว้นต่างก็ไม่มีใครกล้ามารุกราน แต่ตอนนี้เป่ยโม่กำลังจ้องหาโอกาสด้วยเจตนาร้าย ทะเยอทะยานโฉดชั่ว จะไม่ป้องกันไม่ได้เด็ดขาด”

ฮ่องเต้หมิงหยวนครุ่นคิด “เรื่องนี้ เสด็จปู่ของเจ้าว่าอย่างไรบ้าง”

“เสด็จปู่บอกว่าไม่คัดค้าน แต่ก็ไม่เห็นด้วย”

ฮ่องเต้หมิงหยวนนิ่งเงียบไปชั่วครู่ “เขาไม่มีคำสั่งลงมา ข้าก็ไม่กล้าตัดสินใจ”

พูดอีกอย่างคือ เขาก็ไม่ยินดีจะเป็นคนที่ขัดพระบัญชาของฮ่องเต้ฮุยจงเช่นกัน

หยู่เหวินเห้าถอนหายใจ “เสด็จพ่อ ท่านโปรดพิจารณาดูก่อน เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องประกาศให้ทุกคนรับรู้ กรมทหารทำการศึกษาอย่างเงียบๆก็พอ รอให้พัฒนาเสร็จแล้ว จะใช้หรือไม่ใช้ ค่อยว่ากันอีกที ”

ฮ่องเต้หมิงหยวนพูดว่า “ฮ่องเต้ฮุยจงห้าม น่าจะเป็นเพราะไม่ยินดีให้เป่ยถังต้องตกอยู่ในสถานการณ์ทุ่มกำลังทัพจับศึกพร่ำเพรื่อ และความกังวลของพระองค์ก็มีเหตุผล ฆ่าฟันกันมากเกินไป ในที่สุดก็จะนำมาซึ่งภัยพิบัติแก่ประเทศชาติ ตอนนี้ได้เกิดข่าวลือขึ้นมากมายในหมู่ประชาชน ถ้าหากเรื่องการศึกษาค้นคว้าอาวุธถูกแพร่ออกไป เกรงว่าจะเกิดความวุ่นวายขึ้นอีก แน่นอนว่าเป่ยโม่ได้สมคบคิดกับหงเล่ต่อกรกับแค้วนต้าโจว ก็เพราะว่าแคว้นต้าโจวพัฒนารถรบขึ้นมา เกรงว่าแค้วนต้าโจวจะยิ่งใหญ่ขึ้นมา แล้วข่มเหงพวกเขา แคว้นต้าโจวหากไร้เฉินจิ้งถิง เกรงว่าก็คงจะปกป้องเอาไว้ไม่ได้”

หยู่เหวินเห้าพูดว่า “เสด็จพ่อ แม้จะพูดเช่นนี้ แต่ตอนนี้แคว้นต้าโจว ยังมีใครกล้าดูถูกเหยียดหยามอีก อันตรายนั้นมี แต่มีอันตรายจึงจะมีโอกาส เป่ยถังของเราจะกลายเป็นประเทศที่แข็งแกร่ง ก็คือการพัฒนาอาวุธยุทโธปากร แคว้นต้าโจวไม่มีทางจะเป็นมิตรกับเป่ยถังตลอดไป พวกเราต้องคิดเผื่ออนาคตภายหน้าของเป่ยถัง พวกเราไม่รุกราน แต่พวกเราจำเป็นต้องมีการป้องกันที่แข็งแกร่ง”

ฮ่องเต้หมิงหยวนพูดว่า “ถ้าหากจะป้องกัน เช่นนั้นก็สร้างกำแพงเมือง จะไม่ได้ผลที่ดีกว่าหรือ”

หยู่เหวินเห้าที่เต็มไปด้วยความกระตือรือร้น ถูกคำพูดประโยคนี้ของฮ่องเต้หมิงหยวนพังทลายลง เขารู้ว่าเสด็จพ่อเกรงว่าถ้าเป่ยโม่รู้เรื่องการพัฒนาอาวุธจะทำให้เกิดการบุกรุกอย่างกำเริบเสิบสาน แต่ว่าตอนนี้ที่จริงสงครามก็อาจจะปะทุขึ้นได้ สงครามครั้งนี้ หากต้องรบจริง เช่นนั้นก็ต้องสู้

เขารู้ว่าไม่สามารถเกลี้ยกล่อมเสด็จพ่อได้ในเวลานี้ ได้แต่คิดหาวิธีอื่นแล้ว

หลังจากออกจากวัง ใบหน้าเต็มไปด้วยความกลัดกลุ้ม หยวนชิงหลิงรู้ว่าเขาพบกับเรื่องยากเข้าแล้ว พูดว่า “เป็นอย่างไรบ้าง”

“อาวุธเหล่านี้เคยถูกใช้ในสงครามมาก่อนจริงๆ แต่ภายหลังฮ่องเต้ฮุยจงได้สั่งห้าม และไม่ให้ขุนนางบันทึกประวัติศาสตร์บันทึกไว้ด้วย ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด เสด็จปู่บอกว่าฆ่าล้างมากเกินไปจึงได้ถูกฮ่องเต้ฮุยจงสั่งห้าม แต่ข้ารู้สึกว่า น่าจะมีเหตุผลอื่น ไม่เช่นนั้น ทำไมจึงไม่มีการบันทึกเล่า ”

“ขุนศึกเก่าแก่ในราชสำนัก น่าจะรู้เรื่องนี้กระมัง”หยวนชิงหลิงพูด

หยู่เหวินเห้าหัวใจเต้นแรง รีบสั่งการ ให้ไปเชิญฮูหยินติ้งกั๋วที่จวนหยวนมา

ฮูหยินติ้งกั๋วรู้ว่ารัชทายาทเรียกพบ ต้องมีเรื่องสำคัญแน่ ฉะนั้นจึงไม่เสียเวลา รีบออกไปทันที

ได้ยินหยู่เหวินเห้าพูดถึงเรื่องอาวุธดินปืน นางก็นิ่งอึ้ง “ที่กรมทหารยังมีอยู่หรือ”

“ใช่แล้ว ฮูหยินติ้งกั๋วรู้หรือไม่ว่าจะใช้การอาวุธเหล่านั้นอย่างไร”หยู่เหวินเห้าถาม

สายตาของฮูหยินติ้งกั๋วค่อยๆมีชีวิตชีวาขึ้นมา ตื่นเต้นมาก“ยังมีอยู่จริงหรือ ไม่ใช่ทำลายไปหมดแล้วหรือ”

“มีบางส่วนหลงเหลืออยู่ในห้องใต้ดิน แต่ไม่มากแล้ว”หยู่เหวินเห้าพูด

ฮูหยินติ้งกั๋วค่อยๆว่างไม้เท้าลง สายตาทอดไปไกล ความตื่นเต้นยิ่งอยู่ก็ยิ่งเห็นได้ชัด “ตอนนั้น อาวุธเหล่านี้เคยใช้ในสนามรบจริงๆ ข้าคุมกำลังทหารหนึ่งหมื่นนาย เอาชนะกองทัพศัตรูหนึ่งแสนคนได้ ข้าเป็นเกียรติมากที่ได้เข้าร่วมการรบครั้งนั้น นั่นเรียกได้ว่าเป็นความทรงพลังไร้สิ่งใดจะต้านทานได้ พวกเจ้าไม่มีทางนึกภาพออก พวกเราที่มีทหารหนึ่งหมื่นนาย ทำการสู้รบในสงครามกับกองทัพที่แข็งแกร่งและมีจำนวนมหาศาลได้อย่างไร”

“แล้วทำไมภายหลังจึงมีการห้ามใช้เล่า”หยวนชิงหลิงถามขึ้น

ฮูหยินติ้งกั๋วพูดว่า “สงครามครั้งนั้น ฆ่าศัตรูไปห้าหมื่น จับเชลยศึกได้หนึ่งหมื่น ในสนามรบ เลือดไหลนองราวกับแม่น้ำ ศพถูกกองราวกับภูเขา หลังได้ชัยชนะครั้งใหญ่กลับมายังราชสำนัก กลับถูกเหล่าปัญญาชนในประเทศตำหนิว่านักรบของเป่ยถังเราโหดเหี้ยมอำมหิตมาก แม้แต่หญิงสาวเด็กเล็กและคนแก่ของฝ่ายศัตรูก็ไม่ปล่อยไป พอดีกับที่ปีนั้น เป่ยถังเกิดอุทกภัยใหญ่หลวง ท่วมไปหลายเมือง ประชาชนต้องพลัดจากที่อยู่อย่างสิ้นเนื้อประดาตัว ปัญญาชนเหล่านั้นกลับบอกว่าเป็นความผิดที่ขุนศึกโหดเหี้ยมเกินไป ทำให้สวรรค์ลงโทษให้เกิดภัยพิบัติ”

หยวนชิงหลิงหัวใจกระตุก “ปีนั้น คงไม่ได้พอดีกับที่ราชวงศ์มีการตั้งครรภ์ขึ้นพร้อมกันหลายคนกระมัง”

ฮูหยินติ้งกั๋วประหลาดใจ “พระชายารัชทายาทรู้ได้อย่างไร”

สองสามีภรรยาหยู่เหวินเห้าสบตากันแวบหนึ่ง เข้าใจขึ้นมาทันที ที่ว่าราชวงศ์ที่เคยถูกทำลายจะฟื้นคืนอีกครั้ง น้ำในแม่น้ำหวยจะหลากท่วม ประชาชนพลัดพรากจากถิ่นที่อยู่อาศัยอย่างสิ้นเนื้อประดาตัว ที่จริงเป็นการพาดพิงถึงภัยพิบัติในครั้งนั้นที่เกิดขึ้นเพราะราชวงศ์ไร้คุณธรรมดังเช่นในตอนนี้

มีคนจงใจต้องการจะสร้างข่าวลือให้เหมือนกับตอนนั้นเพื่อโจมตี

หยู่เหวินเห้าคิดในใจ คาดว่าเสด็จพ่อคงจะรู้เรื่องเหล่านี้ แต่เพียงเพราะว่าฮ่องเต้ฮุยจงมีราชโองการ เขาที่เป็นฮ่องเต้รุ่นหลังไม่สามารถพูดขึ้นมาได้ และด้วยเหตุนี้ เขาคัดค้านการสร้างอาวุธ เพราะเกรงว่าอุทกภัยครั้งนี้จะมุ่งตรงมาที่ประเด็นที่ราชวงศ์ไร้คุณธรรมอีก

ถึงว่าทำไมจึงรู้สึกว่าตอนที่ราชครู่เหว่ยเอ่ยถึงเรื่องที่ไม่มีการบันทึก มีอาการอึกอักอยู่บ้าง เหมือนอยากจะพูดแต่ก็ไม่พูด

“แล้วตอนนั้นฮ่องเต้ฮุยจงสงบเรื่องราวต่างๆอย่างไร”หยู่เหวินเห้าถาม

ฮูหยินติ้งกั๋วบอกว่า “ตอนนั้น ฮ่องเต้ฮุยจงยังไม่ได้ขึ้นครองราชย์ เป็นฮ่องเต้เซี่ยนที่ครองราชย์ คนในราชสำนักมากมายตำหนิเหล่าขุนพล กระทั่งบีบบังคับให้ฮ่องเต้ฮุยจงสังหารสองสามีภรรยาอ๋องชินเฟิงอัน เพื่อระงับความพิโรธของสวรรค์”

หยู่เหวินเห้าเอ่ยอย่างโมโหว่า “สร้างผลงานจากการทำสงคราม แต่กลับต้องเผชิญกับอันตรายที่ต้องถูกประหาร นี่ไม่น่าขันหรือ”

“ใช่ แต่ยังดี ฮ่องเต้เซี่ยนไม่ได้ทำตาม เขายังทำถึงขั้นแต่งตั้งและให้รางวัลกับเหล่าขุนพลและทหารทั้งหลายที่สร้างผลงานในสงครามครั้งนี้อีกด้วย ระงับข้อครหาต่างๆ ควบคุมอุทกภัย อ๋องชินเฟิงอันกลายเป็นพระราชนัดดาที่ทุกคนต่างต้องเกรงใจ”

หยู่เหวินเห้าผ่อนลมหายใจหนึ่งเฮือก แต่จากนั้นก็รู้สึกไม่เข้าใจ “ในเมื่อฮ่องเต้เซี่ยนไม่ได้ลงโทษอ๋องชินเฟิงอัน และไม่ได้ยับยั้งการใช้อาวุธดินปืน ทำไมหลังจากที่ฮ่องเต้ฮุยจงขั้นครองราชย์แล้ว กลับห้ามเล่า ”

ฮูหยินติ้งกั๋วกดเสียงให้เบาลง “มีคำพูดประโยคหนึ่ง ข้าพูดแล้วจะเป็นการไม่เคารพอย่างยิ่ง แต่ความจริงเป็นเช่นนี้ หลังจากฮ่องเต้ฮุยจงขึ้นครองราชย์แล้ว อุทกภัยจากแม่น้ำหวยยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น ในราชสำนักก็มีคนยกเรื่องสงครามขึ้นมาพูดอีก ฮ่องเต้ฮุยจงรับแรงกดดันไม่ไหว จึงได้สั่งให้มีการทำลายอาวุธ ที่สุดแล้วฮ่องเต้ฮุยจงก็ไม่ได้มีจิตใจแข็งแกร่งเหมือนฮ่องเต้เซี่ยน”

แม้ว่าคำพูดของฮูหยินติ้งกั๋วจะไม่เป็นการเคารพสักเท่าไหร่ แต่หยู่เหวินเห้าคิดว่า นั่นคือความจริง

ฮูหยินติ้งกั๋วพูดว่า “รัชทายาทรับช่วงในการดูแลกรมทหาร ก็มีข่าวลือเกี่ยวกับหินที่บินมาจากนอกท้องฟ้าเกิดขึ้น คิดว่าคงมีคนรู้ว่ารัชทายาทต้องพบอาวุธเหล่านี้ในคลังอาวุธแน่ ฉะนั้น จึงสร้างข่าวลือขึ้นก่อน เพราะเกรงว่ารัชทายาทจะทรงศึกษาพัฒนาอาวุธเหล่านี้ต่อไปอีก”

“ฮูหยินคิดว่า เป็นใครที่จงใจขัดขวางเช่นนี้”หยู่เหวินเห้าถามขึ้น

ฮูหยินติ้งกั๋วครุ่นคิด “ตอนนั้น ฉู่หวนบิดาของโสวฝู่ฉู่ เคยรับตำแหน่งสมุหราชเลขาธิการ ได้ร่วมมือกับอ๋องชินยู่สมคบคิดกับตระกูลฉินแห่งเป่ยโม่ อ๋องชินยู่ถูกฆ่าล้างโคตร แต่ก็ได้ปล่อยข่าวคราวมากมายรั่วไหลให้ตระกูลฉินแห่งเป่ยโม่รับรู้ คนของตระกูลฉินต้องคอยจับตาดูอาวุธเหล่านี้อยู่ตลอดแน่ ฉะนั้น เป็นไปได้อย่างยิ่งว่า ยังมีคนของเป่ยโม่เล่นสกปรกอยู่”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

บัลลังก์หมอยาเซียน 1203 ใช้วิธีการเดิมซ้ำอีกครั้ง

Now you are reading บัลลังก์หมอยาเซียน Chapter 1203 ใช้วิธีการเดิมซ้ำอีกครั้ง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หยู่เหวินเห้าไปหาฮ่องเต้หมิงหยวน ถามเรื่องอาวุธดินปืน แต่ฮ่องเต้หมิงหยวนไม่รู้เรื่อง แม้แต่ไท่ซ่างหวงก็ยังไม่เคยบอกกับเขามาก่อน

เรียกตัวราชครู่เหว่ยมา ถามว่าเคยบันทึกไว้หรือไม่ แต่ราชครู่เหว่ยบอกว่าไม่เคยบันทึกเกี่ยวกับอาวุธดินปืนว่าเคยใช้กับการสู้รบครั้งไหนมาก่อน ตอนที่ราชครูเหว่ยพูด อึกๆอักๆ เห็นได้ชัดว่ารู้ตื้นลึกหนาบางอยู่บ้าง

“แต่ว่า ไท่ซ่างหวงบอกว่าเคยใช้แค่ครั้งเดียว ภายหลังก็ถูกฮ่องเต้ฮุยจงห้าม เสด็จพ่อ อาวุธเหล่านี้แม้จะไม่สามารถเทียบกับรถรบที่แค้วนต้าโจวศึกษาค้นคว้าพัฒนาได้ แต่ก็มีประโยชน์มหาศาล ลูกขอเสนอแนะว่า สามารถให้กรมทหารทำการศึกษาพัฒนาต่อไป ”หยู่เหวินเห้าพูด

ฮ่องเต้หมิงหยวนลังเลใจอยู่บ้าง “ในเมื่อฮ่องเต้ฮุยจงมีราชโองการเด็ดขาดไม่ให้ใช้อาวุธเหล่านี้ ข้ารู้สึกว่าจะไม่เป็นการดีถ้าหากจะขัดราชโองการของพระองค์ท่าน”

หยู่เหวินเห้าร้อนใจขึ้นมา “เสด็จพ่อ ตอนนี้พวกเราซื้อรถรบจากแคว้นต้าโจว พลังทำลายล้างก็สูงเช่นกัน พวกเราต่างก็นำไปใช้ในสนามรบเหมือนกัน ทำไมซื้อของผู้อื่นได้ แต่ไม่สามารถศึกษาพัฒนาเองได้เล่า ตอนนี้กับตอนนั้นไม่เหมือนกัน ตอนฮ่องเต้ฮุยจง มีอ๋องชินเฟิงอันเฝ้ารักษาการณ์ชายแดน คนต่างแคว้นต่างก็ไม่มีใครกล้ามารุกราน แต่ตอนนี้เป่ยโม่กำลังจ้องหาโอกาสด้วยเจตนาร้าย ทะเยอทะยานโฉดชั่ว จะไม่ป้องกันไม่ได้เด็ดขาด”

ฮ่องเต้หมิงหยวนครุ่นคิด “เรื่องนี้ เสด็จปู่ของเจ้าว่าอย่างไรบ้าง”

“เสด็จปู่บอกว่าไม่คัดค้าน แต่ก็ไม่เห็นด้วย”

ฮ่องเต้หมิงหยวนนิ่งเงียบไปชั่วครู่ “เขาไม่มีคำสั่งลงมา ข้าก็ไม่กล้าตัดสินใจ”

พูดอีกอย่างคือ เขาก็ไม่ยินดีจะเป็นคนที่ขัดพระบัญชาของฮ่องเต้ฮุยจงเช่นกัน

หยู่เหวินเห้าถอนหายใจ “เสด็จพ่อ ท่านโปรดพิจารณาดูก่อน เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องประกาศให้ทุกคนรับรู้ กรมทหารทำการศึกษาอย่างเงียบๆก็พอ รอให้พัฒนาเสร็จแล้ว จะใช้หรือไม่ใช้ ค่อยว่ากันอีกที ”

ฮ่องเต้หมิงหยวนพูดว่า “ฮ่องเต้ฮุยจงห้าม น่าจะเป็นเพราะไม่ยินดีให้เป่ยถังต้องตกอยู่ในสถานการณ์ทุ่มกำลังทัพจับศึกพร่ำเพรื่อ และความกังวลของพระองค์ก็มีเหตุผล ฆ่าฟันกันมากเกินไป ในที่สุดก็จะนำมาซึ่งภัยพิบัติแก่ประเทศชาติ ตอนนี้ได้เกิดข่าวลือขึ้นมากมายในหมู่ประชาชน ถ้าหากเรื่องการศึกษาค้นคว้าอาวุธถูกแพร่ออกไป เกรงว่าจะเกิดความวุ่นวายขึ้นอีก แน่นอนว่าเป่ยโม่ได้สมคบคิดกับหงเล่ต่อกรกับแค้วนต้าโจว ก็เพราะว่าแคว้นต้าโจวพัฒนารถรบขึ้นมา เกรงว่าแค้วนต้าโจวจะยิ่งใหญ่ขึ้นมา แล้วข่มเหงพวกเขา แคว้นต้าโจวหากไร้เฉินจิ้งถิง เกรงว่าก็คงจะปกป้องเอาไว้ไม่ได้”

หยู่เหวินเห้าพูดว่า “เสด็จพ่อ แม้จะพูดเช่นนี้ แต่ตอนนี้แคว้นต้าโจว ยังมีใครกล้าดูถูกเหยียดหยามอีก อันตรายนั้นมี แต่มีอันตรายจึงจะมีโอกาส เป่ยถังของเราจะกลายเป็นประเทศที่แข็งแกร่ง ก็คือการพัฒนาอาวุธยุทโธปากร แคว้นต้าโจวไม่มีทางจะเป็นมิตรกับเป่ยถังตลอดไป พวกเราต้องคิดเผื่ออนาคตภายหน้าของเป่ยถัง พวกเราไม่รุกราน แต่พวกเราจำเป็นต้องมีการป้องกันที่แข็งแกร่ง”

ฮ่องเต้หมิงหยวนพูดว่า “ถ้าหากจะป้องกัน เช่นนั้นก็สร้างกำแพงเมือง จะไม่ได้ผลที่ดีกว่าหรือ”

หยู่เหวินเห้าที่เต็มไปด้วยความกระตือรือร้น ถูกคำพูดประโยคนี้ของฮ่องเต้หมิงหยวนพังทลายลง เขารู้ว่าเสด็จพ่อเกรงว่าถ้าเป่ยโม่รู้เรื่องการพัฒนาอาวุธจะทำให้เกิดการบุกรุกอย่างกำเริบเสิบสาน แต่ว่าตอนนี้ที่จริงสงครามก็อาจจะปะทุขึ้นได้ สงครามครั้งนี้ หากต้องรบจริง เช่นนั้นก็ต้องสู้

เขารู้ว่าไม่สามารถเกลี้ยกล่อมเสด็จพ่อได้ในเวลานี้ ได้แต่คิดหาวิธีอื่นแล้ว

หลังจากออกจากวัง ใบหน้าเต็มไปด้วยความกลัดกลุ้ม หยวนชิงหลิงรู้ว่าเขาพบกับเรื่องยากเข้าแล้ว พูดว่า “เป็นอย่างไรบ้าง”

“อาวุธเหล่านี้เคยถูกใช้ในสงครามมาก่อนจริงๆ แต่ภายหลังฮ่องเต้ฮุยจงได้สั่งห้าม และไม่ให้ขุนนางบันทึกประวัติศาสตร์บันทึกไว้ด้วย ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด เสด็จปู่บอกว่าฆ่าล้างมากเกินไปจึงได้ถูกฮ่องเต้ฮุยจงสั่งห้าม แต่ข้ารู้สึกว่า น่าจะมีเหตุผลอื่น ไม่เช่นนั้น ทำไมจึงไม่มีการบันทึกเล่า ”

“ขุนศึกเก่าแก่ในราชสำนัก น่าจะรู้เรื่องนี้กระมัง”หยวนชิงหลิงพูด

หยู่เหวินเห้าหัวใจเต้นแรง รีบสั่งการ ให้ไปเชิญฮูหยินติ้งกั๋วที่จวนหยวนมา

ฮูหยินติ้งกั๋วรู้ว่ารัชทายาทเรียกพบ ต้องมีเรื่องสำคัญแน่ ฉะนั้นจึงไม่เสียเวลา รีบออกไปทันที

ได้ยินหยู่เหวินเห้าพูดถึงเรื่องอาวุธดินปืน นางก็นิ่งอึ้ง “ที่กรมทหารยังมีอยู่หรือ”

“ใช่แล้ว ฮูหยินติ้งกั๋วรู้หรือไม่ว่าจะใช้การอาวุธเหล่านั้นอย่างไร”หยู่เหวินเห้าถาม

สายตาของฮูหยินติ้งกั๋วค่อยๆมีชีวิตชีวาขึ้นมา ตื่นเต้นมาก“ยังมีอยู่จริงหรือ ไม่ใช่ทำลายไปหมดแล้วหรือ”

“มีบางส่วนหลงเหลืออยู่ในห้องใต้ดิน แต่ไม่มากแล้ว”หยู่เหวินเห้าพูด

ฮูหยินติ้งกั๋วค่อยๆว่างไม้เท้าลง สายตาทอดไปไกล ความตื่นเต้นยิ่งอยู่ก็ยิ่งเห็นได้ชัด “ตอนนั้น อาวุธเหล่านี้เคยใช้ในสนามรบจริงๆ ข้าคุมกำลังทหารหนึ่งหมื่นนาย เอาชนะกองทัพศัตรูหนึ่งแสนคนได้ ข้าเป็นเกียรติมากที่ได้เข้าร่วมการรบครั้งนั้น นั่นเรียกได้ว่าเป็นความทรงพลังไร้สิ่งใดจะต้านทานได้ พวกเจ้าไม่มีทางนึกภาพออก พวกเราที่มีทหารหนึ่งหมื่นนาย ทำการสู้รบในสงครามกับกองทัพที่แข็งแกร่งและมีจำนวนมหาศาลได้อย่างไร”

“แล้วทำไมภายหลังจึงมีการห้ามใช้เล่า”หยวนชิงหลิงถามขึ้น

ฮูหยินติ้งกั๋วพูดว่า “สงครามครั้งนั้น ฆ่าศัตรูไปห้าหมื่น จับเชลยศึกได้หนึ่งหมื่น ในสนามรบ เลือดไหลนองราวกับแม่น้ำ ศพถูกกองราวกับภูเขา หลังได้ชัยชนะครั้งใหญ่กลับมายังราชสำนัก กลับถูกเหล่าปัญญาชนในประเทศตำหนิว่านักรบของเป่ยถังเราโหดเหี้ยมอำมหิตมาก แม้แต่หญิงสาวเด็กเล็กและคนแก่ของฝ่ายศัตรูก็ไม่ปล่อยไป พอดีกับที่ปีนั้น เป่ยถังเกิดอุทกภัยใหญ่หลวง ท่วมไปหลายเมือง ประชาชนต้องพลัดจากที่อยู่อย่างสิ้นเนื้อประดาตัว ปัญญาชนเหล่านั้นกลับบอกว่าเป็นความผิดที่ขุนศึกโหดเหี้ยมเกินไป ทำให้สวรรค์ลงโทษให้เกิดภัยพิบัติ”

หยวนชิงหลิงหัวใจกระตุก “ปีนั้น คงไม่ได้พอดีกับที่ราชวงศ์มีการตั้งครรภ์ขึ้นพร้อมกันหลายคนกระมัง”

ฮูหยินติ้งกั๋วประหลาดใจ “พระชายารัชทายาทรู้ได้อย่างไร”

สองสามีภรรยาหยู่เหวินเห้าสบตากันแวบหนึ่ง เข้าใจขึ้นมาทันที ที่ว่าราชวงศ์ที่เคยถูกทำลายจะฟื้นคืนอีกครั้ง น้ำในแม่น้ำหวยจะหลากท่วม ประชาชนพลัดพรากจากถิ่นที่อยู่อาศัยอย่างสิ้นเนื้อประดาตัว ที่จริงเป็นการพาดพิงถึงภัยพิบัติในครั้งนั้นที่เกิดขึ้นเพราะราชวงศ์ไร้คุณธรรมดังเช่นในตอนนี้

มีคนจงใจต้องการจะสร้างข่าวลือให้เหมือนกับตอนนั้นเพื่อโจมตี

หยู่เหวินเห้าคิดในใจ คาดว่าเสด็จพ่อคงจะรู้เรื่องเหล่านี้ แต่เพียงเพราะว่าฮ่องเต้ฮุยจงมีราชโองการ เขาที่เป็นฮ่องเต้รุ่นหลังไม่สามารถพูดขึ้นมาได้ และด้วยเหตุนี้ เขาคัดค้านการสร้างอาวุธ เพราะเกรงว่าอุทกภัยครั้งนี้จะมุ่งตรงมาที่ประเด็นที่ราชวงศ์ไร้คุณธรรมอีก

ถึงว่าทำไมจึงรู้สึกว่าตอนที่ราชครู่เหว่ยเอ่ยถึงเรื่องที่ไม่มีการบันทึก มีอาการอึกอักอยู่บ้าง เหมือนอยากจะพูดแต่ก็ไม่พูด

“แล้วตอนนั้นฮ่องเต้ฮุยจงสงบเรื่องราวต่างๆอย่างไร”หยู่เหวินเห้าถาม

ฮูหยินติ้งกั๋วบอกว่า “ตอนนั้น ฮ่องเต้ฮุยจงยังไม่ได้ขึ้นครองราชย์ เป็นฮ่องเต้เซี่ยนที่ครองราชย์ คนในราชสำนักมากมายตำหนิเหล่าขุนพล กระทั่งบีบบังคับให้ฮ่องเต้ฮุยจงสังหารสองสามีภรรยาอ๋องชินเฟิงอัน เพื่อระงับความพิโรธของสวรรค์”

หยู่เหวินเห้าเอ่ยอย่างโมโหว่า “สร้างผลงานจากการทำสงคราม แต่กลับต้องเผชิญกับอันตรายที่ต้องถูกประหาร นี่ไม่น่าขันหรือ”

“ใช่ แต่ยังดี ฮ่องเต้เซี่ยนไม่ได้ทำตาม เขายังทำถึงขั้นแต่งตั้งและให้รางวัลกับเหล่าขุนพลและทหารทั้งหลายที่สร้างผลงานในสงครามครั้งนี้อีกด้วย ระงับข้อครหาต่างๆ ควบคุมอุทกภัย อ๋องชินเฟิงอันกลายเป็นพระราชนัดดาที่ทุกคนต่างต้องเกรงใจ”

หยู่เหวินเห้าผ่อนลมหายใจหนึ่งเฮือก แต่จากนั้นก็รู้สึกไม่เข้าใจ “ในเมื่อฮ่องเต้เซี่ยนไม่ได้ลงโทษอ๋องชินเฟิงอัน และไม่ได้ยับยั้งการใช้อาวุธดินปืน ทำไมหลังจากที่ฮ่องเต้ฮุยจงขั้นครองราชย์แล้ว กลับห้ามเล่า ”

ฮูหยินติ้งกั๋วกดเสียงให้เบาลง “มีคำพูดประโยคหนึ่ง ข้าพูดแล้วจะเป็นการไม่เคารพอย่างยิ่ง แต่ความจริงเป็นเช่นนี้ หลังจากฮ่องเต้ฮุยจงขึ้นครองราชย์แล้ว อุทกภัยจากแม่น้ำหวยยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น ในราชสำนักก็มีคนยกเรื่องสงครามขึ้นมาพูดอีก ฮ่องเต้ฮุยจงรับแรงกดดันไม่ไหว จึงได้สั่งให้มีการทำลายอาวุธ ที่สุดแล้วฮ่องเต้ฮุยจงก็ไม่ได้มีจิตใจแข็งแกร่งเหมือนฮ่องเต้เซี่ยน”

แม้ว่าคำพูดของฮูหยินติ้งกั๋วจะไม่เป็นการเคารพสักเท่าไหร่ แต่หยู่เหวินเห้าคิดว่า นั่นคือความจริง

ฮูหยินติ้งกั๋วพูดว่า “รัชทายาทรับช่วงในการดูแลกรมทหาร ก็มีข่าวลือเกี่ยวกับหินที่บินมาจากนอกท้องฟ้าเกิดขึ้น คิดว่าคงมีคนรู้ว่ารัชทายาทต้องพบอาวุธเหล่านี้ในคลังอาวุธแน่ ฉะนั้น จึงสร้างข่าวลือขึ้นก่อน เพราะเกรงว่ารัชทายาทจะทรงศึกษาพัฒนาอาวุธเหล่านี้ต่อไปอีก”

“ฮูหยินคิดว่า เป็นใครที่จงใจขัดขวางเช่นนี้”หยู่เหวินเห้าถามขึ้น

ฮูหยินติ้งกั๋วครุ่นคิด “ตอนนั้น ฉู่หวนบิดาของโสวฝู่ฉู่ เคยรับตำแหน่งสมุหราชเลขาธิการ ได้ร่วมมือกับอ๋องชินยู่สมคบคิดกับตระกูลฉินแห่งเป่ยโม่ อ๋องชินยู่ถูกฆ่าล้างโคตร แต่ก็ได้ปล่อยข่าวคราวมากมายรั่วไหลให้ตระกูลฉินแห่งเป่ยโม่รับรู้ คนของตระกูลฉินต้องคอยจับตาดูอาวุธเหล่านี้อยู่ตลอดแน่ ฉะนั้น เป็นไปได้อย่างยิ่งว่า ยังมีคนของเป่ยโม่เล่นสกปรกอยู่”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

บัลลังก์หมอยาเซียน 1203 ใช้วิธีการเดิมซ้ำอีกครั้ง

Now you are reading บัลลังก์หมอยาเซียน Chapter 1203 ใช้วิธีการเดิมซ้ำอีกครั้ง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หยู่เหวินเห้าไปหาฮ่องเต้หมิงหยวน ถามเรื่องอาวุธดินปืน แต่ฮ่องเต้หมิงหยวนไม่รู้เรื่อง แม้แต่ไท่ซ่างหวงก็ยังไม่เคยบอกกับเขามาก่อน

เรียกตัวราชครู่เหว่ยมา ถามว่าเคยบันทึกไว้หรือไม่ แต่ราชครู่เหว่ยบอกว่าไม่เคยบันทึกเกี่ยวกับอาวุธดินปืนว่าเคยใช้กับการสู้รบครั้งไหนมาก่อน ตอนที่ราชครูเหว่ยพูด อึกๆอักๆ เห็นได้ชัดว่ารู้ตื้นลึกหนาบางอยู่บ้าง

“แต่ว่า ไท่ซ่างหวงบอกว่าเคยใช้แค่ครั้งเดียว ภายหลังก็ถูกฮ่องเต้ฮุยจงห้าม เสด็จพ่อ อาวุธเหล่านี้แม้จะไม่สามารถเทียบกับรถรบที่แค้วนต้าโจวศึกษาค้นคว้าพัฒนาได้ แต่ก็มีประโยชน์มหาศาล ลูกขอเสนอแนะว่า สามารถให้กรมทหารทำการศึกษาพัฒนาต่อไป ”หยู่เหวินเห้าพูด

ฮ่องเต้หมิงหยวนลังเลใจอยู่บ้าง “ในเมื่อฮ่องเต้ฮุยจงมีราชโองการเด็ดขาดไม่ให้ใช้อาวุธเหล่านี้ ข้ารู้สึกว่าจะไม่เป็นการดีถ้าหากจะขัดราชโองการของพระองค์ท่าน”

หยู่เหวินเห้าร้อนใจขึ้นมา “เสด็จพ่อ ตอนนี้พวกเราซื้อรถรบจากแคว้นต้าโจว พลังทำลายล้างก็สูงเช่นกัน พวกเราต่างก็นำไปใช้ในสนามรบเหมือนกัน ทำไมซื้อของผู้อื่นได้ แต่ไม่สามารถศึกษาพัฒนาเองได้เล่า ตอนนี้กับตอนนั้นไม่เหมือนกัน ตอนฮ่องเต้ฮุยจง มีอ๋องชินเฟิงอันเฝ้ารักษาการณ์ชายแดน คนต่างแคว้นต่างก็ไม่มีใครกล้ามารุกราน แต่ตอนนี้เป่ยโม่กำลังจ้องหาโอกาสด้วยเจตนาร้าย ทะเยอทะยานโฉดชั่ว จะไม่ป้องกันไม่ได้เด็ดขาด”

ฮ่องเต้หมิงหยวนครุ่นคิด “เรื่องนี้ เสด็จปู่ของเจ้าว่าอย่างไรบ้าง”

“เสด็จปู่บอกว่าไม่คัดค้าน แต่ก็ไม่เห็นด้วย”

ฮ่องเต้หมิงหยวนนิ่งเงียบไปชั่วครู่ “เขาไม่มีคำสั่งลงมา ข้าก็ไม่กล้าตัดสินใจ”

พูดอีกอย่างคือ เขาก็ไม่ยินดีจะเป็นคนที่ขัดพระบัญชาของฮ่องเต้ฮุยจงเช่นกัน

หยู่เหวินเห้าถอนหายใจ “เสด็จพ่อ ท่านโปรดพิจารณาดูก่อน เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องประกาศให้ทุกคนรับรู้ กรมทหารทำการศึกษาอย่างเงียบๆก็พอ รอให้พัฒนาเสร็จแล้ว จะใช้หรือไม่ใช้ ค่อยว่ากันอีกที ”

ฮ่องเต้หมิงหยวนพูดว่า “ฮ่องเต้ฮุยจงห้าม น่าจะเป็นเพราะไม่ยินดีให้เป่ยถังต้องตกอยู่ในสถานการณ์ทุ่มกำลังทัพจับศึกพร่ำเพรื่อ และความกังวลของพระองค์ก็มีเหตุผล ฆ่าฟันกันมากเกินไป ในที่สุดก็จะนำมาซึ่งภัยพิบัติแก่ประเทศชาติ ตอนนี้ได้เกิดข่าวลือขึ้นมากมายในหมู่ประชาชน ถ้าหากเรื่องการศึกษาค้นคว้าอาวุธถูกแพร่ออกไป เกรงว่าจะเกิดความวุ่นวายขึ้นอีก แน่นอนว่าเป่ยโม่ได้สมคบคิดกับหงเล่ต่อกรกับแค้วนต้าโจว ก็เพราะว่าแคว้นต้าโจวพัฒนารถรบขึ้นมา เกรงว่าแค้วนต้าโจวจะยิ่งใหญ่ขึ้นมา แล้วข่มเหงพวกเขา แคว้นต้าโจวหากไร้เฉินจิ้งถิง เกรงว่าก็คงจะปกป้องเอาไว้ไม่ได้”

หยู่เหวินเห้าพูดว่า “เสด็จพ่อ แม้จะพูดเช่นนี้ แต่ตอนนี้แคว้นต้าโจว ยังมีใครกล้าดูถูกเหยียดหยามอีก อันตรายนั้นมี แต่มีอันตรายจึงจะมีโอกาส เป่ยถังของเราจะกลายเป็นประเทศที่แข็งแกร่ง ก็คือการพัฒนาอาวุธยุทโธปากร แคว้นต้าโจวไม่มีทางจะเป็นมิตรกับเป่ยถังตลอดไป พวกเราต้องคิดเผื่ออนาคตภายหน้าของเป่ยถัง พวกเราไม่รุกราน แต่พวกเราจำเป็นต้องมีการป้องกันที่แข็งแกร่ง”

ฮ่องเต้หมิงหยวนพูดว่า “ถ้าหากจะป้องกัน เช่นนั้นก็สร้างกำแพงเมือง จะไม่ได้ผลที่ดีกว่าหรือ”

หยู่เหวินเห้าที่เต็มไปด้วยความกระตือรือร้น ถูกคำพูดประโยคนี้ของฮ่องเต้หมิงหยวนพังทลายลง เขารู้ว่าเสด็จพ่อเกรงว่าถ้าเป่ยโม่รู้เรื่องการพัฒนาอาวุธจะทำให้เกิดการบุกรุกอย่างกำเริบเสิบสาน แต่ว่าตอนนี้ที่จริงสงครามก็อาจจะปะทุขึ้นได้ สงครามครั้งนี้ หากต้องรบจริง เช่นนั้นก็ต้องสู้

เขารู้ว่าไม่สามารถเกลี้ยกล่อมเสด็จพ่อได้ในเวลานี้ ได้แต่คิดหาวิธีอื่นแล้ว

หลังจากออกจากวัง ใบหน้าเต็มไปด้วยความกลัดกลุ้ม หยวนชิงหลิงรู้ว่าเขาพบกับเรื่องยากเข้าแล้ว พูดว่า “เป็นอย่างไรบ้าง”

“อาวุธเหล่านี้เคยถูกใช้ในสงครามมาก่อนจริงๆ แต่ภายหลังฮ่องเต้ฮุยจงได้สั่งห้าม และไม่ให้ขุนนางบันทึกประวัติศาสตร์บันทึกไว้ด้วย ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด เสด็จปู่บอกว่าฆ่าล้างมากเกินไปจึงได้ถูกฮ่องเต้ฮุยจงสั่งห้าม แต่ข้ารู้สึกว่า น่าจะมีเหตุผลอื่น ไม่เช่นนั้น ทำไมจึงไม่มีการบันทึกเล่า ”

“ขุนศึกเก่าแก่ในราชสำนัก น่าจะรู้เรื่องนี้กระมัง”หยวนชิงหลิงพูด

หยู่เหวินเห้าหัวใจเต้นแรง รีบสั่งการ ให้ไปเชิญฮูหยินติ้งกั๋วที่จวนหยวนมา

ฮูหยินติ้งกั๋วรู้ว่ารัชทายาทเรียกพบ ต้องมีเรื่องสำคัญแน่ ฉะนั้นจึงไม่เสียเวลา รีบออกไปทันที

ได้ยินหยู่เหวินเห้าพูดถึงเรื่องอาวุธดินปืน นางก็นิ่งอึ้ง “ที่กรมทหารยังมีอยู่หรือ”

“ใช่แล้ว ฮูหยินติ้งกั๋วรู้หรือไม่ว่าจะใช้การอาวุธเหล่านั้นอย่างไร”หยู่เหวินเห้าถาม

สายตาของฮูหยินติ้งกั๋วค่อยๆมีชีวิตชีวาขึ้นมา ตื่นเต้นมาก“ยังมีอยู่จริงหรือ ไม่ใช่ทำลายไปหมดแล้วหรือ”

“มีบางส่วนหลงเหลืออยู่ในห้องใต้ดิน แต่ไม่มากแล้ว”หยู่เหวินเห้าพูด

ฮูหยินติ้งกั๋วค่อยๆว่างไม้เท้าลง สายตาทอดไปไกล ความตื่นเต้นยิ่งอยู่ก็ยิ่งเห็นได้ชัด “ตอนนั้น อาวุธเหล่านี้เคยใช้ในสนามรบจริงๆ ข้าคุมกำลังทหารหนึ่งหมื่นนาย เอาชนะกองทัพศัตรูหนึ่งแสนคนได้ ข้าเป็นเกียรติมากที่ได้เข้าร่วมการรบครั้งนั้น นั่นเรียกได้ว่าเป็นความทรงพลังไร้สิ่งใดจะต้านทานได้ พวกเจ้าไม่มีทางนึกภาพออก พวกเราที่มีทหารหนึ่งหมื่นนาย ทำการสู้รบในสงครามกับกองทัพที่แข็งแกร่งและมีจำนวนมหาศาลได้อย่างไร”

“แล้วทำไมภายหลังจึงมีการห้ามใช้เล่า”หยวนชิงหลิงถามขึ้น

ฮูหยินติ้งกั๋วพูดว่า “สงครามครั้งนั้น ฆ่าศัตรูไปห้าหมื่น จับเชลยศึกได้หนึ่งหมื่น ในสนามรบ เลือดไหลนองราวกับแม่น้ำ ศพถูกกองราวกับภูเขา หลังได้ชัยชนะครั้งใหญ่กลับมายังราชสำนัก กลับถูกเหล่าปัญญาชนในประเทศตำหนิว่านักรบของเป่ยถังเราโหดเหี้ยมอำมหิตมาก แม้แต่หญิงสาวเด็กเล็กและคนแก่ของฝ่ายศัตรูก็ไม่ปล่อยไป พอดีกับที่ปีนั้น เป่ยถังเกิดอุทกภัยใหญ่หลวง ท่วมไปหลายเมือง ประชาชนต้องพลัดจากที่อยู่อย่างสิ้นเนื้อประดาตัว ปัญญาชนเหล่านั้นกลับบอกว่าเป็นความผิดที่ขุนศึกโหดเหี้ยมเกินไป ทำให้สวรรค์ลงโทษให้เกิดภัยพิบัติ”

หยวนชิงหลิงหัวใจกระตุก “ปีนั้น คงไม่ได้พอดีกับที่ราชวงศ์มีการตั้งครรภ์ขึ้นพร้อมกันหลายคนกระมัง”

ฮูหยินติ้งกั๋วประหลาดใจ “พระชายารัชทายาทรู้ได้อย่างไร”

สองสามีภรรยาหยู่เหวินเห้าสบตากันแวบหนึ่ง เข้าใจขึ้นมาทันที ที่ว่าราชวงศ์ที่เคยถูกทำลายจะฟื้นคืนอีกครั้ง น้ำในแม่น้ำหวยจะหลากท่วม ประชาชนพลัดพรากจากถิ่นที่อยู่อาศัยอย่างสิ้นเนื้อประดาตัว ที่จริงเป็นการพาดพิงถึงภัยพิบัติในครั้งนั้นที่เกิดขึ้นเพราะราชวงศ์ไร้คุณธรรมดังเช่นในตอนนี้

มีคนจงใจต้องการจะสร้างข่าวลือให้เหมือนกับตอนนั้นเพื่อโจมตี

หยู่เหวินเห้าคิดในใจ คาดว่าเสด็จพ่อคงจะรู้เรื่องเหล่านี้ แต่เพียงเพราะว่าฮ่องเต้ฮุยจงมีราชโองการ เขาที่เป็นฮ่องเต้รุ่นหลังไม่สามารถพูดขึ้นมาได้ และด้วยเหตุนี้ เขาคัดค้านการสร้างอาวุธ เพราะเกรงว่าอุทกภัยครั้งนี้จะมุ่งตรงมาที่ประเด็นที่ราชวงศ์ไร้คุณธรรมอีก

ถึงว่าทำไมจึงรู้สึกว่าตอนที่ราชครู่เหว่ยเอ่ยถึงเรื่องที่ไม่มีการบันทึก มีอาการอึกอักอยู่บ้าง เหมือนอยากจะพูดแต่ก็ไม่พูด

“แล้วตอนนั้นฮ่องเต้ฮุยจงสงบเรื่องราวต่างๆอย่างไร”หยู่เหวินเห้าถาม

ฮูหยินติ้งกั๋วบอกว่า “ตอนนั้น ฮ่องเต้ฮุยจงยังไม่ได้ขึ้นครองราชย์ เป็นฮ่องเต้เซี่ยนที่ครองราชย์ คนในราชสำนักมากมายตำหนิเหล่าขุนพล กระทั่งบีบบังคับให้ฮ่องเต้ฮุยจงสังหารสองสามีภรรยาอ๋องชินเฟิงอัน เพื่อระงับความพิโรธของสวรรค์”

หยู่เหวินเห้าเอ่ยอย่างโมโหว่า “สร้างผลงานจากการทำสงคราม แต่กลับต้องเผชิญกับอันตรายที่ต้องถูกประหาร นี่ไม่น่าขันหรือ”

“ใช่ แต่ยังดี ฮ่องเต้เซี่ยนไม่ได้ทำตาม เขายังทำถึงขั้นแต่งตั้งและให้รางวัลกับเหล่าขุนพลและทหารทั้งหลายที่สร้างผลงานในสงครามครั้งนี้อีกด้วย ระงับข้อครหาต่างๆ ควบคุมอุทกภัย อ๋องชินเฟิงอันกลายเป็นพระราชนัดดาที่ทุกคนต่างต้องเกรงใจ”

หยู่เหวินเห้าผ่อนลมหายใจหนึ่งเฮือก แต่จากนั้นก็รู้สึกไม่เข้าใจ “ในเมื่อฮ่องเต้เซี่ยนไม่ได้ลงโทษอ๋องชินเฟิงอัน และไม่ได้ยับยั้งการใช้อาวุธดินปืน ทำไมหลังจากที่ฮ่องเต้ฮุยจงขั้นครองราชย์แล้ว กลับห้ามเล่า ”

ฮูหยินติ้งกั๋วกดเสียงให้เบาลง “มีคำพูดประโยคหนึ่ง ข้าพูดแล้วจะเป็นการไม่เคารพอย่างยิ่ง แต่ความจริงเป็นเช่นนี้ หลังจากฮ่องเต้ฮุยจงขึ้นครองราชย์แล้ว อุทกภัยจากแม่น้ำหวยยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น ในราชสำนักก็มีคนยกเรื่องสงครามขึ้นมาพูดอีก ฮ่องเต้ฮุยจงรับแรงกดดันไม่ไหว จึงได้สั่งให้มีการทำลายอาวุธ ที่สุดแล้วฮ่องเต้ฮุยจงก็ไม่ได้มีจิตใจแข็งแกร่งเหมือนฮ่องเต้เซี่ยน”

แม้ว่าคำพูดของฮูหยินติ้งกั๋วจะไม่เป็นการเคารพสักเท่าไหร่ แต่หยู่เหวินเห้าคิดว่า นั่นคือความจริง

ฮูหยินติ้งกั๋วพูดว่า “รัชทายาทรับช่วงในการดูแลกรมทหาร ก็มีข่าวลือเกี่ยวกับหินที่บินมาจากนอกท้องฟ้าเกิดขึ้น คิดว่าคงมีคนรู้ว่ารัชทายาทต้องพบอาวุธเหล่านี้ในคลังอาวุธแน่ ฉะนั้น จึงสร้างข่าวลือขึ้นก่อน เพราะเกรงว่ารัชทายาทจะทรงศึกษาพัฒนาอาวุธเหล่านี้ต่อไปอีก”

“ฮูหยินคิดว่า เป็นใครที่จงใจขัดขวางเช่นนี้”หยู่เหวินเห้าถามขึ้น

ฮูหยินติ้งกั๋วครุ่นคิด “ตอนนั้น ฉู่หวนบิดาของโสวฝู่ฉู่ เคยรับตำแหน่งสมุหราชเลขาธิการ ได้ร่วมมือกับอ๋องชินยู่สมคบคิดกับตระกูลฉินแห่งเป่ยโม่ อ๋องชินยู่ถูกฆ่าล้างโคตร แต่ก็ได้ปล่อยข่าวคราวมากมายรั่วไหลให้ตระกูลฉินแห่งเป่ยโม่รับรู้ คนของตระกูลฉินต้องคอยจับตาดูอาวุธเหล่านี้อยู่ตลอดแน่ ฉะนั้น เป็นไปได้อย่างยิ่งว่า ยังมีคนของเป่ยโม่เล่นสกปรกอยู่”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

บัลลังก์หมอยาเซียน 1203 ใช้วิธีการเดิมซ้ำอีกครั้ง

Now you are reading บัลลังก์หมอยาเซียน Chapter 1203 ใช้วิธีการเดิมซ้ำอีกครั้ง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หยู่เหวินเห้าไปหาฮ่องเต้หมิงหยวน ถามเรื่องอาวุธดินปืน แต่ฮ่องเต้หมิงหยวนไม่รู้เรื่อง แม้แต่ไท่ซ่างหวงก็ยังไม่เคยบอกกับเขามาก่อน

เรียกตัวราชครู่เหว่ยมา ถามว่าเคยบันทึกไว้หรือไม่ แต่ราชครู่เหว่ยบอกว่าไม่เคยบันทึกเกี่ยวกับอาวุธดินปืนว่าเคยใช้กับการสู้รบครั้งไหนมาก่อน ตอนที่ราชครูเหว่ยพูด อึกๆอักๆ เห็นได้ชัดว่ารู้ตื้นลึกหนาบางอยู่บ้าง

“แต่ว่า ไท่ซ่างหวงบอกว่าเคยใช้แค่ครั้งเดียว ภายหลังก็ถูกฮ่องเต้ฮุยจงห้าม เสด็จพ่อ อาวุธเหล่านี้แม้จะไม่สามารถเทียบกับรถรบที่แค้วนต้าโจวศึกษาค้นคว้าพัฒนาได้ แต่ก็มีประโยชน์มหาศาล ลูกขอเสนอแนะว่า สามารถให้กรมทหารทำการศึกษาพัฒนาต่อไป ”หยู่เหวินเห้าพูด

ฮ่องเต้หมิงหยวนลังเลใจอยู่บ้าง “ในเมื่อฮ่องเต้ฮุยจงมีราชโองการเด็ดขาดไม่ให้ใช้อาวุธเหล่านี้ ข้ารู้สึกว่าจะไม่เป็นการดีถ้าหากจะขัดราชโองการของพระองค์ท่าน”

หยู่เหวินเห้าร้อนใจขึ้นมา “เสด็จพ่อ ตอนนี้พวกเราซื้อรถรบจากแคว้นต้าโจว พลังทำลายล้างก็สูงเช่นกัน พวกเราต่างก็นำไปใช้ในสนามรบเหมือนกัน ทำไมซื้อของผู้อื่นได้ แต่ไม่สามารถศึกษาพัฒนาเองได้เล่า ตอนนี้กับตอนนั้นไม่เหมือนกัน ตอนฮ่องเต้ฮุยจง มีอ๋องชินเฟิงอันเฝ้ารักษาการณ์ชายแดน คนต่างแคว้นต่างก็ไม่มีใครกล้ามารุกราน แต่ตอนนี้เป่ยโม่กำลังจ้องหาโอกาสด้วยเจตนาร้าย ทะเยอทะยานโฉดชั่ว จะไม่ป้องกันไม่ได้เด็ดขาด”

ฮ่องเต้หมิงหยวนครุ่นคิด “เรื่องนี้ เสด็จปู่ของเจ้าว่าอย่างไรบ้าง”

“เสด็จปู่บอกว่าไม่คัดค้าน แต่ก็ไม่เห็นด้วย”

ฮ่องเต้หมิงหยวนนิ่งเงียบไปชั่วครู่ “เขาไม่มีคำสั่งลงมา ข้าก็ไม่กล้าตัดสินใจ”

พูดอีกอย่างคือ เขาก็ไม่ยินดีจะเป็นคนที่ขัดพระบัญชาของฮ่องเต้ฮุยจงเช่นกัน

หยู่เหวินเห้าถอนหายใจ “เสด็จพ่อ ท่านโปรดพิจารณาดูก่อน เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องประกาศให้ทุกคนรับรู้ กรมทหารทำการศึกษาอย่างเงียบๆก็พอ รอให้พัฒนาเสร็จแล้ว จะใช้หรือไม่ใช้ ค่อยว่ากันอีกที ”

ฮ่องเต้หมิงหยวนพูดว่า “ฮ่องเต้ฮุยจงห้าม น่าจะเป็นเพราะไม่ยินดีให้เป่ยถังต้องตกอยู่ในสถานการณ์ทุ่มกำลังทัพจับศึกพร่ำเพรื่อ และความกังวลของพระองค์ก็มีเหตุผล ฆ่าฟันกันมากเกินไป ในที่สุดก็จะนำมาซึ่งภัยพิบัติแก่ประเทศชาติ ตอนนี้ได้เกิดข่าวลือขึ้นมากมายในหมู่ประชาชน ถ้าหากเรื่องการศึกษาค้นคว้าอาวุธถูกแพร่ออกไป เกรงว่าจะเกิดความวุ่นวายขึ้นอีก แน่นอนว่าเป่ยโม่ได้สมคบคิดกับหงเล่ต่อกรกับแค้วนต้าโจว ก็เพราะว่าแคว้นต้าโจวพัฒนารถรบขึ้นมา เกรงว่าแค้วนต้าโจวจะยิ่งใหญ่ขึ้นมา แล้วข่มเหงพวกเขา แคว้นต้าโจวหากไร้เฉินจิ้งถิง เกรงว่าก็คงจะปกป้องเอาไว้ไม่ได้”

หยู่เหวินเห้าพูดว่า “เสด็จพ่อ แม้จะพูดเช่นนี้ แต่ตอนนี้แคว้นต้าโจว ยังมีใครกล้าดูถูกเหยียดหยามอีก อันตรายนั้นมี แต่มีอันตรายจึงจะมีโอกาส เป่ยถังของเราจะกลายเป็นประเทศที่แข็งแกร่ง ก็คือการพัฒนาอาวุธยุทโธปากร แคว้นต้าโจวไม่มีทางจะเป็นมิตรกับเป่ยถังตลอดไป พวกเราต้องคิดเผื่ออนาคตภายหน้าของเป่ยถัง พวกเราไม่รุกราน แต่พวกเราจำเป็นต้องมีการป้องกันที่แข็งแกร่ง”

ฮ่องเต้หมิงหยวนพูดว่า “ถ้าหากจะป้องกัน เช่นนั้นก็สร้างกำแพงเมือง จะไม่ได้ผลที่ดีกว่าหรือ”

หยู่เหวินเห้าที่เต็มไปด้วยความกระตือรือร้น ถูกคำพูดประโยคนี้ของฮ่องเต้หมิงหยวนพังทลายลง เขารู้ว่าเสด็จพ่อเกรงว่าถ้าเป่ยโม่รู้เรื่องการพัฒนาอาวุธจะทำให้เกิดการบุกรุกอย่างกำเริบเสิบสาน แต่ว่าตอนนี้ที่จริงสงครามก็อาจจะปะทุขึ้นได้ สงครามครั้งนี้ หากต้องรบจริง เช่นนั้นก็ต้องสู้

เขารู้ว่าไม่สามารถเกลี้ยกล่อมเสด็จพ่อได้ในเวลานี้ ได้แต่คิดหาวิธีอื่นแล้ว

หลังจากออกจากวัง ใบหน้าเต็มไปด้วยความกลัดกลุ้ม หยวนชิงหลิงรู้ว่าเขาพบกับเรื่องยากเข้าแล้ว พูดว่า “เป็นอย่างไรบ้าง”

“อาวุธเหล่านี้เคยถูกใช้ในสงครามมาก่อนจริงๆ แต่ภายหลังฮ่องเต้ฮุยจงได้สั่งห้าม และไม่ให้ขุนนางบันทึกประวัติศาสตร์บันทึกไว้ด้วย ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด เสด็จปู่บอกว่าฆ่าล้างมากเกินไปจึงได้ถูกฮ่องเต้ฮุยจงสั่งห้าม แต่ข้ารู้สึกว่า น่าจะมีเหตุผลอื่น ไม่เช่นนั้น ทำไมจึงไม่มีการบันทึกเล่า ”

“ขุนศึกเก่าแก่ในราชสำนัก น่าจะรู้เรื่องนี้กระมัง”หยวนชิงหลิงพูด

หยู่เหวินเห้าหัวใจเต้นแรง รีบสั่งการ ให้ไปเชิญฮูหยินติ้งกั๋วที่จวนหยวนมา

ฮูหยินติ้งกั๋วรู้ว่ารัชทายาทเรียกพบ ต้องมีเรื่องสำคัญแน่ ฉะนั้นจึงไม่เสียเวลา รีบออกไปทันที

ได้ยินหยู่เหวินเห้าพูดถึงเรื่องอาวุธดินปืน นางก็นิ่งอึ้ง “ที่กรมทหารยังมีอยู่หรือ”

“ใช่แล้ว ฮูหยินติ้งกั๋วรู้หรือไม่ว่าจะใช้การอาวุธเหล่านั้นอย่างไร”หยู่เหวินเห้าถาม

สายตาของฮูหยินติ้งกั๋วค่อยๆมีชีวิตชีวาขึ้นมา ตื่นเต้นมาก“ยังมีอยู่จริงหรือ ไม่ใช่ทำลายไปหมดแล้วหรือ”

“มีบางส่วนหลงเหลืออยู่ในห้องใต้ดิน แต่ไม่มากแล้ว”หยู่เหวินเห้าพูด

ฮูหยินติ้งกั๋วค่อยๆว่างไม้เท้าลง สายตาทอดไปไกล ความตื่นเต้นยิ่งอยู่ก็ยิ่งเห็นได้ชัด “ตอนนั้น อาวุธเหล่านี้เคยใช้ในสนามรบจริงๆ ข้าคุมกำลังทหารหนึ่งหมื่นนาย เอาชนะกองทัพศัตรูหนึ่งแสนคนได้ ข้าเป็นเกียรติมากที่ได้เข้าร่วมการรบครั้งนั้น นั่นเรียกได้ว่าเป็นความทรงพลังไร้สิ่งใดจะต้านทานได้ พวกเจ้าไม่มีทางนึกภาพออก พวกเราที่มีทหารหนึ่งหมื่นนาย ทำการสู้รบในสงครามกับกองทัพที่แข็งแกร่งและมีจำนวนมหาศาลได้อย่างไร”

“แล้วทำไมภายหลังจึงมีการห้ามใช้เล่า”หยวนชิงหลิงถามขึ้น

ฮูหยินติ้งกั๋วพูดว่า “สงครามครั้งนั้น ฆ่าศัตรูไปห้าหมื่น จับเชลยศึกได้หนึ่งหมื่น ในสนามรบ เลือดไหลนองราวกับแม่น้ำ ศพถูกกองราวกับภูเขา หลังได้ชัยชนะครั้งใหญ่กลับมายังราชสำนัก กลับถูกเหล่าปัญญาชนในประเทศตำหนิว่านักรบของเป่ยถังเราโหดเหี้ยมอำมหิตมาก แม้แต่หญิงสาวเด็กเล็กและคนแก่ของฝ่ายศัตรูก็ไม่ปล่อยไป พอดีกับที่ปีนั้น เป่ยถังเกิดอุทกภัยใหญ่หลวง ท่วมไปหลายเมือง ประชาชนต้องพลัดจากที่อยู่อย่างสิ้นเนื้อประดาตัว ปัญญาชนเหล่านั้นกลับบอกว่าเป็นความผิดที่ขุนศึกโหดเหี้ยมเกินไป ทำให้สวรรค์ลงโทษให้เกิดภัยพิบัติ”

หยวนชิงหลิงหัวใจกระตุก “ปีนั้น คงไม่ได้พอดีกับที่ราชวงศ์มีการตั้งครรภ์ขึ้นพร้อมกันหลายคนกระมัง”

ฮูหยินติ้งกั๋วประหลาดใจ “พระชายารัชทายาทรู้ได้อย่างไร”

สองสามีภรรยาหยู่เหวินเห้าสบตากันแวบหนึ่ง เข้าใจขึ้นมาทันที ที่ว่าราชวงศ์ที่เคยถูกทำลายจะฟื้นคืนอีกครั้ง น้ำในแม่น้ำหวยจะหลากท่วม ประชาชนพลัดพรากจากถิ่นที่อยู่อาศัยอย่างสิ้นเนื้อประดาตัว ที่จริงเป็นการพาดพิงถึงภัยพิบัติในครั้งนั้นที่เกิดขึ้นเพราะราชวงศ์ไร้คุณธรรมดังเช่นในตอนนี้

มีคนจงใจต้องการจะสร้างข่าวลือให้เหมือนกับตอนนั้นเพื่อโจมตี

หยู่เหวินเห้าคิดในใจ คาดว่าเสด็จพ่อคงจะรู้เรื่องเหล่านี้ แต่เพียงเพราะว่าฮ่องเต้ฮุยจงมีราชโองการ เขาที่เป็นฮ่องเต้รุ่นหลังไม่สามารถพูดขึ้นมาได้ และด้วยเหตุนี้ เขาคัดค้านการสร้างอาวุธ เพราะเกรงว่าอุทกภัยครั้งนี้จะมุ่งตรงมาที่ประเด็นที่ราชวงศ์ไร้คุณธรรมอีก

ถึงว่าทำไมจึงรู้สึกว่าตอนที่ราชครู่เหว่ยเอ่ยถึงเรื่องที่ไม่มีการบันทึก มีอาการอึกอักอยู่บ้าง เหมือนอยากจะพูดแต่ก็ไม่พูด

“แล้วตอนนั้นฮ่องเต้ฮุยจงสงบเรื่องราวต่างๆอย่างไร”หยู่เหวินเห้าถาม

ฮูหยินติ้งกั๋วบอกว่า “ตอนนั้น ฮ่องเต้ฮุยจงยังไม่ได้ขึ้นครองราชย์ เป็นฮ่องเต้เซี่ยนที่ครองราชย์ คนในราชสำนักมากมายตำหนิเหล่าขุนพล กระทั่งบีบบังคับให้ฮ่องเต้ฮุยจงสังหารสองสามีภรรยาอ๋องชินเฟิงอัน เพื่อระงับความพิโรธของสวรรค์”

หยู่เหวินเห้าเอ่ยอย่างโมโหว่า “สร้างผลงานจากการทำสงคราม แต่กลับต้องเผชิญกับอันตรายที่ต้องถูกประหาร นี่ไม่น่าขันหรือ”

“ใช่ แต่ยังดี ฮ่องเต้เซี่ยนไม่ได้ทำตาม เขายังทำถึงขั้นแต่งตั้งและให้รางวัลกับเหล่าขุนพลและทหารทั้งหลายที่สร้างผลงานในสงครามครั้งนี้อีกด้วย ระงับข้อครหาต่างๆ ควบคุมอุทกภัย อ๋องชินเฟิงอันกลายเป็นพระราชนัดดาที่ทุกคนต่างต้องเกรงใจ”

หยู่เหวินเห้าผ่อนลมหายใจหนึ่งเฮือก แต่จากนั้นก็รู้สึกไม่เข้าใจ “ในเมื่อฮ่องเต้เซี่ยนไม่ได้ลงโทษอ๋องชินเฟิงอัน และไม่ได้ยับยั้งการใช้อาวุธดินปืน ทำไมหลังจากที่ฮ่องเต้ฮุยจงขั้นครองราชย์แล้ว กลับห้ามเล่า ”

ฮูหยินติ้งกั๋วกดเสียงให้เบาลง “มีคำพูดประโยคหนึ่ง ข้าพูดแล้วจะเป็นการไม่เคารพอย่างยิ่ง แต่ความจริงเป็นเช่นนี้ หลังจากฮ่องเต้ฮุยจงขึ้นครองราชย์แล้ว อุทกภัยจากแม่น้ำหวยยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น ในราชสำนักก็มีคนยกเรื่องสงครามขึ้นมาพูดอีก ฮ่องเต้ฮุยจงรับแรงกดดันไม่ไหว จึงได้สั่งให้มีการทำลายอาวุธ ที่สุดแล้วฮ่องเต้ฮุยจงก็ไม่ได้มีจิตใจแข็งแกร่งเหมือนฮ่องเต้เซี่ยน”

แม้ว่าคำพูดของฮูหยินติ้งกั๋วจะไม่เป็นการเคารพสักเท่าไหร่ แต่หยู่เหวินเห้าคิดว่า นั่นคือความจริง

ฮูหยินติ้งกั๋วพูดว่า “รัชทายาทรับช่วงในการดูแลกรมทหาร ก็มีข่าวลือเกี่ยวกับหินที่บินมาจากนอกท้องฟ้าเกิดขึ้น คิดว่าคงมีคนรู้ว่ารัชทายาทต้องพบอาวุธเหล่านี้ในคลังอาวุธแน่ ฉะนั้น จึงสร้างข่าวลือขึ้นก่อน เพราะเกรงว่ารัชทายาทจะทรงศึกษาพัฒนาอาวุธเหล่านี้ต่อไปอีก”

“ฮูหยินคิดว่า เป็นใครที่จงใจขัดขวางเช่นนี้”หยู่เหวินเห้าถามขึ้น

ฮูหยินติ้งกั๋วครุ่นคิด “ตอนนั้น ฉู่หวนบิดาของโสวฝู่ฉู่ เคยรับตำแหน่งสมุหราชเลขาธิการ ได้ร่วมมือกับอ๋องชินยู่สมคบคิดกับตระกูลฉินแห่งเป่ยโม่ อ๋องชินยู่ถูกฆ่าล้างโคตร แต่ก็ได้ปล่อยข่าวคราวมากมายรั่วไหลให้ตระกูลฉินแห่งเป่ยโม่รับรู้ คนของตระกูลฉินต้องคอยจับตาดูอาวุธเหล่านี้อยู่ตลอดแน่ ฉะนั้น เป็นไปได้อย่างยิ่งว่า ยังมีคนของเป่ยโม่เล่นสกปรกอยู่”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+