บัลลังก์หมอยาเซียน 823 ท่านจำข้าไม่ได้แล้ว

Now you are reading บัลลังก์หมอยาเซียน Chapter 823 ท่านจำข้าไม่ได้แล้ว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ย่าหยวนฟังคำบอกใบ้ของหยวนชิงหลิงออก อ้างเหตุผลว่าร่างกายไม่อำนวย ปฏิเสธการขอพบของท่านชายหงเย่ ยังให้หมันเอ๋อบอกต่อท่านชายหงเย่ บอกว่าวันหลังอาการป่วยดีขึ้นแล้ว จะไปเยี่ยมเยียนท่านชายหงเย่ด้วยตัวเอง ขอบคุณที่เขาได้ช่วยเหลือ

หมันเอ๋อออกมาแจ้ง หยวนชิงหลิงจึงกล่าวด้วยความเสียใจเป็นที่สุด: “ขออภัยจริงๆ ฮูหยินใหญ่สุขภาพร่างกายไม่ดี ออกมาพบลำบาก ขอท่านชายอย่าได้ถือโทษ”

ท่านชายหงเย่ถามด้วยแววตาห่วงใย “ฮูหยินใหญ่ไม่เป็นอะไรหรอกนะพ่ะย่ะค่ะ? ข้าน้อยเข้าใจวิชาการรักษาเล็กน้อย ไม่เช่นนั้นข้าน้อยไปตรวจชีพจรให้ฮูหยินใหญ่ด้วยตัวเองดีกว่าพ่ะย่ะค่ะ?”

หยวนชิงหลิงหัวเราะและกล่าว: “ท่านชายเจตนาดี แต่ตัวฮูหยินใหญ่เป็นหมอ ไม่จำเป็นต้องลำบากท่านชาย วันหน้ารอฮูหยินใหญ่หายแล้ว ค่อยมาเยี่ยมก็ไม่สาย”

ท่านชายหงเย่กล่าว: “ทำได้เพียงเช่นนี้แล้วพ่ะย่ะค่ะ”

ท่านชายหงเย่ยืนขึ้น คำนับหยวนชิงหลิงแล้วถาม “ครั้งแรกที่ข้าน้อยมาจวนอ๋องฉู่ ได้ยินว่าทิวทัศน์ของจวนอ๋องฉู่งดงาม ไม่รู้ว่าสามารถให้ข้าน้อยเดินเล่นรอบๆได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”

หยวนชิงหลิงคิดว่าเขาลุกขึ้นมาเพราะต้องการจากไป รู้ที่ไหนว่าเขาจะเสนอว่าต้องการเดินเล่นในจวน หลังจากมองดูเขาด้วยความตะลึงเล็กน้อย ไม่รู้ว่าเขาจะมาไม้ไหนกันแน่ อย่างไรก็เป็นแขกที่เอาของขวัญมาเยี่ยมถึงบ้าน และจนถึงตอนนี้ทั้งสองประเทศก็ไม่มีความเป็นปฏิปักษ์กัน ขับไล่คนออกไปด้านนอกเกรงว่าจะโดนครหา หลังจากนางไตร่ตรองครู่หนึ่งจึงกล่าว: “งั้นก็ได้ ข้าเรียกให้คนพาท่านชายไปเดินเล่นรอบๆ”

ใครจะรู้เขากลับมองดูหยวนชิงหลิง “พระชายารัชทายาทสามารถอยู่เป็นเพื่อนข้าได้หรือไม่? แม้ไม่ได้ทำเพราะด้วยมิตรภาพของเจ้าบ้าน ก็ทำเพื่อตอบแทนน้ำใจของข้าน้อยเพื่อฮูหยินใหญ่”

เสียงของเขาอ่อนนุ่มมาก เดิมทีเสียงเช่นนี้ทำให้คนที่ได้ฟังรู้สึกสบายเป็นอย่างมาก แต่หยวนชิงหลิงกลับรู้สึกไม่สบายเป็นที่สุด เพราะคำพูดของเขามีการบังคับที่โต้แย้งไม่ได้ เป็นการบังคับแบบลักพาตัว

มิตรภาพของเจ้าบ้านอะไร น้ำใจ เหล่านี้ล้วนไม่สามารถปฏิเสธได้

ทีแรกหยวนชิงหลิงไม่ค่อยอยากอยู่เป็นเพื่อน แต่ในเมื่อเขาบังคับถึงขั้นนี้แล้ว หลบเลี่ยงก็ไม่เหมาะสม ดูซิว่าเขาจะเล่นอะไรไม้ไหนยังดีซะกว่า

“ได้ ท่านชายเชิญ!” หยวนชิงหลิงยืนขึ้นแล้วกล่าว

ทั้งสองคนย่ำเท้าออกจากเรือนหลักตามลำดับก่อนหลัง หมันเอ๋อตามติดทุกฝีก้าว จับจ้องเงาหลังของท่านชายหงเย่ด้วยความเตรียมพร้อม มือกดอยู่ที่ช่วงเอว ช่วงเอวพันด้วยแส้อ่อนๆเส้นหนึ่ง นางคิดว่าหากเห็นท่านชายหงเย่มีพฤติกรรมอะไรที่ไม่เหมาะสม ก็จะต้องลงมือทันที

อันที่จริงทัศนียภาพของจวนอ๋องฉู่ไม่ได้นับว่างดงามเป็นที่สุด แต่ตอนนี้เป็นช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วง สายลมฤดูใบไม้ร่วงย้อมทั้งลานเป็นสีเหลือง คนใช้ที่กวาดพื้นแม้จะมีผู้หนึ่งโบกไม้กวาด แต่มักจะมีใบไม้สีเหลืองปูอยู่บนทางเดินที่เป็นหินก้อนเล็กๆและบนศาลาเสมอ ทิวทัศน์ที่ธรรมชาติมอบให้มีเสน่ห์เฉพาะตัว ตลอดทางที่เดินไป ท่านชายหงเย่ชื่นชมไม่หยุดปากจริงๆ จนกระทั่งยังหันกลับมายิ้มให้หยวนชิงหลิงแล้วกล่าว: “เซียนเปยของข้าพื้นที่กว้างใหญ่รกร้าง ปลูกต้นไม้ดีๆเช่นนี้ไม่ได้ น่าเสียดายจริงๆ”

หยวนชิงหลิงกล่าวเรียบๆ: “ไม่ว่าดินจะไม่สมบูรณ์เพียงไร ดอกไม้ก็สามารถบานออกมาได้ ดูเพียงแค่คนที่เพาะปลูกมีใจหรือไม่ หากว่าคิดถึงแต่ของคนอื่นอยู่ตลอด รังเกียจของตัวเอง เป็นธรรมดาที่จะรกร้างทั้งผืน ใจคนก็เป็นเช่นนี้ ท่านชายว่าใช่หรือไม่?”

ท่านชายหงเย่ส่ายหน้าเบาๆ มองดูหยวนชิงหลิงอย่างครุ่นคิดแวบหนึ่ง “ข้าน้อยเพียงทอดถอนใจเรื่อยเปื่อยไม่กี่ประโยค ทำไมพระชายารัชทายาทถึงได้พูดเหน็บแนมกระทบผู้อื่นด้วยพ่ะย่ะค่ะ? ข้าน้อยไม่ได้มีเจตนาร้ายนะพ่ะย่ะค่ะ”

“ข้าก็ไม่ได้มีเจตนาไม่ดี เป็นเพียงแค่คำพูดโน้มน้าว”

ท่านชายหงเย่ยิ้มๆ ไม่ได้กล่าวว่าถูกหรือผิด

ทั้งสองคนเดินหน้าต่อไป ผ่านระเบียงลงไปที่ลาน ขึ้นสะพานโค้งเขาก็หยุดนิ่งฝีเท้า มือสองข้างค้ำราวจับหินอ่อนมองลงไปด้านล่าง ด้านล่างเป็นทะเลสาบที่คนสร้างขึ้น ดอกบัวร่วงโรย ในน้ำใสเต็มสระสามารถมองเห็นปลาที่เลี้ยงไว้แหวกว่ายไปมา

ที่ไกลๆข้างริมฝั่งมีภูเขาปลอมลูกหนึ่ง ภูเขาปลอมทดน้ำจากข้างบนไหลลงมาด้านล่าง ก่อเป็นน้ำตกเล็กๆแห่งหนึ่ง ทัศนียภาพแบบนี้จริงๆแล้วเป็นการทำอย่างสุดความสามารถของคนงาน ไม่ได้ถือว่าประณีตงดงาม จ่ายเงินนิดหน่อยก็สามารถทำได้แล้ว แต่ท่านชายหงเย่กลับชื่นชอบเป็นที่สุด มองดูน้ำที่ไหลลงมาจากบนภูเขาปลอมนั่นอยู่ตลอด

สีหน้าท่าทางของเขาคือเงียบและเคร่งขรึม บนใบหน้าที่สง่างามราวกับปกคลุมด้วยความกลัดกลุ้มเล็กน้อย เสื้อสีแดงมีเสียงดังหวิวๆในสายลม เขาไม่ได้สวมมงกุฎ ผมสีดำห้อยลงมาด้านหลัง มัดด้วยผ้าไหม ยิ่งเพิ่มความผ่าเผยขึ้นสองสามระดับ

เขามองดูภูเขาปลอม ฉับพลันนั้นก็หัวเราะไปทางหยวนชิงหลิงเบาๆ “ตอนข้าเด็กๆมักจะกระโดดลงมาจากภูเขาปลอมเสมอ ดำลงไปในทะเลสาบ เล่นหัวเราะสนุกสนานกับปลา เป็นเรื่องที่ชื่นชอบโดยไม่เบื่อหน่าย”

หยวนชิงหลิงเดินเข้าไปช้าๆ มองดูภูเขาปลอมนั่นที่เขาพูด น้ำไหลเข้าไปในทะเลสาบ ละอองน้ำสีขาวๆกระเซ็นขึ้นมา เพราะไกลมาก มองไม่เห็นว่าปลากำลังเล่นอยู่ที่นั่นหรือไม่ นางกล่าวเบาๆ: “งั้นหรือ? เซียนเปยก็ชอบสร้างภูเขาปลอมที่มีน้ำไหลในลานบ้านด้วยหรือ?”

“ข้าเติบโตที่เป่ยถัง” ท่านชายหงเย่หันมา หันหลังให้ภูเขาปลอม เผชิญหน้ากับหยวนชิงหลิง ในดวงตาราวกับแข็งตัวเป็นอำพันชิ้นหนึ่ง สีแดงเข้มอมสีฟ้าหม่นเล็กน้อย “ครั้งแรกตอนที่ข้าน้อยเจอพระชายารัชทายาท ก็อยู่ในงานเลี้ยงฉลองของพระราชวัง”

หยวนชิงหลิงมองดูเขา “ใช่แล้ว พวกเราพบหน้ากันครั้งแรกในงานเลี้ยงของพระราชวัง” เขาพูดคำเหล่านี้ชั่งน่าแปลกจริงๆ ราวกับว่าไม่ได้มีจุดประสงค์ใดๆ แต่ มักจะทำให้คนรู้สึกอึดอัดเสมอ

“หลังจากครั้งนั้นเป็นต้นมา ข้ามักอยากจะพบเจอกับพระชายารัชทายาทอีกสักครั้งอยู่เสมอ ดังนั้น ข้าอยู่ต่อที่เป่ยถังระยะหนึ่ง เคยบังเอิญพบกับพระชายารัชทายาท เกรงว่าพระชายารัชทายาทคงจะจำไม่ได้แล้วสินะพ่ะย่ะค่ะ?”

หยวนชิงหลิงขมวดคิ้ว “ท่านอยากพูดอะไร?”

ท่านชายหงเย่เพ่งมองนาง สีหน้าไม่เข้าใจ “พระชายารัชทายาทอย่าได้ถือโทษ ข้าน้อยไม่ได้มีความคิดเกินเลยใดๆต่อพระชายารัชทายาท เพียงแค่โฉมหน้าของพระชายารัชทายาทคล้ายกับเพื่อนเก่าท่านหนึ่งของข้าน้อย ดังนั้นจึงอยากดูมากขึ้นหน่อยพ่ะย่ะค่ะ”

“หากว่าอยากพบ ทำไมท่านไม่ไปหานางตรงๆ?” หยวนชิงหลิงกล่าว

ท่านชายหงเย่ตาละห้อย กล่าวเบาๆ: “เพื่อนเก่าของข้าน้อยผู้นี้ ไม่ได้อยู่บนโลกมนุษย์นี้แล้ว ชีวิตนี้ข้าก็พบนางไม่ได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ”

หยวนชิงหลิงตะลึงงัน มองดูเขา

ความโศกเศร้าและความเสียใจที่ไหลออกมาจากนัยน์ตาของเขาทั้งหมดเป็นความแท้จริงเพียงนี้ ไม่เหมือนแสดงละครสักนิด โดยเฉพาะความเปียกชุ่มในดวงตา ราวกับมีน้ำตาที่ใกล้จะไหลออกมาจริงๆ มองดูคิ้วที่งดงามของเขาก็ย้อมเป็นสีแดง ท่าทางเหมือนกับจะร้องไห้จริงๆ

หยวนชิงหลิงไม่รู้วัตถุประสงค์ที่เขาเอ่ยคำเหล่านี้ต่อนาง คนผู้นี้ดูเหมือนเฉยเมยแต่สุภาพ แต่ทุกแววตาทุกการกระทำล้วนสามารถทำให้คนรู้สึกว่าเต็มเปี่ยมไปด้วยแผนการความคิด นี่เป็นคนที่ย้อนแย้งกันเป็นพิเศษผู้หนึ่ง หยวนชิงหลิงมั่นใจว่าเขาจะไม่ทำเรื่องที่ไร้ประโยชน์ ยิ่งไม่ได้มีเวลาว่างมาคุยเล่นกับนางที่นี่ จะต้องมีเจตนาอะไรเป็นแน่

ดังนั้น หยวนชิงหลิงกล่าว: “ข้าไม่ชอบการพูดจาคาดเดาไปมา มีอะไรพูดออกมาตรงๆจะดีกว่า”

“ไม่มีจริงๆ เพียงแค่อยากพบเจอท่านเป็นพิเศษ” เขายังคงเพ่งมองหยวนชิงหลิง เต็มเปี่ยมไปด้วยความอาลัยอาวรณ์

“พอแล้ว!” หยวนชิงหลิงไม่พอใจเล็กน้อย “ท่านชายโปรดระวังคำพูด ถ้าหากว่าพูดจาเช่นนี้อีก จวนอ๋องฉู่จะไม่ต้อนรับท่านอีก”

“ท่านอย่าได้โกรธเคืองเลยพ่ะย่ะค่ะ ท่านไม่ชอบฟัง ข้าไม่พูดก็ได้แล้ว” เขาตะลึงเล็กน้อย หมุนตัวไปช้าๆ ทิ้งเงาหลังที่เรียวยาวไว้ “แต่ท่านไม่รู้นี่ ตอนที่ข้าอยู่เป่ยถัง แอบมาดูท่านหลายครั้งแล้ว รู้ว่าเขาทำดีต่อท่าน ข้าถึงได้วางใจกลับไป ตอนนั้นข้าคิด หากว่าเขาทำไม่ดีต่อท่าน ไม่ว่าท่านยังจำข้าได้หรือไม่ ข้าก็จะพาท่านไป ข้าเคยสาบาน ทั้งชีวิตนี้จะไม่ให้ท่านได้รับความน้อยใจอีกแม้แต่น้อย”

คำพูดนี้ทำให้หยวนชิงหลิงขนลุกขนพอง

จำเขาได้หรือไม่? ก่อนหน้านี้พวกเขาไม่เคยรู้จักกัน คำพูดนี้เริ่มพูดขึ้นมาจากตอนไหนกันนะ?

เขาเป็นบ้าหรือ?

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

บัลลังก์หมอยาเซียน 823 ท่านจำข้าไม่ได้แล้ว

Now you are reading บัลลังก์หมอยาเซียน Chapter 823 ท่านจำข้าไม่ได้แล้ว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ย่าหยวนฟังคำบอกใบ้ของหยวนชิงหลิงออก อ้างเหตุผลว่าร่างกายไม่อำนวย ปฏิเสธการขอพบของท่านชายหงเย่ ยังให้หมันเอ๋อบอกต่อท่านชายหงเย่ บอกว่าวันหลังอาการป่วยดีขึ้นแล้ว จะไปเยี่ยมเยียนท่านชายหงเย่ด้วยตัวเอง ขอบคุณที่เขาได้ช่วยเหลือ

หมันเอ๋อออกมาแจ้ง หยวนชิงหลิงจึงกล่าวด้วยความเสียใจเป็นที่สุด: “ขออภัยจริงๆ ฮูหยินใหญ่สุขภาพร่างกายไม่ดี ออกมาพบลำบาก ขอท่านชายอย่าได้ถือโทษ”

ท่านชายหงเย่ถามด้วยแววตาห่วงใย “ฮูหยินใหญ่ไม่เป็นอะไรหรอกนะพ่ะย่ะค่ะ? ข้าน้อยเข้าใจวิชาการรักษาเล็กน้อย ไม่เช่นนั้นข้าน้อยไปตรวจชีพจรให้ฮูหยินใหญ่ด้วยตัวเองดีกว่าพ่ะย่ะค่ะ?”

หยวนชิงหลิงหัวเราะและกล่าว: “ท่านชายเจตนาดี แต่ตัวฮูหยินใหญ่เป็นหมอ ไม่จำเป็นต้องลำบากท่านชาย วันหน้ารอฮูหยินใหญ่หายแล้ว ค่อยมาเยี่ยมก็ไม่สาย”

ท่านชายหงเย่กล่าว: “ทำได้เพียงเช่นนี้แล้วพ่ะย่ะค่ะ”

ท่านชายหงเย่ยืนขึ้น คำนับหยวนชิงหลิงแล้วถาม “ครั้งแรกที่ข้าน้อยมาจวนอ๋องฉู่ ได้ยินว่าทิวทัศน์ของจวนอ๋องฉู่งดงาม ไม่รู้ว่าสามารถให้ข้าน้อยเดินเล่นรอบๆได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”

หยวนชิงหลิงคิดว่าเขาลุกขึ้นมาเพราะต้องการจากไป รู้ที่ไหนว่าเขาจะเสนอว่าต้องการเดินเล่นในจวน หลังจากมองดูเขาด้วยความตะลึงเล็กน้อย ไม่รู้ว่าเขาจะมาไม้ไหนกันแน่ อย่างไรก็เป็นแขกที่เอาของขวัญมาเยี่ยมถึงบ้าน และจนถึงตอนนี้ทั้งสองประเทศก็ไม่มีความเป็นปฏิปักษ์กัน ขับไล่คนออกไปด้านนอกเกรงว่าจะโดนครหา หลังจากนางไตร่ตรองครู่หนึ่งจึงกล่าว: “งั้นก็ได้ ข้าเรียกให้คนพาท่านชายไปเดินเล่นรอบๆ”

ใครจะรู้เขากลับมองดูหยวนชิงหลิง “พระชายารัชทายาทสามารถอยู่เป็นเพื่อนข้าได้หรือไม่? แม้ไม่ได้ทำเพราะด้วยมิตรภาพของเจ้าบ้าน ก็ทำเพื่อตอบแทนน้ำใจของข้าน้อยเพื่อฮูหยินใหญ่”

เสียงของเขาอ่อนนุ่มมาก เดิมทีเสียงเช่นนี้ทำให้คนที่ได้ฟังรู้สึกสบายเป็นอย่างมาก แต่หยวนชิงหลิงกลับรู้สึกไม่สบายเป็นที่สุด เพราะคำพูดของเขามีการบังคับที่โต้แย้งไม่ได้ เป็นการบังคับแบบลักพาตัว

มิตรภาพของเจ้าบ้านอะไร น้ำใจ เหล่านี้ล้วนไม่สามารถปฏิเสธได้

ทีแรกหยวนชิงหลิงไม่ค่อยอยากอยู่เป็นเพื่อน แต่ในเมื่อเขาบังคับถึงขั้นนี้แล้ว หลบเลี่ยงก็ไม่เหมาะสม ดูซิว่าเขาจะเล่นอะไรไม้ไหนยังดีซะกว่า

“ได้ ท่านชายเชิญ!” หยวนชิงหลิงยืนขึ้นแล้วกล่าว

ทั้งสองคนย่ำเท้าออกจากเรือนหลักตามลำดับก่อนหลัง หมันเอ๋อตามติดทุกฝีก้าว จับจ้องเงาหลังของท่านชายหงเย่ด้วยความเตรียมพร้อม มือกดอยู่ที่ช่วงเอว ช่วงเอวพันด้วยแส้อ่อนๆเส้นหนึ่ง นางคิดว่าหากเห็นท่านชายหงเย่มีพฤติกรรมอะไรที่ไม่เหมาะสม ก็จะต้องลงมือทันที

อันที่จริงทัศนียภาพของจวนอ๋องฉู่ไม่ได้นับว่างดงามเป็นที่สุด แต่ตอนนี้เป็นช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วง สายลมฤดูใบไม้ร่วงย้อมทั้งลานเป็นสีเหลือง คนใช้ที่กวาดพื้นแม้จะมีผู้หนึ่งโบกไม้กวาด แต่มักจะมีใบไม้สีเหลืองปูอยู่บนทางเดินที่เป็นหินก้อนเล็กๆและบนศาลาเสมอ ทิวทัศน์ที่ธรรมชาติมอบให้มีเสน่ห์เฉพาะตัว ตลอดทางที่เดินไป ท่านชายหงเย่ชื่นชมไม่หยุดปากจริงๆ จนกระทั่งยังหันกลับมายิ้มให้หยวนชิงหลิงแล้วกล่าว: “เซียนเปยของข้าพื้นที่กว้างใหญ่รกร้าง ปลูกต้นไม้ดีๆเช่นนี้ไม่ได้ น่าเสียดายจริงๆ”

หยวนชิงหลิงกล่าวเรียบๆ: “ไม่ว่าดินจะไม่สมบูรณ์เพียงไร ดอกไม้ก็สามารถบานออกมาได้ ดูเพียงแค่คนที่เพาะปลูกมีใจหรือไม่ หากว่าคิดถึงแต่ของคนอื่นอยู่ตลอด รังเกียจของตัวเอง เป็นธรรมดาที่จะรกร้างทั้งผืน ใจคนก็เป็นเช่นนี้ ท่านชายว่าใช่หรือไม่?”

ท่านชายหงเย่ส่ายหน้าเบาๆ มองดูหยวนชิงหลิงอย่างครุ่นคิดแวบหนึ่ง “ข้าน้อยเพียงทอดถอนใจเรื่อยเปื่อยไม่กี่ประโยค ทำไมพระชายารัชทายาทถึงได้พูดเหน็บแนมกระทบผู้อื่นด้วยพ่ะย่ะค่ะ? ข้าน้อยไม่ได้มีเจตนาร้ายนะพ่ะย่ะค่ะ”

“ข้าก็ไม่ได้มีเจตนาไม่ดี เป็นเพียงแค่คำพูดโน้มน้าว”

ท่านชายหงเย่ยิ้มๆ ไม่ได้กล่าวว่าถูกหรือผิด

ทั้งสองคนเดินหน้าต่อไป ผ่านระเบียงลงไปที่ลาน ขึ้นสะพานโค้งเขาก็หยุดนิ่งฝีเท้า มือสองข้างค้ำราวจับหินอ่อนมองลงไปด้านล่าง ด้านล่างเป็นทะเลสาบที่คนสร้างขึ้น ดอกบัวร่วงโรย ในน้ำใสเต็มสระสามารถมองเห็นปลาที่เลี้ยงไว้แหวกว่ายไปมา

ที่ไกลๆข้างริมฝั่งมีภูเขาปลอมลูกหนึ่ง ภูเขาปลอมทดน้ำจากข้างบนไหลลงมาด้านล่าง ก่อเป็นน้ำตกเล็กๆแห่งหนึ่ง ทัศนียภาพแบบนี้จริงๆแล้วเป็นการทำอย่างสุดความสามารถของคนงาน ไม่ได้ถือว่าประณีตงดงาม จ่ายเงินนิดหน่อยก็สามารถทำได้แล้ว แต่ท่านชายหงเย่กลับชื่นชอบเป็นที่สุด มองดูน้ำที่ไหลลงมาจากบนภูเขาปลอมนั่นอยู่ตลอด

สีหน้าท่าทางของเขาคือเงียบและเคร่งขรึม บนใบหน้าที่สง่างามราวกับปกคลุมด้วยความกลัดกลุ้มเล็กน้อย เสื้อสีแดงมีเสียงดังหวิวๆในสายลม เขาไม่ได้สวมมงกุฎ ผมสีดำห้อยลงมาด้านหลัง มัดด้วยผ้าไหม ยิ่งเพิ่มความผ่าเผยขึ้นสองสามระดับ

เขามองดูภูเขาปลอม ฉับพลันนั้นก็หัวเราะไปทางหยวนชิงหลิงเบาๆ “ตอนข้าเด็กๆมักจะกระโดดลงมาจากภูเขาปลอมเสมอ ดำลงไปในทะเลสาบ เล่นหัวเราะสนุกสนานกับปลา เป็นเรื่องที่ชื่นชอบโดยไม่เบื่อหน่าย”

หยวนชิงหลิงเดินเข้าไปช้าๆ มองดูภูเขาปลอมนั่นที่เขาพูด น้ำไหลเข้าไปในทะเลสาบ ละอองน้ำสีขาวๆกระเซ็นขึ้นมา เพราะไกลมาก มองไม่เห็นว่าปลากำลังเล่นอยู่ที่นั่นหรือไม่ นางกล่าวเบาๆ: “งั้นหรือ? เซียนเปยก็ชอบสร้างภูเขาปลอมที่มีน้ำไหลในลานบ้านด้วยหรือ?”

“ข้าเติบโตที่เป่ยถัง” ท่านชายหงเย่หันมา หันหลังให้ภูเขาปลอม เผชิญหน้ากับหยวนชิงหลิง ในดวงตาราวกับแข็งตัวเป็นอำพันชิ้นหนึ่ง สีแดงเข้มอมสีฟ้าหม่นเล็กน้อย “ครั้งแรกตอนที่ข้าน้อยเจอพระชายารัชทายาท ก็อยู่ในงานเลี้ยงฉลองของพระราชวัง”

หยวนชิงหลิงมองดูเขา “ใช่แล้ว พวกเราพบหน้ากันครั้งแรกในงานเลี้ยงของพระราชวัง” เขาพูดคำเหล่านี้ชั่งน่าแปลกจริงๆ ราวกับว่าไม่ได้มีจุดประสงค์ใดๆ แต่ มักจะทำให้คนรู้สึกอึดอัดเสมอ

“หลังจากครั้งนั้นเป็นต้นมา ข้ามักอยากจะพบเจอกับพระชายารัชทายาทอีกสักครั้งอยู่เสมอ ดังนั้น ข้าอยู่ต่อที่เป่ยถังระยะหนึ่ง เคยบังเอิญพบกับพระชายารัชทายาท เกรงว่าพระชายารัชทายาทคงจะจำไม่ได้แล้วสินะพ่ะย่ะค่ะ?”

หยวนชิงหลิงขมวดคิ้ว “ท่านอยากพูดอะไร?”

ท่านชายหงเย่เพ่งมองนาง สีหน้าไม่เข้าใจ “พระชายารัชทายาทอย่าได้ถือโทษ ข้าน้อยไม่ได้มีความคิดเกินเลยใดๆต่อพระชายารัชทายาท เพียงแค่โฉมหน้าของพระชายารัชทายาทคล้ายกับเพื่อนเก่าท่านหนึ่งของข้าน้อย ดังนั้นจึงอยากดูมากขึ้นหน่อยพ่ะย่ะค่ะ”

“หากว่าอยากพบ ทำไมท่านไม่ไปหานางตรงๆ?” หยวนชิงหลิงกล่าว

ท่านชายหงเย่ตาละห้อย กล่าวเบาๆ: “เพื่อนเก่าของข้าน้อยผู้นี้ ไม่ได้อยู่บนโลกมนุษย์นี้แล้ว ชีวิตนี้ข้าก็พบนางไม่ได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ”

หยวนชิงหลิงตะลึงงัน มองดูเขา

ความโศกเศร้าและความเสียใจที่ไหลออกมาจากนัยน์ตาของเขาทั้งหมดเป็นความแท้จริงเพียงนี้ ไม่เหมือนแสดงละครสักนิด โดยเฉพาะความเปียกชุ่มในดวงตา ราวกับมีน้ำตาที่ใกล้จะไหลออกมาจริงๆ มองดูคิ้วที่งดงามของเขาก็ย้อมเป็นสีแดง ท่าทางเหมือนกับจะร้องไห้จริงๆ

หยวนชิงหลิงไม่รู้วัตถุประสงค์ที่เขาเอ่ยคำเหล่านี้ต่อนาง คนผู้นี้ดูเหมือนเฉยเมยแต่สุภาพ แต่ทุกแววตาทุกการกระทำล้วนสามารถทำให้คนรู้สึกว่าเต็มเปี่ยมไปด้วยแผนการความคิด นี่เป็นคนที่ย้อนแย้งกันเป็นพิเศษผู้หนึ่ง หยวนชิงหลิงมั่นใจว่าเขาจะไม่ทำเรื่องที่ไร้ประโยชน์ ยิ่งไม่ได้มีเวลาว่างมาคุยเล่นกับนางที่นี่ จะต้องมีเจตนาอะไรเป็นแน่

ดังนั้น หยวนชิงหลิงกล่าว: “ข้าไม่ชอบการพูดจาคาดเดาไปมา มีอะไรพูดออกมาตรงๆจะดีกว่า”

“ไม่มีจริงๆ เพียงแค่อยากพบเจอท่านเป็นพิเศษ” เขายังคงเพ่งมองหยวนชิงหลิง เต็มเปี่ยมไปด้วยความอาลัยอาวรณ์

“พอแล้ว!” หยวนชิงหลิงไม่พอใจเล็กน้อย “ท่านชายโปรดระวังคำพูด ถ้าหากว่าพูดจาเช่นนี้อีก จวนอ๋องฉู่จะไม่ต้อนรับท่านอีก”

“ท่านอย่าได้โกรธเคืองเลยพ่ะย่ะค่ะ ท่านไม่ชอบฟัง ข้าไม่พูดก็ได้แล้ว” เขาตะลึงเล็กน้อย หมุนตัวไปช้าๆ ทิ้งเงาหลังที่เรียวยาวไว้ “แต่ท่านไม่รู้นี่ ตอนที่ข้าอยู่เป่ยถัง แอบมาดูท่านหลายครั้งแล้ว รู้ว่าเขาทำดีต่อท่าน ข้าถึงได้วางใจกลับไป ตอนนั้นข้าคิด หากว่าเขาทำไม่ดีต่อท่าน ไม่ว่าท่านยังจำข้าได้หรือไม่ ข้าก็จะพาท่านไป ข้าเคยสาบาน ทั้งชีวิตนี้จะไม่ให้ท่านได้รับความน้อยใจอีกแม้แต่น้อย”

คำพูดนี้ทำให้หยวนชิงหลิงขนลุกขนพอง

จำเขาได้หรือไม่? ก่อนหน้านี้พวกเขาไม่เคยรู้จักกัน คำพูดนี้เริ่มพูดขึ้นมาจากตอนไหนกันนะ?

เขาเป็นบ้าหรือ?

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+