บัลลังก์หมอยาเซียน 837 ไม่ยอมละทิ้งนางเด็ดขาด

Now you are reading บัลลังก์หมอยาเซียน Chapter 837 ไม่ยอมละทิ้งนางเด็ดขาด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ผ่านไปสองวัน กรมการพระนครมีการพิพากษา อ๋องชินเป่าถูกประหารด้วยการประทานเหล้าพิษ เก็บร่างไว้อย่างสมบูรณ์

พร้อมกับการไปจากเมืองหลวงของหงเย่ การได้รับโทษทัณฑ์ของอ๋องชินเป่า และอ๋องอันถูกกักบริเวณ เรื่องนี้ดูเหมือนจะสงบลงแล้ว

แต่ว่า ทุกคนต่างก็รู้ดีแก่ใจ นี่เป็นเพียงการเตรียมการก่อนการเผชิญหน้าของทั้งสองประเทศเท่านั้น และเป็นการฉีกมุมที่พ่ายแพ้ของเป่ยถังให้เปิดเผยออกมา

ภายใต้สถานการณ์ที่ดูสงบเงียบ เป็นน้ำร้อนที่กำลังถูกต้มอยู่หม้อหนึ่ง ไม่รู้ว่าจะถึงจุดเดือดเมื่อไหร่และจะทำให้ฝาหม้อที่สงบนิ่งอยู่นั้นพลิกคว่ำลงมา

แม้ว่าหยู่เหวินเห้ายังคงเป็นเจ้ากรมการพระนคร แต่ว่าได้เข้าสู่การทำงานในเน่ย์เก๋อแล้ว เรื่องมากมายในกรมการพระนครได้มอบหมายให้อ๋องฉีไปดูแล เขาเอาแต่ปรึกษาหารือเรื่องงานกับโสวฝู่ฉู่และเหลิ่งจิ้งเหยียนทั้งวัน บางครั้งแม้จะออกจากวังแล้ว ก็ไปที่บ้านของโสวฝู่ กลับอีกทีก็ดึกดื่นเที่ยงคืน

หยวนชิงหลิงก็ยุ่งอยู่กับเรื่องของโรงเรียนแพทย์ เวลาของสองสามีภรรยาได้สวนทางกันทั้งหมด ตอนที่หยู่เหวินเห้ากลับถึงบ้าน หยวนชิงหลิงก็นอนหลับไปนานแล้ว เมื่อหยวนชิงหลิงออกจากบ้าน หยู่เหวินเห้าก็เพิ่งจะนอนหลับได้ไม่นาน การปฏิสัมพันธ์หนึ่งเดียวของพวกเขา คือการที่หยู่เหวินเห้ากลับมาแล้วจะจูบนางหนึ่งที ตอนที่นางออกจากบ้านก็จะจูบเขาหนึ่งที

หยวนชิงหลิงรู้ว่าเขากำลังวางแผน แทรกซึมกลับไปทางเซียนเปย การเลือกคนจนกระทั่งถึงการวางแผนทั้งหมดต้องละเอียดรอบคอบเป็นอย่างยิ่ง ถ้าเกิดความผิดพลาดขึ้นเพียงเล็กน้อย นอกจากจะไม่ได้อะไรกลับมาแล้ว ยังเป็นการพัวพันถึงชีวิตคน

และการค้าระหว่างเป่ยถังกับแคว้นต้าโจว ก็กำลังดำเนินการอย่างคึกคัก

ท่านชายสี่เหลิ่งได้รับใบสั่งซื้อจากทางแคว้นต้าโจวมามากมาย ถือครองยอดในตลาดไปครึ่งหนึ่ง สำนักงานใหญ่ของเขาก็ย้ายจากจื๋อลี่มายังเมืองหลวง นับว่าได้ยืนอย่างมั่นคงในที่แห่งนี้แล้ว

เป็นถึงลูกเขยของฮ่องเต้ เขามีอิทธิพลที่มากพอ สามารถได้รับความเชื่อถือจากเหล่าพ่อค้าในเมืองหลวงอย่างรวดเร็ว และเขาเองก็เป็นคนใจกว้าง ทุกคนต่างก็ชื่นชอบที่จะทำการค้ากับเขา

เพียงแต่ว่า ก็มีคนคอยก่อกวนอยู่อย่างลับๆ เขาแต่งงานกับเจ้าหญิงมาระยะหนึ่งแล้ว ทำไมจึงไม่เห็นเจ้าหญิงตั้งครรภ์ขึ้นมาสักที

คำติฉินนินทาเหล่านี้ทำเอาหยู่เหวินหลิงกลัดกลุ้มมิใช่น้อย หยวนชิงหลิงเคยไปปลอบใจนาง ในยุคสมัยนี้เป็นเช่นนี้ แต่งงานเกินสามเดือนแล้ว ถ้าหากยังไม่ตั้งครรภ์ก็ต้องถูกคนนินทา

อาการของลู่หยวนดีขึ้นมากแล้ว สามารถพูดคำง่ายๆได้ และสามารถยืนขึ้นเดินได้บ้าง นี่ต้องยกให้เป็นความดีความชอบที่หยวนหย่งอี้คอยอยู่เป็นเพื่อน ตั้งแต่หยวนชิงหลิงบอกว่าลู่หยวนต้องทำกายภาพบำบัด นางก็คอยฝึกฝนการเดินเป็นเพื่อนลู่หยวนทุกวัน ลู่หยวนมีพลังภายในเป็นพื้นฐาน ด้วยเหตุนี้จึงพัฒนาได้เร็วมาก

จนถึงที่สุดแล้วอ๋องอันก็ยังไม่มาขอโทษ นี่ย่อมมีเหตุผลของเขา เพราะเขาถูกกักบริเวณ แต่ว่า เขาได้สิ่งให้คนส่งจดหมายฉบับหนึ่งมาให้ลู่หยวน เป็นจดหมายขอโทษ ลู่หยวนอ่านจบแล้วก็เผาทำลายทันที ไม่ได้ให้พ่อแม่ดู และไม่เคยบอกเรื่องนี้กับใคร

ลู่หยวนนั้นรู้ดีแก่ใจที่สุด ฮ่องเต้รู้เรื่องนี้ แต่ว่าฮ่องเต้ไม่ได้ลงโทษ ถ้าเขายังคงติดตามเรื่องนี้นั่นเท่ากับเป็นการล่วงเกินราชวงศ์ เขาไม่สามารถทำให้คนทั้งตระกูลต้องตกอยู่ในอันตราย

ยังดี ฮ่องเต้ก็รับทราบถึงความลำบากของเขา แต่งตั้งเขาให้เป็นเจ้าพระยาสุข

ใช่แล้ว ปลอดภัยก็ดี

เขาดีใจมากที่หยวนหย่งอี้กลายเป็นน้องสาวบุญธรรมของเขา พูดถึงเรื่องแต่งงาน พูดตามตรงเขาเองก็ไม่อยากจะแต่งงาน ในใจของคนที่ฝึกวรยุทธทุกคนต่างก็มีความฝันที่อยากจะเป็นผู้กล้าช่วยเหลือคนอื่น เขาหวังว่าจะสามารถถือดาบท่องไปทั่วหล้า

ความคิดนี้เหมือนความคิดตั้งแต่แรกเริ่มของหยวนหย่งอี้ แต่ว่าคนที่จะออกจากบ้าน ถ้าหากในใจยังมีคนที่ต้องห่วงใย เช่นนั้นเส้นทางนี้ก็คงจะเดินได้ไม่เหมือนดังใจหวัง

หลังจากอาการของลู่หยวนนิ่งแล้ว ก็เริ่มฝึกวรยุทธ

ความมุ่งมั่นของเขาน่าตกใจมาก หยวนชิงหลิงเคยบอกว่าเขาต้องใช้เวลาในการฟื้นตัวนานมาก แต่เขาใช้ระยะเวลาเพียงสองเดือน ก็ทำให้ตัวเองสามารถกลับมาเดินได้อีกครั้ง

หลังจากที่ลู่หยวนหายดีแล้วก็บอกว่าจะไปจากเมืองหลวง ในช่วงเวลาที่หลับใหลไปนั้นทำให้เขารู้สึกว่าเวลามีค่ามาก จำเป็นต้องพูดแล้วทำเลย

พ่อแม่ของตระกูลลู่ก็ไร้ซึ่งหนทาง ได้แต่ตอบตกลง

ก่อนจะจากไป เขาได้นัดพบกันอ๋องฉี

ในช่วงเวลาที่เขาหลับใหลไปนั้น อ๋องฉีมาอยู่เป็นเพื่อนเขาแทบจะทุกวัน แต่หลังจากตื่นขึ้นมาแล้วก็ไม่เคยมาอีกเลย

อ๋องฉีคิดว่าเขาคงไม่รับรู้ถึงการมาอยู่เป็นเพื่อนในช่วงเวลานั้น ฉะนั้นเมื่อได้รับจดหมายจากลู่หยวน ก็รู้สึกประหลาดใจมาก

ไตร่ตรองอยู่นาน สุดท้ายเขาก็ไปพบ

ลู่หยวนได้ให้หยวนหย่งอี้กลับไปก่อนแล้ว ฉะนั้น การพูดคุยกันครั้งนี้ มีเพียงชายหนุ่มสองคนเท่านั้น ไม่มีคนอื่นอยู่ด้วย

อากาศหนาวเย็นมากแล้ว ลู่หยวนที่ผ่านเหตุการณ์เคราะห์ร้ายมาดูจะอ่อนแอกว่าแต่ก่อนมาก สีหน้ายังคงไม่สามารถฟื้นฟูให้กลับไปแดงระเรื่อเหมือนแต่ก่อนได้ บนสีหน้า มีความขาวซีดที่ปิดเอาไว้ไม่อยู่

เขาต้มเหล้าด้วยตนเอง เชิญให้อ๋องฉีนั่งลง

ความมีน้ำใจอย่างเปิดเผยของเขา กลับทำให้อ๋องฉีต้องระวังตัวมากขึ้น คำพูดของเขาก็ระมัดระวังอย่างมีขอบเขต “ยังไม่ได้ยินดีกับท่านที่ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าพระยาสุข”

“ขอบคุณมาก”ลู่หยวนยิ้มจนเผยให้เห็นฟันขาว จึงทำให้เห็นบรรยากาศที่สดใสในวันวาน “คำว่าปลอดภัยสองคำนี้ สำคัญมากจริงๆ”

“ใช่แล้ว”หลังจากอ๋องฉีนั่งลงแล้ว ก็ไม่มีอะไรจะพูด ได้แต่นั่งลงเพื่อดื่มเหล้าเท่านั้น

ลู่หยวนเห็นท่าทีของเขาเช่นนี้ ก็ยิ้มขึ้นมา “อย่างไรเสียก็ชอบท่านอ๋องที่คอยกระซิบอยู่ข้างหูข้าไม่หยุดมากกว่า”

สีหน้าของอ๋องฉีแดงเถือกขึ้นมาทันที เบิกตากว้างมองเขา “เจ้า เจ้าได้ยินด้วยหรือ”

“ช่างน่าอัศจรรย์จริงๆ ข้าได้ยินทั้งหมด”ลู่หยวนหัวเราะ ยิ่งทำให้รู้สึกสดใส “อีกอย่าง ทุกคำที่ท่านอ๋องพูด ข้าล้วนจำขึ้นใจ แต่ว่าท่านวางใจได้ ข้าไม่เคยเล่าให้น้องสาวฟัง”

ทันใดนั้นอ๋องฉีก็รู้สึกอายจนแทบอยากจะแทรกแผ่นดินหนี คำพูดเหล่านี้ เขาไม่กล้าพูดกับใครเลย รู้แค่ว่าลู่หยวนไม่ได้ยิน และไม่มีการตอบสนองอะไร เขาจึงพูดกับลู่หยวน คิดไม่ถึงว่าเขาจะได้ยินทั้งหมดแล้วยังจำทุกถ้อยคำได้ดี

“ความรักที่ท่านอ๋องมีต่อน้องหยวนของข้า ทำให้ข้าน้อยเลื่อมใสนัก แต่ว่า การกระทำของท่านอ๋องอ่อนแอเกินไป ทำให้ข้าน้อยรู้สึกดูถูกท่าน”

ลู่หยวนพูด

อ๋องฉีดื่มเหล้าหมดแก้วในคำเดียว ดื่มเหล้าแล้วหน้าแดง ใช้เหตุนี้กลบเกลื่อนความสั่นไหวในใจ “เจ้า เจ้าไม่ได้รู้สึกกับนางเชิงชู้สาวจริงหรือ”

ลู่หยวนเอียงคอครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ “ตอนแรกนั้น มีความรู้สึกหวั่นไหวจริงๆ ข้าเคยคิดว่า ถ้าหากชาตินี้ข้าต้องแต่งงาน ก็ต้องแต่งกับผู้หญิงเช่นนางเท่านั้น หลังจากที่พวกเราทั้งสองตระกูลหมั้นหมายกัน ความสัมพันธ์ของพวกเราได้ถูกกำหนดชัดเจนแล้ว ข้ากลับลัง เลใจขึ้นมาเล็กน้อย”

“เพราะอะไร”อ๋องฉีไม่เข้าใจ ในเมื่อเป็นคนในอุดมคติ แล้วทำไมยังต้องลังเลใจ

“เพราะว่า”ลู่หยวนแสดงสีหน้าเข้าอกเข้าใจและมองมาทางเขา “ถ้าหากคนสองคนคบหากันอย่างรู้ใจ มีความสนใจเหมือนกัน ชื่นชมซึ่งกันและกัน ถ้าอย่างนั้นทางที่ดีที่สุดคือการเป็นเพื่อน เป็นพี่น้อง แต่ไม่ใช่เป็นสามีภรรยากัน ”

อ๋องฉีมองเขาอย่างมึนงง “เช่นนั้นข้าก็ยิ่งไม่เข้าใจ นี่ถึงขนาดคบหากันอย่างรู้ใจและสนใจทุกสิ่งเหมือนกัน ทำไมยังไม่สามารถเป็นสามีภรรยากันได้อีกเล่า”

“เพราะถ้ากลายเป็นสามีภรรยากันแล้ว เช่นนั้นก็จะร้องขออย่างเข้มงวดมากขึ้น ข้าคงจะมีความหวังว่านางจะสามารถเคียงข้างข้าได้ แล้วก็หวังว่านางจะสามารถดูแลบ้าน ให้กำเนิดและเลี้ยงดูลูกได้ การใช้ชีวิตเช่นนี้ จะเป็นการทำลายความรู้สึกของพวกเรา ที่สุดก็จะหลงลืมไปว่าเพราะอะไรพวกเราถึงเดินมาด้วยกัน”

“คำพูดนี้ของเจ้าช่าง……เช่นนั้นก็เท่ากับว่าต้องแต่งงานกับคนที่ไม่รู้ใจหรือ”แม้ว่าอ๋องฉีจะดีใจมากที่เขามีความคิดเช่นนี้ แต่ว่า ก็ไม่ได้เห็นด้วยกับคำพูดของเขา

“ไม่เหมือนกัน ระหว่างพวกเราไม่ได้เริ่มต้นมาจากความหวั่นไหวทางอารมณ์ พวกเราไม่ได้มีพื้นฐานความรู้สึกที่มั่นคงแน่นหนา เพียงแต่ชื่นชมและรู้ใจกันและกัน ข้าชื่นชมในข้อดีของนาง แต่ว่าข้อดีของนางข้อนี้ไม่ได้เป็นข้อดีที่จะเป็นภรรยา ต้องมีสักวันหนึ่งที่ข้าต้องขอร้องให้นางเป็นภรรยาที่มีคุณสมบัติในแบบที่ข้าต้องการ”

“ข้าก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี ”เขาส่ายศีรษะ รู้สึกว่าความคิดของลู่หยวนกับเขาไม่ได้อยู่ในมิติเดียวกัน

ลู่หยวนมองเขา รู้สึกระอาใจอยู่บ้าง จึงได้เอ่ยออกไปตรงๆ “ข้าชื่นชมที่นางนิสัยเปิดเผยตรงไปตรงมา แบ่งแยกขาวดำชัดเจน ชอบเรียกร้องความยุติธรรม นางที่เป็นเช่นนี้ รู้สึกร่างของนางจะเปล่งประกายไปด้วยแสงสว่าง ดึงดูดคนยิ่งนัก”

“อืม ใช่ ข้าเองก็รู้สึกเช่นนั้นอยู่ลึกๆ”ในที่สุดอ๋องฉีก็เห็นด้วยกับเขาในจุดนี้

“แต่เมื่อมีวันหนึ่ง นางกลายเป็นภรรยาของข้า สถานะเปลี่ยนแปลงไป ข้อดีที่ข้าเคยชื่นชม ล้วนจะกลายเป็นความกลัดกลุ้มของข้า เพราะว่าอาจจะเป็นการรนหาเรื่องยุ่งยากที่ไม่จำเป็นมาให้ตัวเอง แรกเริ่มข้าอาจจะยินดีที่จะเผชิญปัญหาเหล่านั้นพร้อมกับนาง แต่เมื่อวันเวลาผ่านไปนานแล้วล่ะ ข้าจะตำหนิหรือไม่ ถ้าเปลี่ยนเป็นท่านอ๋อง ท่านจะตำหนิหรือไม่”

“ไม่”อ๋องฉียืดตัวตรง แววตามั่นคงจริงจังเอ่ยขึ้นว่า “ถ้าหากนางต้องผจญกับหายนะครั้งใหญ่ ข้าก็ยินดีจะร่วมเผชิญไปกับนาง จะไม่ยอมละทิ้งและไม่ตำหนิอย่างเด็ดขาด”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

บัลลังก์หมอยาเซียน 837 ไม่ยอมละทิ้งนางเด็ดขาด

Now you are reading บัลลังก์หมอยาเซียน Chapter 837 ไม่ยอมละทิ้งนางเด็ดขาด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ผ่านไปสองวัน กรมการพระนครมีการพิพากษา อ๋องชินเป่าถูกประหารด้วยการประทานเหล้าพิษ เก็บร่างไว้อย่างสมบูรณ์

พร้อมกับการไปจากเมืองหลวงของหงเย่ การได้รับโทษทัณฑ์ของอ๋องชินเป่า และอ๋องอันถูกกักบริเวณ เรื่องนี้ดูเหมือนจะสงบลงแล้ว

แต่ว่า ทุกคนต่างก็รู้ดีแก่ใจ นี่เป็นเพียงการเตรียมการก่อนการเผชิญหน้าของทั้งสองประเทศเท่านั้น และเป็นการฉีกมุมที่พ่ายแพ้ของเป่ยถังให้เปิดเผยออกมา

ภายใต้สถานการณ์ที่ดูสงบเงียบ เป็นน้ำร้อนที่กำลังถูกต้มอยู่หม้อหนึ่ง ไม่รู้ว่าจะถึงจุดเดือดเมื่อไหร่และจะทำให้ฝาหม้อที่สงบนิ่งอยู่นั้นพลิกคว่ำลงมา

แม้ว่าหยู่เหวินเห้ายังคงเป็นเจ้ากรมการพระนคร แต่ว่าได้เข้าสู่การทำงานในเน่ย์เก๋อแล้ว เรื่องมากมายในกรมการพระนครได้มอบหมายให้อ๋องฉีไปดูแล เขาเอาแต่ปรึกษาหารือเรื่องงานกับโสวฝู่ฉู่และเหลิ่งจิ้งเหยียนทั้งวัน บางครั้งแม้จะออกจากวังแล้ว ก็ไปที่บ้านของโสวฝู่ กลับอีกทีก็ดึกดื่นเที่ยงคืน

หยวนชิงหลิงก็ยุ่งอยู่กับเรื่องของโรงเรียนแพทย์ เวลาของสองสามีภรรยาได้สวนทางกันทั้งหมด ตอนที่หยู่เหวินเห้ากลับถึงบ้าน หยวนชิงหลิงก็นอนหลับไปนานแล้ว เมื่อหยวนชิงหลิงออกจากบ้าน หยู่เหวินเห้าก็เพิ่งจะนอนหลับได้ไม่นาน การปฏิสัมพันธ์หนึ่งเดียวของพวกเขา คือการที่หยู่เหวินเห้ากลับมาแล้วจะจูบนางหนึ่งที ตอนที่นางออกจากบ้านก็จะจูบเขาหนึ่งที

หยวนชิงหลิงรู้ว่าเขากำลังวางแผน แทรกซึมกลับไปทางเซียนเปย การเลือกคนจนกระทั่งถึงการวางแผนทั้งหมดต้องละเอียดรอบคอบเป็นอย่างยิ่ง ถ้าเกิดความผิดพลาดขึ้นเพียงเล็กน้อย นอกจากจะไม่ได้อะไรกลับมาแล้ว ยังเป็นการพัวพันถึงชีวิตคน

และการค้าระหว่างเป่ยถังกับแคว้นต้าโจว ก็กำลังดำเนินการอย่างคึกคัก

ท่านชายสี่เหลิ่งได้รับใบสั่งซื้อจากทางแคว้นต้าโจวมามากมาย ถือครองยอดในตลาดไปครึ่งหนึ่ง สำนักงานใหญ่ของเขาก็ย้ายจากจื๋อลี่มายังเมืองหลวง นับว่าได้ยืนอย่างมั่นคงในที่แห่งนี้แล้ว

เป็นถึงลูกเขยของฮ่องเต้ เขามีอิทธิพลที่มากพอ สามารถได้รับความเชื่อถือจากเหล่าพ่อค้าในเมืองหลวงอย่างรวดเร็ว และเขาเองก็เป็นคนใจกว้าง ทุกคนต่างก็ชื่นชอบที่จะทำการค้ากับเขา

เพียงแต่ว่า ก็มีคนคอยก่อกวนอยู่อย่างลับๆ เขาแต่งงานกับเจ้าหญิงมาระยะหนึ่งแล้ว ทำไมจึงไม่เห็นเจ้าหญิงตั้งครรภ์ขึ้นมาสักที

คำติฉินนินทาเหล่านี้ทำเอาหยู่เหวินหลิงกลัดกลุ้มมิใช่น้อย หยวนชิงหลิงเคยไปปลอบใจนาง ในยุคสมัยนี้เป็นเช่นนี้ แต่งงานเกินสามเดือนแล้ว ถ้าหากยังไม่ตั้งครรภ์ก็ต้องถูกคนนินทา

อาการของลู่หยวนดีขึ้นมากแล้ว สามารถพูดคำง่ายๆได้ และสามารถยืนขึ้นเดินได้บ้าง นี่ต้องยกให้เป็นความดีความชอบที่หยวนหย่งอี้คอยอยู่เป็นเพื่อน ตั้งแต่หยวนชิงหลิงบอกว่าลู่หยวนต้องทำกายภาพบำบัด นางก็คอยฝึกฝนการเดินเป็นเพื่อนลู่หยวนทุกวัน ลู่หยวนมีพลังภายในเป็นพื้นฐาน ด้วยเหตุนี้จึงพัฒนาได้เร็วมาก

จนถึงที่สุดแล้วอ๋องอันก็ยังไม่มาขอโทษ นี่ย่อมมีเหตุผลของเขา เพราะเขาถูกกักบริเวณ แต่ว่า เขาได้สิ่งให้คนส่งจดหมายฉบับหนึ่งมาให้ลู่หยวน เป็นจดหมายขอโทษ ลู่หยวนอ่านจบแล้วก็เผาทำลายทันที ไม่ได้ให้พ่อแม่ดู และไม่เคยบอกเรื่องนี้กับใคร

ลู่หยวนนั้นรู้ดีแก่ใจที่สุด ฮ่องเต้รู้เรื่องนี้ แต่ว่าฮ่องเต้ไม่ได้ลงโทษ ถ้าเขายังคงติดตามเรื่องนี้นั่นเท่ากับเป็นการล่วงเกินราชวงศ์ เขาไม่สามารถทำให้คนทั้งตระกูลต้องตกอยู่ในอันตราย

ยังดี ฮ่องเต้ก็รับทราบถึงความลำบากของเขา แต่งตั้งเขาให้เป็นเจ้าพระยาสุข

ใช่แล้ว ปลอดภัยก็ดี

เขาดีใจมากที่หยวนหย่งอี้กลายเป็นน้องสาวบุญธรรมของเขา พูดถึงเรื่องแต่งงาน พูดตามตรงเขาเองก็ไม่อยากจะแต่งงาน ในใจของคนที่ฝึกวรยุทธทุกคนต่างก็มีความฝันที่อยากจะเป็นผู้กล้าช่วยเหลือคนอื่น เขาหวังว่าจะสามารถถือดาบท่องไปทั่วหล้า

ความคิดนี้เหมือนความคิดตั้งแต่แรกเริ่มของหยวนหย่งอี้ แต่ว่าคนที่จะออกจากบ้าน ถ้าหากในใจยังมีคนที่ต้องห่วงใย เช่นนั้นเส้นทางนี้ก็คงจะเดินได้ไม่เหมือนดังใจหวัง

หลังจากอาการของลู่หยวนนิ่งแล้ว ก็เริ่มฝึกวรยุทธ

ความมุ่งมั่นของเขาน่าตกใจมาก หยวนชิงหลิงเคยบอกว่าเขาต้องใช้เวลาในการฟื้นตัวนานมาก แต่เขาใช้ระยะเวลาเพียงสองเดือน ก็ทำให้ตัวเองสามารถกลับมาเดินได้อีกครั้ง

หลังจากที่ลู่หยวนหายดีแล้วก็บอกว่าจะไปจากเมืองหลวง ในช่วงเวลาที่หลับใหลไปนั้นทำให้เขารู้สึกว่าเวลามีค่ามาก จำเป็นต้องพูดแล้วทำเลย

พ่อแม่ของตระกูลลู่ก็ไร้ซึ่งหนทาง ได้แต่ตอบตกลง

ก่อนจะจากไป เขาได้นัดพบกันอ๋องฉี

ในช่วงเวลาที่เขาหลับใหลไปนั้น อ๋องฉีมาอยู่เป็นเพื่อนเขาแทบจะทุกวัน แต่หลังจากตื่นขึ้นมาแล้วก็ไม่เคยมาอีกเลย

อ๋องฉีคิดว่าเขาคงไม่รับรู้ถึงการมาอยู่เป็นเพื่อนในช่วงเวลานั้น ฉะนั้นเมื่อได้รับจดหมายจากลู่หยวน ก็รู้สึกประหลาดใจมาก

ไตร่ตรองอยู่นาน สุดท้ายเขาก็ไปพบ

ลู่หยวนได้ให้หยวนหย่งอี้กลับไปก่อนแล้ว ฉะนั้น การพูดคุยกันครั้งนี้ มีเพียงชายหนุ่มสองคนเท่านั้น ไม่มีคนอื่นอยู่ด้วย

อากาศหนาวเย็นมากแล้ว ลู่หยวนที่ผ่านเหตุการณ์เคราะห์ร้ายมาดูจะอ่อนแอกว่าแต่ก่อนมาก สีหน้ายังคงไม่สามารถฟื้นฟูให้กลับไปแดงระเรื่อเหมือนแต่ก่อนได้ บนสีหน้า มีความขาวซีดที่ปิดเอาไว้ไม่อยู่

เขาต้มเหล้าด้วยตนเอง เชิญให้อ๋องฉีนั่งลง

ความมีน้ำใจอย่างเปิดเผยของเขา กลับทำให้อ๋องฉีต้องระวังตัวมากขึ้น คำพูดของเขาก็ระมัดระวังอย่างมีขอบเขต “ยังไม่ได้ยินดีกับท่านที่ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าพระยาสุข”

“ขอบคุณมาก”ลู่หยวนยิ้มจนเผยให้เห็นฟันขาว จึงทำให้เห็นบรรยากาศที่สดใสในวันวาน “คำว่าปลอดภัยสองคำนี้ สำคัญมากจริงๆ”

“ใช่แล้ว”หลังจากอ๋องฉีนั่งลงแล้ว ก็ไม่มีอะไรจะพูด ได้แต่นั่งลงเพื่อดื่มเหล้าเท่านั้น

ลู่หยวนเห็นท่าทีของเขาเช่นนี้ ก็ยิ้มขึ้นมา “อย่างไรเสียก็ชอบท่านอ๋องที่คอยกระซิบอยู่ข้างหูข้าไม่หยุดมากกว่า”

สีหน้าของอ๋องฉีแดงเถือกขึ้นมาทันที เบิกตากว้างมองเขา “เจ้า เจ้าได้ยินด้วยหรือ”

“ช่างน่าอัศจรรย์จริงๆ ข้าได้ยินทั้งหมด”ลู่หยวนหัวเราะ ยิ่งทำให้รู้สึกสดใส “อีกอย่าง ทุกคำที่ท่านอ๋องพูด ข้าล้วนจำขึ้นใจ แต่ว่าท่านวางใจได้ ข้าไม่เคยเล่าให้น้องสาวฟัง”

ทันใดนั้นอ๋องฉีก็รู้สึกอายจนแทบอยากจะแทรกแผ่นดินหนี คำพูดเหล่านี้ เขาไม่กล้าพูดกับใครเลย รู้แค่ว่าลู่หยวนไม่ได้ยิน และไม่มีการตอบสนองอะไร เขาจึงพูดกับลู่หยวน คิดไม่ถึงว่าเขาจะได้ยินทั้งหมดแล้วยังจำทุกถ้อยคำได้ดี

“ความรักที่ท่านอ๋องมีต่อน้องหยวนของข้า ทำให้ข้าน้อยเลื่อมใสนัก แต่ว่า การกระทำของท่านอ๋องอ่อนแอเกินไป ทำให้ข้าน้อยรู้สึกดูถูกท่าน”

ลู่หยวนพูด

อ๋องฉีดื่มเหล้าหมดแก้วในคำเดียว ดื่มเหล้าแล้วหน้าแดง ใช้เหตุนี้กลบเกลื่อนความสั่นไหวในใจ “เจ้า เจ้าไม่ได้รู้สึกกับนางเชิงชู้สาวจริงหรือ”

ลู่หยวนเอียงคอครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ “ตอนแรกนั้น มีความรู้สึกหวั่นไหวจริงๆ ข้าเคยคิดว่า ถ้าหากชาตินี้ข้าต้องแต่งงาน ก็ต้องแต่งกับผู้หญิงเช่นนางเท่านั้น หลังจากที่พวกเราทั้งสองตระกูลหมั้นหมายกัน ความสัมพันธ์ของพวกเราได้ถูกกำหนดชัดเจนแล้ว ข้ากลับลัง เลใจขึ้นมาเล็กน้อย”

“เพราะอะไร”อ๋องฉีไม่เข้าใจ ในเมื่อเป็นคนในอุดมคติ แล้วทำไมยังต้องลังเลใจ

“เพราะว่า”ลู่หยวนแสดงสีหน้าเข้าอกเข้าใจและมองมาทางเขา “ถ้าหากคนสองคนคบหากันอย่างรู้ใจ มีความสนใจเหมือนกัน ชื่นชมซึ่งกันและกัน ถ้าอย่างนั้นทางที่ดีที่สุดคือการเป็นเพื่อน เป็นพี่น้อง แต่ไม่ใช่เป็นสามีภรรยากัน ”

อ๋องฉีมองเขาอย่างมึนงง “เช่นนั้นข้าก็ยิ่งไม่เข้าใจ นี่ถึงขนาดคบหากันอย่างรู้ใจและสนใจทุกสิ่งเหมือนกัน ทำไมยังไม่สามารถเป็นสามีภรรยากันได้อีกเล่า”

“เพราะถ้ากลายเป็นสามีภรรยากันแล้ว เช่นนั้นก็จะร้องขออย่างเข้มงวดมากขึ้น ข้าคงจะมีความหวังว่านางจะสามารถเคียงข้างข้าได้ แล้วก็หวังว่านางจะสามารถดูแลบ้าน ให้กำเนิดและเลี้ยงดูลูกได้ การใช้ชีวิตเช่นนี้ จะเป็นการทำลายความรู้สึกของพวกเรา ที่สุดก็จะหลงลืมไปว่าเพราะอะไรพวกเราถึงเดินมาด้วยกัน”

“คำพูดนี้ของเจ้าช่าง……เช่นนั้นก็เท่ากับว่าต้องแต่งงานกับคนที่ไม่รู้ใจหรือ”แม้ว่าอ๋องฉีจะดีใจมากที่เขามีความคิดเช่นนี้ แต่ว่า ก็ไม่ได้เห็นด้วยกับคำพูดของเขา

“ไม่เหมือนกัน ระหว่างพวกเราไม่ได้เริ่มต้นมาจากความหวั่นไหวทางอารมณ์ พวกเราไม่ได้มีพื้นฐานความรู้สึกที่มั่นคงแน่นหนา เพียงแต่ชื่นชมและรู้ใจกันและกัน ข้าชื่นชมในข้อดีของนาง แต่ว่าข้อดีของนางข้อนี้ไม่ได้เป็นข้อดีที่จะเป็นภรรยา ต้องมีสักวันหนึ่งที่ข้าต้องขอร้องให้นางเป็นภรรยาที่มีคุณสมบัติในแบบที่ข้าต้องการ”

“ข้าก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี ”เขาส่ายศีรษะ รู้สึกว่าความคิดของลู่หยวนกับเขาไม่ได้อยู่ในมิติเดียวกัน

ลู่หยวนมองเขา รู้สึกระอาใจอยู่บ้าง จึงได้เอ่ยออกไปตรงๆ “ข้าชื่นชมที่นางนิสัยเปิดเผยตรงไปตรงมา แบ่งแยกขาวดำชัดเจน ชอบเรียกร้องความยุติธรรม นางที่เป็นเช่นนี้ รู้สึกร่างของนางจะเปล่งประกายไปด้วยแสงสว่าง ดึงดูดคนยิ่งนัก”

“อืม ใช่ ข้าเองก็รู้สึกเช่นนั้นอยู่ลึกๆ”ในที่สุดอ๋องฉีก็เห็นด้วยกับเขาในจุดนี้

“แต่เมื่อมีวันหนึ่ง นางกลายเป็นภรรยาของข้า สถานะเปลี่ยนแปลงไป ข้อดีที่ข้าเคยชื่นชม ล้วนจะกลายเป็นความกลัดกลุ้มของข้า เพราะว่าอาจจะเป็นการรนหาเรื่องยุ่งยากที่ไม่จำเป็นมาให้ตัวเอง แรกเริ่มข้าอาจจะยินดีที่จะเผชิญปัญหาเหล่านั้นพร้อมกับนาง แต่เมื่อวันเวลาผ่านไปนานแล้วล่ะ ข้าจะตำหนิหรือไม่ ถ้าเปลี่ยนเป็นท่านอ๋อง ท่านจะตำหนิหรือไม่”

“ไม่”อ๋องฉียืดตัวตรง แววตามั่นคงจริงจังเอ่ยขึ้นว่า “ถ้าหากนางต้องผจญกับหายนะครั้งใหญ่ ข้าก็ยินดีจะร่วมเผชิญไปกับนาง จะไม่ยอมละทิ้งและไม่ตำหนิอย่างเด็ดขาด”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+