บัลลังก์หมอยาเซียน 859 อ๋องซุนเป็นราชทูต

Now you are reading บัลลังก์หมอยาเซียน Chapter 859 อ๋องซุนเป็นราชทูต at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

อ๋องซุนประหลาดใจมาก แม้ว่าในราชสำนักจะมีคนเสนอตัวเขาก็ตาม แต่ค่อนข้างน้อย เขาไม่ใช่ไม่อยากไป เป็นถึงเซ่าชิงของวัดหงหรู เขาอยากจะไปมาก รู้สึกว่านี้เป็นโอกาสที่ดี เพราะหลังจากที่เขารับตำแหน่งแล้ว ก็ไม่เคยทำได้ทำผลงานอะไรเลย ไร้ความดีความชอบไร้ความผิด ราวกับใช้ชีวิตเพื่อกินไปวันๆแล้วนั่งรอความตาย

แม้ว่าก่อนหน้านี้การใช้ชีวิตเพื่อกินไปวันๆแล้วนั่งรอความตายจะเป็นสิ่งที่ชีวิตเขาปรารถนา แต่หลังจากที่ได้ทำงานอย่างจริงจัง ก็รู้สึกว่าตัวเองไม่จำเป็นต้องไร้ชีวิตชีวาถึงเพียงนี้ เขาก็มีความสามารถที่จะทำงานได้เหมือนกัน

ครั้งนี้มีคนเสนอชื่อให้เขาไป เขาแอบดีใจอยู่ลึกๆ เพราะที่จริงนี่ก็เป็นการมั่นใจในตัวเขาอย่างหนึ่ง

เพียงแต่เขาเองก็ไม่ได้หวังสูง เพราะแม้ว่าจะส่งน้องเจ็ดหรืออ๋องชินลุ่ยไป ก็คงไม่ถึงตาเขา

“พี่รอง ถ้าหากท่านอยากไป ข้ากับน้องเจ็ดจะร่วมมือกันเสนอท่าน”อ๋องอันเห็นเขาหวั่นไหว ก็พูดต่อ

“น้องเจ็ด น้องเจ็ดเองก็คงอยากจะไปกระมัง”อ๋องซุนลังเลอยู่ชั่วครู่ และพูดขึ้น

อ๋องอันพูดยิ้มๆว่า “น้องเจ็ดแม้อยากจะไปก็ไปไม่ได้ ตอนนี้กรมการพระนครจะขาดเขาไม่ได้ น้องห้ายังไม่ได้คืนสู่ตำแหน่ง ทางกรมข้าราชการพลเรือนก็ไม่ได้มีการโยกย้ายปรับเปลี่ยนใหม่ เขาจะไปได้อย่างไร ข้ารู้ว่าน้องเจ็ดเคารพพี่รองเสมอมา ถ้าหากมีการเสนอพี่รอง เขาต้องตอบตกลงแน่ ”

พระชายาซุนดีใจมาก พูดว่า “ยังสามารถเรียกให้น้องหกร่วมกันเสนอชื่อได้นี่นา มีคนเสนอชื่อเพิ่มขึ้นหนึ่งความหวังก็เพิ่มมากขึ้นหนึ่งส่วน”

แววตาของอ๋องอันไหววูบ “ไม่ ทางด้านน้องหกไม่ต้องไปหาเขา แต่ไหนแต่ไรเขาไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องในราชสำนัก ถ้าเข้ามายุ่งตอนนี้ เกรงว่าจะทำให้คนอื่นรู้สึกว่าเป็นการเสนอด้วยการเล่นพรรคเล่นพวก เพราะเขาไม่ได้อยู่ในราชสำนัก ไม่รู้วาระการดำรงตำแหน่งในหน้าที่ของพี่สอง เป็นการเสนอชื่อด้วยความสัมพันธ์ส่วนตัวอย่างแท้จริง ”

อ๋องซุนยังคงลังเลอยู่บ้าง “ข้าไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีที่สุด……”

พระชายาซุนขุ่นเคืองเล็กน้อย “ทำไมท่านจึงไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีที่สุด ท่านทำงานที่วัดหงหรูมาเป็นเวลาไม่น้อยแล้ว ไม่เคยมีโอกาสที่ดีมาก่อนเลย ตอนนี้โอกาสได้มาถึงหน้าท่านแล้ว ท่านต้องรักษาเอาไว้ให้ดีที่สุด”

อ๋องอันก็พูดให้กำลังใจขึ้นมาว่า “ใช่แล้ว พี่รอง ท่านอย่าดูถูกตัวเองมากเกินไปเลย การไปร่วมพิธีฉลองครั้งนี้ จะได้พบกันตัวแทนของอีกหกประเทศ เชื่อว่าล้วนเป็นเชื้อพระวงศ์หรือไม่ก็ขุนนางใหญ่เป็นแน่ คงมีเรื่องให้เจรจาพูดคุยไม่น้อย ถ้าหากสามารถเจรจากับประเทศใดประเทศหนึ่งจนเป็นผลให้เกิดการค้าระหว่างกันได้ นับว่าเป็นการสร้างคุณงามความดีครั้งใหญ่ พี่รองพวกเราที่ทำงานในวัดหงหรูมีโอกาสสร้างผลงานไม่มาก เหมือนที่พี่สะใภ้รองพูด นี่เป็นโอกาสที่ดีที่สุดแล้ว”

อ๋องซุนถูกเขากระตุ้นเช่นนี้ บวกกับฤทธิ์ของเหล้า เขารู้สึกว่าตัวเองเดิมก็มีความสามารถที่จะทำได้สำเร็จ ตบโต๊ะทีหนึ่ง“ได้ พรุ่งนี้ตอนเข้าประชุมราชสำนัก ข้าจะเสนอตัวข้าเอง ”

อ๋องอันรีบเทเหล้าทันที พูดอย่างดีใจว่า “ดี พี่รอง น้องชายขออวยพรให้ท่านทำสำเร็จ”

อ๋องซุนยกแก้วขึ้นชนกับเขา แหงนหน้าขึ้นดื่มจนหมด จากนั้นก็มองอ๋องอันและพูดว่า “เจ้าไม่เหมือนกับเมื่อก่อนแล้วจริงๆ วางใจได้ รอให้ข้ากลับมาจากประเทศซู่แล้ว จะทำให้เจ้ากับน้องห้าคืนดีกันให้ได้ พี่รองจะออกหน้าเป็นคนกลาง พวกเจ้าสองคนร่วมแรงร่วมใจกันช่วยเหลือเสด็จพ่อ”

“ดี”อ๋องอันซาบซึ้งใจเป็นอย่างยิ่ง “พี่รอง น้องขอคารวะท่านอีกแก้ว”

พระชายาซุนก็ดีใจจนกุมมือของพระชายาอันไว้แน่น พูดอย่างจริงใจว่า “ลำบากเจ้าสี่แล้วที่ต้องยอมถอยในครั้งนี้ ตอนนี้มาคิดดูดีๆ ต้องเป็นอะหลูที่คอยยุยงส่งเสริมในทางที่ไม่ดี จึงได้ทำให้เขาทำในสิ่งเลวร้ายที่ผ่านมาเหล่านั้น อะหลูตายแล้ว พวกเขาพี่น้องต่างก็ดีขึ้นมาก”

พระชายาอันก็ดีใจ นางหวังมาตลอดว่าพี่น้องในราชวงศ์จะสามารถรักใครสามัคคีกัน ตอนนี้เป็นเช่นนี้แม้ว่าจะเสียเปรียบเล็กน้อย แต่เสียเปรียบแล้วมีความสุข ภายหน้าโอกาสในการสร้างผลงานยังมีอีกมาก อีกอย่าง การสร้างผลงานไหนเลยจะสำคัญไปกว่าความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้อง

หยู่เหวินเห้าได้มีคำสั่งให้จับตาดูจวนอ๋องอันอยู่ตลอด คืนนี้จัดงานเลี้ยงเพื่อเชิญอ๋องซุน สายลับได้รายงานกลับมาที่ทังหยาง ทังหยางรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ธรรมดา จึงได้บอกกล่าวให้หยู่เหวินเห้ารับรู้

หยู่เหวินเห้าได้ยิน ก็ให้สวีอีไปที่จวนอ๋องซุน ถามว่าในงานเลี้ยงที่จัดขึ้นได้พูดคุยเรื่องอะไรกันบ้าง

อ๋องซุนเมาเป็นอย่างมากและนอนหลับไปแล้ว พระชายาอันต้อนรับสวีอี นางไม่ได้พูดความจริงกับสวีอี ได้แต่บอกว่าอ๋องอันจัดงานเลี้ยงเพื่อขออภัยเท่านั้น

สวีอีกลับมารายงานตามความจริงที่ไปถามมา หยู่เหวินเห้ารู้สึกว่าพี่สี่เลือกเวลาจัดงานเลี้ยงเพื่อขออภัยได้น่าแปลกใจมาก พรุ่งนี้คงต้องแอบออกไปด้วยตัวเองสักครั้ง ถามพี่รองให้ชัดเจนจึงจะได้

ในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้ จะให้เกิดข้อผิดพลาดขึ้นมาไม่ได้

วันรุ่งขึ้นตอนที่เข้าประชุมราชสำนัก อ๋องอันตื่นนอนตั้งแต่เช้า ยืนดักรออ๋องฉีอยู่ที่หน้าประตูวัง คุยกับอ๋องฉีเรื่องที่ได้ปรึกษาหารือกับอ๋องซุนเมื่อคืน

อ๋องฉีคิดไม่ถึงว่าอ๋องอันจะใจกว้างเช่นนี้ เปลี่ยนมุมมองที่มีต่ออ๋องอันก่อนหน้านี้ เห็นด้วยที่จะร่วมมือกับเขาเพื่อเสนออ๋องซุนให้เป็นราชทูตไปทำหน้าที่ยังประเทศซู่

อ๋องอันตบที่ไหล่ของเขาอย่างดีใจ พูดซาบซึ้งใจว่า “ถ้าหากพี่รองสามารถสร้างผลงานกลับมาได้ ก็จะทำให้เสด็จพ่อโล่งอกสบายใจ”

อ๋องฉีรับราชการอยู่ในกรมการพระนครมานานแล้ว ได้ยินคำพูดนี้ก็รู้สึกไม่ค่อยชอบมาพากลสักเท่าไหร่ หลังจากอ๋องอันเดินจากไปไกลแล้ว เขาก็หันศีรษะกลับไปสั่งให้คนขับรถม้าขับไปยังจวนอ๋องฉู่ เล่าเรื่องนี้ให้หยู่เหวินเห้าฟัง

หยู่เหวินเห้าได้ยิน ก็ร้อนใจขึ้นมา “เมื่อคืนพี่สะใภ้รองจงใจปิดบังเรื่องนี้ ประเทศซู่จะไปได้อย่างไร”

ทังหยางพูดว่า “พระองค์ ข้าน้อยจะไปหาโสวฝู่ฉู่เดี๋ยวนี้ หวังว่าจะสามารถขวางเขาเอาไว้ได้ก่อนเข้าวัง ให้เขายับยั้งเรื่องนี้อย่างสุดกำลัง”

หยู่เหวินเห้ามองสีท้องฟ้า “เกรงว่าจะไม่ทันการณ์แล้ว เวลานี้ได้เข้าไปในราชสำนักแล้ว”

เขานิ่งคิดอยู่ชั่วครู่ “ไม่ได้ ข้าจะต้องเข้าวัง เด็กๆ เตรียมชุดราชสำนัก”

“พระองค์ ท่านเข้าไปไม่ได้ ”ทังหยางขวางเอาไว้ “ไม่มีพระบัญชาของฮ่องเต้ ท่านไม่สามารถเข้าวังได้”

“ไม่มีเวลามาสนใจมากขนาดนั้น ไปแล้วค่อยว่ากัน”หยู่เหวินเห้ารีบกลับเข้าห้องไปเปลี่ยนชุด หลังจากแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว ก็ควบม้าออกไปพร้อมกับทังหยาง

จนเดินทางประถึงนอกประตูวังหลวง ก็ถูกขัดขวางเอาไว้จริงๆ นายพลอูสือที่เฝ้าประตูได้พูดอย่างเคร่งขรึมจริงจังว่า “พระองค์ ฮ่องเต้มีรับสั่ง ระหว่างที่พระองค์ถูกกักบริเวณ ไม่มีพระบัญชาห้ามเข้าวังเด็ดขาด เชิญกลับพ่ะย่ะค่ะ”

“แม่ทัพอู ข้ามีเรื่องสำคัญ รบกวนให้ผ่านเข้าไปด้วย”หยู่เหวินเห้าพูด

“ไม่ได้ จะขัดพระบัญชาฮ่องเต้ไม่ได้ เชิญพระองค์กลับไปเถอะ อย่าให้กระหม่อมต้องลำบากใจเลย กระหม่อมจะทำเป็นว่าไม่เคยเห็นพระองค์มาก่อน ไม่รับรู้ว่าพระองค์ละเมิดคำสั่งกักบริเวณ”ท่าทีของอูสือแข็งกระด้าง

หยู่เหวินเห้ารู้ว่าอูสือคนนี้ก็คือก้อนหินสีดำที่แข็งกระด้างก้อนหนึ่ง จะทำในสิ่งที่ได้รับคำสั่งมาเท่านั้น ไม่ไว้หน้าใครทั้งสิ้น ถ้าหากบุกเข้าไปจริงๆ ก็จะเป็นการกระตุ้นให้ฝ่าบาทต้องโมโหและยังเป็นการดึงดูดความสงสัยของเหล่าขุนนางอีกด้วย

ทังหยางถามว่า “แม่ทัพอู โสวฝู่เข้าไปในวังหรือยัง”

“ยัง”อูสือตอบคำถาม

หยู่เหวินเห้ากับทังหยางหันมาสบตากัน ต่างก็รู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง วันนี้โสวฝู่ฉู่ไม่เข้าประชุมราชสำนักหรือ

“พระองค์ ตามที่กระหม่อมรู้มา โสวฝู่เป็นไข้หวัด พักผ่อนอยู่ที่บ้าน ”อูสือพูดให้รับทราบ

หัวใจของหยู่เหวินเห้าเย็นวาบไปเกือบครึ่ง ถ้าหากโสวฝู่อยู่ในราชสำนัก บางทีอาจจะสามารถหยุดยั้งเรื่องนี้ได้ แต่โสวฝู่ไม่ได้เข้าประชุมราชสำนัก เกรงว่าเรื่องนี้จะสำเร็จไปกว่าครึ่ง

การวางแผนครั้งนี้ของพี่สี่ เป็นการวางแผนไว้ล่วงหน้าแล้ว เขาจงใจที่จะปรึกษาหารือเรื่องนี้ก่อนการประชุมเช้าแค่คืนเดียว เพื่อจะหลีกเลี่ยงเขา

คิดว่าคนของเขาวันนี้ก็คงจะเสนอชื่อพี่รองอย่างสุดกำลังแน่ วันนี้จำเป็นต้องกำหนดตัวแทนราชทูต ถ้าหากพี่รองเสนอตัวเอง แล้วยังมีน้องเจ็ดกับเหล่าขุนนางคนอื่นๆ เสด็จพ่อก็ไม่สามารถยืนกรานในความคิดของตัวเองได้

เกรงว่าตอนนี้ได้ทำการกำหนดลงมาแล้ว

หยู่เหวินเห้ารู้ว่าไร้หนทางจะช่วยได้แล้ว จึงพูดกับทังหยางว่า “กลับจวนเถอะ”

หลังจากที่ทั้งสองกลับจวนไปไม่ถึงเวลาหนึ่งชั่วยาม อ๋องฉีก็ออกจากวังมาถึงจวน บอกกล่าวให้หยู่เหวินเห้าได้รับรู้ว่าได้กำหนดตัวผู้ที่จะไปเป็นราชทูตแล้ว นั่นก็คืออ๋องซุน

อ๋องซุนประหลาดใจมาก แม้ว่าในราชสำนักจะมีคนเสนอตัวเขาก็ตาม แต่ค่อนข้างน้อย เขาไม่ใช่ไม่อยากไป เป็นถึงเซ่าชิงของวัดหงหรู เขาอยากจะไปมาก รู้สึกว่านี้เป็นโอกาสที่ดี เพราะหลังจากที่เขารับตำแหน่งแล้ว ก็ไม่เคยทำได้ทำผลงานอะไรเลย ไร้ความดีความชอบไร้ความผิด ราวกับใช้ชีวิตเพื่อกินไปวันๆแล้วนั่งรอความตาย

แม้ว่าก่อนหน้านี้การใช้ชีวิตเพื่อกินไปวันๆแล้วนั่งรอความตายจะเป็นสิ่งที่ชีวิตเขาปรารถนา แต่หลังจากที่ได้ทำงานอย่างจริงจัง ก็รู้สึกว่าตัวเองไม่จำเป็นต้องไร้ชีวิตชีวาถึงเพียงนี้ เขาก็มีความสามารถที่จะทำงานได้เหมือนกัน

ครั้งนี้มีคนเสนอชื่อให้เขาไป เขาแอบดีใจอยู่ลึกๆ เพราะที่จริงนี่ก็เป็นการมั่นใจในตัวเขาอย่างหนึ่ง

เพียงแต่เขาเองก็ไม่ได้หวังสูง เพราะแม้ว่าจะส่งน้องเจ็ดหรืออ๋องชินลุ่ยไป ก็คงไม่ถึงตาเขา

“พี่รอง ถ้าหากท่านอยากไป ข้ากับน้องเจ็ดจะร่วมมือกันเสนอท่าน”อ๋องอันเห็นเขาหวั่นไหว ก็พูดต่อ

“น้องเจ็ด น้องเจ็ดเองก็คงอยากจะไปกระมัง”อ๋องซุนลังเลอยู่ชั่วครู่ และพูดขึ้น

อ๋องอันพูดยิ้มๆว่า “น้องเจ็ดแม้อยากจะไปก็ไปไม่ได้ ตอนนี้กรมการพระนครจะขาดเขาไม่ได้ น้องห้ายังไม่ได้คืนสู่ตำแหน่ง ทางกรมข้าราชการพลเรือนก็ไม่ได้มีการโยกย้ายปรับเปลี่ยนใหม่ เขาจะไปได้อย่างไร ข้ารู้ว่าน้องเจ็ดเคารพพี่รองเสมอมา ถ้าหากมีการเสนอพี่รอง เขาต้องตอบตกลงแน่ ”

พระชายาซุนดีใจมาก พูดว่า “ยังสามารถเรียกให้น้องหกร่วมกันเสนอชื่อได้นี่นา มีคนเสนอชื่อเพิ่มขึ้นหนึ่งความหวังก็เพิ่มมากขึ้นหนึ่งส่วน”

แววตาของอ๋องอันไหววูบ “ไม่ ทางด้านน้องหกไม่ต้องไปหาเขา แต่ไหนแต่ไรเขาไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องในราชสำนัก ถ้าเข้ามายุ่งตอนนี้ เกรงว่าจะทำให้คนอื่นรู้สึกว่าเป็นการเสนอด้วยการเล่นพรรคเล่นพวก เพราะเขาไม่ได้อยู่ในราชสำนัก ไม่รู้วาระการดำรงตำแหน่งในหน้าที่ของพี่สอง เป็นการเสนอชื่อด้วยความสัมพันธ์ส่วนตัวอย่างแท้จริง ”

อ๋องซุนยังคงลังเลอยู่บ้าง “ข้าไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีที่สุด……”

พระชายาซุนขุ่นเคืองเล็กน้อย “ทำไมท่านจึงไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีที่สุด ท่านทำงานที่วัดหงหรูมาเป็นเวลาไม่น้อยแล้ว ไม่เคยมีโอกาสที่ดีมาก่อนเลย ตอนนี้โอกาสได้มาถึงหน้าท่านแล้ว ท่านต้องรักษาเอาไว้ให้ดีที่สุด”

อ๋องอันก็พูดให้กำลังใจขึ้นมาว่า “ใช่แล้ว พี่รอง ท่านอย่าดูถูกตัวเองมากเกินไปเลย การไปร่วมพิธีฉลองครั้งนี้ จะได้พบกันตัวแทนของอีกหกประเทศ เชื่อว่าล้วนเป็นเชื้อพระวงศ์หรือไม่ก็ขุนนางใหญ่เป็นแน่ คงมีเรื่องให้เจรจาพูดคุยไม่น้อย ถ้าหากสามารถเจรจากับประเทศใดประเทศหนึ่งจนเป็นผลให้เกิดการค้าระหว่างกันได้ นับว่าเป็นการสร้างคุณงามความดีครั้งใหญ่ พี่รองพวกเราที่ทำงานในวัดหงหรูมีโอกาสสร้างผลงานไม่มาก เหมือนที่พี่สะใภ้รองพูด นี่เป็นโอกาสที่ดีที่สุดแล้ว”

อ๋องซุนถูกเขากระตุ้นเช่นนี้ บวกกับฤทธิ์ของเหล้า เขารู้สึกว่าตัวเองเดิมก็มีความสามารถที่จะทำได้สำเร็จ ตบโต๊ะทีหนึ่ง“ได้ พรุ่งนี้ตอนเข้าประชุมราชสำนัก ข้าจะเสนอตัวข้าเอง ”

อ๋องอันรีบเทเหล้าทันที พูดอย่างดีใจว่า “ดี พี่รอง น้องชายขออวยพรให้ท่านทำสำเร็จ”

อ๋องซุนยกแก้วขึ้นชนกับเขา แหงนหน้าขึ้นดื่มจนหมด จากนั้นก็มองอ๋องอันและพูดว่า “เจ้าไม่เหมือนกับเมื่อก่อนแล้วจริงๆ วางใจได้ รอให้ข้ากลับมาจากประเทศซู่แล้ว จะทำให้เจ้ากับน้องห้าคืนดีกันให้ได้ พี่รองจะออกหน้าเป็นคนกลาง พวกเจ้าสองคนร่วมแรงร่วมใจกันช่วยเหลือเสด็จพ่อ”

“ดี”อ๋องอันซาบซึ้งใจเป็นอย่างยิ่ง “พี่รอง น้องขอคารวะท่านอีกแก้ว”

พระชายาซุนก็ดีใจจนกุมมือของพระชายาอันไว้แน่น พูดอย่างจริงใจว่า “ลำบากเจ้าสี่แล้วที่ต้องยอมถอยในครั้งนี้ ตอนนี้มาคิดดูดีๆ ต้องเป็นอะหลูที่คอยยุยงส่งเสริมในทางที่ไม่ดี จึงได้ทำให้เขาทำในสิ่งเลวร้ายที่ผ่านมาเหล่านั้น อะหลูตายแล้ว พวกเขาพี่น้องต่างก็ดีขึ้นมาก”

พระชายาอันก็ดีใจ นางหวังมาตลอดว่าพี่น้องในราชวงศ์จะสามารถรักใครสามัคคีกัน ตอนนี้เป็นเช่นนี้แม้ว่าจะเสียเปรียบเล็กน้อย แต่เสียเปรียบแล้วมีความสุข ภายหน้าโอกาสในการสร้างผลงานยังมีอีกมาก อีกอย่าง การสร้างผลงานไหนเลยจะสำคัญไปกว่าความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้อง

หยู่เหวินเห้าได้มีคำสั่งให้จับตาดูจวนอ๋องอันอยู่ตลอด คืนนี้จัดงานเลี้ยงเพื่อเชิญอ๋องซุน สายลับได้รายงานกลับมาที่ทังหยาง ทังหยางรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ธรรมดา จึงได้บอกกล่าวให้หยู่เหวินเห้ารับรู้

หยู่เหวินเห้าได้ยิน ก็ให้สวีอีไปที่จวนอ๋องซุน ถามว่าในงานเลี้ยงที่จัดขึ้นได้พูดคุยเรื่องอะไรกันบ้าง

อ๋องซุนเมาเป็นอย่างมากและนอนหลับไปแล้ว พระชายาอันต้อนรับสวีอี นางไม่ได้พูดความจริงกับสวีอี ได้แต่บอกว่าอ๋องอันจัดงานเลี้ยงเพื่อขออภัยเท่านั้น

สวีอีกลับมารายงานตามความจริงที่ไปถามมา หยู่เหวินเห้ารู้สึกว่าพี่สี่เลือกเวลาจัดงานเลี้ยงเพื่อขออภัยได้น่าแปลกใจมาก พรุ่งนี้คงต้องแอบออกไปด้วยตัวเองสักครั้ง ถามพี่รองให้ชัดเจนจึงจะได้

ในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้ จะให้เกิดข้อผิดพลาดขึ้นมาไม่ได้

วันรุ่งขึ้นตอนที่เข้าประชุมราชสำนัก อ๋องอันตื่นนอนตั้งแต่เช้า ยืนดักรออ๋องฉีอยู่ที่หน้าประตูวัง คุยกับอ๋องฉีเรื่องที่ได้ปรึกษาหารือกับอ๋องซุนเมื่อคืน

อ๋องฉีคิดไม่ถึงว่าอ๋องอันจะใจกว้างเช่นนี้ เปลี่ยนมุมมองที่มีต่ออ๋องอันก่อนหน้านี้ เห็นด้วยที่จะร่วมมือกับเขาเพื่อเสนออ๋องซุนให้เป็นราชทูตไปทำหน้าที่ยังประเทศซู่

อ๋องอันตบที่ไหล่ของเขาอย่างดีใจ พูดซาบซึ้งใจว่า “ถ้าหากพี่รองสามารถสร้างผลงานกลับมาได้ ก็จะทำให้เสด็จพ่อโล่งอกสบายใจ”

อ๋องฉีรับราชการอยู่ในกรมการพระนครมานานแล้ว ได้ยินคำพูดนี้ก็รู้สึกไม่ค่อยชอบมาพากลสักเท่าไหร่ หลังจากอ๋องอันเดินจากไปไกลแล้ว เขาก็หันศีรษะกลับไปสั่งให้คนขับรถม้าขับไปยังจวนอ๋องฉู่ เล่าเรื่องนี้ให้หยู่เหวินเห้าฟัง

หยู่เหวินเห้าได้ยิน ก็ร้อนใจขึ้นมา “เมื่อคืนพี่สะใภ้รองจงใจปิดบังเรื่องนี้ ประเทศซู่จะไปได้อย่างไร”

ทังหยางพูดว่า “พระองค์ ข้าน้อยจะไปหาโสวฝู่ฉู่เดี๋ยวนี้ หวังว่าจะสามารถขวางเขาเอาไว้ได้ก่อนเข้าวัง ให้เขายับยั้งเรื่องนี้อย่างสุดกำลัง”

หยู่เหวินเห้ามองสีท้องฟ้า “เกรงว่าจะไม่ทันการณ์แล้ว เวลานี้ได้เข้าไปในราชสำนักแล้ว”

เขานิ่งคิดอยู่ชั่วครู่ “ไม่ได้ ข้าจะต้องเข้าวัง เด็กๆ เตรียมชุดราชสำนัก”

“พระองค์ ท่านเข้าไปไม่ได้ ”ทังหยางขวางเอาไว้ “ไม่มีพระบัญชาของฮ่องเต้ ท่านไม่สามารถเข้าวังได้”

“ไม่มีเวลามาสนใจมากขนาดนั้น ไปแล้วค่อยว่ากัน”หยู่เหวินเห้ารีบกลับเข้าห้องไปเปลี่ยนชุด หลังจากแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว ก็ควบม้าออกไปพร้อมกับทังหยาง

จนเดินทางประถึงนอกประตูวังหลวง ก็ถูกขัดขวางเอาไว้จริงๆ นายพลอูสือที่เฝ้าประตูได้พูดอย่างเคร่งขรึมจริงจังว่า “พระองค์ ฮ่องเต้มีรับสั่ง ระหว่างที่พระองค์ถูกกักบริเวณ ไม่มีพระบัญชาห้ามเข้าวังเด็ดขาด เชิญกลับพ่ะย่ะค่ะ”

“แม่ทัพอู ข้ามีเรื่องสำคัญ รบกวนให้ผ่านเข้าไปด้วย”หยู่เหวินเห้าพูด

“ไม่ได้ จะขัดพระบัญชาฮ่องเต้ไม่ได้ เชิญพระองค์กลับไปเถอะ อย่าให้กระหม่อมต้องลำบากใจเลย กระหม่อมจะทำเป็นว่าไม่เคยเห็นพระองค์มาก่อน ไม่รับรู้ว่าพระองค์ละเมิดคำสั่งกักบริเวณ”ท่าทีของอูสือแข็งกระด้าง

หยู่เหวินเห้ารู้ว่าอูสือคนนี้ก็คือก้อนหินสีดำที่แข็งกระด้างก้อนหนึ่ง จะทำในสิ่งที่ได้รับคำสั่งมาเท่านั้น ไม่ไว้หน้าใครทั้งสิ้น ถ้าหากบุกเข้าไปจริงๆ ก็จะเป็นการกระตุ้นให้ฝ่าบาทต้องโมโหและยังเป็นการดึงดูดความสงสัยของเหล่าขุนนางอีกด้วย

ทังหยางถามว่า “แม่ทัพอู โสวฝู่เข้าไปในวังหรือยัง”

“ยัง”อูสือตอบคำถาม

หยู่เหวินเห้ากับทังหยางหันมาสบตากัน ต่างก็รู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง วันนี้โสวฝู่ฉู่ไม่เข้าประชุมราชสำนักหรือ

“พระองค์ ตามที่กระหม่อมรู้มา โสวฝู่เป็นไข้หวัด พักผ่อนอยู่ที่บ้าน ”อูสือพูดให้รับทราบ

หัวใจของหยู่เหวินเห้าเย็นวาบไปเกือบครึ่ง ถ้าหากโสวฝู่อยู่ในราชสำนัก บางทีอาจจะสามารถหยุดยั้งเรื่องนี้ได้ แต่โสวฝู่ไม่ได้เข้าประชุมราชสำนัก เกรงว่าเรื่องนี้จะสำเร็จไปกว่าครึ่ง

การวางแผนครั้งนี้ของพี่สี่ เป็นการวางแผนไว้ล่วงหน้าแล้ว เขาจงใจที่จะปรึกษาหารือเรื่องนี้ก่อนการประชุมเช้าแค่คืนเดียว เพื่อจะหลีกเลี่ยงเขา

คิดว่าคนของเขาวันนี้ก็คงจะเสนอชื่อพี่รองอย่างสุดกำลังแน่ วันนี้จำเป็นต้องกำหนดตัวแทนราชทูต ถ้าหากพี่รองเสนอตัวเอง แล้วยังมีน้องเจ็ดกับเหล่าขุนนางคนอื่นๆ เสด็จพ่อก็ไม่สามารถยืนกรานในความคิดของตัวเองได้

เกรงว่าตอนนี้ได้ทำการกำหนดลงมาแล้ว

หยู่เหวินเห้ารู้ว่าไร้หนทางจะช่วยได้แล้ว จึงพูดกับทังหยางว่า “กลับจวนเถอะ”

หลังจากที่ทั้งสองกลับจวนไปไม่ถึงเวลาหนึ่งชั่วยาม อ๋องฉีก็ออกจากวังมาถึงจวน บอกกล่าวให้หยู่เหวินเห้าได้รับรู้ว่าได้กำหนดตัวผู้ที่จะไปเป็นราชทูตแล้ว นั่นก็คืออ๋องซุน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

บัลลังก์หมอยาเซียน 859 อ๋องซุนเป็นราชทูต

Now you are reading บัลลังก์หมอยาเซียน Chapter 859 อ๋องซุนเป็นราชทูต at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

อ๋องซุนประหลาดใจมาก แม้ว่าในราชสำนักจะมีคนเสนอตัวเขาก็ตาม แต่ค่อนข้างน้อย เขาไม่ใช่ไม่อยากไป เป็นถึงเซ่าชิงของวัดหงหรู เขาอยากจะไปมาก รู้สึกว่านี้เป็นโอกาสที่ดี เพราะหลังจากที่เขารับตำแหน่งแล้ว ก็ไม่เคยทำได้ทำผลงานอะไรเลย ไร้ความดีความชอบไร้ความผิด ราวกับใช้ชีวิตเพื่อกินไปวันๆแล้วนั่งรอความตาย

แม้ว่าก่อนหน้านี้การใช้ชีวิตเพื่อกินไปวันๆแล้วนั่งรอความตายจะเป็นสิ่งที่ชีวิตเขาปรารถนา แต่หลังจากที่ได้ทำงานอย่างจริงจัง ก็รู้สึกว่าตัวเองไม่จำเป็นต้องไร้ชีวิตชีวาถึงเพียงนี้ เขาก็มีความสามารถที่จะทำงานได้เหมือนกัน

ครั้งนี้มีคนเสนอชื่อให้เขาไป เขาแอบดีใจอยู่ลึกๆ เพราะที่จริงนี่ก็เป็นการมั่นใจในตัวเขาอย่างหนึ่ง

เพียงแต่เขาเองก็ไม่ได้หวังสูง เพราะแม้ว่าจะส่งน้องเจ็ดหรืออ๋องชินลุ่ยไป ก็คงไม่ถึงตาเขา

“พี่รอง ถ้าหากท่านอยากไป ข้ากับน้องเจ็ดจะร่วมมือกันเสนอท่าน”อ๋องอันเห็นเขาหวั่นไหว ก็พูดต่อ

“น้องเจ็ด น้องเจ็ดเองก็คงอยากจะไปกระมัง”อ๋องซุนลังเลอยู่ชั่วครู่ และพูดขึ้น

อ๋องอันพูดยิ้มๆว่า “น้องเจ็ดแม้อยากจะไปก็ไปไม่ได้ ตอนนี้กรมการพระนครจะขาดเขาไม่ได้ น้องห้ายังไม่ได้คืนสู่ตำแหน่ง ทางกรมข้าราชการพลเรือนก็ไม่ได้มีการโยกย้ายปรับเปลี่ยนใหม่ เขาจะไปได้อย่างไร ข้ารู้ว่าน้องเจ็ดเคารพพี่รองเสมอมา ถ้าหากมีการเสนอพี่รอง เขาต้องตอบตกลงแน่ ”

พระชายาซุนดีใจมาก พูดว่า “ยังสามารถเรียกให้น้องหกร่วมกันเสนอชื่อได้นี่นา มีคนเสนอชื่อเพิ่มขึ้นหนึ่งความหวังก็เพิ่มมากขึ้นหนึ่งส่วน”

แววตาของอ๋องอันไหววูบ “ไม่ ทางด้านน้องหกไม่ต้องไปหาเขา แต่ไหนแต่ไรเขาไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องในราชสำนัก ถ้าเข้ามายุ่งตอนนี้ เกรงว่าจะทำให้คนอื่นรู้สึกว่าเป็นการเสนอด้วยการเล่นพรรคเล่นพวก เพราะเขาไม่ได้อยู่ในราชสำนัก ไม่รู้วาระการดำรงตำแหน่งในหน้าที่ของพี่สอง เป็นการเสนอชื่อด้วยความสัมพันธ์ส่วนตัวอย่างแท้จริง ”

อ๋องซุนยังคงลังเลอยู่บ้าง “ข้าไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีที่สุด……”

พระชายาซุนขุ่นเคืองเล็กน้อย “ทำไมท่านจึงไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีที่สุด ท่านทำงานที่วัดหงหรูมาเป็นเวลาไม่น้อยแล้ว ไม่เคยมีโอกาสที่ดีมาก่อนเลย ตอนนี้โอกาสได้มาถึงหน้าท่านแล้ว ท่านต้องรักษาเอาไว้ให้ดีที่สุด”

อ๋องอันก็พูดให้กำลังใจขึ้นมาว่า “ใช่แล้ว พี่รอง ท่านอย่าดูถูกตัวเองมากเกินไปเลย การไปร่วมพิธีฉลองครั้งนี้ จะได้พบกันตัวแทนของอีกหกประเทศ เชื่อว่าล้วนเป็นเชื้อพระวงศ์หรือไม่ก็ขุนนางใหญ่เป็นแน่ คงมีเรื่องให้เจรจาพูดคุยไม่น้อย ถ้าหากสามารถเจรจากับประเทศใดประเทศหนึ่งจนเป็นผลให้เกิดการค้าระหว่างกันได้ นับว่าเป็นการสร้างคุณงามความดีครั้งใหญ่ พี่รองพวกเราที่ทำงานในวัดหงหรูมีโอกาสสร้างผลงานไม่มาก เหมือนที่พี่สะใภ้รองพูด นี่เป็นโอกาสที่ดีที่สุดแล้ว”

อ๋องซุนถูกเขากระตุ้นเช่นนี้ บวกกับฤทธิ์ของเหล้า เขารู้สึกว่าตัวเองเดิมก็มีความสามารถที่จะทำได้สำเร็จ ตบโต๊ะทีหนึ่ง“ได้ พรุ่งนี้ตอนเข้าประชุมราชสำนัก ข้าจะเสนอตัวข้าเอง ”

อ๋องอันรีบเทเหล้าทันที พูดอย่างดีใจว่า “ดี พี่รอง น้องชายขออวยพรให้ท่านทำสำเร็จ”

อ๋องซุนยกแก้วขึ้นชนกับเขา แหงนหน้าขึ้นดื่มจนหมด จากนั้นก็มองอ๋องอันและพูดว่า “เจ้าไม่เหมือนกับเมื่อก่อนแล้วจริงๆ วางใจได้ รอให้ข้ากลับมาจากประเทศซู่แล้ว จะทำให้เจ้ากับน้องห้าคืนดีกันให้ได้ พี่รองจะออกหน้าเป็นคนกลาง พวกเจ้าสองคนร่วมแรงร่วมใจกันช่วยเหลือเสด็จพ่อ”

“ดี”อ๋องอันซาบซึ้งใจเป็นอย่างยิ่ง “พี่รอง น้องขอคารวะท่านอีกแก้ว”

พระชายาซุนก็ดีใจจนกุมมือของพระชายาอันไว้แน่น พูดอย่างจริงใจว่า “ลำบากเจ้าสี่แล้วที่ต้องยอมถอยในครั้งนี้ ตอนนี้มาคิดดูดีๆ ต้องเป็นอะหลูที่คอยยุยงส่งเสริมในทางที่ไม่ดี จึงได้ทำให้เขาทำในสิ่งเลวร้ายที่ผ่านมาเหล่านั้น อะหลูตายแล้ว พวกเขาพี่น้องต่างก็ดีขึ้นมาก”

พระชายาอันก็ดีใจ นางหวังมาตลอดว่าพี่น้องในราชวงศ์จะสามารถรักใครสามัคคีกัน ตอนนี้เป็นเช่นนี้แม้ว่าจะเสียเปรียบเล็กน้อย แต่เสียเปรียบแล้วมีความสุข ภายหน้าโอกาสในการสร้างผลงานยังมีอีกมาก อีกอย่าง การสร้างผลงานไหนเลยจะสำคัญไปกว่าความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้อง

หยู่เหวินเห้าได้มีคำสั่งให้จับตาดูจวนอ๋องอันอยู่ตลอด คืนนี้จัดงานเลี้ยงเพื่อเชิญอ๋องซุน สายลับได้รายงานกลับมาที่ทังหยาง ทังหยางรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ธรรมดา จึงได้บอกกล่าวให้หยู่เหวินเห้ารับรู้

หยู่เหวินเห้าได้ยิน ก็ให้สวีอีไปที่จวนอ๋องซุน ถามว่าในงานเลี้ยงที่จัดขึ้นได้พูดคุยเรื่องอะไรกันบ้าง

อ๋องซุนเมาเป็นอย่างมากและนอนหลับไปแล้ว พระชายาอันต้อนรับสวีอี นางไม่ได้พูดความจริงกับสวีอี ได้แต่บอกว่าอ๋องอันจัดงานเลี้ยงเพื่อขออภัยเท่านั้น

สวีอีกลับมารายงานตามความจริงที่ไปถามมา หยู่เหวินเห้ารู้สึกว่าพี่สี่เลือกเวลาจัดงานเลี้ยงเพื่อขออภัยได้น่าแปลกใจมาก พรุ่งนี้คงต้องแอบออกไปด้วยตัวเองสักครั้ง ถามพี่รองให้ชัดเจนจึงจะได้

ในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้ จะให้เกิดข้อผิดพลาดขึ้นมาไม่ได้

วันรุ่งขึ้นตอนที่เข้าประชุมราชสำนัก อ๋องอันตื่นนอนตั้งแต่เช้า ยืนดักรออ๋องฉีอยู่ที่หน้าประตูวัง คุยกับอ๋องฉีเรื่องที่ได้ปรึกษาหารือกับอ๋องซุนเมื่อคืน

อ๋องฉีคิดไม่ถึงว่าอ๋องอันจะใจกว้างเช่นนี้ เปลี่ยนมุมมองที่มีต่ออ๋องอันก่อนหน้านี้ เห็นด้วยที่จะร่วมมือกับเขาเพื่อเสนออ๋องซุนให้เป็นราชทูตไปทำหน้าที่ยังประเทศซู่

อ๋องอันตบที่ไหล่ของเขาอย่างดีใจ พูดซาบซึ้งใจว่า “ถ้าหากพี่รองสามารถสร้างผลงานกลับมาได้ ก็จะทำให้เสด็จพ่อโล่งอกสบายใจ”

อ๋องฉีรับราชการอยู่ในกรมการพระนครมานานแล้ว ได้ยินคำพูดนี้ก็รู้สึกไม่ค่อยชอบมาพากลสักเท่าไหร่ หลังจากอ๋องอันเดินจากไปไกลแล้ว เขาก็หันศีรษะกลับไปสั่งให้คนขับรถม้าขับไปยังจวนอ๋องฉู่ เล่าเรื่องนี้ให้หยู่เหวินเห้าฟัง

หยู่เหวินเห้าได้ยิน ก็ร้อนใจขึ้นมา “เมื่อคืนพี่สะใภ้รองจงใจปิดบังเรื่องนี้ ประเทศซู่จะไปได้อย่างไร”

ทังหยางพูดว่า “พระองค์ ข้าน้อยจะไปหาโสวฝู่ฉู่เดี๋ยวนี้ หวังว่าจะสามารถขวางเขาเอาไว้ได้ก่อนเข้าวัง ให้เขายับยั้งเรื่องนี้อย่างสุดกำลัง”

หยู่เหวินเห้ามองสีท้องฟ้า “เกรงว่าจะไม่ทันการณ์แล้ว เวลานี้ได้เข้าไปในราชสำนักแล้ว”

เขานิ่งคิดอยู่ชั่วครู่ “ไม่ได้ ข้าจะต้องเข้าวัง เด็กๆ เตรียมชุดราชสำนัก”

“พระองค์ ท่านเข้าไปไม่ได้ ”ทังหยางขวางเอาไว้ “ไม่มีพระบัญชาของฮ่องเต้ ท่านไม่สามารถเข้าวังได้”

“ไม่มีเวลามาสนใจมากขนาดนั้น ไปแล้วค่อยว่ากัน”หยู่เหวินเห้ารีบกลับเข้าห้องไปเปลี่ยนชุด หลังจากแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว ก็ควบม้าออกไปพร้อมกับทังหยาง

จนเดินทางประถึงนอกประตูวังหลวง ก็ถูกขัดขวางเอาไว้จริงๆ นายพลอูสือที่เฝ้าประตูได้พูดอย่างเคร่งขรึมจริงจังว่า “พระองค์ ฮ่องเต้มีรับสั่ง ระหว่างที่พระองค์ถูกกักบริเวณ ไม่มีพระบัญชาห้ามเข้าวังเด็ดขาด เชิญกลับพ่ะย่ะค่ะ”

“แม่ทัพอู ข้ามีเรื่องสำคัญ รบกวนให้ผ่านเข้าไปด้วย”หยู่เหวินเห้าพูด

“ไม่ได้ จะขัดพระบัญชาฮ่องเต้ไม่ได้ เชิญพระองค์กลับไปเถอะ อย่าให้กระหม่อมต้องลำบากใจเลย กระหม่อมจะทำเป็นว่าไม่เคยเห็นพระองค์มาก่อน ไม่รับรู้ว่าพระองค์ละเมิดคำสั่งกักบริเวณ”ท่าทีของอูสือแข็งกระด้าง

หยู่เหวินเห้ารู้ว่าอูสือคนนี้ก็คือก้อนหินสีดำที่แข็งกระด้างก้อนหนึ่ง จะทำในสิ่งที่ได้รับคำสั่งมาเท่านั้น ไม่ไว้หน้าใครทั้งสิ้น ถ้าหากบุกเข้าไปจริงๆ ก็จะเป็นการกระตุ้นให้ฝ่าบาทต้องโมโหและยังเป็นการดึงดูดความสงสัยของเหล่าขุนนางอีกด้วย

ทังหยางถามว่า “แม่ทัพอู โสวฝู่เข้าไปในวังหรือยัง”

“ยัง”อูสือตอบคำถาม

หยู่เหวินเห้ากับทังหยางหันมาสบตากัน ต่างก็รู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง วันนี้โสวฝู่ฉู่ไม่เข้าประชุมราชสำนักหรือ

“พระองค์ ตามที่กระหม่อมรู้มา โสวฝู่เป็นไข้หวัด พักผ่อนอยู่ที่บ้าน ”อูสือพูดให้รับทราบ

หัวใจของหยู่เหวินเห้าเย็นวาบไปเกือบครึ่ง ถ้าหากโสวฝู่อยู่ในราชสำนัก บางทีอาจจะสามารถหยุดยั้งเรื่องนี้ได้ แต่โสวฝู่ไม่ได้เข้าประชุมราชสำนัก เกรงว่าเรื่องนี้จะสำเร็จไปกว่าครึ่ง

การวางแผนครั้งนี้ของพี่สี่ เป็นการวางแผนไว้ล่วงหน้าแล้ว เขาจงใจที่จะปรึกษาหารือเรื่องนี้ก่อนการประชุมเช้าแค่คืนเดียว เพื่อจะหลีกเลี่ยงเขา

คิดว่าคนของเขาวันนี้ก็คงจะเสนอชื่อพี่รองอย่างสุดกำลังแน่ วันนี้จำเป็นต้องกำหนดตัวแทนราชทูต ถ้าหากพี่รองเสนอตัวเอง แล้วยังมีน้องเจ็ดกับเหล่าขุนนางคนอื่นๆ เสด็จพ่อก็ไม่สามารถยืนกรานในความคิดของตัวเองได้

เกรงว่าตอนนี้ได้ทำการกำหนดลงมาแล้ว

หยู่เหวินเห้ารู้ว่าไร้หนทางจะช่วยได้แล้ว จึงพูดกับทังหยางว่า “กลับจวนเถอะ”

หลังจากที่ทั้งสองกลับจวนไปไม่ถึงเวลาหนึ่งชั่วยาม อ๋องฉีก็ออกจากวังมาถึงจวน บอกกล่าวให้หยู่เหวินเห้าได้รับรู้ว่าได้กำหนดตัวผู้ที่จะไปเป็นราชทูตแล้ว นั่นก็คืออ๋องซุน

อ๋องซุนประหลาดใจมาก แม้ว่าในราชสำนักจะมีคนเสนอตัวเขาก็ตาม แต่ค่อนข้างน้อย เขาไม่ใช่ไม่อยากไป เป็นถึงเซ่าชิงของวัดหงหรู เขาอยากจะไปมาก รู้สึกว่านี้เป็นโอกาสที่ดี เพราะหลังจากที่เขารับตำแหน่งแล้ว ก็ไม่เคยทำได้ทำผลงานอะไรเลย ไร้ความดีความชอบไร้ความผิด ราวกับใช้ชีวิตเพื่อกินไปวันๆแล้วนั่งรอความตาย

แม้ว่าก่อนหน้านี้การใช้ชีวิตเพื่อกินไปวันๆแล้วนั่งรอความตายจะเป็นสิ่งที่ชีวิตเขาปรารถนา แต่หลังจากที่ได้ทำงานอย่างจริงจัง ก็รู้สึกว่าตัวเองไม่จำเป็นต้องไร้ชีวิตชีวาถึงเพียงนี้ เขาก็มีความสามารถที่จะทำงานได้เหมือนกัน

ครั้งนี้มีคนเสนอชื่อให้เขาไป เขาแอบดีใจอยู่ลึกๆ เพราะที่จริงนี่ก็เป็นการมั่นใจในตัวเขาอย่างหนึ่ง

เพียงแต่เขาเองก็ไม่ได้หวังสูง เพราะแม้ว่าจะส่งน้องเจ็ดหรืออ๋องชินลุ่ยไป ก็คงไม่ถึงตาเขา

“พี่รอง ถ้าหากท่านอยากไป ข้ากับน้องเจ็ดจะร่วมมือกันเสนอท่าน”อ๋องอันเห็นเขาหวั่นไหว ก็พูดต่อ

“น้องเจ็ด น้องเจ็ดเองก็คงอยากจะไปกระมัง”อ๋องซุนลังเลอยู่ชั่วครู่ และพูดขึ้น

อ๋องอันพูดยิ้มๆว่า “น้องเจ็ดแม้อยากจะไปก็ไปไม่ได้ ตอนนี้กรมการพระนครจะขาดเขาไม่ได้ น้องห้ายังไม่ได้คืนสู่ตำแหน่ง ทางกรมข้าราชการพลเรือนก็ไม่ได้มีการโยกย้ายปรับเปลี่ยนใหม่ เขาจะไปได้อย่างไร ข้ารู้ว่าน้องเจ็ดเคารพพี่รองเสมอมา ถ้าหากมีการเสนอพี่รอง เขาต้องตอบตกลงแน่ ”

พระชายาซุนดีใจมาก พูดว่า “ยังสามารถเรียกให้น้องหกร่วมกันเสนอชื่อได้นี่นา มีคนเสนอชื่อเพิ่มขึ้นหนึ่งความหวังก็เพิ่มมากขึ้นหนึ่งส่วน”

แววตาของอ๋องอันไหววูบ “ไม่ ทางด้านน้องหกไม่ต้องไปหาเขา แต่ไหนแต่ไรเขาไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องในราชสำนัก ถ้าเข้ามายุ่งตอนนี้ เกรงว่าจะทำให้คนอื่นรู้สึกว่าเป็นการเสนอด้วยการเล่นพรรคเล่นพวก เพราะเขาไม่ได้อยู่ในราชสำนัก ไม่รู้วาระการดำรงตำแหน่งในหน้าที่ของพี่สอง เป็นการเสนอชื่อด้วยความสัมพันธ์ส่วนตัวอย่างแท้จริง ”

อ๋องซุนยังคงลังเลอยู่บ้าง “ข้าไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีที่สุด……”

พระชายาซุนขุ่นเคืองเล็กน้อย “ทำไมท่านจึงไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีที่สุด ท่านทำงานที่วัดหงหรูมาเป็นเวลาไม่น้อยแล้ว ไม่เคยมีโอกาสที่ดีมาก่อนเลย ตอนนี้โอกาสได้มาถึงหน้าท่านแล้ว ท่านต้องรักษาเอาไว้ให้ดีที่สุด”

อ๋องอันก็พูดให้กำลังใจขึ้นมาว่า “ใช่แล้ว พี่รอง ท่านอย่าดูถูกตัวเองมากเกินไปเลย การไปร่วมพิธีฉลองครั้งนี้ จะได้พบกันตัวแทนของอีกหกประเทศ เชื่อว่าล้วนเป็นเชื้อพระวงศ์หรือไม่ก็ขุนนางใหญ่เป็นแน่ คงมีเรื่องให้เจรจาพูดคุยไม่น้อย ถ้าหากสามารถเจรจากับประเทศใดประเทศหนึ่งจนเป็นผลให้เกิดการค้าระหว่างกันได้ นับว่าเป็นการสร้างคุณงามความดีครั้งใหญ่ พี่รองพวกเราที่ทำงานในวัดหงหรูมีโอกาสสร้างผลงานไม่มาก เหมือนที่พี่สะใภ้รองพูด นี่เป็นโอกาสที่ดีที่สุดแล้ว”

อ๋องซุนถูกเขากระตุ้นเช่นนี้ บวกกับฤทธิ์ของเหล้า เขารู้สึกว่าตัวเองเดิมก็มีความสามารถที่จะทำได้สำเร็จ ตบโต๊ะทีหนึ่ง“ได้ พรุ่งนี้ตอนเข้าประชุมราชสำนัก ข้าจะเสนอตัวข้าเอง ”

อ๋องอันรีบเทเหล้าทันที พูดอย่างดีใจว่า “ดี พี่รอง น้องชายขออวยพรให้ท่านทำสำเร็จ”

อ๋องซุนยกแก้วขึ้นชนกับเขา แหงนหน้าขึ้นดื่มจนหมด จากนั้นก็มองอ๋องอันและพูดว่า “เจ้าไม่เหมือนกับเมื่อก่อนแล้วจริงๆ วางใจได้ รอให้ข้ากลับมาจากประเทศซู่แล้ว จะทำให้เจ้ากับน้องห้าคืนดีกันให้ได้ พี่รองจะออกหน้าเป็นคนกลาง พวกเจ้าสองคนร่วมแรงร่วมใจกันช่วยเหลือเสด็จพ่อ”

“ดี”อ๋องอันซาบซึ้งใจเป็นอย่างยิ่ง “พี่รอง น้องขอคารวะท่านอีกแก้ว”

พระชายาซุนก็ดีใจจนกุมมือของพระชายาอันไว้แน่น พูดอย่างจริงใจว่า “ลำบากเจ้าสี่แล้วที่ต้องยอมถอยในครั้งนี้ ตอนนี้มาคิดดูดีๆ ต้องเป็นอะหลูที่คอยยุยงส่งเสริมในทางที่ไม่ดี จึงได้ทำให้เขาทำในสิ่งเลวร้ายที่ผ่านมาเหล่านั้น อะหลูตายแล้ว พวกเขาพี่น้องต่างก็ดีขึ้นมาก”

พระชายาอันก็ดีใจ นางหวังมาตลอดว่าพี่น้องในราชวงศ์จะสามารถรักใครสามัคคีกัน ตอนนี้เป็นเช่นนี้แม้ว่าจะเสียเปรียบเล็กน้อย แต่เสียเปรียบแล้วมีความสุข ภายหน้าโอกาสในการสร้างผลงานยังมีอีกมาก อีกอย่าง การสร้างผลงานไหนเลยจะสำคัญไปกว่าความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้อง

หยู่เหวินเห้าได้มีคำสั่งให้จับตาดูจวนอ๋องอันอยู่ตลอด คืนนี้จัดงานเลี้ยงเพื่อเชิญอ๋องซุน สายลับได้รายงานกลับมาที่ทังหยาง ทังหยางรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ธรรมดา จึงได้บอกกล่าวให้หยู่เหวินเห้ารับรู้

หยู่เหวินเห้าได้ยิน ก็ให้สวีอีไปที่จวนอ๋องซุน ถามว่าในงานเลี้ยงที่จัดขึ้นได้พูดคุยเรื่องอะไรกันบ้าง

อ๋องซุนเมาเป็นอย่างมากและนอนหลับไปแล้ว พระชายาอันต้อนรับสวีอี นางไม่ได้พูดความจริงกับสวีอี ได้แต่บอกว่าอ๋องอันจัดงานเลี้ยงเพื่อขออภัยเท่านั้น

สวีอีกลับมารายงานตามความจริงที่ไปถามมา หยู่เหวินเห้ารู้สึกว่าพี่สี่เลือกเวลาจัดงานเลี้ยงเพื่อขออภัยได้น่าแปลกใจมาก พรุ่งนี้คงต้องแอบออกไปด้วยตัวเองสักครั้ง ถามพี่รองให้ชัดเจนจึงจะได้

ในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้ จะให้เกิดข้อผิดพลาดขึ้นมาไม่ได้

วันรุ่งขึ้นตอนที่เข้าประชุมราชสำนัก อ๋องอันตื่นนอนตั้งแต่เช้า ยืนดักรออ๋องฉีอยู่ที่หน้าประตูวัง คุยกับอ๋องฉีเรื่องที่ได้ปรึกษาหารือกับอ๋องซุนเมื่อคืน

อ๋องฉีคิดไม่ถึงว่าอ๋องอันจะใจกว้างเช่นนี้ เปลี่ยนมุมมองที่มีต่ออ๋องอันก่อนหน้านี้ เห็นด้วยที่จะร่วมมือกับเขาเพื่อเสนออ๋องซุนให้เป็นราชทูตไปทำหน้าที่ยังประเทศซู่

อ๋องอันตบที่ไหล่ของเขาอย่างดีใจ พูดซาบซึ้งใจว่า “ถ้าหากพี่รองสามารถสร้างผลงานกลับมาได้ ก็จะทำให้เสด็จพ่อโล่งอกสบายใจ”

อ๋องฉีรับราชการอยู่ในกรมการพระนครมานานแล้ว ได้ยินคำพูดนี้ก็รู้สึกไม่ค่อยชอบมาพากลสักเท่าไหร่ หลังจากอ๋องอันเดินจากไปไกลแล้ว เขาก็หันศีรษะกลับไปสั่งให้คนขับรถม้าขับไปยังจวนอ๋องฉู่ เล่าเรื่องนี้ให้หยู่เหวินเห้าฟัง

หยู่เหวินเห้าได้ยิน ก็ร้อนใจขึ้นมา “เมื่อคืนพี่สะใภ้รองจงใจปิดบังเรื่องนี้ ประเทศซู่จะไปได้อย่างไร”

ทังหยางพูดว่า “พระองค์ ข้าน้อยจะไปหาโสวฝู่ฉู่เดี๋ยวนี้ หวังว่าจะสามารถขวางเขาเอาไว้ได้ก่อนเข้าวัง ให้เขายับยั้งเรื่องนี้อย่างสุดกำลัง”

หยู่เหวินเห้ามองสีท้องฟ้า “เกรงว่าจะไม่ทันการณ์แล้ว เวลานี้ได้เข้าไปในราชสำนักแล้ว”

เขานิ่งคิดอยู่ชั่วครู่ “ไม่ได้ ข้าจะต้องเข้าวัง เด็กๆ เตรียมชุดราชสำนัก”

“พระองค์ ท่านเข้าไปไม่ได้ ”ทังหยางขวางเอาไว้ “ไม่มีพระบัญชาของฮ่องเต้ ท่านไม่สามารถเข้าวังได้”

“ไม่มีเวลามาสนใจมากขนาดนั้น ไปแล้วค่อยว่ากัน”หยู่เหวินเห้ารีบกลับเข้าห้องไปเปลี่ยนชุด หลังจากแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว ก็ควบม้าออกไปพร้อมกับทังหยาง

จนเดินทางประถึงนอกประตูวังหลวง ก็ถูกขัดขวางเอาไว้จริงๆ นายพลอูสือที่เฝ้าประตูได้พูดอย่างเคร่งขรึมจริงจังว่า “พระองค์ ฮ่องเต้มีรับสั่ง ระหว่างที่พระองค์ถูกกักบริเวณ ไม่มีพระบัญชาห้ามเข้าวังเด็ดขาด เชิญกลับพ่ะย่ะค่ะ”

“แม่ทัพอู ข้ามีเรื่องสำคัญ รบกวนให้ผ่านเข้าไปด้วย”หยู่เหวินเห้าพูด

“ไม่ได้ จะขัดพระบัญชาฮ่องเต้ไม่ได้ เชิญพระองค์กลับไปเถอะ อย่าให้กระหม่อมต้องลำบากใจเลย กระหม่อมจะทำเป็นว่าไม่เคยเห็นพระองค์มาก่อน ไม่รับรู้ว่าพระองค์ละเมิดคำสั่งกักบริเวณ”ท่าทีของอูสือแข็งกระด้าง

หยู่เหวินเห้ารู้ว่าอูสือคนนี้ก็คือก้อนหินสีดำที่แข็งกระด้างก้อนหนึ่ง จะทำในสิ่งที่ได้รับคำสั่งมาเท่านั้น ไม่ไว้หน้าใครทั้งสิ้น ถ้าหากบุกเข้าไปจริงๆ ก็จะเป็นการกระตุ้นให้ฝ่าบาทต้องโมโหและยังเป็นการดึงดูดความสงสัยของเหล่าขุนนางอีกด้วย

ทังหยางถามว่า “แม่ทัพอู โสวฝู่เข้าไปในวังหรือยัง”

“ยัง”อูสือตอบคำถาม

หยู่เหวินเห้ากับทังหยางหันมาสบตากัน ต่างก็รู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง วันนี้โสวฝู่ฉู่ไม่เข้าประชุมราชสำนักหรือ

“พระองค์ ตามที่กระหม่อมรู้มา โสวฝู่เป็นไข้หวัด พักผ่อนอยู่ที่บ้าน ”อูสือพูดให้รับทราบ

หัวใจของหยู่เหวินเห้าเย็นวาบไปเกือบครึ่ง ถ้าหากโสวฝู่อยู่ในราชสำนัก บางทีอาจจะสามารถหยุดยั้งเรื่องนี้ได้ แต่โสวฝู่ไม่ได้เข้าประชุมราชสำนัก เกรงว่าเรื่องนี้จะสำเร็จไปกว่าครึ่ง

การวางแผนครั้งนี้ของพี่สี่ เป็นการวางแผนไว้ล่วงหน้าแล้ว เขาจงใจที่จะปรึกษาหารือเรื่องนี้ก่อนการประชุมเช้าแค่คืนเดียว เพื่อจะหลีกเลี่ยงเขา

คิดว่าคนของเขาวันนี้ก็คงจะเสนอชื่อพี่รองอย่างสุดกำลังแน่ วันนี้จำเป็นต้องกำหนดตัวแทนราชทูต ถ้าหากพี่รองเสนอตัวเอง แล้วยังมีน้องเจ็ดกับเหล่าขุนนางคนอื่นๆ เสด็จพ่อก็ไม่สามารถยืนกรานในความคิดของตัวเองได้

เกรงว่าตอนนี้ได้ทำการกำหนดลงมาแล้ว

หยู่เหวินเห้ารู้ว่าไร้หนทางจะช่วยได้แล้ว จึงพูดกับทังหยางว่า “กลับจวนเถอะ”

หลังจากที่ทั้งสองกลับจวนไปไม่ถึงเวลาหนึ่งชั่วยาม อ๋องฉีก็ออกจากวังมาถึงจวน บอกกล่าวให้หยู่เหวินเห้าได้รับรู้ว่าได้กำหนดตัวผู้ที่จะไปเป็นราชทูตแล้ว นั่นก็คืออ๋องซุน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+